بيت / รักโบราณ / บ่าวหญิงของศิษย์รัก / บทที่ 13 : นางจะทำอะไรก็ช่าง แต่ข้าว่าข้ายังสอนหมอนี่ได้นะ

مشاركة

บทที่ 13 : นางจะทำอะไรก็ช่าง แต่ข้าว่าข้ายังสอนหมอนี่ได้นะ

last update آخر تحديث: 2025-06-22 16:37:13

ค่ำคืนในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นควรจะสงบเช่นทุกวัน หากแต่คืนนี้มิใช่คืนธรรมดา...

เสียงเก้าอี้ล้มดังสนั่นภายในห้องโถง เสียงถ้วยชาจากโต๊ะหนึ่งถูกเหวี่ยงจนแตกกระจาย ตามด้วยเสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวจากจอมยุทธ์ในชุดขาวกับจอมยุทธ์อีกคนที่สวมชุดดำ ต่างฝ่ายต่างยืนจังก้ากลางโรงเตี๊ยม ประหนึ่งสนามประลองย่อม ๆ

“เจ้าไม่ต้องมาสามหาว! เจ้าเด็กจากสำนักคุ้มภัยอ่อนหัด!”

“ข้าสามหาวก็ยังดีกว่าสำนักที่ไร้สัตย์อย่างพวกเจ้า!”

เสียงเชือดเฉือนดังกระทบกันไม่แพ้แววตา ทั้งสองคนล้วนเป็นผู้มีฝีมือในยุทธภพ และแม้โรงเตี๊ยมจะมีชื่อว่าเป็นกลาง แต่ความบาดหมางที่สั่งสมกันมาของแต่ละสำนัก ก็ยากจะสยบลงด้วยแค่การนั่งกินอาหาร นอนพัก แล้วเดินทางต่อไปในวันรุ่งขึ้น เมื่อสมาชิกสองสำนักที่ไม่ถูกกันมาพบกัน ทั้งคู่จึงพร้อมจะผาดฟันกันให้ตายกันไปข้าง

เฉินอี้ยืนกำชายผ้ากันเปื้อนแน่น เขากวาดตามองไปรอบห้อง เห็นแขกคนอื่นต่างหลบมุม นางบ่าวคนหนึ่งถึงกับซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ ราวกับกลัวจะโดนลูกหลง

“ข้าควรเข้าไปห้าม” เขาพูดกับตนเองเบา ๆ แต่ไม่ทันขยับ ก็รู้สึกถึงแรงรั้งแผ่วเบาที่ชายเสื้อ และเมื่อหันไปมองก็พบกับเสี่ยวซุ่ยยืนอยู่ข้างหลังเขา เงยหน้าขึ้น
استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق
الفصل مغلق

أحدث فصل

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 30 : เขาเริ่มบอกความในใจกับข้า

    ภายหลังอู๋เป่ยจากไป พร้อมพาเอาผู้บุกรุกฝ่ายธรรมสามคนออกไปด้วย แขกในโรงเตี๊ยมก็ทยอยกลับเข้าด้านในตามปกติ กลีบดอกไม้ปลิวว่อนตามสายลม เฉินอี้ยืนอยู่ที่ลานหน้าโรงเตี๊ยมคนเดียวชั่วครู่ ก่อนจะหันมองไปทางรั้วไม้ข้างลาน ร่างบางของเสี่ยวซุ่ยยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตากลมโตของนางยังแดงเล็กน้อยจากน้ำตาก่อนหน้านี้ ขณะนี้นางกำลังพยายามปัดเศษกลีบดอกไม้ที่ติดผมของตนอย่างใจลอยเฉินอี้เดินเข้าไปใกล้อย่างเงียบเชียบ ราวกลัวจะรบกวนความสงบของช่วงเวลานั้น ก่อนจะเริ่มเอ่ยวาจาเมื่อนางหันมามองเขา“เมื่อครู่ข้าคิดว่า... ข้าอาจจะได้ลาจากโลกนี้แล้ว ถ้าท่านอู๋เป่ยไม่ช่วย” เสียงเฉินอี้เอ่ยขึ้นเบา ๆ พลางยิ้มจาง ๆ เสี่ยวซุ่ยหันมามองเขา ดวงตานางสั่นระริก“อย่าพูดแบบนั้นอีกนะเจ้าคะ... หากท่านเป็นอะไรไป ข้าคง...”นางหยุดประโยคไว้เพียงเท่านั้น คล้ายไม่กล้าพูดให้จบ เฉินอี้ก็ยิ้มให้นาง ก่อนจะพูดต่อเมื่อเห็นว่านางไม่พูดเองสักที“เสี่ยวซุ่ย… ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากไหน หรือจริง ๆ แล้วเจ้าเป็นใคร แต่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา ข้ากลับรู้สึกว่าเจ้าคือครอบครัว...”คำพูดนั้นทำให้นางต้องเงยหน้ามองเขา ดวงตานั้นเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนที่

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 29 : เขาเรียนรู้เรื่องในยุทธภพ

    สายลมอุ่นของปลายฤดูใบไม้ผลิยังคงพัดเอื่อยเหนือลานหน้าโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋น กลีบดอกไม้ยังร่วงหล่นประปราย เฉินอี้เพิ่งจัดเสื้อคลุมของตนกลับเข้าที่ อู๋เป่ยเดินเข้ามาใกล้บ่าวหนุ่ม ในมือของเขาถือซองผ้ากำมะหยี่สีเทาปักลายดาบไขว้สีเงินที่ด้านหน้า“เฉินอี้” อู๋เป่ยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มแน่น “ข้ามาที่นี่ นอกจากจะมาสังเกตการณ์และชี้ขาดการประลองแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ตั้งใจนำมาให้เจ้าโดยเฉพาะ” “หรือว่า...” เฉินอี้พยายามถามกลับ พร้อมเลิกคิ้วเล็กน้อยอู๋เป่ยไม่ตอบทันที แต่คลี่ซองผ้าออก เผยให้เห็นตราทองคำรูปดาบคู่ไขว้บนโล่หกเหลี่ยมซึ่งประทับตราสำนักคุ้มภัยเอาไว้ ชิ้นส่วนโลหะนั้นไม่ใหญ่นัก แต่วาววามและหนักแน่นจนสัมผัสได้ถึงอำนาจในสัญลักษณ์“นี่คือตราสัญลักษณ์พันธมิตรกิตติมศักดิ์แห่ง สำนักคุ้มภัยเทียนอวิ๋น” อู๋เป่ยกล่าวพลางส่งมันให้กับบ่าวหนุ่ม เขาวางตราลงในฝ่ามือของเฉินอี้อย่างช้า ๆ“มิใช่ทุกคนจะได้รับมัน มันเป็นสิ่งที่แสดงว่า เจ้าคือมิตรผู้สำนักเรายอมรับ ด้วยการกระทำ คุณธรรมน้ำมิตร ไม่ใช่ด้วยคำพูดหรือเงินทอง”“จากนี้ หากเจ้าหรือคนในโรงเตี๊ยมของเจ้าเดือดร้อนประการใด ให้นำตรานี้ไปยังสำนักคุ้มภัยเท

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 28 : เขาเกือบโดนเล่นทีเผลอเสียแล้ว

    เสียงลมยามสายพัดเอื่อยไปทั่วลานเบื้องหน้าโรงเตี๊ยม กลีบดอกไม้บางหลุดร่วงลงจากกิ่งไม้ ดั่งรับรู้ว่าศึกสำคัญอีกฉากกำลังจะเริ่มต้นขึ้นเฉินอี้ยืนนิ่ง สายตาสงบ เผชิญหน้ากับเถียนจั่วผู้เกร็งนิ้วเรียวยาวเป็นกรงเล็บ พลังสีเหลืองทองจากลมปราณจากสาหุบเขาเฉินหง แผ่ออกจากฝ่ามือของเขาแปรปรวนดั่งกรงเล็บอินทรีขยุ้มเหยื่อขณะนี้เสียงฝีเท้าของคนรอบข้างเงียบลงหมด แม้แต่เสียงลมหายใจของเสี่ยวซุ่ยที่ยืนอยู่ใกล้รั้วก็แผ่วเบาราวกับไม่กล้ารบกวนบรรยากาศ“เตรียมใจไว้ให้ดี เจ้าหนุ่ม!” เถียนจั่วตะโกนก่อนจะพุ่งเข้าใส่เฉินอี้ด้วยความเร็วราวสายฟ้า กรงเล็บอินทรีแหวกอากาศจนสายลมยังเสียงหวีดทว่าเฉินอี้ไม่ถอยหนี เขาหายใจอย่างสงบ ย่างก้าวเบาและนุ่มนวล ร่างหมุนออกด้านข้างเป็นเสี้ยววงกลม ซึ่งเป็นการก้าวเท้าอย่างวิชา “ปทุมยาตรา” ท่วงท่าที่เคยใช้เบี่ยงแรงปะทะได้ในครั้งก่อน ๆ นั่นทำให้กรงเล็บที่แทงเข้ามาต้องพลาดเป้าทว่าเถียนจั่วเคยโดนเล่นงานด้วยการก้าวเท้าแบบนี้มาก่อน เมื่อเขาแทงแนวตรงพลาด เขาก็หมุนตัวพร้อมฟาดข้อมือทแยงลง เปลี่ยนทิศทางเป็นตะปบแนวเฉียง จะเล่นงานเฉินอี้ให้ได้แต่เฉินอี้กลับยิ้มบาง ๆ แล้วพลิกฝ่ามือขวา รับข้อม

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 27 :เขาสู้แบบสามต่อหนึ่ง

    เสียงฝีเท้าหนักแน่นของเฉินอี้ดังขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้าไปในโถงใหญ่ของโรงเตี๊ยม บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยความเงียบงันที่แฝงแรงกดดัน ทั้งแขกประจำและบ่าวในร้านต่างก็แอบมองเขาด้วยสายตาเป็นกังวล ขณะที่ชายหนุ่มชุดดำสามคนกำลังนั่งอยู่ใกล้ประตู ส่งสายตาคมเข้มจ้องมาอย่างไม่ปิดบังเจตนาเมื่อเฉินอี้หยุดยืนอยู่ตรงกลางห้อง วางตะกร้าสัมภาระลง เถียนจั่วก็ลุกขึ้นยืนตรง ฝ่ามือของเขาทาบที่ด้ามกระบี่ตรงเอวตามสัญชาตญาณ แม้รู้ว่าห้ามใช้ เพราะอู๋เป่ยที่นั่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลคงไม่ยินยอม“ในที่สุดเจ้าก็กลับมา” เถียนจั่วเอ่ยเสียงเย็น “วันนี้ข้ามาเพื่อสะสางเรื่องวันก่อน ที่เจ้าบังเอิญทำข้าซวนเซ ให้มันรู้ไปว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น ดูสิว่าเจ้าจะแน่ได้แค่ไหน หากต้องเจอกับเราสามคนพร้อมกัน”“ถ้าพวกท่านคิดว่าจำเป็นต้องต่อสู้ ข้าก็จะรับคำท้า...” เฉินอี้พูดพลางมองเขานิ่ง ๆ ไม่ได้แสดงความหวั่นไหวแม้แต่น้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ ๆ “แต่ไม่ว่าข้าจะชนะหรือพ่าย ขอให้ท่านทราบว่า โรงเตี๊ยมของเราไม่ใช่พื้นที่สำหรับการวิวาท โปรดอย่ามาต่อตีกันในโรงเตี๊ยมอีก จะได้หรือไม่” “ก็ได้! ด้วยเกียรติของหุบเขาเฉินหง ไม่ว่าข้

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 26 : เขาร่ายรำไปพร้อมกับข้า

    แสงแดดยามสายเริ่มทอลงมาปกคลุมลานหน้าโรงเตี๊ยมอย่างอ่อนโยน สายลมเอื่อยพัดให้เศษใบไม้แห้งปลิววนรอลานกว้างที่เคยเป็นเวทีประลองชั่วคราวของเฉินอี้ เสี่ยวซุ่ยนั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีรอยแตกจากท่าฝ่ามือคลื่นสวรรค์ไปวันก่อน มือทั้งสองของเสี่ยวซุ่ยกำชายเสื้อแน่น ใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำจนกระทั่งเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากทางเดิน เงาของบุรุษผู้หนึ่งปรากฏขึ้นบนพื้นเบื้องหน้านาง ก่อนร่างจริงจะตามมา“อ้าว เสี่ยวซุ่ย มาทำอะไรตรงนี้?” เฉินอี้ร้องขึ้นเบา ๆ เมื่อเห็นนางนั่งดักรออยู่หน้าร้าน แทนที่จะเป็นในร้าน ตอนนี้ชายหนุ่มสะพายตะกร้าใบโตที่มีของที่ได้จากการจ่ายตลาดไว้ข้างหลัง ใบหน้าเปื้อนเหงื่อเล็กน้อยจากแดดอ่อน แต่สายตายังเต็มไปด้วยความอาทร“ท่านกลับมาแล้ว…” เสี่ยวซุ่ยลุกขึ้นยืน มือกำชายเสื้อแน่นขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะพูดอย่างรีบ ๆ “ข้ามีอะไรจะให้ดูเจ้าค่ะ... ก่อนที่ท่านจะเข้าไปในโรงเตี๊ยม”“อะไรหรือ?” เฉินอี้เอียงคอเล็กน้อย มองนางอย่างสงสัย เสี่ยวซุ่ยไม่ตอบ แต่ถอยออกไปยืนกลางลาน หายใจเข้าเงียบ ๆ แล้วเริ่มขยับร่างกายฝ่ามือซ้ายของเสี่ยวซุ่ยเหยียดออกเบื้องหน้า ฝ่ามือขวากางป้องปลายคาง เท้าซ้ายก้าวไปด้านหน

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 25 : เขาเริ่มถูกท้าทาย

    รุ่งเช้าหลังเจ้านายทั้งสองออกเดินทางไปประมาณห้าวัน ท้องฟ้ายังเจือสีหมอกอ่อน เสียงไก่ขันแว่วจากท้ายหมู่บ้าน เสี่ยวซุ่ยตื่นขึ้นแต่เช้าเช่นเคย ล้างหน้าที่บ่อน้ำด้านหลังโรงเตี๊ยม ก่อนจะเข้าไปช่วยเตรียมของในครัวหลังจากสามีภรรยาเจ้าของกิจการได้สั่งงานแจกแจงแก่บ่าวทั้งหลายเรียบร้อยแล้ว โรงเตี๊ยมตอนนี้ก็อยู่ภายใต้ความดูแลขอ พี่หลิน หญิงวัยกลางคนผู้เคยทำงานในจวนใหญ่มาก่อน นางเป็นใหญ่รองเพียงสามีภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยมเท่านั้น อีกทั้งยังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการงานครัวหลักในยามที่เจ้านายไม่อยู่“เสี่ยวซุ่ย ไปเรียกเจ้าหนุ่มเฉินอี้ให้ไปจ่ายตลาดที ข้าจะเตรียมของไว้ทำซุปเงาะเห็ดหลินจือตามที่คุณชายอวี้ชอบเสียหน่อยก่อนเขากลับมา” พี่หลินบอกขณะจัดเตรียมเครื่องปรุงในห้องครัว พลางส่งกระดาษจดรายการให้เสี่ยวซุ่ยบ่าวหญิงผู้เคยเป็นเซียนพยักหน้ารับคำ แล้วเดินออกไปยังเรือนเล็กด้านหลังที่เป็นที่พักพวกบ่าว เพื่อจะไปตามเฉินอี้ แต่ก็พบเขาที่ลานหลังโรงเตี๊ยม กำลังกวาดลานไป ก้าวหมุนท้าวทบทวนวิชนยุทธ์ไป นางก็กล่าวขึ้นอย่างประหม่า“พี่หลินเรียกท่านให้ไปตลาดเจ้าค่ะ...” เสี่ยวซุ่ยร้องบอก เฉินอี้ก็หันมามอง พร้อมยิ้มบ

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status