“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
“เพื่อนปรางค์สวยไหมคะพี่กันต์”
“เมื่อกี้เห็นหนูเพชรครั้งแรกก็บอกแม่ว่าหนูเพชรน่ารัก” ยังไม่ทันที่ชนกันต์จะตอบอะไรปรารถนาพวงทองก็แย่งพูดไปก่อน ทั้งยังไม่ค่อยจะครบถ้วนทุกคำที่เขาพูดเท่าไหร่เพราะเขาไม่ได้ชมแค่พิมเพพชรคนเดียว แต่หากเอ่ยเสริมเติมแต่งอะไรไปจะหักหน้าทุกคนจึงเลือกที่จะเงียบเอาไว้
“ขอบคุณนะคะพี่กันต์” สาวเจ้าที่รู้ตัวว่าถูกผู้ชายชมก็เริ่มมีท่าทีและน้ำเสียงขวยเขินจนออกนอกหน้า
“เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ ผมหิวแล้ว”
“ไป ไป อาจะได้ให้แม่บ้านจัดโต๊ะอาหาร”
และแล้วมื้ออาหารเย็นวันนี้ก็เป็นมื้อที่ชนกันต์นั้นอึดอัดอีกครั้ง เพราะอาสะใภ้ของเขาดูจะยัดเยียดให้เขาดูแลพิมเพชรเป็นพิเศษ กว่าจะจบมื้อกลางวันได้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจจนรับประทานอาหารเที่ยงไม่อิ่ม
“หนูเพชรน่ารักดีไหมล่ะตากันต์” หลังจากชนกันต์กลับมาถึงบ้านไม่กี่นาทีอัญชลีก็รีบเฟสไทม์หาชนกันต์ทันที และแล้วชนกันต์จึงได้รู้ว่าแม่และอาสะใภ้ของเขาต้องร่วมมือกันในภารกิจดูตัวครั้งนี้แน่นอน
“ผมรู้ตัวคนสมรู้ร่วมคิดที่จับคู่ให้ผมแล้วล่ะครับ”
“อะไร ใครจับคู่ คิดไปเองหรือเปล่า แม่ไม่ได้ทำอะไรเลย” อัญชลียืนยันเสียงดัง แต่มีหรือชนกันต์จะดูอาการแม่ของตัวเองไม่ออก
“ไม่ค่อยจะร้อนตัวเลยนะครับคุณแม่”
“ทำอย่างกับลูกดูไม่ออก” มีเสียงของเตชธรรมแทรกเข้ามา ชนกันต์รู้สึขบขันที่พ่อตนกล้าที่จะเบรกคนเป็นแม่เพราะไม่ค่อยได้เห็นหรือได้เจอพ่อของเขาขัดแม่ตนบ่อยนัก
“คุณก็! ก็ฉันอยากอุ้มหลานนี่คะ คุณก็แก่ขนาดนี้แล้ว จะไปจากโลกนี้วันไหนก็ไม่รู้ไม่อยากอุ้มหลานบ้างหรือไง”
“อ้าว มาแช่งผมทำไม”
“ไม่ต้องเถียงกันครับ ไม่นานนี้อาจจะได้อุ้มกันสมใจครับ”
“จริงเหรอตากันต์ อย่าให้ความหวังแม่ลมๆ แล้งๆ นะ แม่ไม่ยอมจริงๆ ด้วย” อัญชลีละจากการเถียงกับสามีมามองจ้องหน้าจอด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ครับคุณแม่ แค่นี้ก่อนนะครับ” ชนกันต์วางสายจากพ่อกับแม่ได้ก็เดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะตอนนี้รู้ตัวว่าได้เจอคนที่ถูกใจที่สามารถเรียกว่ารักแรกพบได้แล้ว
ชนกันต์ โสภาพีรวัตร ชายหนุ่มร่างสูงกำยำหน้าตาหล่อเหลาปานนายแบบที่หลุดมาจากนิตยสาร เขาอายุเข้า36 เป็นหนุ่มโสดโปรไฟล์ดีที่ค่อนข้างเนื้อหอมและทำงานเก่ง ตอนนี้ชายหนุ่มนั่งแท่นผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพมหานครแทนคนเป็นพ่อและแม่ที่เกษียนตัวเองไปท่องเที่ยวรอบโลก
ในชีวิตมักจะถูกครอบครัวหาคนมาให้ดูตัวตลอดแต่เขาก็ไม่เคยคิดจะสนใจใคร เพราะไม่เคยรู้สึกพิเศษกับใครได้สักคน จนมาเจอผู้หญิงตัวเล็กน่ารักน่าชังราวกับตุ๊กตาเดินได้ที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืน แล้วเธอก็ทิ้งของบางอย่างเอาไว้ให้เขาดูต่างหน้า เขาเป็นคนที่เชื่อเรื่องรักแรกพบ แม้จะเคยผิดหวังกับเรื่องนี้มาแล้ว แต่เขาก็เชื่ออย่างนั้นมาโดยตลอดไม่เปลี่ยนแปลง...
“เป็นอะไรของแก อาทิตย์ที่แล้วที่ไปเที่ยวไม่ได้ทำให้สบายใจขึ้นมาบ้างหรือไง” ยาหยีเห็นเพื่อนรักเพื่อนเลิฟอย่างช่อแก้วนั่งเขี่ยลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยวพักใหญ่แล้ว จึงพอจะรู้ว่าเพื่อนเธอต้องมีเรื่องไม่สบายใจอีกแน่นอน
“กินเสร็จแล้วไปนั่งคุยกันที่หลังโรงเรียน” ดวงตากลมโตเหลือบมองยาหยีครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจและเอ่ยเสียงอ่อนออกมา
“งั้นรีบกินให้เสร็จเร็วๆ เลย” ยาหยีแทบยจะยกถ้วยก๋วยเตี๋ยวซดเสียให้ได้ เพราะดูพฤติกรรมของช่อแก้วออกว่าเรื่องที่ช่อแก้วจะคุยกับเธอต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่นอน
สองสาวใช้เวลาอยู่ในร้านก๋วยเตี๋ยวกลางหมู่บ้านไม่กี่นาทีก็พากันขับมอเตอร์ไซต์คันเก่งมานั่งคุยกันที่สวนหย่อมหลังโรงเรียนวัด ที่เก่าเจ้าประจำที่พวกเธอสองคนชอบมานั่งคุยกันเวลามีเรื่องที่เดือดร้อนใจ
“ถ้าฉันเล่าอะไรให้แกฟัง แกเงียบเอาไว้ด้วยล่ะ”
“โอเค๊... เล่ามา”
“เสียงสูงจนฉันไม่อยากเล่าเลย”
“เล่ามาเหอะน่า แกไม่เล่าให้ฉันฟังจะไปเล่าให้หมาที่ไหนฟัง มีฉันเป็นเพื่อนอยู่คนเดียวเนี่ย”
“ถ้วยฟูไง” ช่อแก้วเอ่ยถึงลูกหมาสีน้ำตาลตัวกลมที่เชอเอมน้องสาวของเธออุ้มกลับมาจากกรุงเทพมหานครเพราะเห็นมันน่าสงสาร
“โอ้ย... ไม่เล่าก็ไม่ฟัง” ยาหยีลุกยืนพรวดยกมือเท้าเอวด้วยท่าทางอารมณ์เสียที่ช่อแก้วเอาแต่ลีลากวนประสาทเธออยู่นั่น
“เล่าก็เล่า แต่ระวังเมาน้า” ช่อแก้วต้องรีบดึงแขนยาหยีให้เพื่อนเธอนั่งลงอีกครั้ง
“เอ๊ะแก้ว... แกจะหยุดปัญญาอ่อนกี่โมง”
“11โมง นี่ไงเวลานี้พอดี อิอิ”
“ยังอี๊ก...” คราวนี้ยาหยีไม่ได้จะลุกหนีแต่เป็นง้างมือจะฟาดหลังช่อแก้วแทน
“เออ เล่าแล้ว ขี้วีนเป็นคนวัยทองไปได้” สุดท้ายช่อแก้วก็ต้องเอ่ยเล่าเรื่องที่เธอไปเจอมาเมื่อตอนที่ไปเที่ยวสระบุรีให้ยาหยีได้ฟัง
“หา!...” ยาหยีฟังเรื่องราวทุกอย่างก็นั่งอ้าปากค้าง ตกใจพอสมควร เพราะที่ยุให้ช่อแก้วไปเที่ยวเพื่อไปผ่อนคลายความเครียดไม่คิดว่าเพื่อนรักจะต้องไปเสียตัวที่นั่น
“หาอะไรฉันช่วยไหม”
“ไอ้แก้ว! มันใช่เวลาตลกไหม นี่... นี่แกเสียตัวให้ใครก็ไม่รู้งั้นเหรอ”
“เออ... แต่เค้าก็หล่อดี หล่อมาก หล่อมากๆ เลย อายุน่าจะ 28 - 29 ประมาณนี้มั้ง”
“ป้องกันไหม”
วันเวลาของความสุขพ้นผ่านมาจนกระทั่งถึงวันแต่งงานของช่อแก้วและเชอเอม ว่าที่คู่บ่าวสาวสองคู่ค่อนข้างมีความสุขมากเป็นพิเศษ รวมไปถึงคนอื่นๆ ในครอบครัวของคู่บ่าวสาวด้วยงานแต่งของสองคู่บ่าวสาวจัดขึ้นที่โรงแรมหรูริมทะเลภูเก็ต งานแต่งเป็นแบบเรียบง่ายมีแต่คนสนิทที่เข้ามาร่วมงานเพราะทั้งสองคู่บ่าวสาวต้องการที่จะรับรองแขกด้วยตัวเองแบบเต็มที่“คุณอาสะใภ้ของฉันสวยจังเลยวันนี้” วิวาห์รินทร์เดินเข้ามาหาเพื่อนรักที่อยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวกระโปรงบานแบบเรียบง่าย เพราะตอนนี้เพื่อนเธอจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างอคดอัดนานๆ ไม่ได้เนื่องจากท้องเริ่มโตมากแล้ว แต่ไม่ว่าเชอเอมจะอยู่ในชุดไหนเมื่อได้แต่งแต้มใบหน้าด้วยเครื่องสำอางเมื่อไร่ เธอก็จะดูเด่นเป็นสง่าทุกครั้งไป“เรียกฉันแบบเดิมสิ” เจ้าสาวคนสวยเริ่มบุ้ยปาก เพราะค่อนขางขัดหูกับคำว่าตัวเองเป็นคุณอาของเพื่อนพอสมควร“จะเรียกแบบไหนตอนนี้สถานะของแกก็คืออาสะใภ้ของฉัน ถึงว่าเมื่อก่อนมีหนุ่มๆ รุ่นเดียวกันมาขายขนมจีบแกตั้งเยะแต่แกไม่สนเพราะรักคนแก่นี่เอง”“เมื่อกี้พูดว่าใครแก่นะ”“เอ่อ...ก็ หมายถึงคุณอาแก่ว่าเอมตั้งหลายปีค่ะ” วิวาห์รินทร์หน้าเสียเมื่อนคินทร์ดัน
“ลูกจะไม่เคืองเราแน่นะแม่” ณรงค์ค่อนข้างหวั่นใจอยู่พอสมควร รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกับภรรยากำลังหลอกลวงลูก เพราะแขกที่ชบาบอกให้เชอเอมรอต้อนรับคือนคินทร์ ผู้ชายที่โทรมาสารภาพเรื่องราวว่าตัวเองเป็นคนทำเชอเอมท้อง ถึงเขาจะบอกเหตุผลที่หายหน้าไปจากเชอเอมอย่างไม่บอกไม่กล่าวจนเขาและภรรยาเข้าใจดี แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเชอเอมจะยอมรับฟังและเชื่อในสิ่งที่นคินทร์ต้องการมาสารภาพหรือไม่“เรื่องเคืองไม่เคืองแม่ไม่สนใจหรอกพ่อ แค่เห็นลูกเรากลับมามีความสุขได้อีกครั้งเป็นพอ”“แล้วจะเชื่อใจนคินทร์ได้เหรอ ว่ากลับมาง้อลูกเราแล้วจะทำให้ลูกเรามีความสุขน่ะ”“ค่อยๆ ดูกันไป แค่นคินทร์มาสารภาพผิดกับเราแล้วบอกว่าจะรับผิดชอบยัยเอมทุกอย่างแม่ก็ถือว่าเค้าเป็นลูกผู้ชายพอตัวนะพ่อ” ชบาเห็นว่าหากมีโอกาสที่จะทำให้หลานของเธอมีครอบครัวที่สมบูรณ์เธอก็พร้อมจะทำ หลังจากนคินทร์มาสารภาพความจริงกับลูกสาวเธอแล้ว ตอนนั้นลูกสาวของเธอตัดสินใจอย่างไรเธอก็พร้อมจะยอมรับและอยู่เคียงข้างลูกเสมอครืน ครืน เสียงฟ้าร้องดังถี่ขึ้น ทั้งท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งอยู่คราแรกก็เริ่มมืดครึ้ม คนที่กำลังเตรียมวัตถุดิบทำกับข้าวอยู่ในครัวจึงรีบล้างไม้ล้างมือและเดินออ
“อะ...เอมท้องเหรอ” คนที่เดินเข้ามาหน้าระรื่นคราแรกตอนนี้เริ่มมีสีหน้าเจื่อนลงและกลืนน้ำลายไม่ลงคอ เพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นคนแรกของเชอเอม“ใช่ค่ะ แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าพ่อเด็กเป็นใคร แถมยังบอกว่าจะเลี้ยงลูกคนเดียวอีก ผู้ชายคนนั้นคงทำเลวกับเอมเอาไว้เยอะน่าดูเลย แต่ยังไงหวานใจก็อยากรู้ว่ามันเป็นใครอยู่ดีค่ะ”นคินทร์ยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร อาการของน้องชายที่กำลังเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้นครามั่นใจว่าน้องตนนี่แหละตัวต้นเหตุทำให้เพื่อนของลูกสาวเขาท้องป่องอยู่ตอนนี้“อ้อ... รู้หรือเปล่าคะว่าคุณอากันต์กำลังจะแต่งงานกับพี่แก้วพี่สาวของเอมด้วย”“แต่งงาน! อาไม่เห็นรู้เรื่อง” เรื่องแรกยังคงตกใจไม่หายตอนนี้มีเรื่องให้เซอร์ไพรซ์อีกเรื่องแล้ว“แล้วก่อนหน้านี้ให้คนอื่นติดต่อได้ไหมล่ะคะ”“พ่อไม่นึกว่าอากันต์กับอาของลูกจะชอบอะไรเหมือนๆ กัน จนกระทั่งวันนี้นะ” นคราพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ค่อนข้างมีเลศนัย“หมายความว่ายังไงคะคุณพ่อ”“เปล่า... พ่อก็พูดไปงั้น”“ไหนๆ ก็มาแล้วกินข้าวเย็นด้วยกันเลยนะคะ วันนี้มีฉู่ฉี่ปลากระพงของโปรดอาคินทร์ด้วย” วิวาห์รินทร์ยกมือเรียกแม่บ้านให้เอาจานมาให้ก่อนจะลุกตักข้าวและอาหารใ
หลังจากคุยกับหมอสาวเรียบร้อยช่อแก้วพยายามทำใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นของเชอเอมที่ตอนนี้มีวิวาห์รินทร์และชนกันต์ยืนเฝ้าน้องสาวเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว“เอมท้องกับใคร?”“หา...” คำถามที่ช่อแก้วถามเชอเอมทำสองหนุ่มสาวอย่างวิวาห์รินทร์และชนกันต์มองหน้ากันด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อครู่พวกเขาทั้งสองพยายามถามอาการชองเชอเอมแต่เธอก้ไม่ยอมตอบคงเป็รเพราะคำตอบมันเป็นสิ่งที่หญิงสาวไม่อยากตอบนี่เองวิวาห์รินทร์ค่อนข้างตกใจกว่าใครเพื่อน เพราะเธอเป็นเพื่อนที่สนิทกับเชอเอมและรู้ดีว่าเพื่อนเธอไม่มีแฟน แต่ทำไมตอนนี้ถึงตั้งท้องขึ้นมาได้ สาเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้เชอเอมกลับมาอยู่ต่างจังหวัดกะทันหัน“เอม... คือ...” เชอเอมนั่งอ้ำอึ้งและมีน้ำตาเอ่อคลอออกมา“บอกกับพี่มาเถอะเอมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เรื่องท้องมันเรื่องใหญ่มากนะเอม” ช่อแก้วยืนกำมือแน่นเธอเริ่มเสียงแข็ง เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเชอเอมไม่พูดออกมาว่าพ่อของลูกเป็นใคร แล้วไปพบไปเจอกันตอนไหน“ทำไม ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันบังคับเอมแล้วไม่รับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นใช่ไหม” ช่อแก้วเริ่มคิดไปต่างๆ นาๆ เธอเริ่มเสียงดังมากขึ้นเมื่องัดความจริงจากปากของน้
หลังจากทนเหงามาเป็นเดือนๆ วิวาห์รินทร์ก็ต้องขับรถถ่อมาที่บ้านของเชอเอมเพราะทนคิดถึงเพื่อนรักไม่ไหว ก่อนหน้านี้เคยเจอหน้ากันแทบทุกวันเพราะต้องเรียนด้วยกัน แต่หลังเรียนจบก็ไม่ค่อยได้เจอกันไหนเชอเอมจะกลับมาอยู่ต่างจังหวัดอีกเธอจึงรู้สึกเหงาเป็นพิเศษ“แกกลับมาอยู่ที่นี่ฉันเหงามากเลยรู้ไหม”“หลังรับปริญญาก็น่าจะไม่เหงาแล้วมั้ง เดี๋ยวก็ได้เข้าไปทำงานในบริษัทคุณพ่อแกแล้ว”“ไม่มีแกยังไงก็เหงา จะไม่ไปทำงานกับฉันจริงๆ เหรอ” วิวาห์รินทร์เริ่มถามคำถามเดิมๆ ที่แม้จะรู้ว่าไม่ค่อยมีความหวังแต่ก็อยากจะลองถามดู“อยากอยู่ช่วยพ่อกับแม่มากกว่า แกเข้าใจฉันนะ” เชอเอมก็ตอบคำถามคำเดิมกับวิวาห์รินทร์เช่นกัน เพราะที่เธอเลือกจะกลับมาอยู่ที่บ้านก็เพื่อเลี่ยงการได้เจอหน้ากับนคินทร์เป็นเหตุผลหลัก เพราะตั้งแต่เขานอนกับเธอแล้วหายหน้าไปก็ทำให้เธอรู้แล้วว่าเธอไม่ควรรู้สึกดีและอยู่ใกล้กับผู้ชายอย่างเขา“โอเค เข้าใจก็ได้ อ่อ...ก่อนหน้านี้คุณอาได้ติดต่อกับแกบ้างหรือเปล่า ช่วงนี้ฉันติดต่อคุณอาไม่ได้เป็นเดือนๆ แล้ว”คำถามของวิวาห์รินทร์ทำเชอเอมหน้าเสียเพราะอุตส่าห์เลี่ยงทุกอย่างที่จะทำให้นึกถึงนคินทร์แล้ว วิวาห์รินทร์ก็ต้อ
นคินทร์ยอมรับว่าตอนนี้กำลังไม่พอใจเชอเอมเอามากๆ เมื่อรถตู้จอดที่หน้าคอนโดได้เขาก็รีบลากหญิงสาวให้ขึ้นมาที่ห้องด้วยกัน หัวใจของเชอเอมตอนนี้เต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะไม่คิดว่าการที่เธอออกไปจากคอนโดของเขาโดยที่ไม่บอกกล่าวกันต่อหน้าจะทำให้นคินทร์ดูไม่สบอารมณ์มากขนาดนี้“หนีออกมาทำไม” เข้าห้องมาได้ชายหนุ่มก็รวบกอดคนตัวเล็กและดันตัวเธอให้หลังติดกำแพง แววตาแข็งกร้าวและน้ำเสียงที่แสดงออกถึงอาการขุ่นเคืองทำเชอเอมเริ่มกลัวท่าทีของนคินทร์“เอ่อ... เอมแค่กำลังจะกลับบ้านในระหว่างที่รอรับปริญญาค่ะ” เธอก้มหน้างุดไม่ยอมสบตากับเขาทั้งยังรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ตัวของเธอกำลังสั่นและอีกฝ่ายก็น่าจะรู้สึกได้เหมือนกัน“ก็บอกกันต่อหน้าก็ได้ แน่ใจนะว่าไม่ได้โกรธเคืองอะไรผม”เชอเอมเอาแต่เงียบก้มหน้างุด เธอพูดความรู้สึกในหัวใจของเธอไม่ได้เพราะหากพูดออกไปนคินทร์ต้องรู้แน่นอนว่าเธอกำลังคิดอะไรกับเขา“เรื่องที่วีวี่พูดใช่ไหม ผมเห็นจากกล้องวงจรปิดหมดแล้วว่าเธอไปดักรอคุณที่หน้าห้อง เชื่อสิ่งที่เธอพูดหรือเปล่า” เขารู้เรื่องราวที่วีวี่พูดกับเอชเอมทั้งหมดเพราะสังหรณ์ใจตั้งแต่เห็นจดหมายลาของเชอเอมจึงรีบไปขอดูกล้องวงจรปิดของค