แชร์

ตอนที่ 1 ร่างใหม่ 3

ผู้เขียน: LiHong
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-27 16:43:41

หลิ่งหลินเสียเวลาไม่ปลุกใครให้ตื่นขึ้นมาแล้วพร่ำบ่นเพื่อสั่งสอน นางจับกระชากหนังหัวผ่านเส้นผมของสาวใช้แล้วลากออกมาหน้าประตูห้อง

สาวใช้ตกใจจนลืมตาตื่น นางกรีดร้องอย่างงุนงง “กรี๊ด! คุณหนู! เกิดอันใดขึ้น เหตุใด?” 

หลิ่งหลินไม่ตอบคำ นางถีบประตูห้องดังปัง เรียกบ่าวกวาดลานเสียงดัง “ใครอยู่ตรงนั้น ไปเรียกพ่อบ้านมา”

บ่าวคนนั้นย่อมทิ้งไม้กวาด วิ่งออกไปทำตามคำสั่ง 

“คุณหนู ท่านกำลังทำสิ่งใดเจ้าคะ?” สาวใช้สับสน  นางกุมศีรษะตนที่เจ็บแสบเพราะถูกดึงผมจนร่วงเป็นกระจุก

“โอ๊ย! บ่าวเจ็บ ปล่อยนะ คุณหนูบ้าไปแล้วหรือไร?”

สาวใช้ผู้หนึ่งไม่ทำหน้าที่ให้ดียังบังอาจด่าทอเจ้านาย หลิ่งหลินยิ้มเย็น “ข้าบ้าแน่” จบคำพลันเหวี่ยงร่างสาวใช้ออกไปนอกห้อง ร่างนั้นกระแทกพื้นดินดังปึก จุกจนตัวงอ 

ไม่นาน พ่อบ้านก็มาพบตามหน้าที่ “คุณหนูใหญ่ เรียกข้ามามีเรื่องอันใดหรือขอรับ?”

หลิ่งหลินหันไปสั่ง “ขายสาวใช้คนนี้ออกไปซะ”

“หา!?”

สาวใช้เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ

พ่อบ้านนิ่งอึ้งไป ไม่คาดคิดว่าจู่ๆ คุณหนูจะลุกขึ้นมาทำอะไรเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาทำได้เพียงสงสัย รีบสั่งคนให้ลากตัวสาวใช้ออกไป ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะดิ้นพล่านอย่างไร

“ไม่นะ ข้าไม่ไป” 

สาวใช้ปฏิเสธอย่างบ้าคลั่ง งานที่นี่ดีจะตาย มีเจ้านายบื้อๆ โง่ๆ บอกให้ทำอะไรก็เชื่อ แทบไม่ต้องทำงานรับใช้ ไม่ต้องคอยเชื่อฟังคำสั่ง 

“คุณหนู! ท่านไร้เหตุผลเกินไปหรือไม่?  จู่ๆ ก็สั่งขาย ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ท่านจะขายข้าไม่ได้ ข้าไม่ยอม!”

ยัง ยังไม่รู้ตัว 

หลิ่งหลินหรี่ตา แววตาเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็น “ไม่อยากออกไปดีๆ ใช่หรือไม่?” ว่าพลางเดินย่างสามขุม กระชากหนังหัวสาวใช้ให้เงยหน้าสบตา วาจาเลือดเย็น “คงอยากตายอยู่ที่นี่กระมัง? ได้หลับสบายยาวๆเลยเป็นไร”

อีกคราที่ดวงตาสาวใช้เบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม

มีบางสิ่งบอกแก่นางว่าคุณหนูใหญ่สวีผู้โง่เขลาอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงตรงหน้าสามารถฆ่านางให้ตายได้จริงๆ สายตาน่าขนลุกนั่นคืออันใด

ใบหน้าสาวใช้ถูกสะบัดออกจากเรียวนิ้วพร้อมคำสั่ง “ลากตัวออกไป! อย่าให้ข้าเห็นหน้าอีก”

สาวใช้คนนั้นจำยอมถูกขาย มิกล้าอ้าปากโวยวายอีก

หลังจากกลับเข้าห้องและได้อยู่เพียงลำพัง หลิ่งหลินจึงอาบน้ำชำระกาย เลือกชุดใหม่บนชั้นไม้ในตู้มาสวมใส่ ทว่าเลือกอยู่นานกลับเลือกไม่ได้สักที ทั้งตู้มีแต่สีขาว บางตัวเป็นสีฟ้าอ่อน เหลืองอ่อน สดใสหน่อยก็เป็นสีชมพูอ่อนจาง 

ไฉนไม่มีสีดำ สีม่วง สีแดงที่แสดงถึงความแข็งแกร่งและพลังอำนาจบ้างเล่า ช่างเถอะ! นางหยิบชุดสีชมพูมาใส่ แต่ใจจริงอยากได้ชุดสีแดงโลหิตมากกว่า

ครั้นหันมองคันฉ่องเห็นใบหน้าตัวเองก็ถอนหายใจ

เฮ้อ...เดิมทีนางไม่ชอบแต่งหน้าทาชาดหรอกนะ แต่สวีหลิงเยี่ยนผู้นี้หน้าซีดจืดชืดแลดูไร้บารมีมากเกินไป เหมือนศพเดินได้กระนั้น

หลิ่งหลินจึงนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สำรวจครู่หนึ่ง ค่อยประทินโฉมเล็กน้อย 

เอาล่ะ เสร็จแล้ว 

หญิงสาวลุกขึ้นยืน เท้าสะเอว เชิดหน้าซ้ายทีขวาที หน้าขาวปากแดงเหมือนกินเลือดใครมา 

ต้องแบบนี้สิ! หึหึ...

 


[1]สัญลักษณ์หยิน-หยางแทนความสมดุลของพลังในจักรวาล เมื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติของอำนาจหยินและหยาง ไม่มีวันที่จะเหมือนกันได้ แต่เมื่อ ทั้งสองรวมกันแล้วก็จะเกิดความสมดุล ความพอดี

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุปผาวารีสลับวิญญาณสยบมังกร   บทส่งท้าย สัจธรรมกฏแห่งกรรม 4 (จบบริบูรณ์)

    “ไปตายซะ” เขาลุกขึ้นพุ่งร่างเข้ามาตะปบจูรั่วซีแล้วตบตีฉาดใหญ่ “โอ๊ย! เฉินอี้ ท่านบ้าไปแล้วเรอะ”“ข้าจะฆ่าเจ้า”“กรี๊ด!”ทั้งสองตบตีพัลวันยิ่งกว่าสุนัขกัดกันเสียอีก สภาพยามนี้ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมและบุคลิกเฉพาะบุคคลยิ่งกว่าขมุกขมัวมอมแมม เรียกว่าไม่เหลือสง่าราศีใดหวังเหลียนหรงนั่งมองภาพนั้นอย่างเวทนา พลางโบกมือส่งสัญญาณ “ไปจับแยกเสียหน่อย รำคาญยิ่ง”“ขอรับ”เมื่อสมุนสงบศึกด้วยการกดตัวจับมือไพล่หลังทั้งชายหญิงให้คุกเข่านิ่งๆ อยู่คนละมุมห้องขังได้แล้ว หวังเหลียนหรงหรี่ตาลงขณะเอ่ยกับจูรั่วซีต่ออีกว่า “เรื่องความโง่งมเกินบรรยายของเขานั้นช่างเถิด ตอนนั้นข้าถูกเนรเทศก็ปลงตกยอมจำนนคิดเพียงว่าขออยู่อย่างสงบสุขแดนไกล แต่เป็นเจ้าเองที่ไม่รามือ!”นางวางถ้วยชาลงบนโต๊ะดังปึกน้ำชากระชอก จูรั่วซีพลันสะดุ้งโหยง“เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่อาจสืบจนล่วงรู้ ครั้งที่ข้าถูกเนรเทศ เจ้าส่งนักฆ่ามาลอบสังหารข้าระหว่างทางอย่างจงใจให้ใกล้รังโจรพอดิบพอดี ข้าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีเพียงสองทางเลือก คือยอมตายกับหนีตายเข้าป่า และใช่ ข้าหนีตาย ถูกโจรป่าเถื่อนจับตัวไป ถูกทำให้หายตัวอย่างไร้ร่องรอย สตรีเลวทรามเช่นเจ้า ข้าสมควรป

  • บุปผาวารีสลับวิญญาณสยบมังกร   บทส่งท้าย สัจธรรมกฏแห่งกรรม 3

    จูรั่วซียิ่งตัวสั่นน้ำตาไหลพราก ปากละล่ำละลักว่า “เป็นเฉินอี้ที่โง่เอง เขาเบาปัญหาถึงเพียงนั้น ข้าใส่ความเจ้าแค่ผิวเผินเขาก็เชื่อ ทุกแผนการที่ข้าทำเพราะเขาไร้ปัญญา ข้าจึงแทบไม่ต้องเปลืองแรง”“อ้อ...เฉินอี้เขลาปานนั้นเชียว?”“ใช่ เขาโง่จะตาย” หวังเหลียนหรงยิ้ม “อา...เพราะเขารักเจ้าปะไรถึงเชื่อเจ้าอย่างหมดใจ”จูรั่วซีรู้สึกได้ถึงมีดเย็นเฉียบที่ข้างแก้มของตน “เขาหน้ามืดตาบอดเอง ทุกอย่างเป็นความผิดของเขา เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ” นางพูดจนลิ้นแทบพันกัน “สาเหตุที่เจ้าต้องตกระกำลำบากล้วนเป็นเพราะเขา ไม่เกี่ยวกับข้า”เสียงของสองสตรีพูดคุยไปมาทำเฉินอี้หน้าคล้ำหวังเหลียนหรงหันมาถามเขา “ท่านได้ยินหรือไม่?”“รั่วซี เจ้า!”“ไม่เอาน่า” หวังเหลียนหรงหันกลับมาทางเขา ไล้มีดเล่มเดิมตรงสันกรามอีกครา “บุรุษหูเบาหน้ามืดตาบอดต้องถูกลงโทษอย่างไรดีเล่า?”“เจ้าจะทำอะไรอีก อย่า!” เฉินอี้เสียงเครียดหวังเหลียนหรงหรี่ตา “หูเบานักก็ต้องตัดหูซะ”ฉับ! “อ๊า....”ทันทีที่มีดสะบัด หูของเฉินอี้พลันขาดกระเด็น“ดวงตามืดบอดไม่มองสิ่งใดให้กระจ่างก็ไม่ต้องมองอีกต่อไป”ขวับ!หวังเหลียนหรงกรีดตาข้างหนึ่งของเฉินอี้“อ๊ากกกก”เสีย

  • บุปผาวารีสลับวิญญาณสยบมังกร   บทส่งท้าย สัจธรรมกฏแห่งกรรม 2

    “บุตรชายที่ท่านอุ้มชูหมายให้สืบบัลลังก์ทองเป็นเพียงลูกนอกสายเลือดที่นังหญิงชั่วนำมาสวมรอยตอนตั้งครรภ์ปลอม”ม่านตาเฉินอี้พลันหดแคบลงอย่างที่สุด “อ่ะ อะไรนะ?”หวังเหลียนหรงยังคงยิ้ม “ท่านถามนางดูสิ”“จูรั่วซี!” เฉินอี้หันไปตวาดถามสตรีด้านข้าง “เป็นจริงอย่างที่นางพูดหรือไม่?” คนถูกถามได้แต่บื้อใบ้ นางเอาแต่เบิกตามองหวังเหลียนหรงอย่างไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไร ไม่ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ นี่คือความลับอย่างที่สุด นางทำอย่างแยบยลที่สุด หลายปีไม่มีใครรู้เลยสักคนจูรั่วซีส่ายหน้าระรัว ทว่าในดวงตาที่สั่นไหวกลับเผยความนัยชัดเจนและนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับคำตอบเฉินอี้พยายามดึงแขนออกจากแท่นตรึงไปเขย่าร่างของจูรั่วซีมาเค้นถามให้รู้เรื่องมากกว่านี้แต่ทำไม่ได้ เขาจึงหันมาคำรามใส่อดีตชายาเสียงเข้ม “ปล่อยข้า!”หวังเหลียนหรงไม่ทำตามเพียงแย้มยิ้มเฉิดฉาย “ไม่เจอกันนานเลยนะสามีข้า นิสัยของท่านก็เช่นนี้ หลายปีไม่เคยเปลี่ยน หยิ่งยโสทระนงคิดว่าตนยิ่งใหญ่เหนือใครในใต้หล้าเสียเต็มประดา ยามนี้ยังกล้าสั่งข้า? ฮึ! ช่างไม่เจียมตน!” วาจาปลายประโยคของนางเย็นชาพลางยกมีดขึ้นไล้ตามสันกรามคมคายที่เคยหล่อเหลาขาว

  • บุปผาวารีสลับวิญญาณสยบมังกร   บทส่งท้าย สัจธรรมกฏแห่งกรรม 1

    ในคุกใต้ดิน บุรุษและสตรีถูกตรึงไว้บนไม้ทั้งสองแม้จะอยู่ภายใต้อาภรณ์สีขมุกขมัว และเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดเปรอะเปื้อนเกรอะกรัง แต่ก็ยังพอมองออกว่ารูปงามปานใด ผิวพรรณขาวกระจ่างอย่างคนสุภาพดีแค่ไหนหวังเหลียนหรงพลันนึกตัวเองที่ตรงกันข้าม ผิวพรรณของนางเดิมทีดีมาก หากแต่เพราะอยู่รังโจรหลายปีนั้นผิวนางทั้งหยาบกระด้างและหม่นหมองสุขภาพก็ไม่สมบูรณ์แข็งแรงดุจเก่า ถูกชำเราถูกย่ำยีจนนับครั้งไม่ถ้วน ผลพวงจากการถูกเคี่ยวกรำทำให้ทุกวันนี้มีโรคเรื้อรังติดกาย แม้อยู่สุขสบายดีขึ้นแต่จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้ยิ่งคิดถึงเรื่องเหล่านี้ คิดถึงคืนวันที่บัดซบสิ้นดี หวังเหลียนหรงก็ยิ่งมองอดีตสามีกับหญิงชู้ของเขาด้วยสายตาชิงชังเคียดแค้นเป็นหมื่นเท่าพันทวี“เจ้าจงมองให้ดี สองคนนี้คือคนที่ทำให้ชีวิตพวกเราแม่ลูกอัปยศยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็นยี่สิบกว่าปี”หลิ่งเฮ่อยืนด้านข้างมารดามองผู้เป็นบิดาอย่างเย็นชา “ได้พบหน้าเสียที ข้าไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีใบหน้าเหมือนเขาถึงเพียงนี้”ชายหนุ่มไม่เคยมีความคิดเรียกเฉินอี้ว่าท่านพ่อ สรรพนามจึงห่างเหินปานนั้นสวีหลิงเยี่ยนในร่างหลิ่งหลินก็อยู่ด้วยนางว่า“ยิ่งมองยิ่งเหมือน ไม่บ

  • บุปผาวารีสลับวิญญาณสยบมังกร   เล่มพิเศษตอนที่ 10 ประมือผู้เยี่ยมยุทธ 2

    นานร่วมเดือนจึงพากันออกมาประลองยุทธที่ลานฝึกด้านนอก บางครั้งยังพากันออกไปฝึกฝนบนยอดภูผา ใช้ทักษะการเอาชีวิตรอดกลางป่ากินคน ดำดิ่งลงสู้ก้นทะเลสาบมรณะ ระหว่างนั้นยังฝึกทักษะการเผชิญหน้าต่อสถานการณ์เลวร้ายรูปแบบต่างๆ เรียกว่าสอนสั่งอย่างครบถ้วนยิ่งกว่าศิษย์อาจารย์ระหว่างหลิ่งหลินกับสวีหลิงเยี่ยนนั้นเรียกว่ายอดฝีมือปะทะยอดฝีมือโดยแท้ ร่างเก่าของหลิ่งหลินฝึกสรรพวิชาจนสำเร็จขั้นสุดยอดเพียงถ่ายทอดให้วิญญาณได้รู้จักนำพลังที่แท้จริงออกมาใช้ก็เท่านั้น ส่วนร่างของสวีหลิงเยี่ยน เมื่อได้วิญญาณหลิ่งหลินครอบครองพร้อมปราณพิเศษที่ตามติดมาด้วยกัน ทำให้นางที่เป็นคนสอนกลับพัฒนาพลังให้ร่างกายตนได้เช่นกัน สตรีสองคนจึงกลายร่างเป็นนางมารสองตัว ความน่ากลัวในฝีมือยุทธไต่ระดับขึ้นสูงจนทัดเทียมริมลานฝึกนั้น หลิ่งเฮ่อกับจ้าวหมิงอวี่กำลังนั่งจิบชาเดินหมาก สนทนาอย่างไม่มีเบื่อหน่ายในฐานะสามี บุรุษทั้งสองล้วนต้องอยู่ให้กำลังใจภรรยา คอยดูแลส่งข้าวส่งน้ำมิขาดสาย “องค์ชายดูสบายอกสบายใจเหลือเกินนะ” หลิ่งเฮ่อเอ่ยกับอีกฝ่ายที่เดินหมากด้วยกันจ้าวหมิงอวี่คลี่ยิ้มมุมปาก หากเป็นเมื่อก่อน เขาไม่มีทางอารมณ์ดียามอยู่กับหลิ่

  • บุปผาวารีสลับวิญญาณสยบมังกร   เล่มพิเศษตอนที่ 10 ประมือผู้เยี่ยมยุทธ 1

    ท้องนภากว้างมืดมิด ดวงดาวระยิบระยับ สาดส่องทั่วพสุธา ลมหนาวดุจคมมีด กรีดเฉือนเนื้อคนลานฝึกขนาดใหญ่กลางพงไพรไร้ศาสตรา บริเวณนี้เป็นเชิงเขาชายป่าเชื่อมลานฝึกยุทธวิถี หลิ่งหลินในร่างดรุณีตัวเล็กอายุสิบหกปียืนตระหง่านเบื้องหน้าสตรีตัวสูงวัยยี่สิบห้าอย่างท้าทายนางสูงเพียงครึ่งศีรษะของอีกฝ่าย ทั้งยังต้องเงยหน้าจนเมื่อยลำคอไปหมด“ว่าอย่างไร? หากเจ้าไม่สู้ ข้าจะเก็บตัวฝึกวิชาอสูรผลัดกายแล้วนะ รับรองได้ว่าใช้เวลาเพียงไม่นาน ข้าจะสามารถเรียกร่างของตัวเองคืนมาได้ในพริบตา”สวีหลิงเยี่ยนก้มมองร่างเก่าของตนเงียบงัน ความหมายนั้นมิใช่เรียกสามีคืนด้วยหรือไร?ในที่สุดสวีหลิงเยี่ยนก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ได้ ข้าจะสู้”“ดี” หลิ่งหลินเสียงเข้มขึ้น “เจ้าจงสาบาน! ไม่ว่าเจ็บเจียนตาย จะรักษาร่างนี้เอาไว้ให้ดีที่สุด”“ได้ ข้าสาบาน” สวีหลิงเยี่ยนสูดลมหายใจลึก เริ่มฮึกเหิมโดยไม่รู้ตัว เพื่อได้อยู่กับหลิ่งเฮ่อต่อไป นางจะต้องสู้“ลงมือ!”หลิ่งหลินพาร่างเล็กของตนพุ่งกระโจนใส่อีกคนที่ตัวโตสูงกว่า การต่อสู้เกิดขึ้นกลางลานกว้างนั้นทันที เพียงแต่มิได้รุนแรงดังที่สวีหลิงเยี่ยนนึกหวาดหวั่น“ท่านออมแรงให้ข้าหรือ?” สวี

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status