Home / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่4เซิ่งซื่อ

Share

ตอนที่4เซิ่งซื่อ

last update Huling Na-update: 2025-07-10 07:32:46

"หลันเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"

อวี้จิ้งเอ่ยถามบุตรสาวน้ำเสียงเจือความร้อนใจ เมื่อเห็นว่านางนิ่งเงียบไปไม่ตอบคำ

อวี้หลันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ปรายตามองไปยังสตรีที่ยืนเงียบๆ อยู่ด้านหลังของอวี้จิ้ง ก่อนจะถอนสายตากลับมา เอ่ยตอบเสียงแผ่วเจืออาการอ่อนแรง สายตานิ่งเรียบราวไม่มีอะไร ทว่าในความนิ่งนั้นกลับมีประกายบางอย่างซ่อนอยู่

"ท่านหมอกำลังจะตรวจเจ้าค่ะ"

"อ้อ เช่นนั้นหรือ"

อวี้จิ้งพยักหน้ารับคำ ก่อนจะหันไปมองชายชราที่ยืนอยู่ด้านข้าง สายตาสำรวจด้วยความสงสัยอยู่ชั่วครู่ แม้จะรู้สึกประหลาดใจที่อีกฝ่ายดูเป็นเพียงหมอชาวบ้าน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใด เพียงบอกให้อีกฝ่ายเร่งตรวจดูอาการบุตรสาว

"เชิญท่านหมอ"

ท่านหมอตู้ที่ลุกขึ้นหลีกทางให้อวี้จิ้งตั้งแต่แรก พอได้ยินเช่นนั้นก็ค้อมศีรษะลงทำความเคารพเจ้าของจวน 

เขาไม่ใช่คนโง่ ย่อมพอเข้าใจได้ว่าเหตุใดคุณหนูผู้นี้จึงตอบออกมาเช่นนั้น เมื่อเข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด รีบก้าวเข้าไปนั่งลงตรงที่เดิมอย่างสงบ ยื่นมือไปจับชีพจรของนางอีกครั้ง ทำราวกับพึ่งจะตรวจรักษา

ปลายนิ้วของเขาวางลงบนข้อมืออย่างมั่นคง ผ่านไปครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุขุม

"ชีพจรยังอ่อนอยู่ แต่ไม่ถึงขั้นอันตรายถึงชีวิต ขอเพียงพักผ่อนให้เพียงพอและรับยาให้ครบตามตำรับ อาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้นขอรับ"

ขณะที่ท่านหมอตู้เอ่ยรายงาน อวี้หลันรับฟังเงียบๆ สายตามองผ่านอวี้จิ้งไปยังเงาร่างของสตรีที่ยืนอยู่ข้างหลัง หญิงผู้นั้นยังคงยืนอย่างสงบ กิริยาเรียบร้อยสมเป็นสตรีในจวนใหญ่ ดวงตาคู่นั้นไม่ได้มองมาทางนางโดยตรง แต่ก็คล้ายจับจ้องทุกถ้อยคำทุกการกระทำไว้อย่างไม่พลาดสักอย่าง

หลังท่านหมอตู้บอกอาการ หัวคิ้วของอีกฝ่ายก็ขมวดมุ่น แม้จะเพียงครู่เดียวแต่ก็หาได้รอดจากสายตาของนาง และถึงแม้ตอนนี้ใบหน้านั้นจะกลับมาเรียบนิ่งดังเดิม หากแต่แววตากลับเย็นชาเกินจะปกปิด

อวี้หลันหัวเราะในใจเบาๆ ดวงตายังคงว่างเปล่า ทว่าภายในกลับตื่นรู้มากขึ้นเรื่อยๆ

ดูเหมือนว่าเพียงแค่ได้พบกับคนที่เจ้าของร่างเคยรู้จัก ความทรงจำและเรื่องราวของคนผู้นั้นก็จะปรากฏขึ้นมาในหัวของนางเอง นับว่าสวรรค์ก็ไม่ได้ใจร้ายกับนางมากนัก ถึงได้มอบความพิเศษนี้ให้

หญิงผู้นี้ คือ เซิ่งซื่อ ฮูหยินรองที่อวี้จิ้งแต่งเข้าจวนด้วยเหตุผลทางการเมืองและปูเส้นทางสู่อำนาจ

นางเป็นบุตรีของสกุลเซิ่ง ตระกูลสายทหารที่แม้จะมิได้มีรากเหง้าสูงศักดิ์เทียบเท่าตระกูลขุนนางชั้นสูง แต่ก็เริ่มมีหน้ามีตาในสายทหาร บิดาของนางดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพ และมีบทบาทไม่น้อยในแนวชายแดน ชื่อเสียงของเขากำลังเป็นที่จับตา และไม่อาจมองข้ามอิทธิพลในกองทัพได้โดยง่าย ทั้งความสามารถของตระกูลเซิ่งก็ไม่ด้อย ภายหน้าย่อมทะยานขึ้นสูงได้ไม่ยาก

ด้วยพื้นเพจากตระกูลทหาร เซิ่งซื่อเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว นางเรียนรู้มาตั้งแต่ยังเยาว์ว่าในโลกของสตรี โดยเฉพาะใน "เรือนหลัง" ซึ่งเต็มไปด้วยกลอุบายและการชิงดีชิงเด่น ผู้ใดอ่อนแอ ย่อมถูกกลืนหายไปโดยไร้ร่องรอย นางจึงไม่ยอมให้ตนเองเป็นเช่นนั้น

นางมิใช่หญิงไร้สติ หากแต่ฉลาดหลักแหลม เยือกเย็น รู้จักอ่านสถานการณ์และเล่นบทอ่อนอย่างแยบคาย ความอ่อนน้อมของนางไม่ใช่เพราะไร้ทางสู้ แต่เป็นเพียงฉากหน้าที่พรางคมดาบในใจไว้ให้ลึกที่สุด

ไม่นานหลังจากแต่งเข้าสู่จวนรองเสนาบดีอวี้ นางก็ตั้งครรภ์ และนี่ถือเป็นชัยชนะก้าวแรกในเรือนหลังของนาง

แต่โชคชะตาก็ยังเล่นตลกไม่เลิก เพราะหลังจากที่เซิ่งซื่อตั้งครรภ์ ไป๋ซูเหยาที่ไม่มีวี่แววว่าจะตั้งครรภ์กลับตั้งครรภ์ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ต่อมาเซิ่งซื่อก็ให้กำเนิดธิดาคนโตของจวนนามว่า อวี้เหมย

และสามเดือนถัดมา ไป๋ซูเหยาก็ให้กำเนิดทารกฝาแฝด แฝดผู้พี่นั้นเป็นบุตรสาวนามว่า อวี้หลัน

ส่วนแฝดน้องนั้นเป็นชาย และยังเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลนามว่า อวี้เฉิง 

ถัดมาอีกหนึ่งปี เซิ่งซื่อก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิด อวี้คุน บุตรชายคนรอง

จึงนับว่าทั้งไป๋ซูเหยาและเซิ่งซื่อ ต่างมีบุตรธิดาเป็นหลักเป็นฐานมั่นคง

แต่โชคชะตากลับพลิกผันอย่างไม่คาดคิด...

ไม่กี่ปีต่อมาตระกูลไป๋ ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับต่างแคว้น ผู้ถูกกล่าวหาคือ ไป๋เยี่ยนหรง พี่ชายแท้ๆ ของไป๋ซูเหยา และข้อกล่าวหาคือแอบขายข้อมูลภายในให้ต่างแคว้น

แม้ไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่ตระกูลไป๋ก็ถูก "ปลดสถานะตระกูลขุนนางราชวงศ์" ทรัพย์สมบัติถูกยึด ราชโองการลงดาบ "เงียบ" อย่างไม่มีคำอธิบาย

เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เพียงส่งผลกระทบต่อตำแหน่งของอวี้จิ้งผู้เป็นบุตรเขยของตระกูล หากแต่ยังกระทบถึงการหมั้นหมายของอวี้หลันกับองค์ชายห้าที่ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกันไว้ก็จำต้องหยุดชะงัก

ในขณะเดียวกันตระกูลเซิ่งกลับยิ่งเปล่งประกาย สร้างผลงานจนเป็นที่กล่าวขวัญถึง

วันวานที่เคยรุ่งเรืองของไป๋ซูเหยากลับหม่นมัวเกินกว่าฝันร้ายใดจะเทียบเคียง ในปีเดียวกันนางล้มป่วยหนักด้วย โรคปริศนา  อาการทรุดหนักลงอย่างไม่มีสาเหตุ แม้จะเชิญหมอหลวงและหมอฝีมือดีจากทั่วทุกสารทิศมารักษาก็ยังไร้ผล หยกผกาที่เคยงามที่สุดในเมืองหลวงกลับโรยร่วงลงอย่างน่าใจหาย

ในคืนที่นางสิ้นใจ เด็กแฝดชายหญิงในวัยเพียงเจ็ดขวบนั่งกอดกันแน่น ซุกตัวอยู่ข้างเตียงรอให้มารดาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ไม่ว่าจะรอนานเพียงใด ก็ไม่มีเสียงอ่อนโยนที่เคยปลอบโยนใจดังขึ้นจากริมฝีปากอันอบอุ่นนั้น

"ท่านแม่ ตื่นเถิดเจ้าคะ หลันเอ๋อร์กลัว"

ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา มองใบหน้าซีดเผือดของมารดาที่หลับใหลไร้เสียงตอบรับ

เสียงแผ่วเบาราวกระซิบถูกกลืนหายไปในความเงียบงันของค่ำคืน

ไม่มีเสียงตอบรับ

ไม่มีอ้อมกอดอันอบอุ่น

เหลือเพียงความเงียบเย็นชืด ที่โอบล้อมหัวใจน้อยๆ ไว้อย่างไร้ความปรานี

"พี่หญิงอย่าร้องไห้ เฉิงเฉิงจะดูแลและปกป้องพี่หญิงเอง"

เสียงปลอบโยนแผ่วเบาดังขึ้นจากเด็กชายตัวน้อย ใบหน้าเล็กเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ทั้งยังไหลลงมาไม่หยุด แม้เจ้าตัวจะพยายามฝืนกลั้นไว้แค่ไหนก็ตาม

อวี้หลันกอดน้องชายแน่นขึ้น สะอื้นอยู่เงียบๆ ข้างเตียงของมารดา หัวใจที่ยังไร้เดียงสาเต็มไปด้วยความสับสน หวาดกลัว และเจ็บปวด

แต่หลังจากพิธีศพของมารดาจบลง โลกของนางกลับยิ่งเงียบเหงา เมื่อน้องชายฝาแฝด ผู้ที่บอกว่าจะปกป้องนาง กลับถูกชายหนุ่มแปลกหน้าผู้หนึ่งอุ้มเขาจากไป 

อวี้หลันไม่อาจขัดขืนหรือช่วยเหลืออีกฝ่ายได้ ทำได้เพียงยืนมองแผ่นหลังสูงใหญ่ตั้งตระหง่านของชายผู้นั้นที่ค่อยๆ เดินห่างออกไป พร้อมกับน้องชายเพียงคนเดียวที่เป็นโลกทั้งใบของนาง

ใบหน้าเล็กๆ ของเฉิงเฉิงยังคงหันมามองนาง น้ำตาไหลอาบแก้ม ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยคำสัญญาที่ไม่ต้องเปล่งเสียง

ว่าเขาจะกลับมาปกป้องนาง

แม้เขาจะไม่พูดออกมา แต่แววตานั้นก็ชัดเจนเกินกว่าคำพูด

นับแต่นั้น อวี้หลันก็ไม่เคยเห็นน้องชายฝาแฝดอีกเลย...

."หลันเอ๋อร์เป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไมกัน บอกพ่อเร็วเข้า"

เสียงทุ้มของอวี้จิ้งดังขึ้นอย่างร้อนใจ และเต็มไปด้วยความกังวล ปลุกสติของนางให้กลับคืนมาสู่ปัจจุบัน

อวี้หลันกะพริบตา มึนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกปลายนิ้วแตะไปที่แก้มอย่างเงียบงัน

ปลายนิ้วเปียกชื้นไปด้วยน้ำใสๆ

นาง... ร้องไห้

หญิงสาวมองหยดน้ำตาบนปลายนิ้วราวกับเป็นสิ่งประหลาด

น้ำตา สิ่งที่นางไม่ได้สัมผัสมานานหลายปี จนแทบลืมไปแล้วว่ามันรู้สึกอย่างไร

หัวใจที่ด้านชามานานกลับสั่นสะเทือนเพียงเพราะความทรงจำของเจ้าของร่าง

ไม่คิดเลยว่า แค่ได้มาอยู่ในร่างนี้เพียงไม่นาน นางจะอ่อนแอถึงเพียงนี้

อวี้หลันเบือนหน้าเล็กน้อย หยาดน้ำตาบนขนตายังคงไม่แห้งดี

"ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ข้าคงเหนื่อยเกินไป"

เสียงของนางแผ่วเบา พยายามควบคุมให้นิ่งที่สุด

"หากเจ้าเหนื่อยเช่นนั้นก็พักผ่อนเสีย พ่อไม่รบกวนเจ้าแล้ว"

อวี้จิ้งไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงหันไปกำชับให้ท่านหมอตู้ดูแลนางให้ดี เขาอนุญาตให้อีกฝ่ายเป็นผู้รักษานาง

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่53เที่ยวชมตลาด

    "ข้าคิดว่า เจ้าควรถอยออกมาให้ห่างจากว่าที่ชายาข้านะ เจ้าห้า"ดวงเนตรดุดันขององค์ชายใหญ่ฉายแววกร้าว ขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ หลี่จื้อหยวนยืนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาคมปลาบยังคงตรึงอยู่บนร่างบอบบางของอวี้หลัน สีหน้าสงบนิ่ง แต่แฝงความดื้อรั้นชัดเจน เขาแค่นยิ้มเย็น ก่อนหมุนตัวกลับไปสบตาพี่ชายต่างมารดาอย่างท้าทาย"เสด็จพี่ เกรงว่าทรงเข้าใจผิดแล้วกระมัง ข้าหาใช่คนอื่นคนไกล เพียงแวะมาทักทายหลันเอ๋อร์เท่านั้น"คำพูดนั้นแม้ฟังดูสุภาพแต่กลับแฝงแววท้าทาย ไม่มีผู้ใดยอมก้าวถอย บรรยากาศรอบตัวพลันเคร่งขรึมจนแม้แต่สายลมเย็นที่พัดลอดหน้าต่างเข้ามาก็ไม่อาจคลายความร้อนแรงระหว่างทั้งสองลงได้แต่ก่อนที่จะเกิดการปะทะกันระหว่างสองพี่น้อง อวี้หลัน สตรีเพียงผู้เดียวท่ามกลางแรงกดดันราวสนามรบ นางยอบกายเล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบแต่ชัดเจน"องค์ชายห้า ได้โปรดหลีกทางให้หม่อมฉันด้วยเพคะ"เสียงหวานใสของนางเปรียบดังสายน้ำเย็นที่สาดลงบนเพลิงที่กำลังลุกโชน หลี่จื้อหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาสั่นไหวเต็มไปด้วยความตัดพ้อและเจ็บปวด เขาจ้องมองนางเนิ่นนาน ราวกับไม่อยากยอมรับคำพูดนั้น ก่อนจะฝืนหัวเราะเบาๆ ท้ายที่สุดก็ยอมถอย หลีกทางให

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่52ประจันหน้า

    หลังจากเหตุการณ์มากมายถาโถมเข้ามาในจวนอวี้ ความเงียบสงัดก็กลับกลายเป็นสิ่งที่ปกคลุมอยู่ทั่วทุกมุม แม้เรื่องราวจะคลี่คลายลงแล้ว แต่ในใจของใครหลายคนยังคงหลงเหลือร่องรอยแห่งความเจ็บปวดอวี้จิ้งผู้เป็นบิดามองบุตรีคนรองด้วยสายตาอ่อนโยนกว่าที่เคย ความเข้มงวดถูกแทนที่ด้วยความห่วงใยลึกซึ้ง ภายหลังเหตุการณ์คาวเลือดและความวุ่นวายในตระกูล เขาเกรงว่าดวงใจของอวี้หลันจะถูกครอบงำด้วยความหวาดกลัวและเศร้าหมอง"หลันเอ๋อร์"อวี้จิ้งเอ่ยเรียกบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "หากเจ้าอยากออกไปเที่ยวเล่นนอกจวนก็ไปเถิด ความครึกครื้นภายนอกอาจช่วยให้จิตใจผ่อนคลายได้บ้าง"อวี้หลันยอบกายคารวะรับคำ ดวงตาคู่งามแม้ยังเจือความสงบนิ่ง แต่ในแววตากลับสะท้อนประกายอ่อนไหวเล็กน้อย นางรู้ดีว่า คำอนุญาตครั้งนี้ของบิดาไม่ใช่เพียงเพราะความเอ็นดู แต่เพราะท่านพ่อห่วงใยหัวใจของนางอย่างแท้จริง"ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ"น้ำเสียงอ่อนหวานตอบรับอย่างอ่อนน้อม จะว่าไป การได้ออกไปสูดอากาศภายนอกก็ดีเหมือนกัน ความคึกคักของผู้คนในตลาด อาจช่วยคลายความอึดอัดในใจที่ยังหลงเหลืออยู่ได้บ้าง อีกทั้งนางเองก็ยังไม่เคยมีโอกาสเที่ยวชมความครื้นเครงของโลกภายน

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่51คลื่นใต้น้ำ

    ภายในห้องคุมขังอับชื้น กลิ่นสนิมของโซ่เหล็กและคราบเลือดคละคลุ้งอยู่โดยรอบ ร่างของเซิ่งซื่อซูบเซียวลงจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ใบหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ซ่อนความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ไม่เคยสมาน แผลที่แผ่นหลังของนางเริ่มเน่าเปื่อย แม้จะมีการทำแผลอย่างลวกๆ แต่พิษไข้ก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง นางนอนซูบซีดบนฟางเก่า เสียงหายใจขาดห้วงราวเปลวเทียนใกล้ดับดวงตาของนางพร่ามัว น้ำตาเอ่อรื้น เมื่อนึกถึงบุตรชายบุตรสาวที่ไม่อาจกอดเป็นครั้งสุดท้าย ความเจ็บปวดในกายคล้ายถูกกลืนหายไป เหลือเพียงความขมขื่นที่ตรึงอยู่กลางใจในห้วงสุดท้าย คล้ายถูกดึงวิญญาณไปทีละน้อย สายตาพร่ามัวค่อยๆ จับภาพตรงหน้า แล้วร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นราวกับฝันไป๋ซูเหยา ฮูหยินเอกผู้ล่วงลับ ภรรยาคนแรกของอวี้จิ้ง ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยชุดผ้าแพรสีอ่อนงดงาม ดวงหน้าสงบหากแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความโกรธแค้นเซิ่งซื่อสะดุ้งเฮือก หัวใจสั่นสะท้าน นางพึมพำเสียงแผ่วเหมือนเพ้อ"ไป๋ซูเหยา เจ้า…เจ้าใช่หรือไม่"ภาพตรงหน้านั้นเหมือนจริงเหลือเกิน ริมฝีปากของไป๋ซูเหยาขยับเอื้อนเอ่ย แต่เสียงที่ได้ยินกลับเป็นเสียงกรีดร้องของหญิงผู้สิ้นใจด้วยพิษที่นางเป็นคนมอบให้ ค

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่50ลงดาบเซิ่งซื่อ

    "ไม่ใช่ว่าท่านมีจุดประสงค์อื่นหรอกหรือ"เสียงของอวี้หลันเอ่ยดังขึ้นชัดถ้อยชัดคำ ทุกถ้อยคำหนักแน่นดุจคมดาบ นางก้าวออกมาหนึ่งก้าว ดวงตาคมกริบฉายแววกร้าว ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงเรียบเย็น"สิ่งที่ท่านทำไปทั้งหมด ก็เพื่อเปิดทางให้หลานชายของท่านย่ำยีข้า... คงไม่ต้องให้ข้าบอกกระมังว่าเพื่อสิ่งใด"สิ้นถ้อยคำนั้น บรรยากาศพลันเงียบงัน หนักหน่วงจนผู้ใดก็ไม่กล้าเอ่ยอันใด บ่าวไพร่ที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างหน้าถอดสี ร่างสั่นระริก บางคนถึงกับหายใจติดขัดราวอกจะระเบิดดวงตาคมกริบของอวี้หลันสบกับผู้เป็นบิดา ก่อนจะตวัดไปยังร่างไร้สติของเซิ่งกงซุนที่ถูกองครักษ์คุมตัวลากเข้ามา ร่างนั้นนอนแน่นิ่งไร้เรี่ยวแรงบนพื้น ดูน่าสังเวชยิ่งนัก"นี่... นี่มันหมายความเช่นไร"อวี้จิ้งใบหน้าดำคล้ำ ตวัดสายตามองใบหน้าซีดเผือดของเซิ่งซื่ออย่างดุดันคำพูดนั้นของบุตรสาวที่ดังก้องกังวานในห้องหนังสือ ราวกับฟ้าผ่าลงมากลางใจอวี้จิ้ง เขาคล้ายจะมองเห็นความผิดหวังวูบหนึ่งในดวงตาของนาง ใช่ เขาเกือบจะใจอ่อนเพียงคำพูดไม่กี่คำของเซิ่งซื่อดวงตาคมวาววับของอวี้จิ้งจ้องมองภรรยาที่เขาเคยไว้ใจมานาน ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความอ่อนโยนในความทรงจำ ยาม

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่49เซิ่งซื่อจนมุม

    เซิ่งซื่อก้าวออกมาส่งแขกด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ยังคงรักษาท่วงท่าอันงดงามและคำพูดนอบน้อมอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง นางเอ่ยขอบคุณเสียงนุ่ม เสมือนว่าเหตุการณ์ที่เจ้าของงานและบุตรทั้งสองหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรใส่ใจ แขกหลายคนมองหน้ากันอย่างประหลาดใจที่งานเลี้ยงถูกยุติลงเร็วกว่ากำหนด ทั้งที่ยังไม่ทันได้กล่าวคำอำลาเจ้าของงานด้วยซ้ำ"วันนี้ท่านอัครเสนาบดีมีธุระด่วนกะทันหัน จึงต้องขออภัยทุกท่านด้วยเจ้าค่ะ"เซิ่งซื่อยิ้มกล่าวเสียงนุ่มนวล มือขาวเรียวผสานคำนับทุกผู้คนอย่างสง่างามแขกหลายคนแม้จะรู้สึกฉงน แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าตั้งคำถามให้เป็นเรื่องใหญ่ จะมีก็เพียงการลอบสบตากันและการกระซิบกระซาบเบาๆ ก่อนแยกย้ายกันกลับไป แต่ละคนเก็บความสงสัยไว้ในใจเพียงเท่านั้นเมื่อประตูใหญ่ค่อยๆ ปิดลง ความเงียบอึมครึมก็เข้าปกคลุมทั่วโถงเรือนรับรองทันที รอยยิ้มที่เคยแต้มอยู่บนใบหน้าเซิ่งซื่อพลันเลือนหาย นางยกพัดในมือขึ้นโบกเบาๆ แววตาฉายประกายเย่อหยิ่งและพึงพอใจในสายตาของนาง เหตุการณ์ในคืนนี้หาใช่ความน่าอับอายไม่ หากแต่เป็นหลักฐานว่าแผนการที่วางเอาไว้กำลังเดินหน้าไปตามครรลอง ทุกสิ่งทุกอย่า

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่48กำจัดเซิ่งซื่อ

    แสงจันทร์ส่องลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาในเรือนด้านทิศตะวันออกอย่างเงียบสงัด แสงเงินบางเบานั้นทอดลงบนร่างของอวี้เฉินที่นอนขดอยู่บนตั่งไม้ ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บปวด ดวงหน้าซีดเผือดราวกระดาษ เหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผากและขมับ มือหนึ่งกุมท้องแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้น เขาขบกรามแน่นเพื่อกลั้นเสียง แต่สุดท้ายก็ยังเล็ดลอดเสียงครางต่ำออกมาอย่างน่าเวทนาเสียงนั้นแม้จะแผ่วเบา หากแต่กลับบาดลึกเข้าไปในอกของอวี้จิ้งผู้เป็นบิดา เขายืนเฝ้าอยู่ข้างเตียงของบุตรชายไม่ห่าง สายตาเต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม ใบหน้าที่เคยสุขุมมั่นคงในยามว่าราชการ บัดนี้กลับฉายชัดถึงความทุกข์ระทมอย่างไม่อาจปิดบัง มือใหญ่กำแน่นอยู่ข้างลำตัว ราวกับพยายามกักเก็บความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามามิให้ปะทุออกมาหัวใจของเขาเจ็บปวดเมื่อเห็นบุตรชายนอนทุรนทุราย เหงื่อเม็ดเล็กไหลชุ่มเต็มแผ่นอกและหน้าผาก แต่ในขณะเดียวกันความคิดอีกด้านกลับพลุ่งพล่านไม่หยุด เมื่อหลักฐานทั้งหมดชี้ชัดไปยังภรรยาของตนความรู้สึกมากมายถาโถมกดทับอยู่ในอกของอวี้จิ้ง ราวกับมีหินหนักทับทวีอยู่ไม่สิ้นสุด ดวงตาที่ทอดมองบุตรชายบนเตียงเต็มไปด้วยความห่วงใย แต่ลึกลงไปในนั้นกลับแฝงด้วยคว

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status