공유

บทที่ 17

last update 최신 업데이트: 2024-12-10 17:23:53

17 : ไม่รู้ตระกูลจี้มอบความช่วยเหลือมาหรือไม่

“ข้าถึงได้มาคุยกับท่านด้วยตัวเองนี่อย่างไร ข้ารับรองยาของข้าไม่มีทางเป็นอันตราย ต่อร่างกายของท่านอย่างแน่นอน” หลี่เมิ่งเหยามองเห็นความสิ้นหวังในท่าทางของเขา “ข้าขอดูดวงตาของท่านได้หรือไม่”

“มีอะไรให้น่าดูกัน”

“ข้าจะได้รู้ว่าอาการเป็นอย่างไร ยาที่ข้ามีอยู่หรือว่ากำลังจะปรุงขึ้น สามารถใช้ได้ไหม ว่าแต่พิษนั่นชื่อว่าอะไร” ตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าเขาโดนพิษร้ายมาอย่างแน่นอน “บอกมาเถอะนะ ข้าอยากช่วยท่านจริง ๆ” นางเขย่ามือของเขาเบา ๆ

อีกฝ่ายวางฝ่ามือของตนลงบนมือของนาง จับยกออกพร้อมเอ่ย “เป็นพิษฟู่จื่อทำให้ดวงตามองไม่เห็น ส่วนขานั้นเกิดจากข้าวิงเวียนตอนได้รับพิษ ทำให้ร่างกายไร้ความรู้สึก พลัดตกจากบันไดสูงลงไปจนขาหัก ท่านหมอเชื่อมกระดูกให้แล้ว แต่ว่าไม่สามารถเดินเหินได้ดังเดิม” เขาใจอ่อนยอมบอกให้ที่สุด

“พิษฟู่จื่อ” นางเอ่ยแล้วดวงตามีแววแห่งความหวัง นางจำพิษนี้ได้ คงต้องมีปริมาณมากถึงทำให้ตาบอดได้

“ข้าจะไปศึกษาพิษฟู่จื่อให้เข้าใจ จากนั้นค่อยหาวัตถุดิบในการปรุงยา ท่านวางใจเถอะข้าต้องทำได้แน่”

นางเอ่ยอย่างมั่นใจ ลุกขึ้นเดินจากไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้เขาไม่ให้ดูดวงตาแต่ได้รู้ชื่อของพิษ นางก็พอมีวิธีรักษาได้ไม่ยาก

ซ่งหลินต๋ามีวรยุทธ์สูง เขายืนอยู่ไกลแต่ได้ยินคำพูดของทั้งคู่อย่างชัดเจน พอหลี่เมิ่งเหยาเดินออกจากเรือนของคุณชายไปแล้ว เขารีบเดินเข้าไปหาผู้เป็นนายที่ริมสระน้ำ

“คุณชายเหตุใดถึงบอกเรื่องพิษกับนางล่ะขอรับ” หากนับไปแล้ว หลี่เมิ่งเหยาก็คือคนนอก ไม่มีสิทธิ์รู้เรื่องพิษของหยวนเหวินเซียว

“นางบอกว่ามียารักษาดวงตาของข้าได้ ไหน ๆ ข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ลองเล่นสนุกไปกับนางหน่อยก็แล้วกัน” หยวนเหวินเซียวเอ่ยคล้ายมีเรื่องสนุก ให้เขาได้คลายเครียด

“ร่างกายของคุณชายสูงส่งยิ่งนัก ไม่อาจเป็นหนูลองยาของนางได้นะขอรับ”

“ร่างกายของข้าพิการเช่นนี้ มีตรงไหนเหมาะกับคำว่าสูงส่งของเจ้ากัน เจ้าอย่าได้เอ่ยเรื่องนี้ให้คนอื่นได้ยินเข้าล่ะ โดยเฉพาะท่านแม่ของข้า” น้ำเสียงของเขาแข็งกระด้างขึ้น

“แต่ว่าคุณชาย”

“หรือว่าเจ้าไม่อยากเห็นข้าหายดี” คิ้วคมพาดเฉียงเลิกสูง หันหน้าไปทางซ่งหลินต๋า

“เหตุใดจะไม่อยากขอรับ เพียงแต่คุณหนูหลี่เป็นเพียงแม่นางน้อยผู้หนึ่ง จะมีความสามารถเช่นนั้นได้อย่างไร นางคงอ่านตำราโอสถมาก่อน จนคิดว่าตัวเองสามารถรักษาผู้คนได้”

ซ่งหลินต๋าร้อนใจยิ่งนัก ไม่อยากให้คุณชายของตน ต้องกลายเป็นหนูลองยาของนางไป

“เจ้าคิดมากไป เข็นข้าไปหาเสี่ยวหยวนเถอะ” อีกฝ่ายตัดบทไม่อยากเอ่ยเรื่องนี้ต่อ

“ขอรับคุณชาย” ซ่งหลินต๋าไม่อาจขัดคำสั่งของเจ้านายได้ เขาเดินเข้ามาเข็นรถไปยังศาลาริมสระน้ำ เสี่ยวหยวนน้อยเห็นเขาก็ดีใจ รีบนำกระดาษที่คัดตัวอักษรไปมอบให้ซ่งหลินต๋าดู

“พี่หลินต๋าท่านดู ข้าเขียนดีกว่าเมื่อวานหรือไม่”

ซ่งหลินต๋ารับกระดาษแผ่นนั้นมาตรวจดู ก่อนเผยรอยยิ้มจาง ๆ บนหน้า หันไปทางคุณชายของตน พร้อมเอ่ย “ดีขึ้นจริง ๆ ขอรับคุณชาย”

“เสี่ยวหยวนเก่งมาก” รอยยิ้มบนมุมปากของหยวนเหวินเซียววาดโค้งขึ้น

“ข้าไม่ตั้งใจเขียนไม่ได้ พี่หญิงใหญ่จะดุเอา นางโหดร้ายมาก” เด็กน้อยเอ่ยไปตามประสา

“นางโหดร้ายอย่างนั้นรึ” หยวนเหวินเซียวเริ่มสงสัยในความโหดร้ายของนาง ที่ออกมาจากปากของเสี่ยวหยวน

“ขอรับ หากข้าคัดตัวอักษรไม่สวยหรือไม่ถูกต้อง นางจะงดขนมข้า !” เขาเอ่ยออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ “พวกท่านว่านางโหดร้ายหรือไม่เล่า”

ซ่งหลินต๋าถึงกับหลุดขำออกมาเบา ๆ คำว่าโหดร้ายของเด็กนั้น ช่างแตกต่างจากผู้ใหญ่จริง ๆ

“เสี่ยวหยวนข้าถามอะไรเจ้าอย่างได้หรือไม่” คำถามนี้หยวนเหวินเซียวเป็นคนเอ่ย

“ได้ขอรับพี่ชายหยวน” เสี่ยวหยวนเดินเข้าไปเกาะแขนของเขาไว้อย่างเคยชิน

“เมิ่งเหยานางรู้เรื่องยาเรื่องการรักษาหรือไม่”

“อื้ม” เสี่ยวหยวนน้อยพยักหน้าลงอย่างหนักแน่น เอ่ยต่อ “พี่หญิงใหญ่เป็นหมอประจำบ้าน ยามข้ากับท่านแม่ หรือลุงจงกับป้าหลูป่วย นางจะหายามาให้กิน แล้วพวกเราก็จะหายป่วยทันที”

สีหน้าของสองนายบ่าวเปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยเฉพาะซ่งหลินต๋าเขาไม่คิดว่าสตรีนางนั้น จะมีความรู้เรื่องการรักษาจริง ๆ

“แต่คุณหนูหลี่นางไม่ใช่หมอ”

เสี่ยวหยวนกอดอกทำท่าคิดหนัก “อื้ม นางไม่ใช่หมอจริง ๆ นั่นแหละ แต่นางมียาวิเศษนางบอกข้าแบบนี้”

“ยาวิเศษ ?” ซ่งหลินต๋าคิดว่าเสี่ยวหยวนยังเด็ก เลยถูกหลอกง่ายดาย ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหมดหวัง

แต่หยวนเหวินเซียวไม่ได้คิดเช่นนั้น สตรีนางนั้นฟังจากน้ำเสียงของนาง เหมือนมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก เขาหันหน้าไปทางซ่งหลินต๋า

“เป็นหนูลองยาก็ไม่เสียหายอันใด ไร้ผลก็อยู่ที่เดิมแต่หากเกิดผลเล่า หลินต๋าเจ้าเคยคิดหรือไม่ ข้าอาจกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก”

ซ่งหลินต๋ารู้สึกเจ็บปวดอยู่ในอก คนป่วยหากมีความหวังเพียงน้อยนิด คงอยากไขว่คว้าเอาไว้ แต่นี่ไม่เรียกว่าเป็นความหวังอันริบหรี่หรอกหรือ เขาเอ่ยเสียงเบา “ข้าพร้อมทำตามความปรารถนาของคุณชายขอรับ”

อวี่ฟานเป็นแม่นมมารดาของจี้ชิวหรง นางเดินทางมาจากเมืองหลวง เพื่อเยี่ยมจี้ชิวหรงพร้อมรับหน้าที่มาถามไถ่ ถึงความเป็นอยู่ที่นี่ ฮูหยินผู้เฒ่าออกมาต้อนรับนางด้วยตัวเอง

ยามอยู่ต่อหน้าคนทั้งตระกูลหลี่ แม่นมอวี่นอบน้อมและไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องอื่น นอกจากสอบถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไป จากนั้นนางจึงขอตัว ตามจี้ชิวหรงไปที่เรือนของนาง

“ไม่รู้ตระกูลจี้มอบความช่วยเหลือมาหรือไม่ ไม่เห็นนางเอ่ยถึงเลย” เก่อจิวลู่นึกสงสัยขึ้นมา ในใจแอบคิดว่าแม่นมอวี่ผู้นี้ ไม่ใช่แอบมอบเงิน เป็นการส่วนตัวกับสะใภ้สามหรอกนะ

“หากตระกูลจี้มอบความช่วยเหลือให้ คงมอบผ่านสะใภ้สามนั่นแหละ เดี๋ยวนางคงนำมามอบให้ส่วนกลางเอง สะใภ้รองอย่าเพิ่งคิดเป็นอื่นไปเลย” ฮูหยินผู้เฒ่ามองความคิดของสะใภ้รองผู้นี้ออก

“ท่านแม่ข้าไม่ได้คิดเป็นอื่นนะเจ้าคะ ข้าแค่สงสัยเหตุใดไม่มอบให้ต่อหน้าทุกคน” เก่อจิวลู่รีบเอ่ยแก้ต่างให้ตัวเอง

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้เอ่ยอันใดกับนาง หันไปมองคนอื่น ๆ แทน “พวกเจ้าแยกย้ายกันไปเถอะ ข้าอยากพักผ่อนแล้ว”

“เจ้าค่ะท่านแม่” เก่อจิวลู่พาบุตรชายบุตรสาวคำนับก่อนจากไป

“จือเอ๋อร์เจ้ามีอะไรถึงไม่ไปกับพวกเขา”

หลี่เยี่ยนจือหันมาทางผู้เป็นย่า “ท่านย่าข้าสามารถออกไปข้างนอกได้หรือไม่ อยู่แต่ในเรือนข้าค่อนข้างอึดอัดเจ้าค่ะ”

“เจ้าเป็นสาวเป็นแส้จะออกไปได้อย่างไร สาวใช้ข้างกายสักคนก็ไม่มี”

“แต่ข้าเห็นพี่เมิ่งเหยาออกไปได้นี่เจ้าคะ”

“เจ้าจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับนางทำไม นางถูกเลี้ยงดูมาด้วยอนุภรรยา ส่วนเจ้าเป็นบุตรีของภรรยาเอก กลับไปเรือนของเจ้าได้แล้วไป” ฮูหยินผู้เฒ่าสะบัดมือให้นางออกไป

“เจ้าค่ะท่านย่า”

หลี่เยี่ยนจือหันหลังจากไปด้วยความผิดหวัง ทุกคนต่างมีครอบครัว มีเพียงนางที่เหลือตัวคนเดียว มองไปทางไหนก็มีเพียงความเดียวดาย

ทว่ายามที่นางเดินมาถึงเรือนของตนเอง กลับพบหลี่ย่าหลินนั่งร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ตามลำพัง จึงเดินเข้าไปหานาง

“พี่ย่าหลิงเหตุใดมาร้องไห้ที่เรือนของข้าได้เล่า”

หลี่ย่าหลินรีบเช็ดคราบน้ำตาออก “ขอโทษเจ้าด้วยเยี่ยนจือ ข้าไม่อาจร้องไห้ให้ท่านแม่กับท่านพี่เห็นได้ เรือนของเจ้าเงียบสงบดี ข้าก็เลย...”

“ความจริงพี่ย่าหลิน มาอยู่กับข้าที่นี่ก็ได้นะเจ้าคะ ข้าอยู่คนเดียวค่อนข้างเงียบเหงา” เรือนของนางแม้จะเป็นเรือนขนาดเล็กกว่าเรือนอื่น แต่ก็มีถึงสองห้องด้วยกัน แม้จะเป็นห้องเก็บของใช้ แต่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนได้

“ข้าจะลองคุยกับท่านแม่ดู”

หลี่เยี่ยนจือเห็นท่าทางโศกเศร้าของนางก็พอเดาออก “พี่ย่าหลิงท่านคิดถึงลูกชายสินะ”

“อืม เขาเพิ่งจะสองขวบเอง ต้องมาถูกพรากจากแม่เสียแล้ว” นางยกผ้าเช็ดหน้าปักลายดอกเหมย ขึ้นซับคราบน้ำตาบนหน้า

“ตระกูลชุนช่างใจจืดใจดำนัก ถึงขั้นสั่งสามีพี่ย่าหลิน หย่าขาดเช่นนี้” หลี่เยี่ยนจือเอ่ยแล้วหยุดชะงัก คาดว่าทางนั้นคงหาภรรยาเอกคนใหม่ ให้สามีของหลี่ย่าหลินแล้ว และบุตรชายของนางคงถูกสตรีอื่นเลี้ยงดู ไหนจะจดจำมารดาอย่างนางได้ หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง คงมีสภาพไม่ต่างกันนัก

“ท่านลุงไม่น่าเลย” หลี่ย่าหลินสะอื้นไห้ออกมาแรง ๆ

หลี่เยี่ยนจือเหมือนถูกตบหน้าเต็มแรง “ข้าขอโทษแทนท่านพ่อด้วย” นางเอ่ยอย่างละอายใจแทนบิดา บิดปลายนิ้วสุดแรงด้วยความเสียใจ

“ไม่เป็นไร ๆ ข้าไม่เคยโทษเจ้าเลยเยี่ยนจือ เจ้าเองก็ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ มีชะตากรรมไม่ต่างจากข้าหรอก” หลี่ย่าหลิงไม่ใช่คนไร้เหตุผล นางเอ่ยปลอบหลี่เยี่ยนจือไปด้วย

หลี่เยี่ยนจือนั่งเป็นเพื่อนนางอยู่พักใหญ่ ๆ ให้นางได้ระบายความอัดอั้นในใจออกมา เผื่อช่วยให้นางคลายความทุกข์ใจได้บ้าง หลังจากนั้นหลี่ย่าหลินนำเรื่องย้ายเรือนไปบอกแก่มารดา

เก่อจิวลู่เห็นว่าหลี่เยี่ยนจืออยู่เพียงลำพังน่าสงสาร อีกอย่างบุตรสาวของนาง ก็เอาแต่ขังตัวอยู่ในห้อง ให้พวกนางได้อยู่เป็นเพื่อนกันย่อมเป็นเรื่องดี

วันนี้หลี่หย่วนเจ๋อไม่อยู่ที่เรือน เขาตามบิดากับพี่ชายออกไปหาลู่ทางทำมาหากินในเมืองฉาง จี้ชิวหรงกำลังพาแม่นมอวี่ เข้าไปในห้องรับแขกของเรือน

“คุณชายน้อยไม่ได้เจอกันตั้งนาน โตขนาดนี้แล้วหรือเจ้าคะ” แม่นมอวี่เข้าไปอุ้มหลี่ซืออี้ พร้อมกับพร่ำบ่นไปด้วย

“เหตุใดถึงไม่ยอมหย่าล่ะเจ้าค่ะ ดูสิสาวใช้สักคนก็ไม่มี”

แม่นมอวี่มองดูสภาพเรือนแสนเก่า แม้จะผ่านการดูแลมาอย่างดี แต่ไหนเลยจะสู้กับจวนเจ้าเมืองถัง หรือว่าเรือนในจวนตระกูลจี้ได้

“แม่นมอวี่ข้ามีสามีที่ดีรักใคร่ข้ากับลูกชาย ยามตระกูลสามีลำบากข้ากลับทอดทิ้งไป จะไม่ผิดต่อความรักที่เขามีให้หรอกหรือ ท่านเลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ท่านพ่อท่านแม่ให้ท่านมาที่นี่ มีเรื่องอื่นอีกหรือไม่”

“มีเจ้าค่ะ” แม่นมอวี่วางหลี่ซืออี้ลงให้ยืนที่พื้น เขารีบวิ่งไปหามารดาในทันที

แม่นมอวี่โบกมือให้สาวใช้ที่ตามมาด้วยสองคน นำกล่องขวัญที่ซ่อนเอาไว้ในห่อผ้าออกมาให้

“นี่เจ้าค่ะ นายท่านกับฮูหยินให้ข้า นำตั๋วเงินมามอบให้คุณหนู” กล่องใบน้อยถูกยื่นไปตรงหน้าของจี้ชิวหรง

“ท่านแอบซ่อนไว้เช่นนี้ เจตนาของท่านพ่อท่านแม่คืออย่างไรกันแน่” นางเปิดกล่องออกดูพบตั๋วเงินสามพันตำลึง กับปิ่นปักผมทำจากทองคำอีกสองอัน

“คุณหนูเจ้าคะ ในจวนตระกูลจี้ยังมีบรรดาคุณหนูที่ยังไม่ได้ออกเรือนอีกหลายคน คุณชายที่ต้องแต่งภรรยาอนุภรรยา ก็นับได้ห้าหกคนเลยนะเจ้าคะ”

แม่นมอวี่พยายามอธิบายให้จี้ชิวหรงเข้าใจ

“แม้คุณหนูจะเป็นคุณหนูใหญ่ของจวน แต่ก็ออกเรือนมาอยู่กับสามีแล้ว ฮูหยินใหญ่ไม่อาจมอบเงินช่วยเหลือได้มากกว่านี้ เพราะบรรดาฮูหยินรองกับอนุทั้งหลาย จะหาว่าลำเอียงเจ้าค่ะ”
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 282

    ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 281

    “เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 280

    147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 279

    “ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 278

    “เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 277

    146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status