ต้องการปลดปล่อย
ทั้งคู่ยังคงนั่งดื่มอยู่ด้วยกัน ตลอดจนเกือบผับกำลังจะปิด และทินกรกำลังจะลุกขึ้น แต่มีเสียงขอโทรศัพท์มือถือของคามินดังขึ้นมาขัดเสียก่อน
“ว่าไงครับตัว...ตัวมาถึงแล้วก็ขึ้นมาชั้นบนได้เลยห้องวีไอพีท้ายสุด” เสียงนุ่มเอ่ยบอก เมื่อกดรับสายจากคนที่โทรฯมา
“เมียมึงมาเหรอ...” ทินกรเอ่ยถามเมื่อคามินวางสายแล้ว เพราะยืนฟังอยู่ยังไม่ไปไหน
“ทำไมมึงรู้ว่ะ...” คามินมองหน้าทินกร แล้วถามขึ้น
“เสียงเล็กเสียงน้อยขนาดนั้นไม่รู้สิแปลก...” ทินกรสวนคำตอบกลับมา ทำเอาคามินไปแทบไม่ถูกเลย
“มาคนเดียวเหรอ...” เสียงนุ่มถามขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวลุคห้าวเปิดประตูเข้ามาพอดี ซึ่งก็คือภรรยาเขานั้นเอง
“อื้ม...เอ่อแล้วนี้...” หญิงสาวพยักหน้ารับ แล้วนั่งลงข้างๆกับคามิน แล้วทำสีหน้าอย่างสงสัยเมื่อเห็นทินกรยืนอยู่ หันหน้าไปเอาคำตอบจากสามีของเธอ
“อ่อ...ไอ้ทีมไง เพื่อนที่เค้าเคยเล่าให้ตัวฟังยังไงล่ะ ก่อนที่ตัวจะเข้ามาในชีวิตของเค้า” เสียงนุ่มเอ่ยบอก พร้อมกับยกแขนขึ้นมาโอบไหลของหญิงสาวเอาไว้
“อ่อ...ที่ตัวว่าถูกพ่อส่งไปเรียนที่เมืองนอกนั้นเหรอ” หญิงสาวถามขึ้นมาอีก
“อื้ม...” คามินพยักหน้าให้หญิงสาว เชิงเป็นคำตอบอีกที
“สวัสดีค่ะ...เหมือนฝันน่ะค่ะ เรียกว่าฝันเฉยๆก็ได้ ยินดีที่รู้จักน่ะค่ะ” หญิงสาวหันหน้าไปทางที่ทินกรยืนอยู่ แล้วแนะนำตัวกับทินกร เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มคือเพื่อนของสามี
“...” ทินกรเงียบไป แล้วหันหน้าไปมองทางคามิน
“เมียกูเอง...โอ้ย ไอ้ฝันมึงทุบกูทำไม” คามินลุกขึ้นมาพร้อมกับโอบไหล่หญิงสาว แล้วพูดบอกทินกรไป แต่ก็ต้องร้องเสียงหลง เพราะถูกหญิงสาวข้างกายทุบเข้าไปที่อกแกร่ง
“แล้วใครบอกให้มึง...เรียกกูเมียล่ะ” เหมือนฝันตวาดสายตามอง พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
“เอ่อ...ขอโทษครับ...คุณภรรยา” คามินทำหน้าเอ่อเล็กน้อย แล้วรีบขอโทษ แก้ตัวกับคำพูดใหม่ทันที
“ในเมื่อเมียมึงก็มาแล้ว...งั้นกูขอตัวก่อนน่ะ กลับก่อนน่ะครับ” ทินกรที่ยืนดูเหตุการณ์ของสามีภรรยาคู่นี้อยู่ ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ให้กับความหยอกล้อของทั้งสองด้วยความเอ็นดู แล้วจึงขอตัวกลับ
“ไม่เรียกใครสักคนอยู่เป็นเพื่อนต่อเหรอ...” คามินถามขึ้น
“กูไปหาเอาข้างนอก...สบายใจกว่าเยอะ ไปล่ะ...” ทินกรส่ายหน้า แล้วเอ่ยบอกพร้อมเดินออกไปทันที ปล่อยให้เพื่อนอยู่กับภรรยากันสองคน
ทินกรเดินออกยังไม้พ้นประตูหน้าของผับ แต่ก็มีหญิงสาวร่างบางหุ่นเซ็กซี่นุ่งน้อยห่มน้อยยืนขวางทาง แล้วส่งยิ้มมาอย่างเจ้าเล่ห์ให้แก่ทินกร
ชายหนุ่มเมื่อรู้ทัน ก็ส่งสายตากลับไปอย่างเจ้าเล่ห์คืนทันที พร้อมกับยักคิ้วใส่ แล้วไม่พูดพร่ำให้หญิงสาวเดินตามเขาออกมาทันที แล้วเดินไปยังรถหรูที่จอดไว้ทันที
ชายหนุ่มขับรถพาหญิงสาวออกมาแล้วพาเข้าโรงแรมที่ใกล้ที่สุด ซึ่งก็มีเพียงโรงแรมม่านรูดแห่งนี้ ที่ใกล้กันกับผับที่สุด ชายหนุ่มเลี้ยวเข้าไปทันที ไม่รอช้า และรีบพาหญิงสาวเข้าไปยังห้องทันที ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบปลดเข็มขัดออก อย่างรวดเร็ว
“รีบๆ ถอดเสื้อผ้าสิ” เสียงเข้มหันไปมองร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียงนอน
“เอ่อ..คุณค่ะ เรามาทำความรู้จักกันก่อนไหมค่ะ” หญิงสาวร่างบางเอ่ยขึ้น พร้อมกับส่งสายตาหวานไปให้
“ไม่จำเป็นต้องรู้จักหรอก เราก็แค่ต้องการในเรื่องเดียวกันเท่านั้น คุณก็รู้ดี” เสียงเข้มพูดขึ้นมาอีกที พร้อมกับจ้องมองหยิงสาวตรงหน้า
“ค่ะ แอนนา น่ะค่ะ เผื่อตอนครางจะเรียกชื่อถูก” หญิงสาวเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน และเปรืองเสื้อผ้าของตัวเองออกมาด้วย พร้อมกับส่งสายตามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่อย่างหวานเยิ้ม
ร่างกายเปลือยเปล่าของหญิงสาว ที่ไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ ยืนอยู่ตรงหน้าของร่างสูง พร้อมกับช่วยถอดเสื้อผ้าของชายหนุ่มออก และเขย่งเท้าขึ้นหมายจะจูบชายหนุ่มตรง แต่ร่างสูงเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่นเสียก่อน
“ผมไม่ชอบจูบกับใคร” ร่างสูงเอ่ยบอก พร้อมกับผลักร่างบางลงบนที่นอนทันที โดยไม่สนใจแม้แต่น้อย ว่าร่างบางตรงหน้าจะเป็นยังไง
“อ๊ะ...ใส่เข้ามาเลยค่ะ แอนต้องการคุณค่ะ เบบี๋” ร่างบางเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน พยายามเอาใจคนตรงหน้าอย่างเต็มที่ เพราะหากเกิดว่าชายหนุ่มหลงเสน่ห์เธอเข้าให้ คงจะดีไม่น้อย เพราะดูจากภูมิฐานแล้ว ชายหนุ่มร่างสูงคนนี้ น่าจะเป็นคนที่มาจากตระกูลดีแน่นอน
ร่างสูงชักแก่นกายสองสามครั้งจนพองได้เต็มที่แล้ว มือหนาล้วงเข้าไปยังถุงกางเกง หยิบเอาเกราะป้องกันที่ติดตัวไว้ตลอด ออกมาสวมทับทันที แล้วจ่อเข้าไปยังกลับกุหลาบของหญิงสาว ที่ไม่ได้เล้าโลมแม้แต่อย่างใด ที่เดียวมดด้าม
สวบ
“อ๊ะ...เบบี๋ เสียวมากเลยค่ะ” ร่างบางเอ่ยออกมา พร้อมกับยกสะโพกขึ้นเพื่อที่จะเด้งสวน เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ยอมขยับ
“อย่าเรียกผมแบบนั้น เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมไม่ชอบ” ร่างสูงเอ่ยบอก แล้วก็เอาแต่แน่นิ่ง เพราะว่าใบหน้าของสาวน้อยเมื่อ 5 ปีก่อนผุดขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มมีใบหน้าสลดลงเพียงเล็กน้อย
“มีอะไรเหรอค่ะ...ให้แอนทำให้ไหม” หญิงสาวเอ่ยถามเพราะเห็นใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไป พร้อมกับถามขึ้นเพื่อที่จะเอาใจ
“ไม่ดีกว่า” ร่างสูงเอ่ยบอก พร้อมกับชักแก่นกายที่ยังไม่แต่ใช้งานอยู่ตอนนี้ออก แล้วดึงเกราะป้องกันออกโยนทิ้งทันที
“...” หญิงสาว เมื่อเห็นชายหนุ่มโยนเกราะป้องกันทิ้ง ใบหน้าก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาทันที เพราะคิดว่าชายหนุ่มต้องการจะไม่ป้องกันกับเธอ
แต่แล้วก็ต้องตาลุกวาวขึ้นเมื่อชายหนุ่มไม่ได้ แม้แต่จะสอดแก่นกายเข้ามาใหม่ แต่กลับรีบสวมใส่เสื้อผ้าแต่งตัวอย่างรีบร้อน
“คะ คุณไม่ทำต่อแล้วเหรอค่ะ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่มึนงง เพราะชายหนุ่มทำเอาเธอค้างกลางอากาศ
“ผมไม่รู้อารมณ์...นี่ค่าเสียเวลา กลับเองน่ะ ผมขอตัวก่อน” ร่างสูงลุกขึ้น พร้อมกับยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้แก่หญิงสาว แล้วเดินออกไปทันที โดยไม่สนใจร่างบางเลยแม้แต่น้อย
“เป็นบ้าอะไรว่ะ...กรี๊ดดดด” ร่างบางสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อชายหนุ่มออกไปแล้ว หยิบหมอนขึ้นมาปาออกไป พร้อมกับกรีดร้องขึ้นมาอย่างเสียง
“มีอะไร หรือเปล่...” พนักงานชายที่ดูแลด้านห้องได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาว รีบวิ่งขึ้นมาดูทันที เพราะกลัวจะเกิดเรื่อง และก็ต้องตกตลึงค้าง เมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวกำลังช่วยตัวเองอยู่
“มาก็ดีแล้ว...ช่วยฉันหน่อย” ร่างบางตรงหน้าเอ่ยบอก ด้วยท่าทางที่ยั่วยวน ทำเอาชายหนุ่มคนนั้น ขาดความอดทน แล้วรีบถอดเสื้อผ้าออก แล้วทำตามที่หญิงสาวร้องขอ อย่างปฏิเสธไม่ได้
บทพิสูจน์ทั้งสามยังคงนั่งดื่มกันอยู่ที่เดิม พร้อมกับพูดคุยกันอยู่ที่เดิม และเหมือนฝันหญิงสาว เพียงคนเดียวที่อยู่ภายในห้อง ยังคงเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ออกความคิดเห็นใดๆ เอาแต่คอยชงเหล้าให้กับสามีของเธอ“กูหมายถึง พิพิมมาฝึกงานที่โรงพยาบาล ซึ่งกูเป็นคนดูแลอยู่ตอนนี้ แล้วเธอก็ยังเป็นนักศึกษาทุนของพ่อกูเอง แถมพักอยู่ที่คอนโดเดียวกันกับปั้นหยาอีกด้วย” ทินกรบอกออกไปตามความจริง เพราะเขาไม่คิดที่จะปิดบังเพื่อนอยู่แล้ว“แบบนี้ ยิ่งพิสูจน์ง่ายเลยเพื่อน ว่าน้องเขามีแฟนหรือไม่มี” คามินเริ่มคิดอะไรขึ้นมาออก พร้อมกับสายตาที่มีเล่ห์เหลี่ยม“แต่กูได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ เรียกชื่อผู้ชายน่ะเว้ย” ทินกรพูดบอก เพราะเขาได้ยินเธอเรียกพี่เธอร์ แถมยังพูดครับ บอกคิดถึงอีก“แค่ได้ยิน แล้วมึงเห็นกับตาหรือยัง” คามินสาดคำถามกลับทันที“ยัง กูแค่ไปส่งเธอที่คอนโด ไม่ได้ขึ้นไป เพราะกลัวจะเห็นอะไรไม่ดีเข้า เผลอๆเธออาจจะอยู่กับแฟนก็ได้ใครจะไปรู้” ทินกรเอ่ยบอกออกไปตามตรง ตามที่เขาคิด“ถ้ากูแนะนำวิธีที่กูคิดไว้ มึงจะทำตามที่กูบอกไหมเพื่อน” คามินเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ถามทินกรกลับไปอย่างอยากรู้คำตอบทันที“วิธีอะไรของมึง” ทินกรหน้
ความเจ็บปวดที่ได้รับกลับมาที่ปัจจุบัน“โดนขนาดนั้น...ทำไมถึงลุกหนีพี่ไปได้อีก” เสียงนุ่มเอ่ยถาม พร้อมกับจ้องมองหน้าอย่างต้องการคำตอบ“...” หญิงสาวไม่ตอบอะไรออกมา ได้แต่ก้มหน้าหนี ไม่กล้าสบตากับหมอหนุ่ม“รู้ไหมว่าพี่รู้สึกยังไง...ตอนตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอพิม พี่รู้สึกว่าตัวเองโดนฟันแล้วถูกทิ้งยังไงก็ไม่รู้” เสียงนุ่มพูดออกมาอีกครั้ง“นี้พี่จำได้ทุกอย่างเลยจริงเหรอ...” หญิงสาวถามขึ้น เพราะเธอยังสงสัยว่า เขาเมา แต่ทำไมเขาจำทุกอย่างได้หมดเลย“พี่ก็บอกแล้วไง...ว่าหายเมาแล้ว ตอนเสียบแล้วเจ็บนั้นแหล่ะ” หมอหนุ่มย้ำคำพูดออกมาอีกครั้ง และกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาวในประโยคหลัง“พี่ทีม...ถอยออกไปเลยน่ะ” หญิงสาวตาลุกวาว แล้วรีบดันร่างสูงออกห่างจากตัวเธอตอนนี้ เพราะเธอเริ่มหน้าแดงขึ้นมา เมื่อหมอหนุ่มพูดถึงเรื่องนี้ออกมาอย่างไม่อาย“แค่รหัสเข้าห้องก็พอจะทำให้พิมรู้อะไรขึ้นมาบ้างแล้ว ใช่ไหม” ร่างสูงไม่พูดเปล่า รีบจับร่างของหญิงสาวให้นอนราบไปกับที่นอนทันที“ว้าย...พี่จะทำอะไร” หญิงสาวที่ตกใจ อยู่ตอนนี้ร้องออกมาทันที เมื่อร่างสูงขึ้นมาคร่อมเธอเอาไว้“เรามาทบทวนความหลังหน่อยไหม...” ร่างสูงจ้องมองด้วยแววตา
อดีตและความทรงจำที่ดี NCย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน 14/02/2019ณ โรงเรียนมัธยมของเอกชน“พิม...” เสียงเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาว เมือเห็นว่าหญิงสาวเดินออกมาด้านนอกเพื่อที่จะกลับบ้านไปฉลองวันจบการศึกษาพอดีและวันนี้ ก็เป็นวันที่ชายหนุ่มพึ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากที่พ่อส่งตัวให้ไปเรียนแพทย์เฉพาะทาง แต่วันนี้เจ้าแอบบินกลับมาเพื่อที่จะมาแสดงความยินดีกับหญิงสาวแทน“พี่ทีม...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ” หญิงสาวถามขึ้นอย่างดีใจที่ได้เห็นชายหนุ่ม“พี่พึ่งจะลงจากเครื่องมา...ก็แวะมารับเรานี้แหล่ะ ไปกันได้แล้ว ทุกคนรออยู่ที่ร้านแล้ว” เสียงนุ่มเอ่ยบอก“...” หญิงสาวไม่รอช้ารีบขึ้นรถของชายหนุ่มไปทันที“อยากกินไร...วันนี้ป๋าเลี้ยงไม่อั้น” เสียงนุ่มเอ่ยบอกเมื่อเข้ามาถึงที่ร้าน“วันนี้พิมจะกินให้พุงกาง...อ้วนเป็นหมูไปเลย” พิพิมพูดขึ้นมา พร้อมกับทำตาลุกว่าเมื่อเห็นอาหารตรงหน้าที่มาเสิร์ฟเมื่อภาคินน้องชายของพิพิมขอตัวกลับไปก่อน เพราะไม่ค่อยชอบทานอะไรพวกนี้ แต่ที่จริงแล้วคือข้ออ้างอีกตาม คงจะแอบหนีไปเล่นเกมตามประสาผู้ชายนั้นแหล่ะส่วนปั้นหยา ก็นัดฉลองกันกับเพื่อนในชั้นเรียนต่อ จึงทิ้งให้พิพิมอยู่กับพี่ชายของเธอแ
วันแห่งความทรงจำที่ดีพิพิมรีบคว้าเอาแฟ้มไปอย่างเร่งรีบ แล้วเดินตามทินกรออกไปทันที ทั้งกึ่งวิ่งกึ่งเดิน เพื่อให้ทันกับหมอหนุ่ม ที่ก้าวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าลิฟต์แล้ว ต่างกับเธอที่ทั้งก้าวเท้าสับๆ แทบไม่ทัน“...” หญิงสาวได้แต่หอบเหนื่อย เมื่อเข้ามาภายในลิฟต์ และมีอาการเท้าสั่นเพียงเล็กน้อย เพราะรีบตามทินกรมากไปหน่อยมือหน้าของหมอหนุ่มยื่นออกไปคว้า เอาแฟ้มที่พิพิมกอดไว้แนบอกกลับมาเป็นฝ่ายถือเสียเอง เพราะเห็นหญิงสาวมัวแต่ยืนหอบอยู่ติ๊ง!เมื่อลิฟต์เลื่อนขึ้นมาถึงยังชั้นเป้าหมาย พิพิมได้แต่ยืนนิ่งและไม่ยอมก้าวขาออกจากลิฟต์ ตามร่างสูงไป เพราะตอนนี้ขาเกิดเป็นตะคริวขึ้นมาเสียดื้อๆ จึงได้แต่ยืนนิ่งๆ เพื่อเก็บอาการเอาไว้ และไม่กล้าที่จะขยับเพราะกลัวจะล้มเอาทางด้านหมอหนุ่ม เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมก้าวออกมาจากลิฟต์ จึงได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ แล้วเดินกลับเข้าไปที่ลิฟต์คืน และไม่พูดอะไรอุ้มหญิงสาวขึ้นมาในท่าเจ้าสาวทันที เขาก็พอจะทราบอยู่บ้างว่าหญิงสาวเป็นอะไร หากให้เดาถ้ารองเท้าไม่กัด ก็คงจะเหน็บชาที่ขา“หึ...ยังเป็นเหมือนเดิมเลยน่ะ นิสัยไม่เคยเปลี่ยน” หมอหนุ่มเค้นหัวเราะออกมา พร้อมกับส่ายหน้าเ
ถูกกลั่นแกล้งพิพิมที่ได้เวลาพักกลางวัน หญิงสาวก็เดินมายังโรงอาหารของทางโรงพยาบาล เพื่อที่จะได้หาอะทานเหมือนบุคลากรท่านอื่นๆ ขณะที่เธอเดินเข้ายังโรงอาหาร ก็มีทุกสายตาจ้องมองมาที่เธอตั้งมากมาย จนเธอต้องทนฝืนเดินไปสั่งอาหาร“ใช้บัตรนี้ครับ” เสียงเข้มของหมอหนุ่มเอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นบัตรที่ใช้สำหรับใช้ในการสั่งอาหารของรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะเมื่อเขาเดินตามหญิงสาวมาตั้งแต่แรก จึงมั่นใจแล้วว่า เธอไม่มีบัตรแน่นอน เพราะเธอพึ่งจะมาที่นี่เป็นวันแรก จึงใช้บัตรเขาแทนและรับจานข้าวของหญิงสาวมา“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวมองหน้าร่างสูง แล้วรับจานข้าวกลับมาจากมือของหมอหนุ่มที่ยื่นมาให้ แล้วก็เดินออกหาที่นั่งทานแบบเงียบๆทินกรเมื่อเห็นหญิงสาวเดินออกไปแล้ว จึงได้เดินไปสั่งน้ำมาให้แก่หญิงสาว เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่ได้น้ำดื่ม แล้วร่างสูงก็เดินไปหาหญิงสาว ที่นั่งทานข้าวเงียบๆทันที“เดี๋ยวค่ะ...จะพาพิมไปไหน” หญิงสาวเอ่ยถาม แล้วทหน้าอย่างไม่เข้าใจทันที ที่จู่ๆ ทินกรก็มาคว้ามือของเธอแล้วพาเดินออกไป“...” ชายหนุ่มไม่พูดอะไรตอบ แต่กลับจูงมือของหญิงสาวให้เดินตามเขาไป“จะพาพิมไปไหนค่ะ พิมยังทานข้าวไม่เสร็จเลยน่ะ” หญิ
เผชิญหน้า“พิพิม!...”“...” หญิงสาวตาค้างทันที ที่ได้เจอกับชายหนุ่มอีกครั้ง ยืนตัวแข็งจนทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน“นี้ ทำหน้าตกใจกัน อย่าบอกน่ะว่า...ไม่เคยติดต่อกันเลย...” หมอโปรดถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองต่างตกใจ ที่ได้เจอหน้ากันและกัน“...” ทินกรได้แต่พยักหน้ารับ และจ้องมองไปที่ใบหน้าหวานของพิพิม อย่างไม่อยากล่ะสายตาเลยแม้แต่น้อย และมีคำถามในใจอยู่มากมายที่อยากจะถาม“ถ้าอย่างนั่น...ก็คุยกันไปน่ะ เดี๋ยวลุงจะออกไปหาอะไรดื่มข้างนอกเสียหน่อย” หมอโปรดพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ต่างอยากมีคำถามต่อกัน“หายไปไหนมาตั้ง 5 ปี” ทินกรยิงคำถามใส่ทันที เมื่ออยู่กันตามลำพัง และเห็นว่าพ่อเดินออกไปจากห้องนี้แล้ว“พะ พิมก็ไปเรียนต่อยังไงล่ะค่ะ...” พิพิมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก กล้าๆกลัวๆ และไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มตรงหน้า“แค่เรียนเหรอ...” เสียงนุ่มของทินกรเอ่ยถาม แล้วย่างก้าวเข้าไปใกลๆหาหญิงสาวทันที“...” พิพิมถอยออกห่างเล็กน้อย และไม่ได้เอ่ยตอบอะไร แถมยังหลบสายตาของร่างสูงตรงหน้าอีก เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายจากตรงไหนก่อน“แล้วทำไม...ไม่ส่งข่าวใครๆบ้างเลย เล่นหายไปดื้อๆแ