Share

บทที่ 16

last update Last Updated: 2024-12-10 17:23:34

16 : ท่านอยากเป็นหนูลองยาของข้าหรือไม่

หลี่เมิ่งเหยาเดินเข้าไปใกล้ ๆ กับน้องชาย ยกนิ้วขึ้นไล้แก้มนุ่มนิ่มของเขาอย่างแผ่วเบา

“ข้าไม่ได้ซื้อมาให้น้องชายอีกคนหรอก เอามาเผื่อยามเจ้าไม่อิ่มต่างหาก”

“เช่นนั้นรึ” เขาแลบลิ้นเลียผลชานจาสด ที่ถูกเคลือบด้วยน้ำตาลกรวดอย่างเอร็ดอร่อย

“แปลกจริง ยังไม่ถึงหน้าหนาวเลย มีผลชานจาแล้ว” นางนึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย

“จริงด้วยขอรับ หรือว่าปีนี้จะหนาวเร็วกว่าทุกปี ผลชานจาเลยสุกเร็ว” จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง จนนางตามแทบไม่ทัน มองเขากินปิงถังหูลู่อย่างสุขใจ แต่แล้วเขาก็หยุดกินแล้วเอ่ยขึ้น

“พี่หญิงใหญ่”

“หืม”

“ข้าเอาไปแบ่งให้น้องชายได้หรือไม่”

เด็กน้อยช่างไร้เดียงสา เสี่ยวหยวนเป็นเด็กผู้ชายเพียงคนเดียวมาตลอด จู่ ๆ เกิดมีน้องชายขึ้นมา เลยอยากแบ่งปันของกินให้ด้วย นางคุกเข่าลงตรงหน้าของน้องชาย จับไหล่น้อย ๆ ของเขาแล้วลูบลงตามลำตัว

“เสี่ยวหยวนน้องชายยังเล็ก อาจยังไม่มีฟันแข็งแรงพอ ให้แทะปิงถังหูลู่ของเจ้า เอาไว้ให้เขาโตขึ้นอีกหน่อย ค่อยแบ่งให้เขาดีหรือไม่” นางไม่เคยคิดแยกพี่แยกน้อง

“อื้ม” เสี่ยวหยวนพยักหน้าสุดแรงอย่างเข้าใจ

“เด็กดีน่ารักมาก”

นางลุกขึ้นเดินไปส่งเขาที่ห้องนอนของมารดา ไม่วายกำชับให้เขากินขนมให้หมดก่อน จากนั้นต้องไปแปรงฟันก่อนเข้านอน ป้าหลูเป็นคนคอยดูแลเขายามแปรงฟัน

“ท่านแม่เมื่อครู่นี้เสี่ยวหยวน อยากแบ่งขนมให้น้องชายด้วยล่ะ”

“เฮอะ ! แบ่งให้ทำไมกัน ฮูหยินใหญ่ใช่ว่าจะไม่มีเงิน บ้านเดิมนางร่ำรวยจะตายไป” เฉาซูหลิ่งเบ้ปากใส่บุตรสาว

“ท่านแม่ข้าเล่าให้ท่านฟัง เพราะอยากให้ท่านเข้าใจเสี่ยวหยวน เขายังเด็กความคิดยังไร้เดียงสา น้องชายอี้เอ๋อร์ก็เหมือนกัน ต่างเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์ทั้งคู่ ท่านอย่าอคติต่อเด็กคนนั้น หากวันข้างหน้า เสี่ยวหยวนอยากทำความรู้จักกับน้องชายของตัวเอง ท่านจงปล่อยวางเสีย”

“ไม่ใช่เจ้าหรอกรึ บีบคั้นเอาหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยาให้ข้า เหตุใดยามนี้มาบอกให้ข้าปล่อยวาง” เฉาซูหลิ่งไม่เข้าใจความคิดของบุตรสาว

“ข้าอยากบอกว่า เรื่องของผู้ใหญ่ก็ส่วนผู้ใหญ่ เรื่องของเด็กก็ส่วนเด็ก ท่านอย่างเอามาปนเปกันเด็ดขาด”

“ได้ ๆ ข้าเชื่อฟังเจ้า” นางประชดบุตรสาวเล็กน้อย “เจ้ารีบกลับห้องตัวเองไปเลยไป ยิ่งอยู่หูข้ายิ่งชา”

หลี่เมิ่งเหยามองมารดาราวเด็กน้อยไม่ได้ดั่งใจ หากไม่มีนางสักคน คิดไม่ออกเลยว่ามารดาผู้นี้ จะอยู่รอดมาได้อย่างไรกัน นางส่ายหน้าเบา ๆ เดินกลับไปยังห้องนอนของตนเอง นางคงต้องนำยาที่ปรุงเอาไว้ ออกมาทดลองใช้บ้างแล้วล่ะ

หลายวันมานี้เสี่ยวหยวนเริ่มคุ้นชินกับเส้นทาง การเดินไปเรือนของหยวนเหวินเซียว เขาจึงไม่ได้ให้ลุงจงติดตามไปด้วย

วันนี้หลี่เมิ่งเหยามาดักรอน้องชาย ที่หน้าเรือนของมารดา บอกว่านางจะเดินไปส่งเขา ที่เรือนของหยวนเหวินเซียวเอง

“พี่หญิงใหญ่ข้าจดจำเส้นทางได้แล้ว”

“ข้าอยากรู้ว่ายามอยู่ที่เรือนของพี่เหวินเซียว เจ้าตั้งใจคัดตัวอักษรหรือไม่ ไม่ใช่มัวแต่เล่นซุกซนไปวัน ๆ”

“พี่หญิงใหญ่ใส่ร้ายข้า ไม่เชื่อข้าก็ถามพี่ชายหยวน หรือไม่ก็พี่หลินต๋ากับพี่ห้าวตงก็ได้” เสี่ยวหยวนน้อยทำหน้า เหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม

“ข้าไม่ถาม ข้าต้องได้เห็นกับตา”

นางเดินตามหลังน้องชาย ผ่านภูเขาน้ำตกจำลอง ปกคลุมด้วยต้นไม้ร่มรื่น มีสะพานเล็ก ๆ สร้างเหนือสระน้ำด้านล่าง ปลาหลากหลายสีสันแหวกว่ายไปมา

สังเกตดูดี ๆ กลับพบว่าบรรยากาศสวยงามเหล่านี้ เพิ่งถูกเจ้าของเรือนสร้างขึ้นมาใหม่ หม่าหลินเฟยไม่ต้องการให้บุตรชายโดดเดี่ยวจนเกินไป จึงได้สร้างเสียงน้ำตกให้เขาได้ผ่อนคลาย ช่างเป็นมารดาที่น่านับถือจริง ๆ

ครั้นเปรียบเทียบกับมารดาของตัวเอง บุตรสาวหาเงินได้จากอะไร นางยังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ขอเพียงนางไม่ลำบากเป็นพอ เทียบกันไม่ได้ ๆ

ฉีห้าวตงอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าพอดี ครั้นเห็นหลี่เมิ่งเหยา ตามน้องชายมาด้วยก็ตกใจ รีบเดินเข้ามาดักด้านหน้าของนาง “คุณหนูหลี่นี่เรือนของบุรุษนะขอรับ”

“ทำไมล่ะ น้องชายข้ามาที่นี่ทุกวัน ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาตั้งใจเรียนหนังสือ หรือว่าแค่เที่ยวเล่นไร้ประโยชน์ไปวัน ๆ” นางมองประเมินน้องชายไปด้วย

เสี่ยวหยวนเงยใบหน้ากลมน้อยขึ้นมองพี่สาว พลางคิดในใจ

พี่หญิงใหญ่ท่านใส่ร้ายข้าอีกแล้วนะ !

“เช่นนั้นให้ข้าไปเรียนคุณชายก่อนนะขอรับ” ฉีห้าวตงไม่อาจตัดสินใจเองได้

“เชิญ”

เสี่ยวหยวนกระตุกแขนเสื้อพี่สาวเบา ๆ

“มีอะไร”

“เรือนบุรุษสตรีไม่ควรเข้า เหตุใดพี่หญิงใหญ่ถึงอยากเข้าไปอีกเล่า ข้าจะเอาใบหน้าน้อย ๆ นี่ไปพบผู้อื่นได้อย่างไร พี่หญิงใหญ่ไร้ยางอายเกินไปแล้ว”

“เฮอะ ใบหน้าน้อย ๆ นี่ของเจ้า ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ช่างพูดช่างเจรจาเสียจริง” นางบีบยืดแก้มซาลาเปาเขาเล่นไปมา เจ้าตัวน้อยได้แต่ร้องอืออาด้วยความเจ็บ

พี่หญิงใหญ่หอมข้าเหมือนเดิมก็ได้ ข้าไม่อยากถูกบีบแก้มอีกแล้ว

หลี่เมิ่งเหยาหยุดหยอกล้อน้องชาย หลังได้ยินเสียงฝีเท้าของคน เป็นฉีห้าวตงกำลังเดินมาทางนี้

“คุณหนูหลี่คุณชายอนุญาตให้ท่านเข้ามาในเรือนได้ แต่ว่าให้ไปที่ศาลาริมสระน้ำ เชิญทางนี้ขอรับ”

ฉีห้าวตงผายมือเชิญนางไปที่ลานริมสระ มีศาลาริมน้ำตั้งอยู่ที่นั่น เป็นลานเปิดโล่งไม่ลับตาผู้คน มีถนนที่ปูด้วยก้อนอิฐแผ่นใหญ่สม่ำเสมอ มองดูก็รู้ว่าเพื่ออำนวยความสะดวก ในการเข็นรถของหยวนเหวินเซียว

ทำไมการช่วยคนมันยุ่งยากขนาดนี้นะ

ครู่หนึ่งเสียงรถเข็นก็ดังขึ้น หยวนเหวินเซียวอยู่ในชุดสีขาวทับในด้วยสีน้ำเงิน ซ่งหลินต๋าเป็นคนคอยดูแลเข็นรถเข็นให้

“วันนี้ให้เสี่ยวหยวนมาคัดตัวอักษร ที่ศาลาริมน้ำก็แล้วกัน เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”

“ขอรับคุณชาย”

ฉีห้าวตงรีบเดินไปในห้องหนังสือ หยิบอุปกรณ์ในการคัดตัวอักษรของเสี่ยวหยวนออกมา จัดหาเก้าอี้โต๊ะเตี้ย มาให้เขาได้นั่งอย่างสะดวกสบาย ปานคุณชายน้อยผู้ถูกทะนุถนอมมาเป็นอย่างดี

“พี่เหวินเซียวใส่ใจเสี่ยวหยวนเกินไปแล้ว” นางให้น้องชายนั่งบนศาลา ส่วนตัวนางเดินมาหยุดอยู่ ที่ด้านข้างของซ่งหลินต๋า

“ข้าเข็นรถให้พี่เหวินเซียวเอง เจ้าอยากทำอะไรก็ไปเถอะ”

ซ่งหลินต๋าตกใจหลังได้ยิน แต่พอเห็นหยวนเหวินเซียวยกมือให้สัญญาณ เขาจึงได้ถอยหลังออกไป แต่ไม่ได้ไปไหนไกล กลับยืนเฝ้าระวังอยู่ไม่ห่าง

หลี่เมิ่งเหยาเข็นรถเข็นไม้ของเขา ไปจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ ด้านหน้าเป็นสระน้ำที่มีปลาแหวกว่ายอยู่ นางทรุดตัวลงนั่งบนพื้นหญ้าโดยไม่กลัวเปื้อน

“รถเข็นของท่านเข็นยากมากเลย หากทำด้วยเหล็กคงดีไม่น้อย”

“มีรถเข็นไม้ให้ใช้ก็ดีถมไปแล้ว” น้ำเสียงของเขาคล้ายเยาะเย้ยโชคชะตาของตนเอง

“หรือที่นี่ไม่นิยมทำรถเข็นจากเหล็ก” นางยังให้ความสนใจรถเข็นไม้ของเขาอยู่

เจ้าฟังข้าอยู่หรือไม่

“พี่เหวินเซียว” นางลองเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

คนถูกเรียกสูดลมเข้าปอดลึก ๆ เหตุใดเขาถึงได้ครั่นเนื้อครั่นตัว ยามได้ยินคำเรียกขานเช่นนี้จากนาง “เจ้าว่ามาต้องการอะไร”

หลี่เมิ่งเหยากลอกตาใส่เขาแรง ๆ “ข้าจะไปต้องการอะไรเล่า ข้าแค่อยากรู้ว่าพี่เหวินเซียวมองไม่เห็นได้อย่างไร แล้วขานั่นเป็นอะไรหรือถึงเดินไม่ได้”

สีหน้าของคนบนรถเข็นมืดมนลงในทันที “เจ้าเป็นใครกันถึงได้มายุ่งกับเรื่องของข้า เมิ่งเหยาเจ้าก็แค่คนมาอาศัยเรือนผู้อื่นอยู่ อย่าไร้มารยาทให้มากนัก”

“โอ้ เหตุใดข้ากลายเป็นคนไร้มารยาทไปแล้วเล่า ข้าเพียงอยากช่วยเหลือท่าน ข้ามีความรู้เรื่องสมุนไพรพวกยารักษาอยู่บ้าง อ้อ ข้าไม่ใช่หมอนะ แต่ว่ายาที่ข้ามีค่อนข้างจะพิเศษ”

นางไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี นางไม่ใช่หมอจริง ๆ ไม่เข้าใจหลักการรักษา แต่นางปรุงยาได้และใช้มันรักษาผู้คนได้เหมือนกัน ที่ผ่านมานางก็ใช้ยาในเรือนโอสถ รักษาให้คนในบ้านยามเจ็บป่วย แทบไม่ต้องไปโรงหมอเลยสักครั้ง

“เจ้าหลอกเด็กยังง่ายกว่าไหม”

“พี่เหวินเซียวนี่ข้าพูดจริงนะ”

หลี่เมิ่งเหยาเริ่มจะมีอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมา เหตุใดถึงได้พูดยากนักนะ นางพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ คุกเข่าอยู่ด้านข้าง พร้อมกับตบลงบนหลังมือของเขาเบา ๆ

“ท่านไม่อยากมองเห็นอีกครั้งรึ”

หยวนเหวินเซียวคิ้วขมวดแน่น เหตุใดนางถึงได้เอาเรื่องเจ็บป่วยของเขามาล้อเล่น หรือว่าแท้จริงแล้วนางมีความสามารถอย่างที่เอ่ยมาจริง ๆ

“เจ้าเคยรักษาคนมาก่อนหรือไม่ ไม่สิเจ้าบอกว่าไม่ใช่หมอ แล้วยาที่เจ้าปรุง เคยใช้รักษาเรื่องดวงตามาก่อนหรือไม่”

“เอ่อ คือว่า อันที่จริงแล้วข้าไม่เคยใช้ยารักษาดวงตามาก่อน ท่านอยากเป็นหนูลองยาของข้าดูหรือไม่”

“นี่เจ้า !”

“อย่าเพิ่งโมโหไป ข้าพูดจริงนะ ยาของข้าวิเศษมากจริง ๆ เพียงแต่ข้าไม่ใช่หมอ การใช้ยาจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ข้าไม่เคยเจออาการแบบท่านมาก่อน ว่าแต่ท่านได้รับบาดเจ็บหรือว่าโดนพิษเข้าล่ะ” หลี่เมิ่งเหยาค่อย ๆ ตะล่อมถามเขา

“ส่วนขาของท่านข้าก็มียาเกี่ยวกับต่อกระดูก หรือเชื่อมกระดูกให้ตรงอยู่เหมือนกัน แต่ก็อย่างที่ข้าบอกนั่นแหละ ข้าไม่เคยรักษาใครมาก่อน” ยิ่งพูดนางยิ่งเหมือนหมอเถื่อนเข้าไปทุกที เห็นเขานิ่งคล้ายคิดไม่ตก ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแรง ๆ

“เจ้าอยากให้ข้าเป็นหนูลองยาจริง ๆ รึ” เขาถามคล้ายคนสิ้นหวัง

“ข้าอยากให้ท่านกลับมามองเห็นเดินได้ต่างหากเล่า หนูลองยานั่นมันจำเป็นหรอก”

“เพราะเหตุใดถึงอยากรักษาข้า หมอเก่งที่สุดในเมืองหลวง ยังบอกว่าข้าไร้หนทางเยียวยาแล้ว เจ้าไม่ใช่หมอด้วยซ้ำยังกล้าหาญมาเอ่ยเรื่องพวกนี้กับข้า” มีความคลางแคลงสงสัยเต็มไปหมด

หลี่เมิ่งเหยาใช่ว่าไม่เข้าใจความคิดของเขา นางพยายามเค้นหาเหตุผลที่ดีออกมาเอ่ย

“ในอดีตท่านเคยให้ความช่วยเหลือข้ากับท่านแม่ มาตอนนี้ท่านป้าหม่าก็ยื่นมือช่วยเหลือพวกเราอีก บุญคุณสองครั้งสองครานี้ข้าสมควรต้องตอบแทน ท่านไม่คิดว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลหรอกหรือ”

“หากรักษาไม่ได้แล้วอาการแย่กว่าเดิมล่ะ เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไร”

“รับผิดชอบ ?” นางทรุดตัวลงนั่งที่เดิม “นั่นสิข้าจะมีปัญญาอะไรไปรับผิดชอบท่านได้”

หยวนเหวินเซียวก้มมองต่ำไปที่นาง ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างฉับพลัน

“ข้าจะเป็นหนูลองยาของเจ้าก็ได้ หากอาการของข้าแย่ลงกว่าเดิม เจ้าต้องมาคอยดูแลข้า จนกว่าข้าจะตายจากโลกนี้ไป ห้ามเดือดร้อนท่านแม่ของข้า เจ้าทำได้หรือไม่เมิ่งเหยา”

หลี่เมิ่งเหยาเห็นมุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อย ราวกับกำลังดูแคลนตัวนางอยู่ นี่ไม่เชื่อมือกันเลยหรือไร

“ได้สิ หากรักษาไปแล้วอาการแย่ลง ข้าหลี่เมิ่งเหยาจะยอมอยู่คอยดูแลท่าน ไปจนกว่าจะตายจากกันไปเลย เช่นนี้ได้หรือไม่”

มุมปากที่ยกขึ้นในตอนแรก คลายออกเป็นเส้นตรง ก่อนเม้มเข้าหากันแน่น “เจ้าเอ่ยสิ่งใดออกมา รู้ตัวหรือไม่ เจ้ารับผิดชอบไม่ไหวหรอกเมิ่งเหยา”

“ข้าทำได้ข้าโตแล้ว แค่คอยดูแลท่านไม่เห็นจะยาก”

นางมั่นใจในสรรพคุณของยาในเรือนโอสถ ไม่มีสักครั้งที่จะไม่ได้ผล “บอกข้ามาเถอะว่าท่านโดนพิษอะไร แล้วขานั่นได้รับบาดเจ็บแบบไหนมา”

มือของหยวนเหวินเซียวกำเข้าหากันแน่น ก่อนหัวเราะด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่คงไม่ยินยอม”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 282

    ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 281

    “เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 280

    147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 279

    “ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 278

    “เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 277

    146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status