“จำอะไรไม่ได้ ชื่อเค้าฉันยังไม่รู้เลย”
“อายุเท่านี้ แถมหล่อมาก แล้วก็ลากแกไปนอนด้วยง่ายๆ ท่าทางจะช่ำชองเรื่องนี้ ไม่แน่อีตาคนนั้นที่เรากำลังพูดถึงอยู่อาจจะเป็นโรคติดต่อก็ได้” ยาหยีลุกขึ้นเดินกอดอกทำหน้าครุ่นคิด
“กะ...แก มะ...หมายถึงเอดส์น่ะเหรอ” ช่อแก้วที่นั่งหน้าห่อเหี่ยวคราแรก ตอนนี้เธอเริ่มจะห่อเหี่ยวกว่าเดิม
“ก็เออดิ ตกลงแกจำไม่ได้จริงๆ เหรอว่าป้องกันหรือเปล่า”
“หึ... ไม่ได้คิดมาก่อนเลยนะเนี่ย คิดแค่เสียตัวให้คนที่ไม่ใช่แฟนก็หดหู่มาหลายวัน มาปรึกษาแกได้เรื่องหดหู่มาอีกเรื่องนึงอีก ฉันจะหายเครียดวันไหน” เจ้าของเรื่องวุ่นวายนั่งชันข้อศอกกับโต๊ะหินอ่อนกุมขมับหนึบ
“ฟังดูแกดีใจใช่ไหมเนี่ยที่มีฉันเป็นเพื่อน”
“เออ แกเตือนเรื่องที่ฉันคิดไม่ค่อยได้ไง เอาไงดีอะ”
“ไปปรึกษาหมอตรวจโรคติดต่อไหม”
“ที่ไหนอะ ถ้าที่โรงพยาบาลในอำเภอฉันไปตรวจเรื่องได้ถึงหูแม่กับพ่อแน่” เธอไม่สามารถไปตรวจโรคที่โรงพยาบาลในอำเภอได้แน่นอนเพราะญาติเธอเป็นพยาบาลที่นั่น แม้เธอจะเชื่อว่าแพทย์หรือพยาบาลมีจรรยาบรรณในการปกปิดข้อมูลแต่เธอก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี
“งั้นไปกรุงเทพไหม บอกพ่อกับแม่แกว่าไปเยี่ยมเอมไง”
“อ่อ... ก็ดีนะ” ช่อแก้วพอจะเห็นว่าทางที่ยาหยีเสนอเป็นวิธีที่ดีที่เธอสามารถทำได้อย่างสบายใจ ส่วนเรื่องตรวจเจออะไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คิดย้อนกลับไปก็อยากจะตบหน้าตัวเองเป็นร้อยครั้งที่เมาจนไม่ได้สติและเผลทำอะไรที่ไม่ควรทำลงไป ตอนนี้ไม่ได้เครียดแต่เรื่องเสียตัวแล้ว แต่เป็นเรื่องผลที่จะตามมาหลังจากนี้ต่างหาก
“ป้าเอาไปทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วนะคะ” บังอรเห็นเจ้านายเธอกลับมาจากทำงานได้ก็รีบเดินเอาของบางอย่างไปให้ขณะที่เขากำลังจะเดินขึ้นชั้นบน
“ขอบคุณครับป้าอร” ชนกันต์รับถุงกระดาษถุงเล็กที่แม่บ้านส่งให้ก่อนจะแง้มดูชิ้นของด้านในเล็กน้อย
“เอ่อ... ว่าแต่ มันเป็นของผู้หญิงไม่ใช่เหรอคะ” แม่บ้านวัยเกือบ60เอ่ยถามเจ้านายหนุ่มด้วยน้ำเสียงอึกอัก
“ครับ ไม่นานป้าอรก็น่าจะเจอเจ้าของ”
“เจ้าของ? หมายถึง...”
“เดี๋ยวก็รู้ครับ ตอนนี้ผมยังบอกอะไรไม่ได้” พูดจบก็เดินยิ้มอารมณ์ดีขึ้นบันไดไป
บังอรอมยิ้มตามหลังชนกันต์ เพราะเดาไปทางอื่นไม่ได้เลยว่าชุดชั้นในสีชมพูนั้นเป็นของใคร นอกเสียจากแฟนของเจ้านายหนุ่ม ท่าทางไม่นานนี้บ้านหลังนี้คงจะมีความครึกครื้นหลังจากเงียบเหงามานานแน่นอน
“ทำไมถึงจะไปเยี่ยมน้องกะทันหันล่ะลูก” ชบาค่อนข้างตกใจที่จู่ๆ หลังรับประทานอาหารเย็นกันเรียบร้อยช่อแก้วก็มาบอกเธอว่าจะไปกรุงเทพมหานครกะทันหัน
“แก้วอยากไปเที่ยวด้วยจะ แก้วเบื่อๆ อะ ดีไม่ดีอาจจะหางานทำที่โน่นเลยก็ได้”
“อยากทำงานประจำแล้วเหรอ”
“จะแม่ บางทีเส้นทางการเป็นนักเขียนของแก้วอาจจะไม่รุ่งก็ได้”
“แม่อยากให้เราทำตามความฝัน ขอโทษนะลูกที่ภาระทางบ้านเรามันบีบคั้นเหลือเกิน”
“แม่ไม่ต้องขอโทษหรอก ถึงเราไม่มีปัญหาหนี้สินแก้วก็เริ่มท้อกับการทำตามฝันแล้วจริงๆ” ช่อแก้วเข้าไปมุดหน้าซุกอยู่กับอกคนเป็นแม่ เธอไม่อยากให้แม่ได้มองสีหน้าที่หดหู่ของตัวเองนัก เพราะรู้ว่าแม่มีเรื่องเครียดในหัวมากมายพออยู่แล้ว
“ถ้ามันไม่ลำบากเกินไป ทำงานประจำไปด้วยเขียนนิยายเวลาว่างไปด้วยก็ได้นี่ลูก ไม่ต้องรีบร้อนกับมัน ไม่แน่ลูกแม่อาจจะประสบผลสำเร็จตามใจหวังในนิยายแค่เรื่องเดียวก็ได้” ชบารู้สึกไม่สบายใจเพราะรู้ว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกสาวของเธอเริ่มท้อต่อการทำตามความฝันคือภาระทางบ้านที่เธอและสามีไม่สามารถจัดการเองได้จนส่งผลให้ช่อแก้วต้องลำบากหาเงินมาได้ก็ต้องมาช่วยใช้หนี้
“ขอให้พรของแม่เป็นจริงนะจ๊ะ” ช่อแก้วภาวนาให้พรจากปากแม่ของเธอเป็นจริง ตอนนี้เธอรู้สึกเครียดไปหมด เพราะคิดว่าไปเที่ยวเมื่อครั้งก่อนหน้าจะทำให้เธอได้คลายเครียดและเกิดปัญญาคิดหาทางออกอะไรได้ แต่เหมือนว่าการไปเที่ยวของเธอจะสร้างปัญหาให้ตัวเองเสียมากกว่า
“พี่แก้ว คิดถึงจังเลยเย็นนี้ไปกินหมูกระทะกันนะ” เชอเอมเห็นพี่สาวมาหาถึงหน้าห้องได้ก็รีบกระโดดกอดคอพี่เธอเอาไว้แน่น ยิ้มร่าหน้าระรื่นเพราะรู้ตัวว่าจะหายเหงาแล้ว
“ดูท่าจะไม่ค่อยคิดถึงพี่เท่าไหร่เล้ย มาถึงก็ให้พาไปเลี้ยงหมูกระทะ” เชอเอมผละออกจากตัวได้ ช่อแก้วก็ขมวดคิ้วมองจ้องน้องสาวให้รู้ว่าตัวเองกำลังน้อยใจ ที่ดูเหมือนว่าเชอเอมจะคิดถึงหมูกระทะมากกว่าคิดถึงเธอ
“คิดถึงพี่แก้วแล้วก็คิดถึงหมูกระทะด้วยนี่คะ ไม่ได้กินนานแล้ว” เชอเอมดึงแขนพี่สาวเข้ามาในห้องพร้อมกับช่วยลากกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาเก็บด้านในห้องเช่าเล็กๆ ของเธอ
“เพื่อนๆ ไม่เคยชวนไปกินเลยหรือไง”
“ชวน แต่เอมอยากประหยัดตัง”
“อ๋อ... ก็เลยรอขอตังพี่ว่างั้น”
“อิ อิ”
“โอเค... ได้ วันนี้พี่จะพาไปเลี้ยง”
“เย่” เมื่อได้ยินว่าคนเป็นพี่จะเลี้ยงของโปรดเชอเอมก็รีบกระโดดกอดคอช่อแก้วอีกรอบ คนเป็นน้องที่กำลังดีใจไม่รู้เลยว่าพี่สาวกำลังน้ำตาจะไหลเพราะอาหารแค่ไม่กี่ร้อยน้องสาวของเธอยังต้องอดเพราะขัดสนเรื่องเงิน
วันเวลาของความสุขพ้นผ่านมาจนกระทั่งถึงวันแต่งงานของช่อแก้วและเชอเอม ว่าที่คู่บ่าวสาวสองคู่ค่อนข้างมีความสุขมากเป็นพิเศษ รวมไปถึงคนอื่นๆ ในครอบครัวของคู่บ่าวสาวด้วยงานแต่งของสองคู่บ่าวสาวจัดขึ้นที่โรงแรมหรูริมทะเลภูเก็ต งานแต่งเป็นแบบเรียบง่ายมีแต่คนสนิทที่เข้ามาร่วมงานเพราะทั้งสองคู่บ่าวสาวต้องการที่จะรับรองแขกด้วยตัวเองแบบเต็มที่“คุณอาสะใภ้ของฉันสวยจังเลยวันนี้” วิวาห์รินทร์เดินเข้ามาหาเพื่อนรักที่อยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวกระโปรงบานแบบเรียบง่าย เพราะตอนนี้เพื่อนเธอจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างอคดอัดนานๆ ไม่ได้เนื่องจากท้องเริ่มโตมากแล้ว แต่ไม่ว่าเชอเอมจะอยู่ในชุดไหนเมื่อได้แต่งแต้มใบหน้าด้วยเครื่องสำอางเมื่อไร่ เธอก็จะดูเด่นเป็นสง่าทุกครั้งไป“เรียกฉันแบบเดิมสิ” เจ้าสาวคนสวยเริ่มบุ้ยปาก เพราะค่อนขางขัดหูกับคำว่าตัวเองเป็นคุณอาของเพื่อนพอสมควร“จะเรียกแบบไหนตอนนี้สถานะของแกก็คืออาสะใภ้ของฉัน ถึงว่าเมื่อก่อนมีหนุ่มๆ รุ่นเดียวกันมาขายขนมจีบแกตั้งเยะแต่แกไม่สนเพราะรักคนแก่นี่เอง”“เมื่อกี้พูดว่าใครแก่นะ”“เอ่อ...ก็ หมายถึงคุณอาแก่ว่าเอมตั้งหลายปีค่ะ” วิวาห์รินทร์หน้าเสียเมื่อนคินทร์ดัน
“ลูกจะไม่เคืองเราแน่นะแม่” ณรงค์ค่อนข้างหวั่นใจอยู่พอสมควร รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกับภรรยากำลังหลอกลวงลูก เพราะแขกที่ชบาบอกให้เชอเอมรอต้อนรับคือนคินทร์ ผู้ชายที่โทรมาสารภาพเรื่องราวว่าตัวเองเป็นคนทำเชอเอมท้อง ถึงเขาจะบอกเหตุผลที่หายหน้าไปจากเชอเอมอย่างไม่บอกไม่กล่าวจนเขาและภรรยาเข้าใจดี แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเชอเอมจะยอมรับฟังและเชื่อในสิ่งที่นคินทร์ต้องการมาสารภาพหรือไม่“เรื่องเคืองไม่เคืองแม่ไม่สนใจหรอกพ่อ แค่เห็นลูกเรากลับมามีความสุขได้อีกครั้งเป็นพอ”“แล้วจะเชื่อใจนคินทร์ได้เหรอ ว่ากลับมาง้อลูกเราแล้วจะทำให้ลูกเรามีความสุขน่ะ”“ค่อยๆ ดูกันไป แค่นคินทร์มาสารภาพผิดกับเราแล้วบอกว่าจะรับผิดชอบยัยเอมทุกอย่างแม่ก็ถือว่าเค้าเป็นลูกผู้ชายพอตัวนะพ่อ” ชบาเห็นว่าหากมีโอกาสที่จะทำให้หลานของเธอมีครอบครัวที่สมบูรณ์เธอก็พร้อมจะทำ หลังจากนคินทร์มาสารภาพความจริงกับลูกสาวเธอแล้ว ตอนนั้นลูกสาวของเธอตัดสินใจอย่างไรเธอก็พร้อมจะยอมรับและอยู่เคียงข้างลูกเสมอครืน ครืน เสียงฟ้าร้องดังถี่ขึ้น ทั้งท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งอยู่คราแรกก็เริ่มมืดครึ้ม คนที่กำลังเตรียมวัตถุดิบทำกับข้าวอยู่ในครัวจึงรีบล้างไม้ล้างมือและเดินออ
“อะ...เอมท้องเหรอ” คนที่เดินเข้ามาหน้าระรื่นคราแรกตอนนี้เริ่มมีสีหน้าเจื่อนลงและกลืนน้ำลายไม่ลงคอ เพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นคนแรกของเชอเอม“ใช่ค่ะ แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าพ่อเด็กเป็นใคร แถมยังบอกว่าจะเลี้ยงลูกคนเดียวอีก ผู้ชายคนนั้นคงทำเลวกับเอมเอาไว้เยอะน่าดูเลย แต่ยังไงหวานใจก็อยากรู้ว่ามันเป็นใครอยู่ดีค่ะ”นคินทร์ยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร อาการของน้องชายที่กำลังเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้นครามั่นใจว่าน้องตนนี่แหละตัวต้นเหตุทำให้เพื่อนของลูกสาวเขาท้องป่องอยู่ตอนนี้“อ้อ... รู้หรือเปล่าคะว่าคุณอากันต์กำลังจะแต่งงานกับพี่แก้วพี่สาวของเอมด้วย”“แต่งงาน! อาไม่เห็นรู้เรื่อง” เรื่องแรกยังคงตกใจไม่หายตอนนี้มีเรื่องให้เซอร์ไพรซ์อีกเรื่องแล้ว“แล้วก่อนหน้านี้ให้คนอื่นติดต่อได้ไหมล่ะคะ”“พ่อไม่นึกว่าอากันต์กับอาของลูกจะชอบอะไรเหมือนๆ กัน จนกระทั่งวันนี้นะ” นคราพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ค่อนข้างมีเลศนัย“หมายความว่ายังไงคะคุณพ่อ”“เปล่า... พ่อก็พูดไปงั้น”“ไหนๆ ก็มาแล้วกินข้าวเย็นด้วยกันเลยนะคะ วันนี้มีฉู่ฉี่ปลากระพงของโปรดอาคินทร์ด้วย” วิวาห์รินทร์ยกมือเรียกแม่บ้านให้เอาจานมาให้ก่อนจะลุกตักข้าวและอาหารใ
หลังจากคุยกับหมอสาวเรียบร้อยช่อแก้วพยายามทำใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นของเชอเอมที่ตอนนี้มีวิวาห์รินทร์และชนกันต์ยืนเฝ้าน้องสาวเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว“เอมท้องกับใคร?”“หา...” คำถามที่ช่อแก้วถามเชอเอมทำสองหนุ่มสาวอย่างวิวาห์รินทร์และชนกันต์มองหน้ากันด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อครู่พวกเขาทั้งสองพยายามถามอาการชองเชอเอมแต่เธอก้ไม่ยอมตอบคงเป็รเพราะคำตอบมันเป็นสิ่งที่หญิงสาวไม่อยากตอบนี่เองวิวาห์รินทร์ค่อนข้างตกใจกว่าใครเพื่อน เพราะเธอเป็นเพื่อนที่สนิทกับเชอเอมและรู้ดีว่าเพื่อนเธอไม่มีแฟน แต่ทำไมตอนนี้ถึงตั้งท้องขึ้นมาได้ สาเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้เชอเอมกลับมาอยู่ต่างจังหวัดกะทันหัน“เอม... คือ...” เชอเอมนั่งอ้ำอึ้งและมีน้ำตาเอ่อคลอออกมา“บอกกับพี่มาเถอะเอมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เรื่องท้องมันเรื่องใหญ่มากนะเอม” ช่อแก้วยืนกำมือแน่นเธอเริ่มเสียงแข็ง เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเชอเอมไม่พูดออกมาว่าพ่อของลูกเป็นใคร แล้วไปพบไปเจอกันตอนไหน“ทำไม ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันบังคับเอมแล้วไม่รับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นใช่ไหม” ช่อแก้วเริ่มคิดไปต่างๆ นาๆ เธอเริ่มเสียงดังมากขึ้นเมื่องัดความจริงจากปากของน้
หลังจากทนเหงามาเป็นเดือนๆ วิวาห์รินทร์ก็ต้องขับรถถ่อมาที่บ้านของเชอเอมเพราะทนคิดถึงเพื่อนรักไม่ไหว ก่อนหน้านี้เคยเจอหน้ากันแทบทุกวันเพราะต้องเรียนด้วยกัน แต่หลังเรียนจบก็ไม่ค่อยได้เจอกันไหนเชอเอมจะกลับมาอยู่ต่างจังหวัดอีกเธอจึงรู้สึกเหงาเป็นพิเศษ“แกกลับมาอยู่ที่นี่ฉันเหงามากเลยรู้ไหม”“หลังรับปริญญาก็น่าจะไม่เหงาแล้วมั้ง เดี๋ยวก็ได้เข้าไปทำงานในบริษัทคุณพ่อแกแล้ว”“ไม่มีแกยังไงก็เหงา จะไม่ไปทำงานกับฉันจริงๆ เหรอ” วิวาห์รินทร์เริ่มถามคำถามเดิมๆ ที่แม้จะรู้ว่าไม่ค่อยมีความหวังแต่ก็อยากจะลองถามดู“อยากอยู่ช่วยพ่อกับแม่มากกว่า แกเข้าใจฉันนะ” เชอเอมก็ตอบคำถามคำเดิมกับวิวาห์รินทร์เช่นกัน เพราะที่เธอเลือกจะกลับมาอยู่ที่บ้านก็เพื่อเลี่ยงการได้เจอหน้ากับนคินทร์เป็นเหตุผลหลัก เพราะตั้งแต่เขานอนกับเธอแล้วหายหน้าไปก็ทำให้เธอรู้แล้วว่าเธอไม่ควรรู้สึกดีและอยู่ใกล้กับผู้ชายอย่างเขา“โอเค เข้าใจก็ได้ อ่อ...ก่อนหน้านี้คุณอาได้ติดต่อกับแกบ้างหรือเปล่า ช่วงนี้ฉันติดต่อคุณอาไม่ได้เป็นเดือนๆ แล้ว”คำถามของวิวาห์รินทร์ทำเชอเอมหน้าเสียเพราะอุตส่าห์เลี่ยงทุกอย่างที่จะทำให้นึกถึงนคินทร์แล้ว วิวาห์รินทร์ก็ต้อ
นคินทร์ยอมรับว่าตอนนี้กำลังไม่พอใจเชอเอมเอามากๆ เมื่อรถตู้จอดที่หน้าคอนโดได้เขาก็รีบลากหญิงสาวให้ขึ้นมาที่ห้องด้วยกัน หัวใจของเชอเอมตอนนี้เต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะไม่คิดว่าการที่เธอออกไปจากคอนโดของเขาโดยที่ไม่บอกกล่าวกันต่อหน้าจะทำให้นคินทร์ดูไม่สบอารมณ์มากขนาดนี้“หนีออกมาทำไม” เข้าห้องมาได้ชายหนุ่มก็รวบกอดคนตัวเล็กและดันตัวเธอให้หลังติดกำแพง แววตาแข็งกร้าวและน้ำเสียงที่แสดงออกถึงอาการขุ่นเคืองทำเชอเอมเริ่มกลัวท่าทีของนคินทร์“เอ่อ... เอมแค่กำลังจะกลับบ้านในระหว่างที่รอรับปริญญาค่ะ” เธอก้มหน้างุดไม่ยอมสบตากับเขาทั้งยังรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ตัวของเธอกำลังสั่นและอีกฝ่ายก็น่าจะรู้สึกได้เหมือนกัน“ก็บอกกันต่อหน้าก็ได้ แน่ใจนะว่าไม่ได้โกรธเคืองอะไรผม”เชอเอมเอาแต่เงียบก้มหน้างุด เธอพูดความรู้สึกในหัวใจของเธอไม่ได้เพราะหากพูดออกไปนคินทร์ต้องรู้แน่นอนว่าเธอกำลังคิดอะไรกับเขา“เรื่องที่วีวี่พูดใช่ไหม ผมเห็นจากกล้องวงจรปิดหมดแล้วว่าเธอไปดักรอคุณที่หน้าห้อง เชื่อสิ่งที่เธอพูดหรือเปล่า” เขารู้เรื่องราวที่วีวี่พูดกับเอชเอมทั้งหมดเพราะสังหรณ์ใจตั้งแต่เห็นจดหมายลาของเชอเอมจึงรีบไปขอดูกล้องวงจรปิดของค