“เรื่องอุบัติเหตุ…เธอจำได้มากแค่ไหน?” คนตัวสูงที่คร่อมตัวฉันอยู่ถามออกมาด้วยเสียงแข็ง พร้อมทั้งขมวดคิ้วมองลงมาด้วยสายตาที่ดูเหมือนกำลังสงสัย
คำถามพวกนี้มันหมายความว่ายังไงกันนะ? หมายความว่าคุณคิมหันต์รู้เรื่องอุบัติเหตุวันนั้นอยู่แล้วจริงๆใช่มั้ย? ได้ยังไงกัน…เขารู้เรื่องอุบัติเหตุวันนั้นได้ยังไง? วันนั้นคุณคิมหันต์ไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง? “ฉันมากกว่าที่ต้องถามคุณ ว่าวันนั้น…วันที่ฉันเกิดอุบัติเหตุ คุณ…ไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง?” หมับ!! ดูเหมือนว่าคำถามของฉันจะทำให้คนตัวสูงไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร เพราะทันทีที่ฉันถามแบบนั้นออกไปคุณคิมหันต์กลับยกมือขึ้นมาบีบแขนฉันอย่างแรง แรงจนฉันปวดไปทั่วทั้งแขน “โอ้ย!! คุณคิมหันต์! ฉันเจ็บนะคะ” ฉันร้องออกมาเพื่อหวังจะให้คนตัวสูงหยุดการกระทำที่ไร้เหตุผลของตัวเอง แต่ทันทีที่หันไปสบตาที่เยือกเย็นของเขา ตัวฉันกลับรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว ขนลุกจนไม่กล้าขยับไปไหนแล้วนิ่งงันอยู่อย่างนั้นไปโดยอัตโนมัติ อะไรกัน? นี่คำถามของฉัน…ทำเขาโกรธมากขนาดนี้เลยเหรอ? ทำไม…ทำไมเขาต้องโกรธมากขนาดนี้ด้วย? “ถ้าจะจำได้แค่นั้น ก็ลืมมันไปซะ!!” ลืมเหรอ? เขาคิดว่าการลืมเรื่องที่น่าเจ็บปวดแบบนี้มันง่ายมากรึไง? ถ้าเลือกได้…ฉันก็ไม่อยากจำมันขึ้นมาให้ตัวเองเจ็บปวดแบบนี้อีกครั้งหรอก “คุณจะให้ฉันลืมมันไปง่ายๆได้ยังไง?” “ทำไมจะทำไม่ได้!! ในเมื่อที่ผ่านมาเธอก็ลืมมันมาตลอดเลยนี่! ก็แค่ลืม…เหมือนอย่างที่ทำมาตลอด” ท่าทีโกรธเกรี้ยวของคุณคิมหันต์ตอนนี้มันคืออะไรกัน? ทำไมเขาต้องดูอารมณ์เสียขนาดนี้ด้วย เรื่องอุบัติเหตุมันก็เป็นอุบัติเหตุของฉัน ไม่ได้เกี่ยวกับเขาซะหน่อย ทำไมต้องมาสั่งให้ฉันลืมเรื่องราวของตัวเองด้วย “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยล่ะคะ?! ต่อให้ฉันจะจำได้หรือจำไม่ได้ยังไง แล้วคุณจะมาเดือดร้อนอะไรด้วยล่ะ?” “…” เสียงตะคอกของฉันทำเอาคนตัวสูงถึงกับนิ่งชะงักไปชั่วขณะเลย “…ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมตอนนั้นคุณถึงไปอยู่ที่นั่นก็แค่นั้น แต่ถ้าคุณไม่อยากบอกคุณก็ไม่ต้องบอกก็ได้ค่ะ แต่ทำไมคุณต้องมาสั่งให้ฉันลืมเรื่องนั้นด้วย!!” ฟึ่บ!! สิ้นเสียงตะคอกของฉัน มือที่บีบแขนฉันเอาไว้ของคนตัวสูงก็คลายออก ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกออกจากตัวฉันไป ด้วยสีหน้าที่กลับมาเรียบนิ่งตามเดิม “เธอ…ไม่เคยรู้อะไรเลยสินะเกวลิน!” คุณคิมหันต์เอ่ยออกมาในขณะที่กำลังหันหลังให้ฉัน แต่ถึงแม้ว่าเขาจะยืนหันหลังให้ฉัน แต่ฉันกลับรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยหน่ายของเขา หมายความว่ายังไงกันแน่? ทั้งน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยหน่ายของเขา ทั้งคำพูดที่น่าสงสัยของเขา มันหมายความว่ายังไงกันแน่? ฉัน…ฉันไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ “ที่คุณพูด…มันหมายความว่ายังไงกันแน่คะ? ถ้าฉันไม่รู้…คุณจะช่วยบอกให้ฉันรู้ได้มั้ยคะ? คุณคิมหันต์” ฉันยืนขึ้นมองแผ่นหลังกว้างของคนตัวสูง ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจออกไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา ขวับ!! คนตัวสูงตรงหน้าหันหน้ากลับมาหาฉัน ทันทีที่เขาหันกลับมาฉันก็ได้สบเข้ากับดวงตาของคุณคิมหันต์ ตึกตักๆๆ!! แต่จู่ๆใจฉันมันก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อหันไปเห็นน้ำตาที่กำลังไหลออกมาจากดวงตาของคนตัวสูงตรงหน้า แววตาของคุณคิมหันต์แลดูเศร้าสร้อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกครั้งที่ได้มองไปยังหยดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มของคุณคิมหันต์ ใจฉันมันรู้สึกโหวงแปลกๆ ฉัน…ไม่ชอบน้ำตาของเขาเลยสักนิด “0_0!! คุณคิมหันต์ คุณร้องไห้งั้นเหรอ?” ฟึ่บ!! ฉันเดินเข้าไปใกล้คนตัวสูง ก่อนจะยกมือขึ้นไปซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเขาอย่างแผ่วเบา “ลืมมันซะเกวลิน! ถ้าเธอลืม…ฉันก็จะลืมมันด้วยเหมือนกัน!” อีกแล้ว เขาพูดให้ฉันลืมอีกแล้ว ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเขาหมายความว่ายังไงกันแน่? ฉันควรทำยังไงดี? ต่อให้ตอบตกลงไปว่าจะลืม…ฉันก็คงทำไม่ได้อยู่ดี และมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ฉันทำแบบนั้นด้วย แต่ถึงอย่างนั้น…ฉันก็…ไม่อยากเห็นน้ำตาของเขาเลย “จุ๊บ!!” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ฉันเขย่งเท้าขึ้นไปจุ๊บแก้มคนตรงหน้าอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ฉันหวังแค่ว่าอยากจะช่วยซับน้ำตาและปลอบใจเขาเท่านั้น แต่ก็นึกวิธีไหนไม่ออก นอกจากวิธีนี้ “ทำไม? ทำไมคุณต้องร้องไห้…อุบ!!” คำพูดที่ฉันตั้งใจจะพูดออกมาถูกกลืนกินลงไปโดยริมฝีปากหนาของคนตัวสูงไปซะแล้ว คุณคิมหันต์คว้าเอวฉันเข้าไปไว้ในอ้อมแขนก่อนจะประกบริมฝีปากตัวเองเข้ากับริมฝีปากบางของฉัน แม้จะตกใจที่ถูกจู่โจมกะทันหัน แต่ร่างกายฉันกลับไม่คิดจะปฏิเสธสัมผัสจากคนตรงหน้าเลยสักนิด ตึกตักๆๆ! เป็นอย่างนี้อีกแล้ว หัวใจของฉันมันเต้นรัวอย่างเอาแต่ใจขึ้นมาอีกแล้ว ทำไมกันนะ? ทำไมร่างกายฉันถึงตอบรับเขาอย่างง่ายดายแบบนี้ทุกทีเลย “อื้ม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังกระหึ่มไปทั่วทั้งห้อง สัมผัสจากเรียวลิ้นที่เกี่ยวตระหวัดกันอย่างเนิบนาบในปากมันชวนให้รู้สึกดีมากเชียวล่ะ รู้สึกดีจนไม่อยากจะหยุดมันไว้เลย ตุบ!! ไม่รู้ว่าเราสองคนจูบกันนานแค่ไหนแล้ว แต่รู้แค่ว่ามันนานจนร่างของเราทั้งสองลงมานอนกันอยู่บนเตียงใกล้ตัวเรียบร้อยแล้ว “จุ๊บ จ๊วบ! อื้มมม~” ทันทีที่ร่างของเราทั้งสองสัมผัสเข้ากับเตียงนุ่ม คนตัวสูงก็ยิ่งเพิ่มรสจูบให้ร้อนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ฉันเองก็เผลอตัวเอื้อมมือไปรั้งท้ายทอยคุณคิมหันต์ให้เข้ามาใกล้กันมากกว่าเดิม เรียวลิ้นของเราทั้งสองเกี่ยวตระหวัดหยอกเย้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ความรู้สึกรุ่มร้อนมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับใจฉันที่เต้นรัวกว่าเดิมขึ้นไปไม่หยุด มันเป็นแบบนี้อีกแล้ว ฉัน…ไม่สามารถควบคุมตัวเองต่อไปได้อีกแล้ว “แฮ่กๆๆๆ!! >///<” เวลาล่วงเลยไปคนตัวสูงยอมผละริมฝีปากออกไป เสียงหอบหายใจของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้อง ทั้งใบหน้าและบรรยากาศในห้องตอนนี้มันรุ่มร้อนขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่แล้วจริงๆ “เกว…ฉันขอเรียกเธอแบบนี้ได้มั้ย?” ตึกตักๆๆ!! น้ำเสียงที่นุ่มนวลของคนตัวสูง และคำขอที่ชวนใจเต้นของเขา มันทำฉันหน้าร้อนผ่าวขึ้นมามากกว่าเดิม ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป…ฉันคงจะห้ามใจตัวเองต่อไปไม่ไหวจริงๆ “ทำไมต้องเรียกฉันแบบนั้นด้วยคะ? >///<” ฉันพูดถามออกไปโดยที่ไม่ได้มองหน้าคนตัวสูงที่คร่อมร่างฉันไว้เลยสักนิด ฉันจะกล้ามองหน้าคุณคิมหันต์ในระยะห่างที่จมูกชิดกันขนาดนี้ได้ยังไง? “อย่าถามอะไรอีกเลยนะเกว ฉันอยากให้เธอ…ลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ” สายตาที่จ้องมองลงมาในตาฉันของคุณคิมหันต์ มันอ่อนโยนอย่างที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน ทำไมกันนะ? ทำไมท่าทีของเขาถึงเปลี่ยนไปจากปกติได้มากขนาดนี้เชียว เขามักจะมองฉันด้วยสายตาที่เรียบนิ่งและเยือกเย็นในเวลาปกติ แต่ช่วงเวลาที่ร่างกายเราสองแนบชิดกันแบบนี้ สายตาที่จ้องมองลงมาที่ฉันกลับเปลี่ยนไปจากตอนปกติอย่างสิ้นเชิง ถ้าผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปแล้ว…ท่าทีของเขาจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกรึเปล่านะ? ฉันอยากให้คุณคิมหันต์ มองมาที่ฉันด้วยสายตาที่อ่อนโยนแบบนี้ไปตลอดเลยจะได้มั้ยนะ? “ถ้าอย่างนั้น…อย่าเกลียดฉันเลยได้มั้ยคะ?” ฉันถามออกไปพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากเบ้าซะดื้อๆ “อะไรนะ?” “ฮึก! เกวไม่อยากให้คุณคิมเกลียดเกวเลย อย่าเกลียดเกวได้มั้ยคะ? ฮึก! ไม่ต้องทำดีกับเกวมากก็ได้ แต่คุณอย่าเกลียดเกวเลยนะคะ อย่ามองเกวด้วยสายตาที่น่ากลัวแบบเดิมอีก เกวอยากให้คุณ…มองเกวด้วยสายตาที่อ่อนโยนแบบนี้ต่อไปได้มั้ยคะ?” ฉันพรั่งพรูความรู้สึกของตัวเองผ่านคำพูดและน้ำตาออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ฉันไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่หน่วงอยู่ในใจตอนนี้มันคืออะไรกันแน่ แต่ฉันแค่ไม่อยากถูกคุณคิมหันต์มองด้วยสายตาที่เกลียดชังแบบเดิมอีกแล้ว แค่นึกถึงแววตาเยือกเย็นตอนที่เขามองฉันในเวลาปกติ มันก็ทำให้ใจฉันบีบตัวจนหน่วงไปหมด ฉันไม่อยากถูกเขามองด้วยสายตาแบบนั้นอีกแล้วจริงๆ “จุ๊บ!” สิ้นเสียงร้องขอของฉัน คุณคิมหันต์ก็ก้มลงมาประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา “เข้าใจแล้วเกว ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก” ตึกตักๆๆ!! ใจฉันกลับมาเต้นรัวอีกครั้ง ทั้งคำพูดและสายตา ทุกอย่างมันดูอ่อนโยนไปหมดเลย คุณคิมหันต์ยอมทำตามที่ฉันร้องขอเขาจริงๆด้วย แม้ไม่รู้เลยว่าสายตาและท่าทีที่อ่อนโยนแบบนี้ของคุณคิมหันต์จะเป็นแบบนี้ไปได้อีกนานสักแค่ไหน แต่อย่างน้อยฉันก็ชอบที่ตอนนี้เขากำลังมองลงมาที่ฉันด้วยแววตาที่อ่อนโยนจนใจสั่นขนาดนี้ได้…[คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ