LOGIN“ยอมเชื่อฟังแล้วค่ะ พอใจรึยังคะ” ฉันตอบออกไปพร้อมกับยื่นริมฝีปากออกไปเล็กน้อยแล้วทำแก้มพองลม
“หึ ก็แค่เนี่ย เด็กดื้อ” เขาแค่นหัวเราะเอ่ยกลับมาเมื่อได้รับคำตอบที่น่าพอใจ พร้อมกับส่งมือหนาขึ้นยีผมของฉันจนหัวฟู
“อือ อย่าแกล้ง” ย่นคอหนีฝ่ามือ
เริ่มใจอ่อนกับฉันแล้วล่ะสิพี่อินแจ เห็นว่าแกล้งได้ก็แกล้งกันอยู่เรื่อยเลย แต่ก็ดีนะเราจะได้พูดคุยและมีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น
หลังจากที่กินข้าวด้วยกันเสร็จพี่อินแจก็ขอตัวกลับห้องของตัวเองไป ส่วนฉันก็ต้องเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังว่าที่แฟนในอนาคต เข้าไปอาบน้ำตามที่เขาได้บอกเอาไว้ เรียกว่าสั่งเอาไว้ก่อนออกจากห้องไป
เฮ้อ ขอถอนหายใจหน่อยเถอะ กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็ลำบากกันเลยทีเดียว เพราะฉันต้องคอยระวังไม่ให้น้ำโดยแผลด้วยไม่งั้นมันจะอักเสบขึ้นมาได้
หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เดินขากะเผลกอย่างกับเต่าคลานมาถึงเตียงนอนและล้มตัวลงทันทีอย่างหมดเรี่ยวแรง ขอแชทหาเพื่อนรักหน่อยละกัน ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้คุยกันเลย
…..
-Chat-
Nicha: แกกลับไปแล้วเหรอ ไม่เห็นบอกฉันเลย
ยังไม่ทันได้เข้าแชทก็เปิดมาเจอข้อความของณิชาที่ถูกส่งเข้ามาเสียก่อน ฉันลืมไปเสียสนิทเลยว่าก่อนออกจากมหาวิทยาลัยลืมโทรบอกณิชา รายนั้นน่ะชอบเป็นห่วงและยิ่งขี้บ่นอยู่ด้วย
Khanom: ขอโทษที่ไม่ได้บอก ฉันปวดขาน่ะเลยกลับมาก่อน (สติกเกอร์ทำปากจู๋)
Nicha: แล้วแกขับรถได้เหรอ อย่าบอกนะว่ากลับพร้อมโอปป้าของแก
ณิชาตอบกลับมาเร็วปานติดจรวด
Khanom: อืม
Nicha: อร๊ายแก เดี๋ยวนี้มีกลับพร้อมกันด้วย เมื่อเช้าตอนพี่เขาอุ้มแกนะฉันตะลึงมากจ้า
Khanom: ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะอุ้มแบบนั้น คิดแล้วเขินอะ
Nicha: ฉันว่าพี่อินแจชอบแก
Khanom: บ้าเหรอ ถ้าชอบก็ดีน่ะสิ ทุกวันนี้ฉันยังถูกหลอกด่าอยู่เลย เดี๋ยวก็ยัยบื้อ เดี๋ยวก็ยัยโก๊ะ
Nicha: ด่าเพราะรักมั้ยแก
Khanom: ขอให้รักเร็วๆ เถอะ เพี้ยง (สติกเกอร์พนมมือไหว้)
Nicha: วันนี้ฉันเช็กชื่อให้แล้วนะ และอาจารย์ก็ไม่ได้สั่งงาน
Khanom: งื้อ ขอบใจมากเพื่อนรัก ฉันรักเธอที่สุดเลย จุ๊บๆ
Nicha: เก็บปากไว้จุ๊บโอปป้าของแกเถอะจ้า แล้วพรุ่งนี้แกมาเรียนไหวป่าว
Khanom: ขอดูพรุ่งนี้เช้าอีกที ถ้าไม่ปวดมากพอเดินไหวก็จะไป
Nicha: โอเค
…..
เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดีหน่อยที่วันนี้มีเรียนบ่ายเลยกดเลื่อนมันไปหลายรอบเลย กว่าจะได้เวลาที่ฉันจะลุกออกจากที่นอนได้ก็ปาไปเกือบสิบโมง
ฉันเปิดประตูพร้อมกับอ้าปากหาวเดินออกจากห้องมาอย่างงัวเงีย พร้อมกับยกสองแขนบิดขี้เกียจ “ว้าย” ร้องดังลั่นด้วยความตกใจ “พะ…พี่อินแจ”
“ตื่นได้แล้วเหรอยัยขี้เซา” นี่ก็สรรหาคำมาว่าให้ฉันจริงๆ เลย
“พี่เข้ามาได้ยังไงคะ”
“ก็เปิดเข้ามาไง” ตอบแบบกวนๆ พร้อมกับยกคีย์การ์ดห้องของฉันให้ดู
“เข้าออกห้องกันเป็นว่าเล่นแบบนี้คิดอะไรกับขนมรึเปล่าคะ อินแจโอปป้า” ฉันแกล้งแซวเล่นทำหน้ายิ้มทะเล้น อยากจะดูหน้าคนเย็นชาว่าเขาจะเขินหรือไม่ แต่เปล่าเลยจ้า
“ไปอาบน้ำได้ละ” เขาเอ่ยไล่ให้ฉันไปอาบน้ำด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ฉันลืมไปเสียสนิทเลยว่าตัวเองยังอยู่ในชุดนอน การที่เห็นเขามาโผล่ในห้องของฉันแบบไม่รู้ตัวแบบนี้มันทำให้สมองไม่สั่งการอะไรทั้งนั้น นอกจากตรงเข้ามาคุยกับเขา ยัยขนมซื่อบื้อ ชอบทำตัวขายหน้าอยู่เรื่อยเลย
หลังจากที่ฉันหยิบเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำเสร็จแล้ว ก็ตรงปรี่เข้าห้องไปแต่งหน้าเติมความสวยกันสักหน่อย อยู่ต่อหน้าอินแจโอปป้าขนมต้องสวยค่ะ
สายของวันนี้พี่อินแจทำข้าวผัดมาเผื่อฉันด้วย ส่วนเขานั้นกินจากที่ห้องมาแล้วล่ะ เพราะรายนั้นชอบตื่นเช้าแม้จะไม่ได้ไปเรียน
“ขอบคุณค่ะ” ฉันส่งยิ้มหวานละมุนเอ่ยขอบคุณและนั่งลงจัดการข้าวผัดที่เขาลงมือทำจนหมดจาน
“มีเรียนเหรอ” พี่อินแจมองฉันที่อยู่ในชุดนักศึกษากระโปรงพลีทจีบทวิสที่สั้นเพียงสิบหกนิ้วกับเสื้อพอดีตัว
“ค่ะ ขนมมีเรียนบ่าย”
“เดี๋ยวไปส่ง”
“ไปส่ง พี่อินแจไม่มีเรียนเหรอคะ ขนมขับรถไปเองก็ได้นะ แค่นี้ก็รบกวนพี่เยอะแล้วค่ะ เกรงใจ”
“อย่าดื้อ บอกว่าจะไปส่ง แค่ทำตามที่บอกก็พอ” แหม ชอบออกคำสั่งจริงเชียว
“ก็ได้ค่ะ”
เราออกจากคอนโดกันมาตอนประมาณเที่ยงครึ่ง คอนโดของเราอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากเท่าไร ใช้เวลาขับรถประมาณสิบถึงสิบห้านาทีก็มาถึงแล้ว
…..
@มหาวิทยาลัย
.
“ขอบคุณนะคะ” ฉันเอ่ยขึ้นก่อนจะเปิดประตูลงจากลงจากรถ
“เรียนเสร็จแล้วก็โทรหานะ เดี๋ยวมารับ”
“ค่ะ”
อยากจะบอกว่าทำตัวไม่ถูกเลยจ้า ตอนนี้มีแต่คนมองมาที่รถของพี่อินแจตั้งแต่ขับเข้ามาจอด และหนึ่งในนั้นที่จ้องมองมาทางฉันตั้งแต่ก้าวลงจากรถนก็คือ ‘ลูกพีช’ จะมองอะไรนักหนา
“ใช้ได้นี่ ให้ท่ายังไงถึงให้เขามาส่งเธอได้” วาจากกระแทกแดกดันเอ่ยเสียงดังขึ้นตามหลัง แต่ฉันทำทีไม่สนใจ ลูกพีชเลยรีบย้ำเท้าเข้ามากระชากแขนจนคนโดนกระทำต้องหยุดเดิน
“ปล่อย” เอ่ยเสียงแข็งพร้อมกับสะบัดแขนออกเงยหน้าขึ้นจ้องคนที่เข้ามาหาเรื่อง
อย่าให้มากจนเกินไปนะลูกพีช ถึงจะเป็นคนยอมมาตลอดแต่ใช่ว่าจะยอมได้ตลอดไป ความอดทนของฉันก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน พยายามข่มอารมณ์โกรธและต่อว่าในใจ
“ฉันบอกเธอแล้วใช่มั้ยว่าให้เลิกยุ่งกับพี่อินแจ” ลูกพีชพูดเสียงกร้าวอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครจะมาได้ยิน สายตาเธอตอนนี้เอาเรื่องมากๆ
“เธอก็ไปบอกเขาเองสิว่าให้เลิกยุ่งกับฉัน ถ้าไม่มีสิทธิ์ก็อย่ามาหาเรื่อง”
“นี่เธอ”
“ขนมมีอะไร นี่เธอมาหาเรื่องเพื่อนฉันอีกแล้วเหรอ รอบก่อนทำให้ขนมเจ็บตัวฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลยนะยัยลูกพีช” ณิชาที่เพิ่งมาถึงก็ตรงดิ่งเข้ามาหาฉัน และเอ่ยเอาเรื่องลูกพีชทันที
“ใครใช้ให้เดินไม่ดูทางเองล่ะ สมน้ำหน้า” ว่าจบลูกพีชก็เดินออกไป พร้อมกับเบะปากใส่อย่างน่าชัง
“อีลูกพีชเน่า” ณิชาตะโกนด่าตามหลัง
“พอแล้วแก คนมองกันเต็มเลย เราไปกันเถอะ” ฉันรีบห้ามปรามเพื่อนรักก่อนที่เธอจะสบถคำด่าออกมามากกว่านี้
ดีหน่อยที่ณิชายอมเชื่อฟัง เธอเดินเข้ามาคล้องแขนเพื่อให้ฉันมีที่เกาะกุมและพาเดินเข้าตึกคณะไป
“แกก็ยอมมันซะอย่างนี้ มันถึงได้ใจ”
“ฉันไม่อยากมีปัญหานี่นา แกก็อย่าไปสนใจนางนักเลย เดี๋ยวประสาทจะกินเอา”
“จ้า คุณแม่พระ ประเสริฐศรีมณีเด้ง แกยอมมัน ใช่ว่ามันจะเลิกหาเรื่องแก”
ฉันลอบถอนลมหายใจ รู้สึกเหนื่อยหน่ายเหมือนกันที่ต้องทะเลาะกันมาตั้งหลายปี หนีออกมาอยู่คนเดียวแล้วก็ยังไม่พ้นอีก
วันนี้เรามีเรียนกันถึงบ่ายสาม พอใกล้เลิกเรียนฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดส่งข้อความไปบอกให้พี่อินแจออกมารับ ป่านนี้ก็น่าจะมาถึงละมั้ง
“ฉันไปรอพี่อินแจที่หน้ามอนะ” ฉันบอกกับณิชา เธอพยักหน้ารับก่อนจะโบกไม้โบกมือล่ำลากัน
ณิชากลับบ้านพร้อมกับพี่ณัฐ ส่วนฉันก็เดินไปที่ป้ายรถเมย์หน้ามหาวิทยาลัยเพื่อนั่งรอพี่อินแจ
วันนี้ดีหน่อยที่ขาไม่ปวดมากเดินได้คล่องขึ้นกว่าเมื่อวาน ฉันค่อยๆ เดินออกมาหน้ามหาวิทยาลัยก็เห็นเข้ากับรถของพี่อินแจที่จอดรออยู่ แต่นั่น ‘ยัยลูกพีช’ เธอกำลังเดินผ่านรถของพี่อินแจไปและเขาก็กำลังเลื่อนกระจกรถขึ้น
ฉันหยุดเดินจ้องมองอยู่พักหนึ่งจนลูกพีชเดินลับตาไป จึงได้เดินเข้าไปหาพี่อินแจที่รถ ‘ยัยลูกพีชคงไม่ได้มาแวะคุยกับพี่อินแจใช่มั้ย’
“เมื่อกี้พี่คุยกับใครคะ” ฉันตัดสินใจถามออกไปทันทีที่เข้ามานั่งในรถ แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่แค่อยากรู้ว่าพี่อินแจจะตอบมาว่าอย่างไร
@โรงพยาบาล.พี่อินแจเข้าไปสวมทับด้วยชุดสีเขียวเข้มปลอดเชื้อ เพื่อที่เข้าไปให้กำลังใจภรรยาสาว ที่กำลังนอนรอคลอดอยู่บนเตียง“ไม่ต้องกลัวนะครับที่รัก พี่อยู่นี่แล้ว” พี่อินแจคว้ามือของฉันที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเข้ามากุม ริมฝีปากหยักได้รูปบรรจงจูบที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนเพื่อให้กำลังใจ“ฮือ ขนมปวดท้องค่ะ”“ปากมดลูกเปิดเจ็ดเซนแล้วค่ะคุณแม่ อดทนอีกนิดนะคะ” เสียงของพยาบาลที่เข้ามาตรวจเช็กการขยายตัวของปากมดลูกเพื่อเตรียมทำคลอดเอ่ยกับฉันฉันตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าอยากคลอดแบบธรรมชาติ เพราะฉะนั้นต้องทนให้ได้ อีกนิดเดียวเราก็จะได้เจอกันแล้วนะลูกรักนอนรอคลอดพร้อมกับความเจ็บปวดบนเตียงนานเกือบสามชั่วโมง ก็ถึงเวลาที่จะได้เจอกันเสียที“คุณแม่คะ ออกแรงเบ่งค่ะ”“อือ... อือ...”กลั้นใจออกแรงเบ่งเกือบสิบครั้ง อินแจน้อยก็ออกมาลืมตาดูโลกแล้วค่ะ เจ้าตัวน้อยของเราเนื้อตัวจ้ำม่ำ หน้าตาน่ารักน่าชังได้ทั้งพ่อทั้งแม่ ผิวขาวเนียนละเอียด และผมมีกระปู๋ครับ“ยินดีด้วยนะคะ คุณพ่อคุณแม่ได้ลูกชายค่ะ”พี่อินแจเดินเข้าไปรับเจ้าอินแจน้อยที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมขาวสะอาด เข้ามาอุ้มไว้ในอ้อมแขน“ขนม เราได้ลูกชายครับ” พี่อินแจเอ่
หลังจากกล่าวให้คำมั่นสัญญา เราก็จูบกันตามคำเรียกร้องของแขกที่มาร่วมงาน เสร็จจากนั้นก็จะเป็นโยนช่อดอกไม้ และตัดเค้ก ก่อนที่พิธีกรจะกล่าวปิดงานและร่วมกินเลี้ยงมื้อค่ำกันฉันกับพี่อินแจควงกันออกมาต้อนรับแขก และเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวอีกสองคน ก็ควงคู่กันมาช่วยดูแลความเรียบร้อยภายในงาน“สวัสดีค่ะพี่ไอดิน” เพื่อนเจ้าสาวอีกคนเอ่ยทักทายดูหน้าอีกฝ่ายทั้งตกใจและสับสนที่ไม่ได้เจอกันเสียนาน“สวัสดีครับ ลูกพีช ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”“ค่ะ ไม่ได้เจอกันนาน พี่สบายดีมั้ยคะ”“ครับ พี่สบายดี แล้วลูกพีชอยู่ทางนั้นเป็นยังไงบ้างครับ”“สบายดีค่ะ แต่เหงา”“เหงา”“ค่ะเหงา เพราะต้องอยู่คนเดียว”ทั้งสองจ้องมองแล้วยิ้มให้กัน เป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น โหยหา และเฝ้ารอ“ถ้าลูกพีชยังไม่มีใคร พี่ยังอยู่ตรงนี้นะครับ”“งั้นเรามาลองคบกันมั้ยคะ ลูกพีชขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมานะคะพี่ไอดิน พี่คือคนที่ดีกับลูกพีชที่สุด ขอโทษที่เมื่อก่อนไม่เคยเข้าใจความรักที่พี่มีให้”“ไม่เป็นไรครับลูกพีช ตกลงครับ เราคบกันนะ”“พี่รอลูกพีชอีกปีนึงได้มั้ยคะ รอลูกพีชเรียนจบ”“ครับ พี่รอได้”“ขอบคุณนะคะพี่ไอดิน”ฉันกับพี่อินแจ พร้อมกับณิชาและพี
ตอนนี้ฉันขึ้นปีสี่แล้ว และพี่อินแจก็เรียนจบออกไปทำงานที่บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อบริหารงานต่อจากคุณตา ท่านอายุมากแล้วจะได้พักผ่อนใช้ชีวิตในวัยชราอยู่ที่บ้านแทน โดยที่มีคุณแม่และเลขาส่วนตัวของคุณตาคอยให้คำปรึกษาอยู่ส่วนณิชาเพื่อนรัก ตอนนี้เธอก็ได้คบกับพี่องศาไปเรียบร้อยแล้ว ฉันว่าแล้วว่าสองคนนี้มีอะไรแปลกๆ ตั้งแต่ตอนที่ไปเที่ยวทะเลด้วยกันแล้วนะ สรุปก็คือแอบชอบกันตั้งแต่ตอนนั้นจริงๆ.....@คลับ.การนัดกันครั้งนี้ของพวกเรา ก็มีหนึ่งหนุ่มโสดกับสองคู่รัก หนุ่มโสดของเราก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ไอดินนั่นเอง“อิจฉาคนมีคู่จังเลยครับ นี่กูคิดผิดหรือคิดถูกวะเนี่ย ที่มาตามนัดของพวกมึง” เสียงบ่นของพี่ไอดิน ที่บ่นให้เพื่อนรักทั้งสองของเขาจะบอกว่าพี่เขาเฮิร์ตหนักเรื่องของลูกพีชก็ได้นะ จากผู้ชายที่ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่พอโดนลูกพีชหลอกใช้ในครั้งนั้น พี่ไอดินก็ไม่คุยกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย จึงกลายมาเป็นหนุ่มโสดเพียงคนเดียวในกลุ่มของพวกเราส่วนพี่องศารายนั้นพอได้คบกับณิชา ก็เปลี่ยนไปเป็นผู้ชายคลั่งรักเหมือนกับพี่อินแจไปอีกคน ยัยณิชาปลื้มมาก ก็เล่นเอาใจเสียทุกอย่างแถมเรื่องอย่างว่าก็ไม่มีแผ่วเลยเช่นกัน“มึงก
เมื่อได้ฟังคำถามของคุณตา พี่อินแจก็กระตุกยิ้มมองมาทางฉัน แล้วยื่นมือมาจับกันอีกครั้ง“ถ้าคุณตาหมายถึงผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม ครับ ผมจะหมั้น และหมั้นให้เร็วที่สุดด้วยครับ”“ใจร้อนจริงๆ เลยนะเรา ไหนบอกกับแม่ไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากหมั้น”“ใครจะไปรู้ล่ะครับ ว่าคุณแม่จะหมายถึงขนม”“เห็นมั้ยคะคุณพ่อ คุณเขม อังว่าแล้ว ว่าเด็กๆ จะต้องยอมหมั้น” แม่พี่อินแจเอ่ยขึ้น ทุกคนก็พากันยกยิ้มชอบใจฉันมองไปทางพ่ออย่างสงสัย มันสงสัยจริงๆ ว่าทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงคุยกันอย่างนั้น หรือว่า…“ใช่แล้วลูก พวกเรารู้กันแต่แรกแล้วว่าลูกทั้งสองแอบคบหาดูใจกัน”“รู้แต่แรก” ขมวดคิ้วถามขึ้น มันก็ยังสงสัยอยู่ดี และคนที่นั่งข้างๆ ฉันก็เช่นกัน กำลังรอฟังคำตอบจากปากของผู้ใหญ่“ใช่แล้วจ้ะหนูขนม ป้ากับแม่ของหนูเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนตอนที่พาอินแจกลับมาอยู่เมืองไทยใหม่ๆ หนูก็เคยไปเล่นกับพี่เขานะลูกแต่อาจจะจำไม่ได้ พวกเราสองคนเลยคุยกันไว้ว่าอยากให้ลูกของเราได้ลงเอยกัน จึงได้วางแผนซื้อคอนโดที่พวกหนูอยู่กันตอนนี้เอาไว้ให้คนละห้อง ให้อยู่ห้องติดกันเลย โตมาจะได้ทำความรู้จักกัน” แม่พี่อินแจอธิบายมาแบบนี้ฉันก็เริ่มจับต้นชน
#InjaeTalk.@คฤหาสน์สิงหพัฒน์พิศุจน์.ย้อนไปเมื่อ 3 ชั่วโมงก่อน“คุณแม่เรียกผมกลับบ้านมีเรื่องอะไรเหรอครับ”“เย็นนี้ไปเจอลูกสาวของเพื่อนแม่กัน แม่จองภัตตาคารเอาไว้ละ ลูกห้ามปฏิเสธ” อังคณาเอ่ยออกคำสั่งกับลูกชาย“ไหนเราตกลงกันแล้วไงครับ ว่าจะรอให้ผมเรียนจบก่อน ถ้าผมยังไม่มีแฟนค่อยว่ากัน”“แม่ไม่อยากรอละ วันนี้ลูกต้องไปพบน้องกับแม่ ยังไงเราทั้งสองคนก็ต้องหมั้นกันเอาไว้ก่อน”“หมั้นเหรอครับแม่ แม่อย่าบีบบังคับผมสิครับ ผมไม่หมั้น” ผมเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น“แต่แกต้องหมั้น เรื่องนี้แกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ” อัครเดชเอ่ยเสียงแข็งกับหลานชาย“ทำไมต้องทำแบบนี้กับผมด้วยล่ะครับคุณตา ผมมีแฟนแล้ว ผมไม่หมั้นครับ” ยังคงยืนยันคำเดิม อย่างไรผมก็ไม่ยอมหมั้นเด็ดขาด“ถ้าแกไม่ยอม จะให้ฉันกับแม่แกเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เรื่องนี้สองครอบครัวได้คุยกันเอาไว้หมดแล้ว”“แม่กับตาก็เอาไว้ที่เดิมนั่นแหละครับ ผู้ใหญ่คุยกันแต่เด็กไม่รู้เรื่อง นี่มันสมัยไหนละครับ ไม่มีใครเขาบีบบังคับเรื่องแบบนี้กันแล้วครับ ผมขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะครับ”“ถ้าแกไม่อยากให้ฉันหัวใจวายตาย ยังไงเย็นนี้แกก็ต้องไปพบกับครอบครัวนั้นพร้อมกับฉันและแม่ของแก” คนแก
“ไปถึงแล้วหนูก็จะรู้เอง” เขมชาติกระตุกยิ้มมองหน้าลูกสาวคุณพ่อพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วก็ลุกออกไป ฉันเลยกลับขึ้นมาบนห้องก๊อก ก๊อก “ขนม เธออยู่ในห้องรึเปล่า” เสียงของลูกพีชเอ่ยเรียกอยู่หน้าห้อง“อืม เข้ามาสิ”วันนี้เธอก็กลับมานอนที่บ้านเหมือนกัน แปลกที่กลับมาวันเดียวกัน หรือว่าเธอก็จะไปพบกับใครคนนั้นพร้อมกับฉันด้วย“มีอะไรเหรอลูกพีช”“เมื่อกี้คุณลุงเรียกเธอไปคุย เรื่องที่จะพาไปพบใครคนหนึ่งใช่มั้ย แล้วท่านได้บอกกับเธอรึเปล่าว่าเป็นใคร”“ไม่ได้บอกน่ะ”“ฉันได้ยินคุณลุงคุยกับแม่ ว่าจะพาเธอไปแนะนำตัวกับคนที่เธอจะต้องหมั้นด้วย”“หมั้น” เอ่ยย้ำคำพูดดังกล่าวอย่างตกใจ คุณพ่อจะให้ฉันหมั้นกับใคร ไม่นะ ฉันไม่อยากถูกคลุมถุงชน แล้วตอนนี้ก็มีแฟนแล้วด้วย“ใช่ หมั้น เห็นว่าเป็นลูกชายของเพื่อนแม่เธอน่ะ”“ลูกชายเพื่อนคุณแม่ ใครกัน ทำไมฉันไม่เคยได้ยินคุณแม่พูดถึงเรื่องนี้เลย”“แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ ตอนนี้ก็คบกับพี่อินแจแล้วนี่ แล้วเรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกันไว้แล้วล่ะ”ฉันนั่งครุ่นคิดอย่างลำบากใจ จะทำอย่างไรดี จะไปกับคุณพ่อแล้วบอกกับทางนั้นไปเลยดีไหมว่าฉันมีคนรักอยู่แล้ว เรื่องหมั้นจะได้ถูกยกเลิกไป ยิ่งคิดก็ยิ่







