ชั่วขณะที่เมเดลีนกระโดดลงไปจากรถจิตใจของเจเรมี่ก็ว่างเปล่าความกลัวอันน่าสยดสยองที่อธิบายไม่ได้ลุกลามขึ้นมายังลำคอของเขา“ลินนี่!”ขณะที่เขาเอื้อมมือไปโดยอัตโนมัติเพื่อคว้าตัวเมเดลีน ร่างกายของเขาก็กระโจนตามไปยังทิศทางที่เมเดลีนกระโดดลงไปด้วยเนื่องจากแรงเฉื่อยและแรงกระแทก เจเรมี่กอดเมเดลีนไว้ขณะที่พวกเขากลิ้งหลายครั้งบนถนนก่อนจะหยุดลงแล้วรถก็พุ่งชนเกาะกลางเสียงดังสนั่น ยางรถยนต์เสียดสีพื้นถนนอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม เจเรมี่ไม่สนใจรถหรืออาการบาดเจ็บของตัวเอง เขาประคองร่างที่หมดสติของเมเดลีนไว้ในวงแขน“ลินนี่! ลินนี่!”เขาประคองศีรษะแล้วตบเบา ๆ ที่แก้มของเธอ“ลินนี่ อย่าเพิ่งหลับ”น้ำเสียงของเขาสั่นทั้งยังไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนี้ตัวเองจึงได้กลัวถึงขนาดนี้โดยเฉพาะตอนที่เขารู้สึกถึงบางอย่างเหนียวหนืดด้านหลังศีรษะของเมเดลีน ตอนนั้นเขาตระหนักว่าในมือของตัวเองเต็มไปด้วยเลือดหัวใจของเขาเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงเขาจึงอุ้มเมเดลีนซึ่งซีดเซียวแล้วหยุดรถคันหนึ่งที่แล่นผ่านมา จากนั้นพวกเขาจึงขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เขารออยู่นอกห้องผ่าตัด อยู่ที่นั่นตลอ
น้ำเสียงอันเป็นห่วงของเอวาดังเข้าหูเมเดลีนเมเดลีนหันหน้าและพยายามมองหาเอวาในความมืด ถึงกระนั้นเธอก็ไม่พบอะไร “เอวาเหรอ?”“เมเดลีน เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน? ทำไมเธอถึงต้องเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาล? ใครเป็นคนส่งข้อความให้ฉันจากโทรศัพท์ของเธอ?”เมเดลีนลืมตาขึ้นอีกครั้งหลังจากได้ยินน้ำเสียงเป็นกังวลของเอวา อย่างไรก็ตามทุกอย่างเบื้องหน้าเธอยังคงดูมืดมิดเธอยกมือขึ้นไว้ต่อหน้า แต่เธอไม่สามารถมองเห็นรูปร่างของมือตัวเองเอ๋ เธอตาบอดอีกแล้วเธอหลับตาแล้วหายใจเข้าลึก“แมดดี้ แมดดี้?” เอวาเป็นห่วงอย่างมากเมเดลีนเพียงแต่ส่ายศีรษะ “เอวา ฉันสบายดี เธอไม่ต้องเป็นกังวลนะ ฉันจะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรก็ตามขึ้นกับตัวเองเพื่อลูก ๆ”เธอสัญญา จากนั้นนึกถึงเรื่องที่เกิดหลังจากตอนกระโดดออกจากรถเธอหุนหันพลันแล่นเกินไปเมื่อนึกถึงพ่อแม่ที่เสียชีวิตอย่างอนาถและชายที่รักผู้ซึ่งเป็นคนทำให้พ่อแม่ของเธอต้องเสียชีวิตในกองเพลิง เธอก็แทบไม่อาจรับได้และเธอไม่อยากรับด้วยเธอต้องการที่จะจบเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอสงบลงแล้วคิดอย่างถี่ถ้วนเธอก็ตระหนักว่าตัวเองโง่เง่าแค่ไหนถ้าหากเธอตาย ลาน่าคงจะมีความสุขอย่างท
เมื่อเมเดลีนรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกอุ้มเธอก็ตกใจ อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมาเธอผลักเขาออก“ห้ะ ลินนี่งั้นเหรอ? คุณกำลังเล่นอะไรอยู่คุณซิมเมอร์แมน?” เมเดลีนเย้ยหยัน “คุณมาที่นี่เพื่อที่จะดูฉันกลายเป็นตัวตลกเพราะคุณรู้ว่าฉันตาบอดสินะ?”เธอหัวเราะแล้วถาม แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็น แต่เธอก็ยังยืนหยัดและไม่ขลาดเขลาหรือแสดงความหวาดกลัว“ลาน่าฟังนะ ต่อให้ฉันตาบอดฉันก็จะไม่ยอมให้เธอทำอะไรฉันได้ ฉันร้องไห้มามากเพราะเธอ และฉันจะทำให้เธอต้องชดใช้เป็นสองเท่า!”เมื่อมองหญิงสาวที่อ่อนแรง ทว่าแข็งแกร่งเบื้องหน้าเขา เจเรมี่ก็ระงับความเจ็บปวดในหัวใจแล้วค่อย ๆ เดินไปข้างหน้าเธอ“ลินนี่ ผมจำได้”เมื่อเขาเอ่ยเช่นนั้น น้ำเสียงอันอ่อนโยนและนุ่มลึกของเขาก็เข้าสู่หูของเมเดลีนอย่างนุ่มนวลราวกับว่าทุกสิ่งเยือกแข็งลงในเวลานั้นและในห้องผู้ป่วยก็เงียบสงัดเมเดลีนนิ่งงัน จากนั้นเธอได้ยินน้ำเสียงคุ้นเคยเอ่ยคำเหล่านั้นซ้ำอีก“ลินนี่ ผมจำได้ทุกอย่าง”ดวงตาใสกระจ่างซึ่งสูญเสียการมองเห็นของเมเดลีนคลอด้วยน้ำตาอย่างไม่รู้ตัวสักพักเธอจึงหัวเราะ“จริงเหรอ? ในที่สุดคุณก็จำได้…” เมเดลีนกล่าวเรียบ ๆ“คุณควรไปซะ เราไม่ส
เป็นเวลาหลายปีมาแล้วในฐานะแม่ของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นว่าลูกชายของตัวเองร้องไห้“เจเรมี่ แก…”“แม่คะ ช่วยพาพุดดิ้งออกไปหน่อยได้ไหม? หนูมีบางอย่างที่ต้องพูดกับผู้ชายคนนี้ค่ะ” เมเดลีนควบคุมอารมณ์ของตนเองและส่งพุดดิ้งให้คาเลนแม้ว่าคาเลนจะมีคำถามมากมาย แต่เธอก็รับหน้าที่พาพุดดิ้งออกไปเหลือเพียงพวกเขาสองคนภายในห้องยามนี้ และความเงียบก็แผ่ขยายกลบทับสิ่งอื่นเมเดลีนเดินไปยังข้างเตียงแล้วหยิบเอกสารบางอย่างออกมาจากใต้หมอนยื่นให้เจเรมี่“เซ็นนี่ซะ ฉันจะหย่าจากคุณ”เจเรมี่มองเอกสารที่เมเดลีนส่งให้เขาและรู้สึกราวกับว่าหัวใจกำลังถูกเฉือนจากคมมีดนับล้านเขาสะอื้นโดยไร้เสียงและไม่รับเอาเอกสารนั้นมา ในทางกลับกันเขาคุกเข่าตรงหน้าเธออีกครั้งขณะจ้องมองใบหน้าซีดขาวของเธอเขาก็รู้สึกเจ็บปวดมากมายในหัวใจจนหายใจไม่ออก “ลินนี่…”“อย่าเรียกฉันว่าลินนี่อีกต่อไป ฉันไม่คู่ควรกับมันหรอกค่ะ”เมเดลีนปฏิเสธอย่างเย็นชาขณะที่พยายามฝืนยิ้ม แต่น้ำตายังไหลพรูออกมาจากดวงตาของเธออย่างควบคุมไม่ได้“ในวันที่คุณสูญเสียความทรงจำ ฉันเอาแต่บอกตัวเองว่าคุณแค่จำไม่ได้ชั่วคราวและคุณจะจำได้อีกครั้งไม่นานหลังจากนั
ในขณะที่ได้ยินลาน่าเอ่ยด้วยความตื่นเต้น แววตาของเจเรมี่ก็เย็นชาขึ้นมาข่าวดี?เมเดลีนตาบอด แต่นี่กลับเป็นข่าวดีสำหรับลาน่าเมื่อชายหนุ่มคิดถึงความทรงจำอันปลอมเปลือกที่ลาน่าเติมเต็มให้ในตลอดระยะเวลาสามเดือนที่เขาความจำเสื่อม แววตาของเขาก็แปรเปลี่ยนไปจนเหลือเพียงความเยือกเย็นลาน่าไม่ทันสังเกตเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเจเรมี่ เธอหัวเราะออกมาอย่างเปี่ยมสุขแล้วเอ่ยว่า “ฮึ ฉันไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำแล้วเธอก็ตาบอดเองน่ะนะ ฮ่าฮ่า ฉันว่าคราวนี้คงต้องไปเยี่ยมเธออย่างเป็นทางการหน่อยแล้วล่ะ”เจเรมี่มองเธอ “คุณจะทำอะไรกับเธอ”ลาน่าได้ยินอย่างนั้นก็ยกบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วเริ่มครุ่นคิด “อืม…”“นี่เป็นโอกาสของเธอแล้วนะลาน่า” นาโอมิมองข้อความอย่างตื่นเต้น พลางรายงานเพื่อนสนิท “งานครบรอบ 52 ปีของวิทแมนคอร์ปอเรชั่นใกล้มาถึงแล้ว ยัยเอวลีนต้องมาแน่”ลาน่าหรี่ตาและเริ่มวางแผนไม่นานหลังจากนั้นเธอก็เลียริมฝีปากสีแดงเบา ๆ พลางแสยะยิ้มออกมาช้า ๆ “โอกาสดีจริง ๆ ”เธอคลี่ยิ้มแล้วเดินตรงไปหาเจเรมี่และเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ฮานส์ มันขึ้นอยู่กับคุณแล้วนะ ว่าเอวลีนจะได้รับบทเรียนที่สาสมรึเปล่า”เจเรมี่ซ่อนรั
เขาเคยได้ยินเรื่องที่เมเดลีนสูญเสียการมองเห็นและอยากเข้าไปตรวจสอบเรื่องนั้นดู แต่เขาก็ยังหาเหตุผลดี ๆ ที่จะทำแบบนั้นไม่ได้ในขณะที่ไรอันกำลังจะไปหาเมเดลีนที่หลังเวที ลาน่าและนาโอมิก็ปรากฎตัวขึ้นลาน่าใช้เงินซื้อบัตรเชิญเพื่อให้ได้เข้ามาร่วมงานนี้ เธอยิ้มอย่างอวดดีแล้วเดินเข้ามายังโถงทุกคนมองไปที่เธอ แต่กลับไม่ได้โฟกัสที่เธอเลย สายตาของพวกเขามองไปที่เจเรมี่ซึ่งเดินตามหลังเธอมา“คุณวิทแมนจริง ๆ ด้วย”“ไม่มีทาง! สามเดือนก่อนไม่ใช่ว่าเขา… เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”“นั่นสิ แปลกจัง ฉันถึงขั้นเข้าร่วมงานไว้อาลัยที่คฤหาสน์วิทแมนด้วยนะ พวกเขาคอนเฟิร์มแล้วนี่ว่าตายจริง ๆ”“ฉันก็ไปมาเหมือนกัน ตอนที่อยู่ที่นั่น คาเลนยังกรีดร้องใส่เอวลีนเลยว่าเป็นคนนำความโชคร้ายมาให้แล้ว เธอก็ยังบอกอีกว่าเอวลีนเป็นคนที่ฆ่าลูกชายของเธอ”“เกิดอะไรขึ้นละเนี่ย?”ทุกคนงุนงงเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นเจเรมี่เดินเข้ามาพร้อมกับลาน่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาเหล่านั้นไม่มีใครรู้จักลาน่าเลย พวกเขารู้สึกแต่เพียงว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนเมื่อไรอันเห็นลาน่า แววตาของเขาก็ขรึมลงเขาเดาออกว่าการที่ลาน่ามาที่นี่ก็เพื่อ
กล่องของขวัญตกลงตรงหน้าของเมเดลีนลาน่าขมวดคิ้วแล้วแสร้งพูดอย่างไม่พอใจ “คุณนายวิทแมน นี่หมายความว่ายังไงกันคะ? ฉันได้รับเชิญมาในฐานะแขกของงาน ในฐานะแขกฉันก็แค่จะมอบของขวัญให้คุณ แต่ทำไมคุณถึงไม่รับเอาไว้กันล่ะคะ?”ในขณะที่กำลังมีท่าทีขบขัน นาโอมิก็มองไปยังความสงบนิ่งของเมเดลีน ก่อนจะแสดงสีหน้าตกใจ “อุ๊ย ลาน่า ไม่สังเกตหรอกเหรอ ฉันว่าคุณนายวิทแมนน่าจะมองไม่เห็นนะ”“เธอมองไม่เห็นเหรอ?” ลาน่าแกล้งทำเป็นสับสนแล้วมองไปที่เมเดลีนหัวจรดเท้า “คุณนายวิทแมน เกิดอะไรขึ้นกับตาคุณรึเปล่าคะ? ทำไมคุณถึงตาบอดล่ะ?”เมื่อลาน่าพูดอย่างนั้น เสียงฮือฮาของผู้คนก็ดังขึ้นรอบตัวพวกเขา“ว่าไงนะ? เอวลีนมองไม่เห็นงั้นเหรอ?”“ไม่มีทาง”“เธอตาบอดเพราะร้องไห้หนักมากกับการตายของพ่อกับแม่เธอรึเปล่า?”“น่าสงสารจริง ๆ แต่เธอจะดูแลวิทแมน คอร์ปอเรชั่นยังไงในเมื่อเธอตาบอดแล้วน่ะ? เรื่องนี้จะส่งผลต่อการร่วมธุรกิจของเรารึเปล่า?”“มันก็พูดยากนะ”ลาน่าพอใจที่ตัวเองปั่นป่วนบรรยากาศตรงหน้าได้สำเร็จเธอยังติดต่อนักข่าวมากมายมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของเมเดลีนโดยเฉพาะตอนนี้ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้อย่างสนใจ ลาน่ามองใบหน้
เมเดลีนคลี่ยิ้มบางแล้วกดรีโมทอันเล็ก ๆ ในมือ “งั้นก็มาดูกัน ว่าคุณจอห์นสันจะดูเป็นยังไงตอนที่ต้องคุกเข่าลงแล้วขอโทษ”หลังจากที่พูดอย่างนั้น แสงไฟก็ค่อย ๆ มืดลง ภาพหน้าในจอก็ปรากฎให้ทุกคนได้เห็นลาน่ากำลังคุกเข่าขอโทษเมเดลีน ถึงแม้ว่าในนาทีนั้นลาน่าจะไม่เต็มใจ แต่เธอก็เอ่ยว่า ‘เมเดลีน ฉันขอโทษ’เมื่อนาโอมิเห็นสิ่งนี้ เธอก็นิ่งชะงัก “ลาน่า ทะ ทำไม...”“เอวลีน!” ลาน่าระเบิดเสียงออกมา “เธอถ่ายวิดีโอฉันเอาไว้งั้นเหรอ!”เมเดลีนเปิดไฟแล้วหันกลับมายิ้ม “ก็ใช่น่ะสิ ฉันใช้กล้องที่ซ่อนอยู่ในเข็มกลัดอัดเอาไว้ ฉันถ่ายหน้าตอนที่เธอกำลังขอโทษฉันเอาไว้” หญิงสาวยอมรับอย่างมีน้ำใจ “นี่คือลาน่า จอห์นสัน ผุู้หญิงที่ชอบวางมาดข่มเหงทุกคน แต่ในตอนนี้เธอกลับไม่มีอะไรเลย”“เธอ...” ลาน่าเดือดขั้นสุดเธอง้างมือจะตบเมเดลีน แต่เมเดลีนคว้าแก้วไวน์บนโต๊ะแล้วสาดเข้าที่ใบหน้าของเธอเสียก่อนลาน่าตัวแข็งทื่อ ส่วนมือที่ง้างอยู่ของเธอก็แข็งค้างกลางอากาศเมื่อมองแววตาที่เย็นชาของเมเดลีน ทันใดนั้นเธอก็นึกบางอย่างได้“เอวลีน เธอไม่ได้ตาบอดเหรอ?”“ฉันไม่ตาบอดหรอกนะ คนนั้นคงเป็นเธอมากกว่า” เมเดลีนเย้ยหยัน “แล้วเธอก