นาวินถือของพะรุงพะรังเดินตามคนพี่ออกจากลิฟท์แล้วมาหยุดที่หน้าห้อง พอประตูถูกเปิดผมก็สัมผัสได้กับกลิ่นหอมอ่อนอ่อนภายในห้อง ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ถ้าจมูกผมทำงานไม่ผิดเพี้ยน น่าจะเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย เป็นระเบียบ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่สีขาว เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นสีขาว เว้นแต่ผ้าม่านที่เป็นสีเทา
‘ดูท่าทางเจ้าของห้องจะชอบสีขาว ส่วนตัวผมก็ผิวขาว แล้วเจ้าของห้องจะชอบมั้ยนะ’
ผมวางของทั้งหมดไว้ในห้องครัว พอหันกลับมาก็มีแก้วน้ำยื่นมาให้
“ทานน้ำก่อนครับ”
“ขอบคุณครับ”
ผมรับแก้วน้ำจากมือบางบาง แล้วถือโอกาสกุมมือไว้ไม่ปล่อย
“นี่จะจับอีกนานมั้ย ปล่อยได้แล้ว”
ดูก็รู้ว่าเขิน คนอะไรเขินเก่ง เขินแล้วก็กลบเกลื่อนเก่งด้วย ผมปล่อยมือออกแล้วจิบน้ำอย่างชื่นใจ
“ห้องพี่นี่น่าอยู่มากเลยนะครับ บรรยากาศสบายสบาย รู้สึกผ่อนคลายจัง”
“ผมตั้งใจเองแหล่ะ อยากได้ฟีลแบบ อยู่ในธรรมชาติหรือยกสปามาไว้ที่ห้อง เลิกงานกลับห้องมาจะได้เหมือนว่าไปเข้าสปาทุกวัน”
“ใช่กลิ่นลาเวนเดอร์มั้ย”
“เก่งนี่ ดมกลิ่นเก่งนะเรา จมูกดี๊ดี”
คนตรงหน้าพูดแล้วยู่จมูกใส่ผม จนผมอยากจะเอามือไปจับแล้วบีบเล่น
“ใช่ผมจมูกดี ดีมากด้วย ไหนผมขอดมพี่ใกล้ใกล้ซิ ว่ากลิ่นของพี่เป็นแบบไหน”
ไม่พูดเปล่า ผมแกล้งยื่นหน้าไปใกล้ๆ เค้า ทำจมูกฟุดฟิด จนคนตรงหน้าตกใจทำตาโตใส่
“เล่นอะไรเนี่ย ออกไปเลย ไปอาบน้ำก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมเตรียมทำอาหารไว้ให้ บอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ”
คนน่ารักตรงหน้าเอามือดันอกผมออกมา เขินอีกล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า ผมถอยหลังออกตามแรงผลักของเค้า
“...”
“เสื้อผ้ากับผ้าขนหนู ก็อยู่ในตู้นะ คุณเลือกเอาเองเลย”
“ให้ผมไปช่วยพี่ก่อนดีกว่า จะได้เสร็จไวไว แล้วเราค่อยอาบน้ำพร้อมกัน”
พอพูดจบ คนน่ารักของผมก็หันมาทำตาโตใส่ผมอีกครั้ง แล้วฟาดมาที่ต้นแขนผมไปทีนึง แล้วเดินนำเข้าครัวไป
ณัฏฐ์หัวจะปวดกับการขยันเต๊าะของนาวิน เผลอเป็นไม่ได้เลยนะ คนอะไรหยอดเก่งชะมัด ใจคอจะทำให้ผมกระอักกระอ่วนใจตายหรืองัย ผมเดินเข้าครัวไป เตรียมหุงข้าว โดยมีนาวินเดินตามมาเป็นลูกมือผม ช่วยล้างผัก หั่นผัก ไม่นาน บล็อกโคลี่ผัดกุ้ง กับต้มยำกุ้ง ก็เสร็จและถูกตักใส่จานไว้เรียบร้อย ผมยืนมองอยู่พัก ผมว่ามันดูเหมือนขาดขาดอะไรไปนะ
“ต้มยำกุ้งน้ำใสกับบล็อกโคลี่ผัดกุ้ง หอมน่ากินมากเลยนะครับพี่”
นาวินเดินเข้ามาสูดกลิ่นอาหารแล้วทำหน้าฟิน
“ผมว่า ถ้ามีไข่เจียว อีกซักจาน น่าจะโอนะ”
“เดี๋ยวผมทำไข่เจียวให้พี่เอง พี่รอชิมฝีมือผมนะ”
เจ้าลูกหมาตัวโตรับอาสาไปทำไข่เจียว ส่วนผมก็ขอตัวไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อยก่อนมาร่วมโต๊ะอาหาร
“กินสิ”
ผมเอ่ยเชิญคนตรงหน้า พร้อมกับตักบล็อกโคลี่กับกุ้งไปวางบนช้อนเขา
“ไม่ป้อนหน่อยเหรอ”
เค้าทำท่าทางไม่ยอมกิน อยากให้ผมป้อน ฝันไปเถอะ ชิ
“กินเองไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน ชิ”
ผมทำเป็นไม่สนใจเค้า จนคนตรงหน้า ทำหน้าทำตาเป็นหมาหงอย ตักกินเอง
“อร่อยมากเลยครับ นี่มันเป็นอาหารที่เอาไว้เสริฟบนสวรรค์ชัดชัดเลย ฝีมือนางฟ้าองค์ไหนเนี่ย”
“เวอร์วังเกินไปแล้ว กินแล้วถึงกับเพ้อจะขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดเลยหรือไง”
พูดจบคนตรงหน้าอมยิ้ม ผมงง เค้าอมยิ้มกรุ้มกริ่มอะไรอีก ผมพูดอะไรผิดอีกแล้วหรือ
“งั้นคืนนี้ พี่พาผมขึ้นให้ถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดทีนะ ผมรอมานานแล้ว”
“เพล้ง...”
ผมตกใจถึงกับปล่อยช้อนร่วงหล่นจากมือ เมื่อรู้ถึงเหตุผลที่คนตรงหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อกี้
“คิดเรื่องอื่นเป็นบ้างมั้ยเนี่ย วกมาเรื่องนี้ตลอดเลย กินเข้าไปเลย กินให้หมดด้วย”
“ถ้าต้องกินจนหมดมันจะจุกได้นะ เดี๋ยวก็จะพากันขึ้นไม่ถึงชั้นเจ็ดหรอก”
“หยุดเดี๋ยวนี้เลย กิน กิน กิน ไม่ต้องพูดแล้ว”
นาวินมองคนตรงหน้าอย่างน่าเอ็นดู ดูสิ เขินจนแก้มแดง หูแดงไปหมด แล้ว และเค้าก็เอื้อมไปตักไข่เจียวฝีมือตัวเองส่งให้คนที่กำลังเขิน แต่เค้าไม่ได้ตักแล้ววางลงบนจานนะ กลับกัน เค้ากลับยื่นไปตรงหน้า ใกล้เรียวปากบางที่น่าสัมผัสนั้น
“ชิมฝีมือผมหน่อย”
“ก็วางช้อนลงก่อนสิ จะกินได้งัย”
“มา ป้อน ป้อน อ้าหน่อย เร็วสิครับ”
“...”
“ดีครับ”
นาวินเอาช้อนยื่นมาวนเวียนจนจะแตะปากผมอยู่แล้ว ผมจึงต้องอ้าปากกินไข่เจียวจากช้อนที่เขาป้อนมา จากนั้นเขาก็เอาช้อนไปตักข้าวกินต่อหน้าตาเฉย แล้วยังทำเป็นเลียที่ปาก ส่งยิ้มกวนกวนมาอีก จนเป็นผมที่ต้องมาเสียอาการแล้วเสียอาการอีกต่อหน้าเค้าเนี่ย คนบ้าอะไร คิดวนเวียนอยู่เรื่องเดียว ผมนี่ไม่เคยคิดตามเค้าทันเลย ไม่นานอาหารบนโต๊ะก็ถูกจัดการจนหมดเกลี้ยงทุกจาน ไม่รู้ว่าอร่อยฝีมือผม หรือเป็นเพราะว่าเขาหิว หรือกลัวผมจะเสียใจกันแน่ เคี้ยวตุ้ยตุ้ย ไม่หยุดเลย
“คุณไปนั่งพักก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมล้างเอง”
“ให้ผมช่วยพี่ดีกว่านะ จะได้เสร็จเร็วเร็ว จะได้มีเวลาทำอะไรร่วมกันเยอะๆ”
“จะทำอะไรอ่ะ”
“แล้วพี่อยากทำอะไรกับผมหล่ะ”
“ผมเหนื่อยแล้วผมจะนอน”
“ดีผมนอนด้วย”
“นาวิน .. ถ้าคุณอยากล้าง ก็ล้างไปเลยนะ ผมจะได้ไปอาบน้ำ”
“...”
“ไป ไปอาบน้ำได้แล้ว”
นาวินเดินอ้อยอิ่งเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมก็จัดการเคลียร์ล้างจาน ทำความสะอาดในครัวจนเสร็จ แล้วเมื่อออกมาก็พบกับอีกคนที่ใส่เพียงกางเกงนอนขายาวเพียงตัวเดียว เดินเปลือยช่วงบนออกมา กล้ามอกแน่นแน่น กับหน้าท้องลีนลีนจนเห็นเจ้าก้อนหกแพ็คที่ต่างพากันออกมาอวดโชว์ความแข็งแรง ดูก็รู้ว่าเจ้าของร่างฟิตแอนด์เฟริ์มนี้เป็นคนชอบออกกำลังกาย ต่างกับผมที่ไม่นิยมชอบออกแรง เน้นนั่งนั่งนอนนอนมากกว่า ทำให้ไม่มีมัดกล้ามสวยสวยมาอวดมาโชว์เหมือนอย่างเขา
“ทำไมไม่ใส่เสื้อให้เรียบร้อย ชอบโชว์หรืองัย”
“ก็ผมรู้ว่ามีคนชอบดู ก็เลยถอดให้ดูงัย”
ดูเค้าพูดออกสิ แต่ละคำ ผมเลี่ยงการตอบโต้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ระหว่างที่เจ้าของห้องไปอาบน้ำ นาวินก็ถือโอกาสเดินสำรวจห้องซะเลย และแล้วเขาก็สะดุดตากับมุมหนอนหนังสือของเจ้าของห้อง นาวินเดินเข้าไปหยิบหนังสือดู ส่วนมากจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ท่าทางเจ้าของห้องจะชอบเที่ยวนะเนี่ย เอาไว้มีโอกาสผมต้องเตรียมหาโปรแกรมไว้รอแล้วหล่ะ แล้วสายตานาวินก็เหลือบมองไปเห็นรูปรูปนึง ถูกหนีบไว้ด้วยแป้นหนีบ ตั้งโชว์อยู่บนโต๊ะ เป็นรูปผู้ชายสามคนกับผู้หญิงหนึ่งคน ซึ่งผู้หญิงในรูปนั้นก็คือน้องจุ๊บแจงที่ผมเจอเมื่อตอนเย็น นั่นแสดงว่า รูปนี้น่าจะเป็นรูปทีมงานของเค้า
ผมมองรูป แล้วก็รู้สึกหงุดหงิด เพราะในรูปมีเจ้าหนุ่มคนนึงที่ยืนติดกับคนน่ารักของผมแล้วโอบเอวเค้าอยู่ ทำไมถึงปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นมาโอบกอดใกล้ชิดได้ขนาดนี้นะ สรุปแล้วเป็นอะไรกัน เป็นแค่หัวหน้าลูกน้องจริงหรือ เห็นแล้วหงุดหงิดจริงจริง ระหว่างนั้น ผมก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก คุณเจ้าของห้องในชุดเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงขายาว เดินเช็ดผมออกมา ความน่ารักของเขาสะกดความหงุดหงิดผมลงได้ ผมมองไปยังเส้นผมที่เปียกของเขา แล้วถามเจ้าของห้องไปว่า
“มีไดร์เป่าผมมั้ย อยู่ตรงไหนเหรอครับ”
“มี อยู่ในตู้หน่ะ นายจะเป่าผมเหรอ”
เจ้าของห้องบอกและชี้เป้าให้ผม ผมเดินไปหยิบ แล้วจับตัวเขามานั่งแล้วผมก็นั่งซ้อนตัวเขาอยู่ด้านหลัง แล้วช่วยเป่าผมให้คนน่ารักของผม
ณัฏฐ์สะดุดใจเล็กน้อยเหตุการณ์คุ้นคุ้นเหมือนครั้งก่อนที่ผมไปค้างที่ห้องเขาเลย ครั้งนั้นเขาก็จับผมมานั่งเป่าผมแบบนี้
“นายนี่มีอาชีพเสริมเป็นช่างทำผมหรือ”
“ครับ ผมเป็นช่างทำผมส่วนตัวพี่ ทำให้พี่คนเดียว”
เขาตอบเสียงเบาแล้วเอาขยุ้มเส้นผมของพร้อมเป่าลมร้อนมา มีบางครั้งที่เขาแกล้งเป่าลมแถวหูผม มันทำผมขนลุกวูบขึ้นมาเลย สักพักเสียงเจ้าไดร์ก็เงียบแต่มือหนาหนาก็ยังขยุ้มหัวผมเล่นอยู่ มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายเบาสบายน่าดู จนเผลอปล่อยเสียงเบาออกมา
“อืมมม ดีจัง”
ผมเผลอส่งเสียงออกมาเบาด้วยความฟินเหมือนมีคนมานวดหัวให้เหมือนตอนเข้าสปาเลย สักพักมือนั้นก็ค่อยๆ ย้ายจากที่เล่นกับหัวทุยๆและเส้นผมของผม เปลี่ยนเป็นมาโอบกอดผมจากด้านหลัง แล้วเจ้าจมูกโด่งสันเป็นคมก็พ่นลมหายใจอุ่นพร้อมกับกดลงมาสัมผัสที่คอของผม เท่านั้นยังไม่พอริมฝีปากนุ่มของเขาก็เริ่มรุกรานกดสัมผัสตรงโน้นที ตรงนี้ที นัวเนียอยู่แถวซอกคอของผม ชวนให้ผมรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบ ขนรุกตั้งชันไปหมด
“อืมมม ดีจัง”ผมเผลอส่งเสียงออกมาเบาด้วยความฟินเหมือนมีคนมานวดหัวให้เหมือนตอนเข้าสปาเลย สักพักมือนั้นก็ค่อยๆ ย้ายจากที่เล่นกับหัวทุยๆและเส้นผมของผม เปลี่ยนเป็นมาโอบกอดผมจากด้านหลัง แล้วเจ้าจมูกโด่งสันเป็นคมก็พ่นลมหายใจอุ่นพร้อมกับกดลงมาสัมผัสที่คอของผม เท่านั้นยังไม่พอริมฝีปากนุ่มของเขาก็เริ่มรุกรานกดสัมผัสตรงโน้นที ตรงนี้ที นัวเนียอยู่แถวซอกคอของผม ชวนให้ผมรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบ ขนรุกตั้งชันไปหมด จากนั้นเขาเอียงหน้าเข้าหาผม แล้วกดจูบมาที่ริมฝีปากบางของผม จนผมเผลอร้องด้วยความตกใจ และก็ในวินาทีนั้นเอง ลิ้นเรียวอุ่นของเขาคนนี้ก็ฉวยโอกาสรุกล้ำเข้าไปภายในของผมสำเร็จ เขาค่อยๆ สัมผัสอย่างเชื่องช้า ไม่รีบร้อน เหมือนจะค่อยๆ สอนผมให้ผมรับรู้ความรู้สึกไปพร้อมพร้อมกัน มันเนิ่นนานจนผมเริ่มรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ เขาจึงค่อยๆบรรจงถอนริมฝีปากออกและยังมีน้ำใสใสที่ยืดเชื่อมอยู่ระหว่างเรา เหมือนกับเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างเราที่กำลังเริ่มขึ้น“พี่ณัฏฐ์ ผมชอบพี่นะ”คำพูดของนาวินทำให้ผมใจเต้นโครมคราม“แต่ผมเป็นผู้ชายนะ และผมก็เคยชอบผู้หญิงมาก่อน”ผมเลี่ยงที่จะพูดคำว่า “ผมไม่ได้เป็นเกย์” ออกไป“ผมก็เป็นผู
นาวินถือของพะรุงพะรังเดินตามคนพี่ออกจากลิฟท์แล้วมาหยุดที่หน้าห้อง พอประตูถูกเปิดผมก็สัมผัสได้กับกลิ่นหอมอ่อนอ่อนภายในห้อง ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ถ้าจมูกผมทำงานไม่ผิดเพี้ยน น่าจะเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย เป็นระเบียบ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่สีขาว เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นสีขาว เว้นแต่ผ้าม่านที่เป็นสีเทา ‘ดูท่าทางเจ้าของห้องจะชอบสีขาว ส่วนตัวผมก็ผิวขาว แล้วเจ้าของห้องจะชอบมั้ยนะ’ผมวางของทั้งหมดไว้ในห้องครัว พอหันกลับมาก็มีแก้วน้ำยื่นมาให้“ทานน้ำก่อนครับ”“ขอบคุณครับ”ผมรับแก้วน้ำจากมือบางบาง แล้วถือโอกาสกุมมือไว้ไม่ปล่อย“นี่จะจับอีกนานมั้ย ปล่อยได้แล้ว”ดูก็รู้ว่าเขิน คนอะไรเขินเก่ง เขินแล้วก็กลบเกลื่อนเก่งด้วย ผมปล่อยมือออกแล้วจิบน้ำอย่างชื่นใจ“ห้องพี่นี่น่าอยู่มากเลยนะครับ บรรยากาศสบายสบาย รู้สึกผ่อนคลายจัง”“ผมตั้งใจเองแหล่ะ อยากได้ฟีลแบบ อยู่ในธรรมชาติหรือยกสปามาไว้ที่ห้อง เลิกงานกลับห้องมาจะได้เหมือนว่าไปเข้าสปาทุกวัน”“ใช่กลิ่นลาเวนเดอร์มั้ย”“เก่งนี่ ดมกลิ่นเก่งนะเรา จมูกดี๊ดี”คนตรงหน้าพูดแล้วยู่จมูกใส่ผม จนผมอยากจะเอามือไปจับแล้วบีบเล่น“
เสร็จกิจจากการประชุมกับลูกค้า ผมก็มีภาระกิจไปส่งคนตัวโตข้างข้างผมอีก หลังจากแยกย้ายกับพี่วิวัฒน์ เราก็เดินมาขึ้นรถ คนตัวโตเปิดรถไปนั่งประจำที่เป็นตุ๊กตาตัวโตหน้ารถ ส่วนผมก็ประจำที่เป็นพลขับ นี่ผมกลายเป็นคนขับรถให้คุณเขาไปแล้วสินะ“เย็นนี้คุณนาวินอยากกินอะไรดีครับ” ผมแกล้งพูดทำเสียงเรียบเรียบใส่เขา“ผมอยากกินพี่”ผมหันมามองเขาอย่างตกใจ “นายพูดอะไรของนายนี่”“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมจะบอกว่าผมอยากกินอะไรก็ได้ที่กินกับพี่ ผมยังพูดไม่ทันจบเลย พี่คิดอะไรอยู่เนี่ย”“ก็ผมได้ยินอย่างนี้จริงจริงนี่ คนอย่างนายเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ได้เลย ตกลงจะกินอะไร”“กินอะไรแถวคอนโดพี่ก็ได้ หรือจะซื้อไปกินที่ห้องพี่ได้นะ”“อ้าวแล้วทำไมต้องเป็นคอนโดผมด้วย ย้อนไปย้อนมา ถ้าขึ้นห้องแล้ว ผมไม่ออกไปส่งแล้วนะ”“ไม่ออกก็ไม่ต้องออกดิ”“งั้นนายก็นั่งรถไฟฟ้า ไปต่อรถตู้กลับเองเลย”“ไม่เป็นไร คืนนี้ผมค้างกับพี่ได้”“เฮ้ย.. ไม่ได้ จู่จู่จะมาค้างห้องผมได้อย่างไร”“ทีพี่ยังไปค้างห้องผมได้เลย”“ก็นั่นนายชวนเองนี่ และนี่ผมก็ไม่ได้ชวนนายด้วย เจ้าของห้องไม่ยินยอม นายมาค้างเองไม่ได้นะ”“เอ.. ที่พี่ไม่ให้ผมไปค้างด้วย หรือว่าพี่มีความลับอะไรซ่อ
โอ้ย.. ผมปวดหัว ผมเครียดและผมก็มึนไปหมดแล้ว สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งความวุ่นวายและอาจเป็นสัปดาห์ที่จะชี้ชะตาผมก็ได้ ก็วันศุกร์นี้ผมต้องไปนำเสนอโครงการณ์กับลูกค้า BBB ซึ่งเดิมเป็นโครงการณ์ที่คุณธนพัฒน์เซลส์คนเก่าดูแลอยู่ และถูกจีบให้ไปทำงานกับบริษัทคู่แข่ง แล้วจะไม่ให้เครียดได้งัย ในเมื่อบริษัทคู่แข่งรู้ไส้รู้พุงเราหมดแล้ว ผมกับทีมงานคงต้องปรับกลยุทธใหม่กันยกแผง“พี่ศุภโชคครับ ผมอยากนัดพี่เพื่อนำเสนอโครงการณ์ให้พี่ดูก่อนครับ พี่พอสะดวกช่วงเวลาไหนครับ ผมมีนัดนำเสนอโครงการณ์กับลูกค้าวันศุกร์นี้ครับ”“งั้นบ่ายนี้เลยก็ได้ครับคุณณัฏฐ์”“ถ้าอย่างนั้นผมขอเชิญทีมงานเข้ามาร่วมฟังด้วยนะครับ จะได้ถือโอกาสซ้อมไปทีเดียวเลย”“ระดับคุณณัฏฐ์แล้วยังต้องซ้อมอีกเหรอ”“ซ้อมสิพี่ ผมยังไม่ค่อยแม่นในเนื้อหาเท่าไหร่”“ผมบอกแล้วไงว่า เรื่องเนื้อหา ให้นาวินเค้าจัดการ เค้าคอยซัพพอร์ตอยู่แล้วคุณณัฏฐ์ไม่ต้องกังวล”ผมพยักหน้ารับกับคำแนะนะของพี่ศุภโชค แล้วให้ไปสบตากับเจ้าของชื่อที่ถูกพลาดพิง ซึ่งเค้าก็กำลังมองมาที่ผมพอดี สายตาที่เค้าส่งมาให้ผมนั้น มันเป็นสายตาที่แน่วแน่และอบอุ่น ทำให้ผมคลายความกังวลไปได้เยอะเลยเมื
บ่ายวันนี้ ในออฟฟิศมีคนนั่งอยู่ไม่กี่คน เพราะทีมออกแบบ เขายกทีมปิดห้องประชุมคุยกันเคร่งเครียดมากเลย จะไม่ให้เครียดได้อย่างไรก็โปรเจคที่กำลังดำเนินการอยู่ถูกคุณลูกค้าตัวดีมาขอเปลี่ยนคอนเซปใหม่หมด แบบว่ารื้อทำใหม่ทั้งเครื่องเลย แต่ต้องส่งงานตามเดิมนะ นี่แหละคุณพระเจ้าอย่างแท้จริง ยังดีที่ให้เพิ่มราคาในส่วนที่เปลี่ยนแปลงและให้ชาร์จค่าเสียเวลาค่าเร่งด่วนได้ แต่ก็นั่นอีกนั่นแหละ มันแทบจะไม่คุ้มเหนื่อยค่าปวดหัวเลยให้ตายสิ ในตอนแรกผมก็เข้าไปร่วมประชุมกับพวกเขาด้วยเพราะจะได้เก็บข้อมูลไปช่วยเคลียร์กับลูกค้าให้ แต่พอเริ่มเข้าเนื้อหาทางเอ็นจิเนียริ่ง ผมก็รู้ตัวแล้วว่า ผมคงไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยในเวลานี้ เพราะคงช่วยอะไรใครไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่า คอยให้เป็นกำลังใจใครบางคน แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากขอจากผมนี่นา ผมมองนาฬิกาซึ่งตอนนี้ก็ปาเข้าไปจะบ่ายสามแล้ว ยังไม่มีใครออกจากห้องประชุม ผมก็เลยตัดสินใจโทรไปสั่งน้ำและขนมเอามาเติมพลังให้หนุ่มหนุ่ม พอน้ำขนมมาส่งผมค่อยๆ เปิดประตูห้องประชุมเข้าไป แล้วทุกสายตาก็หันมาจ้องมองที่ผมแบบนิ่งนิ่ง สงสัยว่าผมคงจะเข้ามาผิดเวลาหรือเปล่านะ ผมรีบส่งรอยยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุด
ผมอาบน้ำไปใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยิ่งคิดไปถึงสัมผัสอุ่นอุ่นที่ได้รับมาเมื่อครู่นี้ ผมยอมรับจริงจริงมามันทำให้ผมรู้สึกดีมากเลยทีเดียว ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันนะ นาวินเขาจะรู้สึกพิเศษกับผมงั้นหรือ ไม่น่าใช่มั้ง โอ้ย.. คงไม่มีอะไรหรอก เขาคงแค่แกล้งผมเล่นก็เท่านั้นแหละ แต่แกล้งแบบนี้มันก็ไม่ค่อยดีต่อใจผมเลยนะ ผมแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาจากห้องน้ำ และยังคงเห็นนาวินนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือที่โชฟา ผมยังลังเลอยู่ว่าผมควรจะไปอยู่ตรงไหนดี ไปนั่งที่โชฟา หรือเดินเข้าไปในห้องนอน หรือ ... แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรต่อ พ่อตัวดีก็คว้าตัวผมดึงลงมานั่งที่โชฟา“นั่งตรงนี้”นาวินจับผมมานั่งที่โซฟา“จะทำอะไร” ผมหันไปถาม“นั่งนิ่งนิ่งนะครับ เดี๋ยวผมเช็ดผมให้ ผมเปียกแล้วนอนเดี๋ยวจะไม่สบาย”“เฮ้ย .. ไม่ต้อง ผมทำเองได้ คุณไปอาบน้ำเถอะ”“บอกให้อยู่นิ่งนิ่งไง อย่าดื้อสิครับ ผมทำให้พี่สะดวกกว่า”นาวินก้มมาพูดซะใกล้หูผม ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นอุ่น และดูเหมือนว่าเค้าจะจงใจที่จะเป่ามาที่หูผมเบาเบา ทำให้ผมถึงกับสตั๊นนั่งนิ่งตัวแข็งไปเลย“พี่พกแชมพูกับครีมอาบน้ำมาเองเหรอ.”“เปล่านี่ ก็ใช้ของของนายนั่นแหล