ยามนี้ในจวนตระกูลหนิงกำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะไท่ฮูหยินที่ฟื้นขึ้นมาเอาแต่ร้องเรียกหาหนิงซือซือ จนแม่ทัพใหญ่หนิงต้องปลอบนางเป็นการใหญ่
"ท่านแม่ ซือเอ๋อร์นางหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยามนี้ทางการกำลังออกตามหาอยู่"
"ฮือออ เจ้าใหญ่ เจ้าต้องพานางกลับมาให้ได้นะ!!!"
แม่ทัพใหญ่หนิงถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะให้หนิงฮูหยินและหนิงเซียนออกไปด้านนอกห้องเสียก่อน เมื่ออยู่กันตามลำพังเพียงสองคน แม่ทัพใหญ่หนิง จึงเอ่ยกับมารดาของตนทันที
"ท่านแม่ ในเมื่อเรื่องราวมันเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้วมิใช่หรือ ท่านทำใจเสียเถิด เดิมทีนางก็ควรหายไปตั้งแต่ยามเด็กแล้ว ถือว่านี่เป็นคราวเคราะห์ของนาง ให้นางรับเคราะห์แทนพวกเรา เพื่อให้จวนตระกูลหนิงอยู่รอด"
"แต่ว่า..."
"ท่านแม่ ท่านฟังข้า หากท่านอยากอยู่อย่างสุขกายสบายใจ อยากเห็นตระกูลหนิงรุ่งโรจน์ ท่านจงทำใจเสีย ท่านเข้าใจใช่หรือไม่? ท่านก็รู้เรื่องราวนี้มาตั้งแต่ต้น"
ไท่ฮูหยินหลับตาลง ก่อนจะร้องไห้ออกมา นางสงสารหนิงซือซือเหลือเกิน หลานสาวของนางไม่น่าจะต้องมาพบเจอเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้เลย
แม่ทัพใหญ่หนิงใช้เวลาปลอบมารดาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง เดิมทีเรื่องที่บอกไท่ฮูหยินว่าคนของทางการกำลังออกตามหาหนิงซือซือนั้นเป็นเรื่องโกหก เขาไม่ได้ส่งผู้ใดออกตามหานาง เขาเพียงจัดการด้วยวิธีของตนเอง แม้ยามนี้เรื่องราวจะบานปลายจนล่วงรู้ถึงคนในวังหลวงแล้ว แต่เขาย่อมมีวิธีรับมือ
หนิงเซียนที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินเข้ามาหาบิดาของตนทันที
"ท่านพ่อ ท่านย่าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?"
"หลับไปแล้ว เซียนเอ๋อร์ พ่อมีเรื่องอยากจะเตือนเจ้า"
"เรื่องอันใดหรือเจ้าคะ?"
"ยามที่เจ้าเข้าวังไปพบหนิงฮองเฮาเสด็จอาของเจ้า จงอย่าเอ่ยเรื่องของหนิงซือซือให้นางฟังมากนัก เงียบได้จงเงียบเสีย พ่อไม่อยากให้เรื่องราววุ่นวายไปมากกว่านี้"
หนิงเซียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางเอ่ยถามผู้เป็นบิดาด้วยความสงสัย
"ท่านพ่อ ลูกเพียงเล่าเรื่องที่หนิงซือซือทำตัวไม่เหมาะสมให้เสด็จอาฟังเพียงเท่านั้นเองนะเจ้าคะ"
"ต่อไปนี้จงอย่าเอ่ยถึงนางอีก อีกสองวันพ่อจะปล่อยข่าวว่าพบศพของนางแล้ว"
"ท่านพ่อ!!! นี่ท่านพ่อจะไม่ตามหานางจริง ๆ หรือเจ้าคะ"
หนิงเซียนจ้องมองบิดาของตนด้วยความตกใจไม่น้อย แต่ในความตกใจนั้นก็มีความดีใจแอบแฝงอยู่
"นางถูกโจรป่าชิงตัวไป ขืนรับกลับจวนมาคงขายหน้าตระกูลหนิงเป็นแน่ เจ้าอยากขึ้นชื่อว่ามีน้องสาวที่เคยถูกโจรป่าย่ำยีเช่นนั้นหรือ? มิสู้บอกว่านางตายไปแล้วเสียยังจะดีกว่า ส่วนศพของนางก็บอกว่าถูกเสือป่ากัดกินไปเสีย เรื่องนี้พ่อจะจัดการเอง ต้องรีบจัดการก่อนพี่ชายใหญ่ของเจ้าจะกลับมาจากสำนักศึกษาบนเขา"
"เจ้าค่ะ"
หนิงเซียนรับคำ ก่อนจะมองดูบิดาที่เดินจากไป นางเดินกลับมาที่ห้องของตนเอง ก่อนจะมองดูชุดแต่งงานที่ทางวังหลวงเพิ่งส่งมาให้เมื่อไม่กี่วันก่อน
ชุดแต่งงานที่นางใฝ่ฝัน ตำแหน่งไท่จื่อเฟยที่นางถวิลหา ในที่สุดทุกอย่างก็ตกเป็นของนางสมดั่งใจหมาย ในที่สุดนางก็เอาชนะสตรีผู้นั้นได้
มู่หรงหลิน!!!
วังหลวง
"เจ้าว่าอย่างไรนะ รถม้าของจวนตระกูลหนิงถูกดักปล้นระหว่างทางเพราะพบกับโจรป่าเข้า ส่วนคุณหนูรองถูกลักพาตัวไปเช่นนั้นหรือ?"
"พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท"
หยางเซียวหลิ่นที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น เขาพอจะได้ยินมาบ้างว่าวันนี้สตรีจากจวนตระกูลหนิงจะเดินทางไปไหว้พระขอพรที่วัดเหลียนซาน ซึ่งเป็นวัดบนเขาที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เขาเองก็เคยไปที่นั่นคราหนึ่ง
เขาไม่เคยพบเห็นหน้าตาของคุณหนูรองผู้นี้มาก่อน แต่มู่หรงหลินเคยเห็นและเคยเล่าให้เขาฟัง เพราะนางมักจะติดตามท่านพ่อของนางไปเที่ยวเล่นที่จวนตระกูลหนิงอยู่บ่อยครั้ง นางบอกว่าคุณหนูรองผู้นี้ค่อนข้างขี้โรค แต่เป็นสตรีที่น่าคบหาไม่น้อย
"องค์รัชทายาท ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้พระองค์เข้าเฝ้าโดยด่วนพ่ะย่ะค่ะ"
หยางเซียวหลิ่นที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปมองขันทีที่เข้ามารายงานคราหนึ่ง ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปที่ตำหนักมังกรสวรรค์ทันที
"ถวายพระพรเสด็จพ่อ ถวายพระพรเสด็จแม่"
เมื่อมาถึงเขาก็พบกับเสด็จพ่อที่กำลังนั่งสนทนากับหนิงฮองเฮาด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก หนิงฮองเฮาที่เห็นเขาก็รีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
"เซียวเอ๋อร์ เจ้ามาหาแม่เร็วเข้า ยามนี้ญาติผู้น้องของเจ้าประสบเคราะห์กรรม เกือบจะถูกโจรป่าชิงตัวไปแล้ว โชคดีที่นางมีบุญบารมี จึงรอดปลอดภัยมาได้"
หยางเซียวหลิ่นที่ได้เห็นท่าทางเสแสร้งของหนิงฮองเฮาก็อยากจะอาเจียนออกมาเต็มทน แต่เขาจำต้องฝืนทนเอาไว้ ทุกวันนี้ที่เขาทำตัวเย็นชากับนาง ก็มากเกินพอแล้ว หากเขาอยากจะทำการใหญ่อันใดให้สำเร็จ ย่อมต้องอดทนไปก่อน
"ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ปลอดภัยดี แต่คนที่รับเคราะห์คือคุณหนูรอง ไม่ทราบว่าแม่ทัพใหญ่หนิงส่งคนออกตามหาแล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงตระกูลหนิง เราจะช้าไม่ได้ ต้องรีบส่งทหารออกไปช่วยตามหาอีกแรง เผื่อว่าจะเจอตัวนางเร็วขึ้น"
หนิงฮองเฮาส่ายหน้าพลางยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา
"ฮืออ ท่านลุงของเจ้าส่งคนออกตามหาแล้ว แต่กลับ ฮึก พบเพียงร่างที่ถูกฉีกทึ้งออกเป็นชิ้น ๆ ฮือ ท่านลุงของเจ้าบอกว่า นางน่าจะถูกเสือป่ากัดกิน พวกมันคงจะย่ำยีซือเอ๋อร์แล้วฆ่านางทิ้ง จนพวกเสือมาเจอเข้าจึงกัดกินร่างของนางเป็นอาหาร ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่อยากเอ่ยถึงแล้วเพคะ หม่อมฉันสงสารหลานสาวยิ่งนัก"
"แต่เวลาเพิ่งจะผ่านมาไม่กี่ชั่วยามเองนะพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดจึงพบเจอศพเร็วยิ่งนัก แล้วนำศพกลับมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ? ให้ลูกไปดูได้หรือไม่ เผื่อมีสิ่งใดให้ช่วยได้บ้าง"
"แม่ไม่รู้ ฮือ แม่ไม่อยากเอ่ยถึงอีกแล้ว มันช่างเศร้าใจยิ่งนัก"
หนิงฮองเฮาคร่ำครวญปานจะขาดใจ ฮ่องเต้หยางเฉวียนที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยปรามหยางเซียวหลิ่นทันที
"เซียวเอ๋อร์เจ้าหยุดถามแม่เจ้าก่อนเถิด นางเสียใจอยู่เจ้าไม่เห็นหรือ อีกอย่างศพของคุณหนูรองก็ให้เป็นหน้าที่ของแม่ทัพใหญ่หนิงผู้เป็นบิดาของนางจัดการไปเสียเถิด เขาเป็นคนพบศพของบุตรสาวตนเป็นคนแรก ยามนี้คงจะเสียใจไม่น้อย เจ้าเป็นว่าที่บุตรเขย และว่าที่สามีของหนิงเซียน ควรจะไปปลอบโยนนางเสียหน่อย"
"ลูกมีงานด่วนต้องเร่งสะสางพ่ะย่ะค่ะ เห็นทีคงจะไปพบนางไม่ได้ ลูกขอทูลลา"
หยางเซียวหลิ่นเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ฮ่องเต้หยางเฉวียนปวดหัวกับพระโอรสของตนที่ไม่ยอมทำตามคำสั่ง ด้านหนิงฮองเฮาก็ลอบกำมือแน่น นับวันหยางเซียวหลิ่นยิ่งเหิมเกริมไม่เชื่อฟังนาง ขืนยังเป็นเช่นนี้ เห็นทีคงจะไม่ได้การเสียแล้ว
หยางเซียวหลิ่นกลับมาที่ตำหนักบูรพา ก่อนจะพบกับไป๋หยวน องครักษ์ลับของเขาที่มารออยู่นานแล้ว ไป๋หยวนทำความเคารพหยางเซียวหลิ่นก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"ถวายบังคมองค์รัชทายาท"
"ไม่ต้องมากพิธี ไป๋หยวน เจ้าพบเบาะแสของอาเจวี๋ยแล้วใช่หรือไม่?"
หยางเซียวหลิ่นเอ่ยถามด้วยความดีใจ เขาส่งไป๋หยวนออกตามหาเบาะแสของมู่หรงเจวี๋ยมาร่วมหลายเดือนแล้ว เขาอยากพบกับมู่หรงเจวี๋ย อยากขอโทษที่ไม่อาจปกป้องสหายรักได้ เขากับมู่หรงเจวี๋ยเป็นสหายร่วมเรียนด้วยกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ สนิทสนมรักใคร่กันมาก เขาเองก็รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย
ไป๋หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยตอบอย่างไม่รอช้า
"ยังพ่ะย่ะค่ะ แต่เมื่อหลายเดือนก่อน มีองครักษ์เงาที่กระหม่อมส่งให้ร่วมตามสืบด้วย คล้ายจะพบคนหน้าเหมือนท่านแม่ทัพใหญ่มู่หรงที่ทางขึ้นหุบเขาเหลียนหยาง แต่ป่าแถบนั้นเป็นป่ารกทึบ ไม่อาจสัญจรเข้าไปได้โดยง่าย กระหม่อมคาดว่าน่าจะไม่ใช่ท่านแม่ทัพใหญ่มู่หรงพ่ะย่ะค่ะ แถบนั้นมักมีโจรป่ามาดักปล้นชาวบ้าน ท่านแม่ทัพใหญ่มู่หรงไม่น่าจะไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่เจอแม้แต่ร่องรอยเลยหรือ"
"พ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้าจงออกตามหาต่อไป ข้าเชื่อว่าอาเจวี๋ยจะต้องยังมีชีวิตอยู่เป็นแน่"
"พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท กระหม่อมจะทำตามรับสั่งอย่างสุดความสามารถ"
เสียงบรรเลงดนตรีดังอึกทึกครึกโครม ผู้คนต่างมองดูเต็มสองข้างทาง เกี้ยวสีแดงสดกำลังเคลื่อนออกจากวังหลวงอย่างช้า ๆ โดยมีแม่ทัพใหญ่มู่หรงที่สวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงนั่งอยู่บนหลังม้า นำขบวนเจ้าสาวด้วยท่าทีที่สง่างาม ฮ่องเต้หยางเฉวียนและหยางเซียวหลิ่นมองดูเกี้ยวของหยางซือหยวนจากไปจนลับสายตา ก่อนที่หยางเซียวหลิ่นจะหันมาเอ่ยกับผู้เป็นพระบิดา "เสด็จพ่อ น้องหญิงอยู่ใกล้ถึงเพียงนี้ ย่อมเข้าวังมาเยี่ยมเยียนเสด็จพ่อได้ทุกเมื่อพ่ะย่ะค่ะ""อืม เซียวหลิ่น เจ้าสั่งการลงไป ส่งหมอหลวงติดตามซือเอ๋อร์ไปให้มากหน่อย ได้ยินว่าหมอหลวงที่ชื่อจินเย่ว์นั่น สนิทสนมกับนาง ก็ให้ตามไปด้วยไม่ต้องเข้ามารับใช้ในวังหลวงแล้ว""พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อไม่ต้องทรงกังวล ทั้งหมอฝีมือดี และพ่อครัวที่ทำอาหารเลิศรส ล้วนติดตามน้องหญิงออกจากวังไปรับใช้หมดแล้ว""ดี ดี"หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็เป็นพิธีอภิเษกสมรสขององค์รัชทายาท และคุณหนูตระกูลมู่หรงขบวนสินเดิมยาวนับพันลี้ ผู้คนต่างแซ่ซ้องสรรเสริญไม่จบไม่สิ้น หลายเดือนต่อมา"โอ๊ย ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว มู่หรงเจวี๋ย!!!""ซือเอ๋อร์เจ้าอดทนเถิด หายใจลึก ๆ""ข้าทำแล้ว แต่มัน โอ๊ย มู่หรงเจวี๋ยเป็นเพร
วังหลวงคล้ายจะมีงานมงคลถึงสองงาน งานแรกคืองานแต่งงานของหยางเซียวหลิ่นและมู่หรงหลิน ส่วนอีกงานหนึ่งก็คืองานแต่งของมู่หรงเจวี๋ยและหยางซือหยวน หยางซือหยวนคิดถึงวันนั้นก่อนที่หนิงอวี้หรงจะจากไป เขามาร่ำลานาง ใบหน้ามีแต่ความยินดี เขาบอกกับนางว่า ในที่สุดก็จะได้ทำสิ่งใดตามใจตนเองเสียทีแล้ว หยางซือหยวนยิ้มส่งเขาทั้งน้ำตา พี่ชายที่แสนดีของนาง นางจะรอวันที่เขาได้กลับมาที่ไท่เหลียงอีกคราก่อนจะมีการประหารเพียงหนึ่งวัน หยางซือหยวนให้มู่หรงเจวี๋ยพานางมาที่คุกหลวง เดิมทีแรกเริ่มเสด็จพ่อไม่เห็นด้วย แต่ทนนางทัดทานไม่ไหวจึงสั่งให้มู่หรงเจวี๋ยมาเป็นเพื่อนนาง ภายในคุกหลวงค่อนข้างมืดทึบและอับชื้น เหล่าผู้คุมต่างรีบจุดไฟเมื่อเห็นว่าองค์หญิงเสด็จมา เมื่อเข้ามาด้านใน นางก็จ้องมองไปที่คุกหลวง ในห้องขังหนึ่ง หนิงเซียนถูกขังเอาไว้กับมารดาของนาง ยามนี้สภาพของนางไม่หลงเหลือความเย่อหยิ่งเฉกเช่นแต่ก่อนอีก เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมา หนิงเซียนจึงหันมาสบตากับหยางซือหยวน เมื่อเห็นเช่นนั้นนางก็ดวงตาลุกวาว ก่อนจะเอ่ยอย่างโกรธแค้น "นังน้องชั่ว เหตุใดเจ้าจึงได้ดีกว่าข้า ไม่จริง ข้าต่างหากที่เป็นองค์หญิง ข้าคือจวิ
มู่หรงเจวี๋ยใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบร่วมสามเดือน จึงเดินทางกลับเมืองหลวงแคว้นไท่เหลียง ผู้คนต่างรอต้อนรับเขาเต็มสองข้างทาง แม่ทัพใหญ่มู่หรงผู้นำความสงบสุขมาแก่ราษฎร ฮ่องเต้หยางเฉวียนทรงพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ทราบว่าสงครามคราก่อนนั้น เป็นมู่หรงเจวี๋ยอีกเช่นกันที่ทำให้ทัพศัตรูแตกพ่ายไม่เป็นท่า จึงตกรางวัลให้มากมายราวกับสายน้ำ ยามนี้ตระกูลมู่หรงกลับมาคึกคักเช่นแต่ก่อนแล้ว เขาได้พาท่านพ่อท่านแม่กลับจวนอย่างสมเกียรติแล้วข่าวที่น่ายินดีมากกว่านั้นก็คือ มู่หรงหลินได้รับราชโองการให้เข้าวังหลวง และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคู่หมั้นของหยางเซียวหลิ่นองค์รัชทายาทอีกครา ตำแหน่งว่าที่ไท่จื่อเฟยท้ายที่สุดก็ตกเป็นของนางอย่างชอบธรรม "ท่านพี่ ท่านดูสิ ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวข้าเสร็จแล้ว ช่างงดงามยิ่งนัก ข้าน่ะฝีมือหยาบกร้านไม่อาจปักเองได้อย่างงดงามเท่านางกำนัลฝีมือดีในวังหลวงเลย"มู่หรงหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า มู่หรงเจวี๋ยมองดูน้องสาวของตนด้วยความรักใคร่ ก่อนจะหวนนึกถึงหยางซือหยวนที่ยามนี้อยู่ในวังหลวงขึ้นมาได้ยินมาว่าท้องของนางเริ่มใหญ่โตแล้ว จึงเดินเหินมิค่อยสะดวกนัก เห็นทีเขาคงต้องเข้าวังไปพบฝ่
ระยะนี้มู่หรงเจวี๋ยมักจะใช้ชีวิตอยู่ที่ค่ายทหารเสียเป็นส่วนใหญ่ นอกจากฝึกฝนทหารแล้ว เขาก็จะแอบไปมองดูหนิงซือซือที่อุทยานหลวง พบว่านางมีชีวิตที่ดีไม่น้อย ใบหน้าดูดีขึ้นมากทีเดียว รวมถึงเหล่านางกำนัลก็ปรนนิบัติดูแลนางเป็นอย่างดี ฮ่องเต้หยางเฉวียนทรงรักพระธิดาองค์นี้เป็นอย่างมาก ทุกอย่างในแผ่นดินสิ่งใดที่นางอยากได้ ขอเพียงนางเอ่ยปาก ผู้เป็นพระบิดาก็หามาให้นางได้ทั้งหมด เพื่อชดใช้สิ่งที่นางขาดไปตั้งแต่วัยเยาว์ วันนี้ก็เช่นกัน เขามองดูนางกำลังนั่งดื่มชาชมสวนอยู่ที่อุทยานหลวง ยามนี้บุปผานานาพรรณเริ่มผลิดอก วังหลวงจึงดูงดงามราวกับแดนสวรรค์ก็ไม่ปาน เขายิ้มให้นางคราหนึ่ง นางยังคงมีนิสัยที่เหมือนเดิม รักสหาย ดีต่อทุกคน จินเย่ว์และโจวเซิงมีชีวิตที่ดีในวังหลวง เด็ก ๆ ในรังโจรได้เรียนหนังสือมีความรู้เพราะนางจัดการให้ ผู้คนที่นั่นก็สามารถเข้าเมืองหลวงมาทำการค้าหาเลี้ยงชีพได้ เขาได้ยินว่านางทูลต่อฝ่าบาทว่าจะขอสร้างสำนักศึกษาสำหรับเด็ก ๆ ที่ยากไร้และกำพร้าบิดามารดา อีกทั้งยังจะสร้างสถานสงเคราะห์ให้แก่เด็ก ๆ ที่ไร้ที่พึ่งพิงอีกด้วย ซึ่งฮ่องเต้หยางเฉวียนก็ไม่ได้คัดค้านนางแต่อย่างใด กลับเห็นด้วยเป็นอ
ผ่านไปร่วมหลายวัน ในที่สุดหนิงซือซือก็สามารถมองเห็นได้แล้ว ยามนี้ร่างกายของนางดีขึ้นมาก เพราะได้ยาชั้นดีจากหมอหลวงทำให้ร่างกายของนางฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว "องค์หญิงเพคะ ทรงเสวยโอสถก่อนเถิดเพคะ""อืม"นางกำนัลนามว่าอิงเถา เป็นนางกำนัลที่เสด็จพ่อส่งมาคอยรับใช้นาง อิงเถาเป็นสาวใช้ที่มีอายุไม่น้อยแล้ว นางรู้งานเป็นอย่างดี อีกทั้งยังแนะนำสอนสั่งเรื่องกฎระเบียบในวังหลวงให้แก่นางอย่างตั้งใจอีกด้วย ไม่กี่วันต่อมานางก็ได้พบกับหนิงอวี้หรง เมื่อได้เห็นว่าพี่ชายสบายดี นางก็ดีใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินว่าหนิงอวี้หรงจะต้องถูกเนรเทศไปแดนไกล นางก็ทุกข์ใจไม่น้อย หนิงอวี้หรงบอกกับนางว่าไม่ต้องกังวล เขาจะต้องกลับมาพบกับนางอีกอย่างแน่นอนหนิงซือซือยกถ้วยยาขึ้นดื่ม ก่อนจะหันไปเอ่ยกับอิงเถา "ข้าอยากจะเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเสียหน่อย ยามนี้คงประชุมยามเช้าเสร็จแล้วกระมัง""เพคะ ยามนี้ฝ่าบาท กำลังพักผ่อนอยู่ที่ห้องทรงอักษร""เช่นนั้นเจ้าช่วยพาข้าไปทีเถิด""เพคะองค์หญิง"หนิงซือซือถูกอิงเถาประคองนางเดินลงมาอย่างระมัดระวัง เมื่อเดินออกมานอกตำหนัก นางก็มองดูไปโดยรอบ ยามนี้อากาศไม่หนาวมากแล้ว อีกทั้งต้นไม้ก็กำลังผ
หนิงซือซือลืมตาตื่นขึ้นมาอีกคราในวันที่สาม นางสลบไม่ได้สติไปถึงสามวันเต็ม ๆ เมื่อได้สติฟื้นคืนขึ้นมาจึงรู้สึกว่าดวงตาพร่าเลือน หัวสมองมึนงง อีกทั้งยังอ่อนเพลียมากอีกด้วย "อุแหวะ""องค์หญิง เร็วเข้า องค์หญิงทรงฟื้นแล้ว ตามหมอหลวงเร็วเข้า"หนิงซือซือลุกขึ้นมานั่งก่อนจะอาเจียนออกมาจนหมดท้อง เมื่อนางค่อย ๆ มองไปโดยรอบ ก็เห็นเป็นเพียงภาพพร่าเลือน ใจของนางพลันเต้นตึก ๆ อย่างหวาดหวั่น มิใช่ว่านางตาบอดหรอกนะ แล้วที่นี่คือที่ใดกันนางพยายามจะขยับกายลุก แต่ทว่าราวกับโลกหมุนเคว้งคว้างจนทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ต้องล้มกายลงนอนไปบนเตียงที่นุ่มนิ่มอีกครา พลันได้ยินเสียงของสตรีนางหนึ่งเอ่ยขึ้น "องค์หญิง อย่าทรงขยับพระวรกายอีกเลยเพคะ ยามนี้ร่างกายพระองค์อ่อนแอนัก"องค์หญิง?หนิงซือซือแค่นเสียงหัวเราะออกมาคราหนึ่ง นี่นางตายแล้วเลอะเลือนหรือไร จึงได้ยินวาจาแปลกประหลาดเช่นนี้"ที่นี่ที่ใด พวกท่านเป็นใครหรือ?"หนิงซือซือเอ่ยถามในขณะที่หลับตานอน นางกำนัลผู้นั้นยิ้มพลางมองนางคราหนึ่ง ก่อนจะหยิบผ้าห่มขึ้นมาห่มให้นางอย่างใส่ใจ"ที่นี่คือวังหลวงเพคะ หม่อมฉันเป็นนางกำนัลขององค์หญิง หากมีสิ่งใดที่ทรงต้องการเรียกใ