Beranda / รักโบราณ / บุปผางามในมือโจร / บทที่ 6 ความกังวลใจของหนิงฮองเฮา

Share

บทที่ 6 ความกังวลใจของหนิงฮองเฮา

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-09 12:25:38

วังหลวง

"ได้ยินว่าอีกสามวันพี่ใหญ่จะพาหนิงเซียนไปไหว้พระที่วัดเหลียนซาน และบอกกล่าวกับเหล่าดวงวิญญาณบรรพบุรุษหรือ"

"พ่ะย่ะค่ะฮองเฮา"

แม่ทัพใหญ่หนิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ก่อนจะยกถ้วยชาที่หนิงฮองเฮาสั่งให้นางกำนัลเทใส่ถ้วยขึ้นดื่ม หนิงฮองเฮายกมือขึ้นไล่เหล่านางกำนัลขันทีให้ออกไปจนหมด ก่อนจะหันมาเอ่ยกับแม่ทัพใหญ่หนิง

"พักนี้หยางเซียวหลิ่นมักจะทำตัวเย็นชากับข้าอยู่ไม่น้อย แต่ตราบใดที่ฝ่าบาทยังอยู่ พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นกังวล ตำแหน่งมารดาของแผ่นดินอย่างไรย่อมต้องตกเป็นของหนิงเซียน"

"ขอบพระทัยฮองเฮาที่ทรงเมตตาบุตรสาวของกระหม่อม"

"ญาติสนิทกันทั้งนั้น อ้อ พี่ใหญ่ ข้าลืมถามท่านเลย บุตรสาวคนรองของท่านหนิงซือซือน่ะ ได้ยินว่าไม่ได้เรื่องได้ราว หนิงเซียนมาระบายกับข้าทุกคราที่เข้าวัง มิสู้ส่งนางเข้าวังมาพบข้า ให้ข้าช่วยสอนกฎระเบียบให้ดีหรือไม่ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นบุตรอนุ แต่ก็เป็นถึงคุณหนูรองจวนแม่ทัพ วันหน้านางต้องแต่งงานออกเรือน จะได้ไม่ขายหน้าตระกูลหนิง"

แม่ทัพใหญ่หนิงที่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปในทันที เขาวางถ้วยชาลง ก่อนจะมีสีหน้าครุ่นคิด หนิงฮองเฮาที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยถามพี่ชายของตนทันที

"พี่ใหญ่ไม่สบายหรือ"

แม่ทัพใหญ่หนิงรีบหันมาส่ายหน้าและส่งยิ้มให้หนิงฮองเฮาคราหนึ่ง

"หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงมิอยากรบกวนฮองเฮา ซือเอ๋อร์เดิมทีก็เป็นเด็กโง่เขลา กิริยามารยาทก็ไม่ได้เรื่อง อีกทั้งยังป่วยกระเสาะกระแสะมาตั้งแต่วัยเยาว์ เกรงว่านางจะนำไออัปมงคลมาให้ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ"

ไออัปมงคล!

เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของหนิงฮองเฮาก็ไม่สู้ดีนัก นางพลันนึกถึงใครบางคนที่นางไม่อยากจะคิดถึงอีก

"พี่ใหญ่ หากนับอายุของซือเอ๋อร์ ก็ใกล้เคียงกับ หรือว่าท่าน..."

"ไม่ใช่นะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจัดการตามที่รับสั่งไปเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว!!!

เมื่อได้ยินเช่นนั้นหนิงฮองเฮาก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวเมื่อหลายสิบปีก่อน 

ผู้ใดที่มาขัดขวางทางแห่งอำนาจของนางและคนตระกูลหนิง นางไม่เคยละเว้น!!!

จวนตระกูลหนิง

หลายวันต่อมา

"คุณหนูรองเจ้าคะ บ่าวได้ยินว่าการเดินทางไปวัดเหลียนซานในครานี้ ไท่ฮูหยิน และฮูหยินจะพักอยู่บนเขาหลายวัน คุณหนูรองเตรียมเสื้อผ้าไปเพียงไม่กี่ชุดเช่นนี้ จะพอหรือเจ้าคะ"

ผิงผิงเอ่ยถามหนิงซือซือที่กำลังจัดเตรียมเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุด นอกนั้นจะเป็นของกินสารพัดที่หนิงซือซือนำใส่ห่อผ้าไว้กินระหว่างทาง 

"พอสิ ข้าน่ะไม่เน้นเสื้อผ้า แต่เน้นอาหารการกินมากกว่า จะให้ข้ากินแต่อาหารเจ ข้าคงทนไม่ไหว"

"คุณหนู ท่านก็ห่วงแต่เรื่องกิน เดี๋ยวก็ถูกคุณหนูใหญ่ตำหนิอีก"

"ช่างนางสิ ข้าก็แค่ทำหูทวนลมไปก็พอ"

หนิงซือซือเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้ผิงผิง นางเองไม่อยากจะใส่ใจเรื่องใดให้มากนัก เดิมทีนางเองก็ไม่ได้เป็นที่รักของคนในจวนอยู่แล้วนอกจากท่านย่า บุตรอนุก็ทำได้เพียงเท่านี้ 

ท่านย่าเคยบอกว่านางกับหนิงเซียนเกิดปีเดียวกัน เพียงแค่หนิงเซียนเกิดก่อนนางหนึ่งเดือน จึงถือตนว่าเป็นพี่ใหญ่กว่า ทั้งที่หากนับอายุจริง นางกับหนิงเซียนปีนี้ก็มีอายุครบสิบแปดปีเต็มเช่นเดียวกัน

ช่างเถิด เกิดก่อนเกิดหลังมันก็ไม่ได้ทำให้หนิงเซียนชอบหน้านางมากกว่าเดิมอยู่ดี!

หลายวันต่อมา ก็ถึงวันที่ต้องเดินทางไปวัดเหลียนซาน หนิงซือซือเดินมาที่รถม้า ก่อนจะตรงเข้าไปกอดแขนไท่ฮูหยินอย่างออดอ้อน 

"ท่านย่า"

"ซือเอ๋อร์เจ้ามาก็ดีแล้ว มานั่งรถม้าคันใหญ่กับย่ามา เซียนเอ๋อร์มานั่งด้วยกันเร็วเข้า"

หนิงเซียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด 

"ท่านย่าเจ้าคะ เดิมทีหลานเป็นบุตรภรรยาเอก หลานกับท่านแม่ควรได้นั่งรถม้าคันหน้าซึ่งกว้างขวางสะดวกสบายมากกว่า ส่วนบุตรอนุควรจะต้องไปนั่งรถม้าคันเล็กด้านหลังนั่น อ้อ นางควรจะเดินเสียด้วยซ้ำ"

"เซียนเอ๋อร์!!!"

"ท่านย่า หลานเป็นถึงว่าที่ไท่จื่อเฟยนะเจ้าคะ ท่านย่าจะไม่ไว้หน้าหลานสักนิดเลยหรือ"

หนิงเซียนเอ่ยด้วยท่าทีที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนไท่ฮูหยินถึงกับถอนหายใจออกมา 

"น่ารำคาญยิ่งนัก เช่นนั้นพวกเจ้าสองแม่ลูกก็มานั่งรถม้าคันใหญ่นี่เถิด ข้าจะพาซือเอ๋อร์ไปนั่งรถม้าคันเล็กนั้นเอง"

หนิงเซียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็เสียหน้าเป็นอย่างมาก ท่านย่าคิดจะหักหน้านาง จะให้นางยอมให้ท่านย่าไปนั่งรถม้าคันเล็กได้เช่นไรกัน หากผู้ใดรู้เข้าย่อมไม่ส่งผลดีต่อนาง คนจะนินทานางได้ว่าไม่เคารพผู้ใหญ่ อกตัญญู ยามที่นางแต่งเข้าไปเป็นไท่จื่อเฟย เป็นมารดาของแผ่นดิน ผู้คนจะเคารพยำเกรงนางได้เช่นไรกัน

ในขณะที่หนิงเซียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะเอาเช่นไรดี สาวใช้น้อยก็วิ่งหน้าตาตื่นมาแจ้งนาง 

"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ฮูหยินใหญ่เป็นอันใดก็ไม่รู้เจ้าค่ะ จู่ ๆ ก็เกิดเวียนหัวกะทันหัน" 

"ท่านแม่!!!" 

หนิงเซียนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปในจวนทันที เมื่อไปถึงนางก็พบกับมารดาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนด้วยใบหน้าซีดเผือด หนิงซือซือและไท่ฮูหยินเองก็รีบตามเข้ามาดูเช่นเดียวกัน 

"ท่านแม่ เป็นเช่นไรเจ้าคะ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ยามเช้าก็ยังปกติดีมิใช่หรือเจ้าคะ" 

"แม่กำลังจะเตรียมของใช้ให้ลูกเพิ่ม เพียงออกแรงมากไปหน่อยน่ะ เจ้าไม่ต้องกังวล" 

"ท่านแม่ ไปวัดเหลียนซานไหวหรือไม่เจ้าคะ หากไม่ไหว ข้าไปกับท่านย่าได้เจ้าค่ะ" 

"ไหวสิ แม่จะปล่อยเจ้าไปเพียงลำพังได้อย่างไรกัน เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เจ้าไปกับท่านย่าก่อนเถิด ไว้แม่อาการดีขึ้นจะตามเจ้าไป" 

"ไม่เจ้าค่ะ ข้าเป็นห่วงท่านแม่" 

หนิงซือซือจ้องมองหนิงเซียนที่โผเข้าไปกอดหนิงฮูหยินด้วยแววตาที่วูบไหว ตั้งแต่นางเติบโตมาก็ไม่เคยเห็นหน้ามารดาของตน ไม่เคยรับรู้ถึงความรักของบิดามารดาเลยสักครา 

ไท่ฮูหยินที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยกับหนิงเซียนทันที 

"เซียนเอ๋อร์ เจ้าอยู่ดูแลมารดาเจ้าก่อนเถิดแล้วค่อยตามย่าไป เรายังต้องอยู่ที่วัดเหลียนซานอีกหลายวัน ย่าจะนั่งรถม้าคันเล็กไป ส่วนเจ้ากับแม่ก็นั่งคันใหญ่ไป จะได้สะดวกสบาย" 

"ไม่ลำบากท่านย่าเจ้าค่ะ ท่านย่ากับน้องเล็กใช้รถม้าคันใหญ่เถิด ข้ากับท่านแม่ไปคันเล็กได้เจ้าค่ะ" 

"เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า อย่างไรส่งคนไปแจ้งย่าด้วยเล่า"

"เจ้าค่ะท่านย่า" 

เมื่อไท่ฮูหยินจากไปแล้ว หนิงเซียนจึงหันไปสบตากับสาวใช้คนสนิท สาวใช้นางนั้นพยักหน้ารับอย่างรู้ความ 

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง ถึงความกตัญญูของคุณหนูใหญ่หนิงเซียน ที่เป็นสตรีดีงามอยู่ในคุณธรรม กตัญญูเหนือผู้ใด นางยอมนั่งรถม้าคันเล็กเพื่อดูแลมารดาที่ไม่สบาย อีกทั้งยังเสียสละไม่นั่งรถม้าคันใหญ่ เช่นนี้พระโพธิสัตว์ย่อมคุ้มครองนาง ต่างจากคุณหนูรองที่ไม่เจียมตน คิดแต่จะเทียบเคียงพี่สาวของตนเองด้วยความริษยา ทั้งที่เป็นเพียงบุตรอนุ ได้นั่งรถม้าคันเล็กก็ถือว่าเป็นวาสนามากแล้ว ช่างไม่ละอายใจเสียบ้าง! ท้ายที่สุดจึงรับเคราะห์กรรมต้องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

โจวเซิงที่เฝ้าดูสถานการณ์มาตลอด เขาเดินทางเข้าเมืองหลวงมุ่งหน้ามาที่จวนตระกูลหนิงตามที่มู่หรงเจวี๋ยสั่งเอาไว้ เนื่องจากมู่หรงเจวี๋ยและหานอวี้มีเรื่องด่วนต้องไปจัดการ เขาเองก็เคยติดตามมู่หรงเจวี๋ยและหานอวี้มาสืบความเป็นไปในจวนตระกูลหนิงอยู่บ่อยครั้ง จึงจำทางได้เป็นอย่างดี

รังโจร

"เจ้าแน่ใจนะ ว่ามีรถม้าของจวนตระกูลหนิงเดินทางมาแค่คันเดียว"

"แน่เสียยิ่งกว่าแน่ขอรับลูกพี่ รถม้าหลังใหญ่เชียวนะขอรับ ข้าถามความจากคนแถวนั้น เขาบอกว่าแม่นางที่ชื่อหนิงเซียนมักจะนั่งรถม้าคันใหญ่นี้ไปไหนมาไหนทุกครา นางไม่ใช้คันอื่นขอรับ "

โจวเซิงเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ เขาเฝ้าติดตามสถานการณ์มาตั้งแต่ต้น ไม่มีทางพลาดเป็นแน่ 

มู่หรงเจวี๋ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาเคยได้ยินมู่หรงหลินเล่าให้ฟังว่าหนิงเซียนมีน้องสาวผู้หนึ่ง แต่นางป่วยขี้โรคไม่ค่อยได้ออกจากจวน เดิมทีเขาคิดว่าสตรีตระกูลหนิงคงจะไปวัดเหลียนซานกันทั้งหมด แต่ช่างเถิด น้องสาวขี้โรคของนางผู้นั้นไม่ได้ติดตามมาด้วยถือเป็นเรื่องดี จะได้ง่ายต่อการลงมือ ไม่สับสนวุ่นวายให้เสียเรื่อง หนิงเซียนต่างหากคือเป้าหมายในการรับเคราะห์ครานี้ ในเมื่อมู่หรงหลินน้องสาวของเขาไม่ได้แต่งกับหยางเซียวหลิ่น นางก็อย่าฝันหวานไปเลย!!!

มู่หรงเจวี๋ยพยักหน้าก่อนจะยกยิ้มมุมปาก 

"ไป!!! เตรียมไปชิงตัวคนกัน"

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • บุปผางามในมือโจร   บทที่ 77 บทส่งท้าย

    เสียงบรรเลงดนตรีดังอึกทึกครึกโครม ผู้คนต่างมองดูเต็มสองข้างทาง เกี้ยวสีแดงสดกำลังเคลื่อนออกจากวังหลวงอย่างช้า ๆ โดยมีแม่ทัพใหญ่มู่หรงที่สวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงนั่งอยู่บนหลังม้า นำขบวนเจ้าสาวด้วยท่าทีที่สง่างาม ฮ่องเต้หยางเฉวียนและหยางเซียวหลิ่นมองดูเกี้ยวของหยางซือหยวนจากไปจนลับสายตา ก่อนที่หยางเซียวหลิ่นจะหันมาเอ่ยกับผู้เป็นพระบิดา "เสด็จพ่อ น้องหญิงอยู่ใกล้ถึงเพียงนี้ ย่อมเข้าวังมาเยี่ยมเยียนเสด็จพ่อได้ทุกเมื่อพ่ะย่ะค่ะ""อืม เซียวหลิ่น เจ้าสั่งการลงไป ส่งหมอหลวงติดตามซือเอ๋อร์ไปให้มากหน่อย ได้ยินว่าหมอหลวงที่ชื่อจินเย่ว์นั่น สนิทสนมกับนาง ก็ให้ตามไปด้วยไม่ต้องเข้ามารับใช้ในวังหลวงแล้ว""พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อไม่ต้องทรงกังวล ทั้งหมอฝีมือดี และพ่อครัวที่ทำอาหารเลิศรส ล้วนติดตามน้องหญิงออกจากวังไปรับใช้หมดแล้ว""ดี ดี"หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็เป็นพิธีอภิเษกสมรสขององค์รัชทายาท และคุณหนูตระกูลมู่หรงขบวนสินเดิมยาวนับพันลี้ ผู้คนต่างแซ่ซ้องสรรเสริญไม่จบไม่สิ้น หลายเดือนต่อมา"โอ๊ย ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว มู่หรงเจวี๋ย!!!""ซือเอ๋อร์เจ้าอดทนเถิด หายใจลึก ๆ""ข้าทำแล้ว แต่มัน โอ๊ย มู่หรงเจวี๋ยเป็นเพร

  • บุปผางามในมือโจร   บทที่ 76 สิ้นตระกูลหนิง

    วังหลวงคล้ายจะมีงานมงคลถึงสองงาน งานแรกคืองานแต่งงานของหยางเซียวหลิ่นและมู่หรงหลิน ส่วนอีกงานหนึ่งก็คืองานแต่งของมู่หรงเจวี๋ยและหยางซือหยวน หยางซือหยวนคิดถึงวันนั้นก่อนที่หนิงอวี้หรงจะจากไป เขามาร่ำลานาง ใบหน้ามีแต่ความยินดี เขาบอกกับนางว่า ในที่สุดก็จะได้ทำสิ่งใดตามใจตนเองเสียทีแล้ว หยางซือหยวนยิ้มส่งเขาทั้งน้ำตา พี่ชายที่แสนดีของนาง นางจะรอวันที่เขาได้กลับมาที่ไท่เหลียงอีกคราก่อนจะมีการประหารเพียงหนึ่งวัน หยางซือหยวนให้มู่หรงเจวี๋ยพานางมาที่คุกหลวง เดิมทีแรกเริ่มเสด็จพ่อไม่เห็นด้วย แต่ทนนางทัดทานไม่ไหวจึงสั่งให้มู่หรงเจวี๋ยมาเป็นเพื่อนนาง ภายในคุกหลวงค่อนข้างมืดทึบและอับชื้น เหล่าผู้คุมต่างรีบจุดไฟเมื่อเห็นว่าองค์หญิงเสด็จมา เมื่อเข้ามาด้านใน นางก็จ้องมองไปที่คุกหลวง ในห้องขังหนึ่ง หนิงเซียนถูกขังเอาไว้กับมารดาของนาง ยามนี้สภาพของนางไม่หลงเหลือความเย่อหยิ่งเฉกเช่นแต่ก่อนอีก เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมา หนิงเซียนจึงหันมาสบตากับหยางซือหยวน เมื่อเห็นเช่นนั้นนางก็ดวงตาลุกวาว ก่อนจะเอ่ยอย่างโกรธแค้น "นังน้องชั่ว เหตุใดเจ้าจึงได้ดีกว่าข้า ไม่จริง ข้าต่างหากที่เป็นองค์หญิง ข้าคือจวิ

  • บุปผางามในมือโจร   บทที่ 75 องครักษ์

    มู่หรงเจวี๋ยใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบร่วมสามเดือน จึงเดินทางกลับเมืองหลวงแคว้นไท่เหลียง ผู้คนต่างรอต้อนรับเขาเต็มสองข้างทาง แม่ทัพใหญ่มู่หรงผู้นำความสงบสุขมาแก่ราษฎร ฮ่องเต้หยางเฉวียนทรงพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ทราบว่าสงครามคราก่อนนั้น เป็นมู่หรงเจวี๋ยอีกเช่นกันที่ทำให้ทัพศัตรูแตกพ่ายไม่เป็นท่า จึงตกรางวัลให้มากมายราวกับสายน้ำ ยามนี้ตระกูลมู่หรงกลับมาคึกคักเช่นแต่ก่อนแล้ว เขาได้พาท่านพ่อท่านแม่กลับจวนอย่างสมเกียรติแล้วข่าวที่น่ายินดีมากกว่านั้นก็คือ มู่หรงหลินได้รับราชโองการให้เข้าวังหลวง และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคู่หมั้นของหยางเซียวหลิ่นองค์รัชทายาทอีกครา ตำแหน่งว่าที่ไท่จื่อเฟยท้ายที่สุดก็ตกเป็นของนางอย่างชอบธรรม "ท่านพี่ ท่านดูสิ ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวข้าเสร็จแล้ว ช่างงดงามยิ่งนัก ข้าน่ะฝีมือหยาบกร้านไม่อาจปักเองได้อย่างงดงามเท่านางกำนัลฝีมือดีในวังหลวงเลย"มู่หรงหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า มู่หรงเจวี๋ยมองดูน้องสาวของตนด้วยความรักใคร่ ก่อนจะหวนนึกถึงหยางซือหยวนที่ยามนี้อยู่ในวังหลวงขึ้นมาได้ยินมาว่าท้องของนางเริ่มใหญ่โตแล้ว จึงเดินเหินมิค่อยสะดวกนัก เห็นทีเขาคงต้องเข้าวังไปพบฝ่

  • บุปผางามในมือโจร   บทที่ 74 รัก

    ระยะนี้มู่หรงเจวี๋ยมักจะใช้ชีวิตอยู่ที่ค่ายทหารเสียเป็นส่วนใหญ่ นอกจากฝึกฝนทหารแล้ว เขาก็จะแอบไปมองดูหนิงซือซือที่อุทยานหลวง พบว่านางมีชีวิตที่ดีไม่น้อย ใบหน้าดูดีขึ้นมากทีเดียว รวมถึงเหล่านางกำนัลก็ปรนนิบัติดูแลนางเป็นอย่างดี ฮ่องเต้หยางเฉวียนทรงรักพระธิดาองค์นี้เป็นอย่างมาก ทุกอย่างในแผ่นดินสิ่งใดที่นางอยากได้ ขอเพียงนางเอ่ยปาก ผู้เป็นพระบิดาก็หามาให้นางได้ทั้งหมด เพื่อชดใช้สิ่งที่นางขาดไปตั้งแต่วัยเยาว์ วันนี้ก็เช่นกัน เขามองดูนางกำลังนั่งดื่มชาชมสวนอยู่ที่อุทยานหลวง ยามนี้บุปผานานาพรรณเริ่มผลิดอก วังหลวงจึงดูงดงามราวกับแดนสวรรค์ก็ไม่ปาน เขายิ้มให้นางคราหนึ่ง นางยังคงมีนิสัยที่เหมือนเดิม รักสหาย ดีต่อทุกคน จินเย่ว์และโจวเซิงมีชีวิตที่ดีในวังหลวง เด็ก ๆ ในรังโจรได้เรียนหนังสือมีความรู้เพราะนางจัดการให้ ผู้คนที่นั่นก็สามารถเข้าเมืองหลวงมาทำการค้าหาเลี้ยงชีพได้ เขาได้ยินว่านางทูลต่อฝ่าบาทว่าจะขอสร้างสำนักศึกษาสำหรับเด็ก ๆ ที่ยากไร้และกำพร้าบิดามารดา อีกทั้งยังจะสร้างสถานสงเคราะห์ให้แก่เด็ก ๆ ที่ไร้ที่พึ่งพิงอีกด้วย ซึ่งฮ่องเต้หยางเฉวียนก็ไม่ได้คัดค้านนางแต่อย่างใด กลับเห็นด้วยเป็นอ

  • บุปผางามในมือโจร   บทที่ 73 พบสหายอีกครา

    ผ่านไปร่วมหลายวัน ในที่สุดหนิงซือซือก็สามารถมองเห็นได้แล้ว ยามนี้ร่างกายของนางดีขึ้นมาก เพราะได้ยาชั้นดีจากหมอหลวงทำให้ร่างกายของนางฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว "องค์หญิงเพคะ ทรงเสวยโอสถก่อนเถิดเพคะ""อืม"นางกำนัลนามว่าอิงเถา เป็นนางกำนัลที่เสด็จพ่อส่งมาคอยรับใช้นาง อิงเถาเป็นสาวใช้ที่มีอายุไม่น้อยแล้ว นางรู้งานเป็นอย่างดี อีกทั้งยังแนะนำสอนสั่งเรื่องกฎระเบียบในวังหลวงให้แก่นางอย่างตั้งใจอีกด้วย ไม่กี่วันต่อมานางก็ได้พบกับหนิงอวี้หรง เมื่อได้เห็นว่าพี่ชายสบายดี นางก็ดีใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินว่าหนิงอวี้หรงจะต้องถูกเนรเทศไปแดนไกล นางก็ทุกข์ใจไม่น้อย หนิงอวี้หรงบอกกับนางว่าไม่ต้องกังวล เขาจะต้องกลับมาพบกับนางอีกอย่างแน่นอนหนิงซือซือยกถ้วยยาขึ้นดื่ม ก่อนจะหันไปเอ่ยกับอิงเถา "ข้าอยากจะเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเสียหน่อย ยามนี้คงประชุมยามเช้าเสร็จแล้วกระมัง""เพคะ ยามนี้ฝ่าบาท กำลังพักผ่อนอยู่ที่ห้องทรงอักษร""เช่นนั้นเจ้าช่วยพาข้าไปทีเถิด""เพคะองค์หญิง"หนิงซือซือถูกอิงเถาประคองนางเดินลงมาอย่างระมัดระวัง เมื่อเดินออกมานอกตำหนัก นางก็มองดูไปโดยรอบ ยามนี้อากาศไม่หนาวมากแล้ว อีกทั้งต้นไม้ก็กำลังผ

  • บุปผางามในมือโจร   บทที่ 72 ชีวิตใหม่

    หนิงซือซือลืมตาตื่นขึ้นมาอีกคราในวันที่สาม นางสลบไม่ได้สติไปถึงสามวันเต็ม ๆ เมื่อได้สติฟื้นคืนขึ้นมาจึงรู้สึกว่าดวงตาพร่าเลือน หัวสมองมึนงง อีกทั้งยังอ่อนเพลียมากอีกด้วย "อุแหวะ""องค์หญิง เร็วเข้า องค์หญิงทรงฟื้นแล้ว ตามหมอหลวงเร็วเข้า"หนิงซือซือลุกขึ้นมานั่งก่อนจะอาเจียนออกมาจนหมดท้อง เมื่อนางค่อย ๆ มองไปโดยรอบ ก็เห็นเป็นเพียงภาพพร่าเลือน ใจของนางพลันเต้นตึก ๆ อย่างหวาดหวั่น มิใช่ว่านางตาบอดหรอกนะ แล้วที่นี่คือที่ใดกันนางพยายามจะขยับกายลุก แต่ทว่าราวกับโลกหมุนเคว้งคว้างจนทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ต้องล้มกายลงนอนไปบนเตียงที่นุ่มนิ่มอีกครา พลันได้ยินเสียงของสตรีนางหนึ่งเอ่ยขึ้น "องค์หญิง อย่าทรงขยับพระวรกายอีกเลยเพคะ ยามนี้ร่างกายพระองค์อ่อนแอนัก"องค์หญิง?หนิงซือซือแค่นเสียงหัวเราะออกมาคราหนึ่ง นี่นางตายแล้วเลอะเลือนหรือไร จึงได้ยินวาจาแปลกประหลาดเช่นนี้"ที่นี่ที่ใด พวกท่านเป็นใครหรือ?"หนิงซือซือเอ่ยถามในขณะที่หลับตานอน นางกำนัลผู้นั้นยิ้มพลางมองนางคราหนึ่ง ก่อนจะหยิบผ้าห่มขึ้นมาห่มให้นางอย่างใส่ใจ"ที่นี่คือวังหลวงเพคะ หม่อมฉันเป็นนางกำนัลขององค์หญิง หากมีสิ่งใดที่ทรงต้องการเรียกใ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status