บ่ายวันนี้ ในออฟฟิศมีคนนั่งอยู่ไม่กี่คน เพราะทีมออกแบบ เขายกทีมปิดห้องประชุมคุยกันเคร่งเครียดมากเลย จะไม่ให้เครียดได้อย่างไรก็โปรเจคที่กำลังดำเนินการอยู่ถูกคุณลูกค้าตัวดีมาขอเปลี่ยนคอนเซปใหม่หมด แบบว่ารื้อทำใหม่ทั้งเครื่องเลย แต่ต้องส่งงานตามเดิมนะ นี่แหละคุณพระเจ้าอย่างแท้จริง ยังดีที่ให้เพิ่มราคาในส่วนที่เปลี่ยนแปลงและให้ชาร์จค่าเสียเวลาค่าเร่งด่วนได้ แต่ก็นั่นอีกนั่นแหละ มันแทบจะไม่คุ้มเหนื่อยค่าปวดหัวเลยให้ตายสิ
ในตอนแรกผมก็เข้าไปร่วมประชุมกับพวกเขาด้วยเพราะจะได้เก็บข้อมูลไปช่วยเคลียร์กับลูกค้าให้ แต่พอเริ่มเข้าเนื้อหาทางเอ็นจิเนียริ่ง ผมก็รู้ตัวแล้วว่า ผมคงไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยในเวลานี้ เพราะคงช่วยอะไรใครไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่า คอยให้เป็นกำลังใจใครบางคน แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากขอจากผมนี่นา ผมมองนาฬิกาซึ่งตอนนี้ก็ปาเข้าไปจะบ่ายสามแล้ว ยังไม่มีใครออกจากห้องประชุม ผมก็เลยตัดสินใจโทรไปสั่งน้ำและขนมเอามาเติมพลังให้หนุ่มหนุ่ม พอน้ำขนมมาส่งผมค่อยๆ เปิดประตูห้องประชุมเข้าไป แล้วทุกสายตาก็หันมาจ้องมองที่ผมแบบนิ่งนิ่ง สงสัยว่าผมคงจะเข้ามาผิดเวลาหรือเปล่านะ ผมรีบส่งรอยยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดเข้าไปแจกให้ทุกคน“พักกินน้ำกินขนมก่อนมั้ยครับทุกคน มีหลายอย่างให้เลือกเลยนะครับ เติมพลังเพิ่มความสดชื่นกันนิดนึง”
“...”เอ่อ...เงียบ ทุกคน ยังคงนิ่งและเงียบ“ฮือ.. พี่ณัฏฐ์มาได้จังหวะพอดีเลยครับ ผมมึนไปหมดแล้ว เราพักกันสักแป๊บนึงนะครับพี่วิน”พอกอล์ฟพูดจบ นาวินก็พยักหน้า“งั้น เราเบรคกันสัก 15 นาทีแล้ว”นาวินพูดจบก็เดินมาทางผม
“เอ่อ.. คือ ผมเห็นว่าทุกคนกำลังเครียด ถ้าได้เบรคกินน้ำกินขนม น่าจะทำให้สมองแล่น คิดงานออกไงครับ”ผมรีบอธิบายให้คนที่ทำหน้านิ่งจ้องหน้าผมฟัง
“ป้อนผมหน่อยสิ”“ห๊ะ.. อะไรนะ”“นะ .. นะ”นี่นาวินเขามาอารมณ์ไหนอีกเนี่ย เมื่อกี้ยังทำหน้านิ่ง หน้ายักษ์อยู่เลย ตอนนี้มาอ้อนให้ผมป้อนขนมเนี่ยนะ คนก็เต็มห้อง ผมหยิบขนมปังส่งให้ แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อเขายื่นมือมาจับที่ข้อมือผม แล้วก้มมากินขนมปังจากมือผม ผมทั้งเขิน ทั้งตกใจ หน้าร้อนวูบวาบไปหมดเลย“ทำอะไรเนี่ย .. คนอยู่กันเต็มห้องเลย”ผมดุไปเบาเบา
“พี่สองคนทำอะไรกันหน่ะ ผมเห็นนะ”“ก็กินขนมปัง”นาวินตอบกอล์ฟไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แล้วทำไมพี่วินต้องจับมือพี่ณัฏฐ์มาป้อนด้วยอ่ะ”“ก็มือมันเปื้อน จะให้หยิบกินได้ยังไง นายมีปัญหาหรือเปล่ากอล์ฟ”กอล์ฟเมินหน้าแล้วมองมาทางผม
“พี่ณัฏฐ์... ป้อนผมบ้างสิ”นั่นงัยเจ้ากอล์ฟหันมาอ้อนผมบ้างแล้ว และผมก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร นาวินก็คว้ามือผมที่ยังมีขนมปังอีกครึ่งชิ้นป้อนเข้าปากตัวเองหน้าตาเฉย แล้วหันไปยิ้มยั่วใส่กอล์ฟ อีก“พี่วินอ่ะ”กอล์ฟเตรียมจะโวยวาย แต่ยังไม่ได้ส่งเสียงต่อ ก็มีขนมปังลอยมาอุดปากไว้“เอ้านี่ กูป้อนเอง กินให้หมดนะ”แม๊กซ์จับขนมปังยัดเข้าปากกอล์ฟ“มึงทำอะไรของมึงเนี่ย กูไม่ได้อยากกินจากมึงปะวะ กูจะให้พี่ณัฏฐ์ป้อน”“แล้วมึงถามพี่ณัฏฐ์เขาหรือยัง ว่าพี่เขาอยากป้อนมึงหรือเปล่า กินกินไปเหอะน่า”แม๊กซ์ตีกับกอล์ฟจบก็หันมาคุยกับผม“พี่ณัฏฐ์เนี่ย นางฟ้าชัดชัด เข้ามาได้จังหวะพอดีเลย พวกผมหัวกำลังตื้อคิดอะไรไม่ออกเลยครับ”“พี่ก็อยากมีส่วนช่วยทีมเราบ้างอ่ะ เห็นพวกเราเหนื่อยกัน แต่พี่ก็ไม่ได้เป็นเอ็นจิเนีย งั้นพี่ขอคอยซัพพอร์ตอยู่ใกล้ๆ ละกันนะ อยากให้พี่ช่วยอะไรบอกได้เลย”ผมพูดจบแล้วหันไปชูสองนิ้วและยิ้มให้ทุกคน“สู้สู้นะทุกคน อยากได้อะไรเรียกได้เลย”พูดจบผมก็หันหลังกำลังจะก้าวออกจากห้อง แล้วก็มีเสียงนึงพูดตามหลังมา“อยากได้กำลังใจอ่ะ ..”ถ้าเป็นเสียงเจ้ากอล์ฟ ผมจะไม่ว่าไรเลย แต่นี่เป็นเสียงนาวิน บ้าไปแล้ว เดี๋ยวนี้กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคนได้อย่างไร“ฮิ้ววววว.... พี่วิน พี่แม่งได้อ่ะ”แม๊กซ์ตะโกนออกมาอย่างชอบใจ“อ้าว... เขาว่าอยากได้อะไร ก็บอก ก็ตอนนี้ผมอยากได้กำลังใจ ผมก็พูดออกมาแล้วมันผิดตรงไหน”เสียงเรียบแต่หน้าตาเจ้าเล่ห์มาก“โห .. พี่วินเล่นแบบนี้เลยเหรอ แซงหน้าผมอีกล่ะ”กอล์ฟโอดครวญ“มานี่เลย เดี๋ยวกูกอดให้กำลังใจมึงเอง กอล์ฟเพื่อนรัก”
แม็กซ์เข้ามาโอบไหล่กอล์ฟ พร้อมกับหันหน้ามาทางนาวิน แล้วทำหน้าบุ้ยใบ้ส่งสัญญาณอะไรกันสองคน ไม่ทันไร นาวินก็คว้าข้อมือผมแล้วกระตุกเข้าหาตัวเองเบาเบา แต่ด้วยที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ผมเซถลาเข้ามาซบที่หน้าอกของนาวินเต็มเต็ม นาวินกระชับกอดผม“อุ้ย..”ผมร้องด้วยความตกใจ“พี่หน้าแดง พี่เขินผมเหรอ”นาวินกระซิบเบาเบาพอให้ได้ยินกันสองคน แล้วยื่นหน้ามาซะใกล้จนผมตกใจรีบดันตัวเองออกมา ก่อนที่เขาจะทำอะไรรุ่มร่ามอีก“นี่จะบ้าเหรอ ทำอะไรเนี่ย”ผมรีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วด้วยความอายนาวินได้แต่อมยิ้ม แค่นี้เขาก็มีกำลังใจในทำงานต่อแล้ว นาวินหันกลับไปก็เจอแม็กซ์กับกอล์ฟ ยืนยกนิ้วโป้งให้“พี่วิน .. เห็นนิ่งนิ่งแบบนี้นะ บทจะรุกก็รุกใช้ได้เลยนะครับ ผมยอมแพ้แล้ว”กอล์ฟพูดเสียงอ่อย แล้วทำหน้างอ“พี่ก็เลียนแบบเรานั่นแหล่ะ จะถอดใจแล้วเหรอ”“ไม่ถอดก็ต้องถอดแล้วพี่วิน เจอคู่แข่งแบบพี่วิน กอล์ฟมันก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่ออกจากบ้านแล้วอ่ะพี่ เป็นกอล์ฟก็ลำบากหน่อยนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”“มึงไม่ต้องมาเยาะเย้ยกูเลย แม็กซ์”“เอ่อ.. ตกลงแล้วพี่วินจีบพี่ณัฏฐ์เหรอครับ แล้วพี่ณัฏฐ์เข้ารับพี่เป็นแฟนหรือยัง”แม็กซ์ถามนาวินออกไป แต่นาวินก็ไม่ตอบ
“พอ พอ มาคุยงานกันต่อ แล้วจะได้รีบไปเคลียร์ส่วนของตัวเอง กอล์ฟเดี๋ยวนายไปแก้ไขส่วนเมนยูนิตมานะ ส่วนแม็กซ์นายก็ไปเขียนระบบเคลื่อนที่และดูเรื่องอินเตอร์ล็อคต่างๆ ให้ใหม่ด้วย เสร็จแล้วมาคุยกันอีกที”นาวินพอได้ยินแม็กซ์ถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคนพี่ซึ่งอันที่จริงแล้วผมไม่เคยบอกเขาเลยว่า ผมจะจีบ หรือ ขอเขาเป็นแฟน แต่ผมแสดงออกซะขนาดนี้เจ้าตัวคงเข้าใจความหมายของผมแล้วหล่ะนะ คิดมาคิดไปผมว่าผมข้ามขั้นไปเยอะแล้ว ยังไม่ทันขอจีบขอเป็นแฟน แต่ผมก็เผลอตัวจูบและกอดเขาไปแล้วสิ อย่างนี้จะเรียกว่า “แฟน” กันได้หรือยังนะ
เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงห้าโมงเย็นได้เวลาเลิกงานแล้ว หนุ่มๆ ทีมงานวิศวกรออกแบบก็ยังไม่มีวี่แววจะออกจากห้องประชุม ในห้องทำงานคนเริ่มบางตา เพราะส่วนหนึ่งได้ทะยอยกลับบ้านกันแล้ว จะเหลือก็แต่อีกส่วนที่ทำโอทีล่วงเวลาต่อ สำหรับณัฏฐ์ก็ยังคงนั่งทำงานเคลียร์เมลล์เคลียร์เอกสารต่างๆ รอหนุ่มๆ ในห้องประชุม
ณัฏฐ์มองไปยังห้องประชุมที่ประตูยังคงปิดสนิท ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครออกมาสักคน ‘ดีนะที่จัดขนมเบรคส่งไปให้ไม่งั้นคงหิวกันแย่เลย’ ณัฏฐ์คิดในใจแล้วก็อมยิ้มกับตัวเอง เขายังคงนั่งหาอะไรทำรอคนในห้องประชุมจนเพลิน
“พี่ณัฏฐ์ยังไม่กลับหรือคะ สองทุ่มแล้วนะ”
“สองทุ่มแล้วหรือ เดี๋ยวพี่รอทีมงานก่อนครับ กลับบ้านดีดีนะ”
น้องแอดมินประจำแผนกทักทายผมก่อนที่จะกลับบ้านหลังจากเลิกโอที ผมหันไปมองนาฬิกามันก็สองทุ่มแล้วจริงด้วย ทีมงานผมยังไม่ออกมากันเลย ผมควรจะกลับก่อนดีมั้ย หรือว่าจะอยู่รอ ใช่สิ ผมพึ่งบอกว่าจะคอยซับพอร์ตพวกเค้าไง งั้นผมเข้าไปดูพวกเขาหน่อยดีกว่า ในขณะที่ผมกำลังจะไปเปิดประตูเข้าไปก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูถูกเปิดมาพอดี ปับ ผมผวาหน้าคะมำเข้า ดีนะที่มีคนมือไวรับผมไว้ทัน“อุ๊บบ”“เจ็บตรงไหนมั้ย ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ ไม่ ไม่เจ็บ แค่ตกใจ ปล่อยก่อน”
ยิ่งบอกให้ปล่อย นาวินก็ยิ่งกระชับกอดให้แน่นไปอีก โดยไม่เกรงใจสายตาลูกทีมของตัวเองอย่างกอล์ฟและแม๊กซ์เลย
“พี่ยังไม่กลับ นี่คือพี่รอผมใช่มั้ย เพราะเป็นห่วงผมใช่เปล่า”“ไม่ใช่สักหน่อย ก็แค่ทำอะไรเพลินๆ อ่ะ และตอนนี้ก็จะกลับแล้ว”“ไป งั้นกลับด้วยกัน ไปส่งผมด้วยนะ”“อืม”“มันดึกแล้ว พี่ไม่ต้องกลับห้องหรอก ค้างกับผมนะ”“ดึกตรงไหนกัน นี่แค่สองทุ่มกว่าเอง ส่งนายเสร็จก็ยังไม่สามทุ่มเลย”“ไปกินข้าวก่อนนะ ผมหิว”เปลี่ยนเรื่องเก่งจริงนะพ่อคุณ สุดท้ายหลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็ทนลูกอ้อนของคนน้องไม่ไหว จึงต้องยอมเดินตามเขาขึ้นห้องไป พอผมเอากระเป๋าวางไว้บนโต๊ะ นาวินก็เข้ามาสวมกอดผมจากข้างหลังแล้วเอาคางมาวางบนไหล่ผม“ขอกอดหน่อย”“ตอนที่อยู่ที่บริษัทก็กอดไปแล้วไง จะกอดอะไรอีก”“ผมเหนื่อยจัง ขอกำลังใจอีกหน่อยนะ”นาวินยังคงกอดผมอยู่ ผมเผลอเอามือเอื้อมไปลูบหัวเขาเบาเบา“ขออยู่แบบนี้ก่อนนะครับ ขอชาร์จพลังหน่อย”นาวินกอดผมค้างไว้แบบนั้น เอาจริงผมก็รู้สึกดีกับอ้อมกอดของเขานะ มันอบอุ่น อ่อนโยน และรู้สึกปลอดภัย ไม่ใช่เพียงแค่เขาได้ชาร์จพลังนะ แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าผมได้รับพลังชาร์จกลับเข้ามาเช่นกัน“พี่รู้มั้ย ว่าพี่เนี่ยเป็นเหมือนแบตเตอรี่ประจำตัวผมเลย พอเหนื่อยๆ แล้วได้กอดพี่มันก็หายเหนื่อยเลย”
เสียงเบาเบาที่พูดออกมา กับลมหายใจอุ่นอุ่นที่ผมสัมผัสได้แถวต้นคอและกกหูผม มันทำให้ใจผมเต้นแรงอีกแล้ว และนาวินก็ทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้นอีกครั้ง เมื่อเค้าเริ่มกดจมูกและริมฝีปากของเค้าลงบนท้ายทอยแล้วเลื้อยมาซอกคอของผม“อย่าซนสิ ขอกอดก็กอดเฉยๆ สิ”“งือออ.. งั้นขอจูบด้วยได้เปล่า”“ไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้สบายตัว”“แปลว่าถ้าผมไปอาบน้ำแล้ว พี่จะให้ผมจูบใช่มั้ย”นาวินจับผมให้หันหน้าเข้าหากัน ตอนนี้หน้าของเราอยู่ห่างนิดเดียว เขาค่อยโน้มใบหน้าลงมาจนริมฝีปากเกือบสัมผัสกันแล้ว“หยุดเลย เด็กดื้อ”ผมยกมือมากั้นไว้ได้ทันก่อนที่ริมฝีปากเราจะสัมผัสกัน แล้วนาวินก็กดจูบลงที่ฝ่ามือผมเบาเบา ผมเขินอีกแล้ว นี่คุณเขาจะไม่แผ่วเลยจริงจริงใช่มั้ยครับคุณนาวิน“งั้นคืนนี้ผมขอนอนกอดพี่ทั้งคืนเลยนะ”ผมก้มหน้า และค่อยค่อยพยักหน้า“น่ารักจัง”นั่นแหละ เขาถึงยอมไปอาบน้ำ พอเขาอาบน้ำเสร็จก็ถึงคิวผมต้องไปอาบน้ำล่ะ
“ให้ผมอาบให้มั้ย มีบริการถูหลังให้ฟรีด้วยนะ”ยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนน้องส่งมาให้ผมอีกแล้ว
“ไม่ต้องเลย”ผมรีบหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนของนาวินแล้วเบี่ยงตัวเข้าห้องน้ำไป พออาบน้ำเสร็จ ผมเปิดประตูห้องน้ำออกมา แล้วภาพแรกที่ผมเห็นก็คือคนน้องที่อยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง ทันทีที่เขาเห็นผม เขาก็เอามือตบลงบนเตียง เรียกให้ผมมานอนด้วย ดู ดูเขาทำเข้าสิ ฮึพอผมนอนลงเท่านั้น คนที่นอนอยู่ก่อนแล้วก็ขยับตัวมากอดจากด้านข้าง แล้วเอาหน้าซบไว้ที่ไหล่ผม“กอดผมด้วยสิ”แน่ะ มีอ้อนให้ผมกอดตอบอีกแล้ว ผมขยับตัวหันหน้าเข้าหาเขาแล้วก็เจอกับสายตาอ้อนที่กำลังจ้องมองอยู่“เหนื่อยก็รีบหลับสิ จะได้พักเหนื่อย อย่างอแง”
นาวินยิ้มแล้วก็ขยับเข้ามาใกล้ผมอีก
“อย่า อย่าทำ และก็อย่าแม้จะคิด ไม่งั้นจะกลับ”“ผมไม่ได้จะทำอะไร ซักหน่อย แค่นี้ก็ต้องดุด้วย”แล้วผมก็ได้เห็นหน้าหมาหงอยของคนตรงหน้า“ฝันดีนะ”
“ครับฝันดีเช่นกันคนดีของผม”ผมได้แต่อมยิ้มแล้วก็รีบหลับตา เพราะไม่อยากเห็นแววตากรุ้มกริ่มนี้อีก เขิน ผมเขิน วันนี้นาวินทำผมเขินหลายรอบแล้ว ใจผมบาง บางจนไม่เหลืออะไรแล้ว ตั้งแต่ที่ผมมาค้างกับนาวินครั้งก่อน จนเสียจูบแรกกับผู้ชายให้เขาไป ผมยอมรับเลยว่า ใจผมมันสั่น มันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ จูบของเขามันไม่เหมือนที่ผมเคยจูบกับแฟนเก่าผมที่เป็นผู้หญิง มันทำให้ผมรู้สึกหวาบหวาม ปั่นป่วนมวนหน้าท้องไปหมด‘เอ๊ะ .. ว่าแต่ว่า ทำไมผมต้องมาคิดถึงรอยจูบของเขาในเวลานี้ ตอนนี้ด้วยนะ ทั้งที่ผมเป็นคนห้ามเขา แต่ผมกลับมานอนคิดถึงรอยจูบเขาเนี่ยนะ ไม่ ไม่ ไม่ ผมจะคิดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้’
“พี่ยังไม่หลับใช่มั้ย หัวใจพี่เต้นแรงจัง”นั่นไง ผมโดนจับได้แล้ว
“หลับแล้ว”“คนหลับแล้ว แต่หัวใจเต้นแรงจัง แบบนี้เพราะถูกผมกอดหรือเปล่านะ”“ไม่ต้องพูด คนจะนอนอย่ากวน”
ผมรีบบ่นเขาไว้ก่อน กลัวเขาจะจับความรู้สึกผมได้ และแล้ว นาวินก็ส่งคำพูดที่ทำร้ายจิตใจผมให้หวั่นไหวอีกแล้ว
“ผมอยากนอนกอดพี่แบบนี้ทุกคืนเลย พี่มาค้างกับผมทุกคืนเลยได้ไหม”
นาวินพูดแล้วก็กดจมูกลงที่หน้าผากผมอย่างอ่อนโยน แล้วเราก็หลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน“อืมมม ดีจัง”ผมเผลอส่งเสียงออกมาเบาด้วยความฟินเหมือนมีคนมานวดหัวให้เหมือนตอนเข้าสปาเลย สักพักมือนั้นก็ค่อยๆ ย้ายจากที่เล่นกับหัวทุยๆและเส้นผมของผม เปลี่ยนเป็นมาโอบกอดผมจากด้านหลัง แล้วเจ้าจมูกโด่งสันเป็นคมก็พ่นลมหายใจอุ่นพร้อมกับกดลงมาสัมผัสที่คอของผม เท่านั้นยังไม่พอริมฝีปากนุ่มของเขาก็เริ่มรุกรานกดสัมผัสตรงโน้นที ตรงนี้ที นัวเนียอยู่แถวซอกคอของผม ชวนให้ผมรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบ ขนรุกตั้งชันไปหมด จากนั้นเขาเอียงหน้าเข้าหาผม แล้วกดจูบมาที่ริมฝีปากบางของผม จนผมเผลอร้องด้วยความตกใจ และก็ในวินาทีนั้นเอง ลิ้นเรียวอุ่นของเขาคนนี้ก็ฉวยโอกาสรุกล้ำเข้าไปภายในของผมสำเร็จ เขาค่อยๆ สัมผัสอย่างเชื่องช้า ไม่รีบร้อน เหมือนจะค่อยๆ สอนผมให้ผมรับรู้ความรู้สึกไปพร้อมพร้อมกัน มันเนิ่นนานจนผมเริ่มรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ เขาจึงค่อยๆบรรจงถอนริมฝีปากออกและยังมีน้ำใสใสที่ยืดเชื่อมอยู่ระหว่างเรา เหมือนกับเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างเราที่กำลังเริ่มขึ้น“พี่ณัฏฐ์ ผมชอบพี่นะ”คำพูดของนาวินทำให้ผมใจเต้นโครมคราม“แต่ผมเป็นผู้ชายนะ และผมก็เคยชอบผู้หญิงมาก่อน”ผมเลี่ยงที่จะพูดคำว่า “ผมไม่ได้เป็นเกย์” ออกไป“ผมก็เป็นผู
นาวินถือของพะรุงพะรังเดินตามคนพี่ออกจากลิฟท์แล้วมาหยุดที่หน้าห้อง พอประตูถูกเปิดผมก็สัมผัสได้กับกลิ่นหอมอ่อนอ่อนภายในห้อง ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ถ้าจมูกผมทำงานไม่ผิดเพี้ยน น่าจะเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย เป็นระเบียบ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่สีขาว เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นสีขาว เว้นแต่ผ้าม่านที่เป็นสีเทา ‘ดูท่าทางเจ้าของห้องจะชอบสีขาว ส่วนตัวผมก็ผิวขาว แล้วเจ้าของห้องจะชอบมั้ยนะ’ผมวางของทั้งหมดไว้ในห้องครัว พอหันกลับมาก็มีแก้วน้ำยื่นมาให้“ทานน้ำก่อนครับ”“ขอบคุณครับ”ผมรับแก้วน้ำจากมือบางบาง แล้วถือโอกาสกุมมือไว้ไม่ปล่อย“นี่จะจับอีกนานมั้ย ปล่อยได้แล้ว”ดูก็รู้ว่าเขิน คนอะไรเขินเก่ง เขินแล้วก็กลบเกลื่อนเก่งด้วย ผมปล่อยมือออกแล้วจิบน้ำอย่างชื่นใจ“ห้องพี่นี่น่าอยู่มากเลยนะครับ บรรยากาศสบายสบาย รู้สึกผ่อนคลายจัง”“ผมตั้งใจเองแหล่ะ อยากได้ฟีลแบบ อยู่ในธรรมชาติหรือยกสปามาไว้ที่ห้อง เลิกงานกลับห้องมาจะได้เหมือนว่าไปเข้าสปาทุกวัน”“ใช่กลิ่นลาเวนเดอร์มั้ย”“เก่งนี่ ดมกลิ่นเก่งนะเรา จมูกดี๊ดี”คนตรงหน้าพูดแล้วยู่จมูกใส่ผม จนผมอยากจะเอามือไปจับแล้วบีบเล่น“
เสร็จกิจจากการประชุมกับลูกค้า ผมก็มีภาระกิจไปส่งคนตัวโตข้างข้างผมอีก หลังจากแยกย้ายกับพี่วิวัฒน์ เราก็เดินมาขึ้นรถ คนตัวโตเปิดรถไปนั่งประจำที่เป็นตุ๊กตาตัวโตหน้ารถ ส่วนผมก็ประจำที่เป็นพลขับ นี่ผมกลายเป็นคนขับรถให้คุณเขาไปแล้วสินะ“เย็นนี้คุณนาวินอยากกินอะไรดีครับ” ผมแกล้งพูดทำเสียงเรียบเรียบใส่เขา“ผมอยากกินพี่”ผมหันมามองเขาอย่างตกใจ “นายพูดอะไรของนายนี่”“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมจะบอกว่าผมอยากกินอะไรก็ได้ที่กินกับพี่ ผมยังพูดไม่ทันจบเลย พี่คิดอะไรอยู่เนี่ย”“ก็ผมได้ยินอย่างนี้จริงจริงนี่ คนอย่างนายเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ได้เลย ตกลงจะกินอะไร”“กินอะไรแถวคอนโดพี่ก็ได้ หรือจะซื้อไปกินที่ห้องพี่ได้นะ”“อ้าวแล้วทำไมต้องเป็นคอนโดผมด้วย ย้อนไปย้อนมา ถ้าขึ้นห้องแล้ว ผมไม่ออกไปส่งแล้วนะ”“ไม่ออกก็ไม่ต้องออกดิ”“งั้นนายก็นั่งรถไฟฟ้า ไปต่อรถตู้กลับเองเลย”“ไม่เป็นไร คืนนี้ผมค้างกับพี่ได้”“เฮ้ย.. ไม่ได้ จู่จู่จะมาค้างห้องผมได้อย่างไร”“ทีพี่ยังไปค้างห้องผมได้เลย”“ก็นั่นนายชวนเองนี่ และนี่ผมก็ไม่ได้ชวนนายด้วย เจ้าของห้องไม่ยินยอม นายมาค้างเองไม่ได้นะ”“เอ.. ที่พี่ไม่ให้ผมไปค้างด้วย หรือว่าพี่มีความลับอะไรซ่อ
โอ้ย.. ผมปวดหัว ผมเครียดและผมก็มึนไปหมดแล้ว สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งความวุ่นวายและอาจเป็นสัปดาห์ที่จะชี้ชะตาผมก็ได้ ก็วันศุกร์นี้ผมต้องไปนำเสนอโครงการณ์กับลูกค้า BBB ซึ่งเดิมเป็นโครงการณ์ที่คุณธนพัฒน์เซลส์คนเก่าดูแลอยู่ และถูกจีบให้ไปทำงานกับบริษัทคู่แข่ง แล้วจะไม่ให้เครียดได้งัย ในเมื่อบริษัทคู่แข่งรู้ไส้รู้พุงเราหมดแล้ว ผมกับทีมงานคงต้องปรับกลยุทธใหม่กันยกแผง“พี่ศุภโชคครับ ผมอยากนัดพี่เพื่อนำเสนอโครงการณ์ให้พี่ดูก่อนครับ พี่พอสะดวกช่วงเวลาไหนครับ ผมมีนัดนำเสนอโครงการณ์กับลูกค้าวันศุกร์นี้ครับ”“งั้นบ่ายนี้เลยก็ได้ครับคุณณัฏฐ์”“ถ้าอย่างนั้นผมขอเชิญทีมงานเข้ามาร่วมฟังด้วยนะครับ จะได้ถือโอกาสซ้อมไปทีเดียวเลย”“ระดับคุณณัฏฐ์แล้วยังต้องซ้อมอีกเหรอ”“ซ้อมสิพี่ ผมยังไม่ค่อยแม่นในเนื้อหาเท่าไหร่”“ผมบอกแล้วไงว่า เรื่องเนื้อหา ให้นาวินเค้าจัดการ เค้าคอยซัพพอร์ตอยู่แล้วคุณณัฏฐ์ไม่ต้องกังวล”ผมพยักหน้ารับกับคำแนะนะของพี่ศุภโชค แล้วให้ไปสบตากับเจ้าของชื่อที่ถูกพลาดพิง ซึ่งเค้าก็กำลังมองมาที่ผมพอดี สายตาที่เค้าส่งมาให้ผมนั้น มันเป็นสายตาที่แน่วแน่และอบอุ่น ทำให้ผมคลายความกังวลไปได้เยอะเลยเมื
บ่ายวันนี้ ในออฟฟิศมีคนนั่งอยู่ไม่กี่คน เพราะทีมออกแบบ เขายกทีมปิดห้องประชุมคุยกันเคร่งเครียดมากเลย จะไม่ให้เครียดได้อย่างไรก็โปรเจคที่กำลังดำเนินการอยู่ถูกคุณลูกค้าตัวดีมาขอเปลี่ยนคอนเซปใหม่หมด แบบว่ารื้อทำใหม่ทั้งเครื่องเลย แต่ต้องส่งงานตามเดิมนะ นี่แหละคุณพระเจ้าอย่างแท้จริง ยังดีที่ให้เพิ่มราคาในส่วนที่เปลี่ยนแปลงและให้ชาร์จค่าเสียเวลาค่าเร่งด่วนได้ แต่ก็นั่นอีกนั่นแหละ มันแทบจะไม่คุ้มเหนื่อยค่าปวดหัวเลยให้ตายสิ ในตอนแรกผมก็เข้าไปร่วมประชุมกับพวกเขาด้วยเพราะจะได้เก็บข้อมูลไปช่วยเคลียร์กับลูกค้าให้ แต่พอเริ่มเข้าเนื้อหาทางเอ็นจิเนียริ่ง ผมก็รู้ตัวแล้วว่า ผมคงไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยในเวลานี้ เพราะคงช่วยอะไรใครไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่า คอยให้เป็นกำลังใจใครบางคน แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากขอจากผมนี่นา ผมมองนาฬิกาซึ่งตอนนี้ก็ปาเข้าไปจะบ่ายสามแล้ว ยังไม่มีใครออกจากห้องประชุม ผมก็เลยตัดสินใจโทรไปสั่งน้ำและขนมเอามาเติมพลังให้หนุ่มหนุ่ม พอน้ำขนมมาส่งผมค่อยๆ เปิดประตูห้องประชุมเข้าไป แล้วทุกสายตาก็หันมาจ้องมองที่ผมแบบนิ่งนิ่ง สงสัยว่าผมคงจะเข้ามาผิดเวลาหรือเปล่านะ ผมรีบส่งรอยยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุด
ผมอาบน้ำไปใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยิ่งคิดไปถึงสัมผัสอุ่นอุ่นที่ได้รับมาเมื่อครู่นี้ ผมยอมรับจริงจริงมามันทำให้ผมรู้สึกดีมากเลยทีเดียว ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันนะ นาวินเขาจะรู้สึกพิเศษกับผมงั้นหรือ ไม่น่าใช่มั้ง โอ้ย.. คงไม่มีอะไรหรอก เขาคงแค่แกล้งผมเล่นก็เท่านั้นแหละ แต่แกล้งแบบนี้มันก็ไม่ค่อยดีต่อใจผมเลยนะ ผมแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาจากห้องน้ำ และยังคงเห็นนาวินนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือที่โชฟา ผมยังลังเลอยู่ว่าผมควรจะไปอยู่ตรงไหนดี ไปนั่งที่โชฟา หรือเดินเข้าไปในห้องนอน หรือ ... แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรต่อ พ่อตัวดีก็คว้าตัวผมดึงลงมานั่งที่โชฟา“นั่งตรงนี้”นาวินจับผมมานั่งที่โซฟา“จะทำอะไร” ผมหันไปถาม“นั่งนิ่งนิ่งนะครับ เดี๋ยวผมเช็ดผมให้ ผมเปียกแล้วนอนเดี๋ยวจะไม่สบาย”“เฮ้ย .. ไม่ต้อง ผมทำเองได้ คุณไปอาบน้ำเถอะ”“บอกให้อยู่นิ่งนิ่งไง อย่าดื้อสิครับ ผมทำให้พี่สะดวกกว่า”นาวินก้มมาพูดซะใกล้หูผม ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นอุ่น และดูเหมือนว่าเค้าจะจงใจที่จะเป่ามาที่หูผมเบาเบา ทำให้ผมถึงกับสตั๊นนั่งนิ่งตัวแข็งไปเลย“พี่พกแชมพูกับครีมอาบน้ำมาเองเหรอ.”“เปล่านี่ ก็ใช้ของของนายนั่นแหล