Share

บทที่ 11 ตระกูลโจว

last update Last Updated: 2025-05-02 10:57:54

"ฉันชื่อซุน ซื่อหยวน เธอควรกินมันไป ไม่เช่นนั้นเธอจะนอนไม่หลับเพราะความหิว แล้วเธอจะเอาแรงที่ไหนไปทำงานในทุ่งนา เธอควรคิดให้ดีก่อนที่จะปฏิเสธนะ พวกเราเป็นเยาวชนที่มีการศึกษาจากหมู่บ้านเดียวกัน ดังนั้นเราควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

ซุนซื่อหยวนพูเออกมาด้วยใบหน้าแดงเล็กน้อย และเขารู้สึกเขินอายจริงๆ เขาค่อยๆเปิดห่อกระดาษชุบน้ำมัน เผยให้เห็นเศษบิสกิตที่แตกอยู่ออกจากกัน เขาเก็บขนมเหล่านี้ไว้เกือบเดือนเพราะเขาทำใจกินมันไม่ลง บิสกิตห่อนี้ครอบครัวของเขาให้มากินระหว่างเดินทาง

เมื่อเห็นเช่นนี้ เซี่ยฮุ่ยเหม่ยและอีกสามคนก็รีบกินแป้งข้าวโพดไปสองสามคำ ยัดขนมปังเข้าปาก และจากไปอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นการกระทำของคนอื่นๆ ซุนซื่อหยวนก็ยิ่งรู้สึกอายมากขึ้น ใบหน้าที่ผอมบางเดิมตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงระเรื่อไปทั้งหน้า

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่จางเฟยเซียน ปฏิเสธที่จะรับสิ่งของจากซุนซื่อหยวน ไม่ใช่เพราะเธอขี้อายหรือเขินอาย แต่มันเป็นเพราะถุงกระดาษเคลือบน้ำมัน ดูสกปรกเล็กน้อย และบิสกิตก็แตกเป็นชิ้น ๆ หลังจากเปิดออก เนื่องจากมือของซุนซื่อหยวนที่ถือบิสกิตอยู่ค่อนข้างใกล้กับจางเฟยเซียน บิสกิตจึงมีกลิ่นหืนของเนยเพราะบิสกิตนี้ถูกทิ้งเอาไว้เป็นเวลานาน

เรื่องดังกล่าวทำให้จางเฟยเซียนผู้ชอบหาประโยชน์จากผู้อื่นสูญเสียความอยากอาหาร ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการมันเช่นกัน แม้ว่าเธอจะไม่กินขนมอบเหล่านั้น แต่เธอไม่อาจเพิกเฉยต่อซุนซื่อหยวน เธอจึงปฏิเสธเขาอีกครั้ง

“ซุน จื้อชิง ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของคุณ แต่เราเพิ่งเจอกันวันนี้ และฉันรับบิสกิตของคุณไม่ได้ คุณควรเก็บคุกกี้พวกนี้ไว้กินตอนหิว ฉันยังมีอาหารแห้งเหลืออยู่บ้าง”

จางเฟยเซียนพูดออกมาอย่างยากลำบาก จากนั้นยืนขึ้น พยักหน้าให้ซุนซื่อหยวน และหันหลังเดินกลับห้องไป เมื่อซุนซื่อหยวนเห็นจางเฟยเซียนเป็นแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อย

“เฮ้ คุณรู้จักสงสารผู้ชายของคุณก่อนที่จะแต่งงานด้วยซ้ำ คุณรู้ด้วยซ้ำว่าต้องทิ้งขนมอบนี่เอาไว้ให้ฉัน และฉันต้องเอาชนะใจจางจื้อชิงคนนี้ให้ได้ ฉันคิดว่าการได้แต่งงานกับเธอเป็นเรื่องที่ดี และทำให้ชีวิตของฉันง่ายขึ้นในอนาคต”  นี่ความคิดคิดของซุนซื่อหยวนบุคคลที่ไม่มีความนับถือตัวเองเลย

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่โจวอี้หมิงส่งรถแทรกเตอร์กลับไปที่กองพล เขาก็กลับบ้าน พอเขาก้าวเข้าไปในสนาม ก็ได้ยินเสียงไออย่างรุนแรงดังมาจากห้องหลักของบ้าน เมื่อได้ยินเสียงโจวอี้หมิงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

โจวอี้หมิงเห็นแม่ของเขาเอียงตัวพิงกำแพงดิน พิงตัวลงบนคัง พร้อมทั้งปิดปากและไอ เมื่อเห็นแม่ไอหนักเช่นนี้ โจวอี้หมิง ก็อดไม่ได้ที่จะกำมือแน่นและคลายออกอย่างอ่อนแรง

“ทำไมถึงกลับมาช้าจัง ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม มีซาลาเปาสองชิ้นอุ่นอยู่ในหม้อ รีบไปกินเถอะ” ในขณะที่พูดแม่ของเขาก็พยายามกลั้นไอไว้

ปีนี้แม่โจว อายุเพียงแค่ 45ปี แต่ผมของเธอขาวไปครึ่งหนึ่งแล้ว ครอบครัวนี้เพิ่งมาตั้งถิ่นฐานในกรุงปักกิ่งได้ไม่กี่ปีก็ถูกจัดอยู่ใน "กลุ่มคนดำห้ากลุ่ม" เนื่องด้วยเหตุผลด้านนโยบาย และถูกส่งกลับไปยังหมู่บ้าน สามีของเธอถูกส่งไปในสถานที่ที่ไม่รู้จักเพียงลำพัง

หลังจากถูกย้ายกลับหมู่บ้าน ลูกชายคนโต โจวเฉิงตง ขาหักในขณะที่กำลังขึ้นภูเขา ตอนนี้ผ่านมาหนึ่งปีแล้วนับตั้งแต่ภรรยาของเขาพาลูกกลับบ้านพ่อแม่ของเธอ เมื่อสองปีก่อน เมื่อลูกชายคนที่สอง โจวอี้หมิงทราบว่าครอบครัวของเขาถูกส่งไปในชนบท เขาได้ริเริ่มยื่นคำร้องขอปลดประจำการจากกองทัพและกลับบ้าน การกระทำเช่นนี้นับเป็นการทำลายอนาคตที่สดใสของเขาเอง

โจวหนิงหนิง ลูกสาวคนเล็กเกิดเมื่อแม่ของเธออายุได้ 35 ปี เธอเกิดมาพร้อมกับความพิการแต่กำเนิดจึงอ่อนแอและเจ็บป่วย โจวอี้หมิง มักจะเงียบขรึมและไม่ชอบพูดคุย แต่เมื่อเขากลับมาจากกองทัพ เขาก็ตั้งใจอยากจะดูแลครอบครัวให้ดี

เมื่อเห็นว่ามารดาของเขาไม่อยากให้เขาเป็นกังวลโจวอี้หมิง จึงมองไปที่ โจวหนิงหนิง ที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ เธอและพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะออกจากบ้านไป

โจวอี้หมิง นั่งอยู่บนขั้นบันไดหินนอกห้องครัว พลางกินข้าวโพดบดและซาลาเปาธัญพืชหลายชนิดในมือของเขา การกินอาหารเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องปกติของเขาไปแล้ว ถึงแม้ว่าสิ่งที่กำลังกินเข้าไปจะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเคี้ยวขี้ผึ้งอยู่ก็ตาม แสงจันทร์สาดส่องลงมา ทำให้กรามของโจวอี้หมิงมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น

เขาหันศีรษะไปมองดูบ้านหลักของแม่ จากนั้นมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่แสงจันทร์ส่องสว่างและมีดวงดาวพร่างพรายบนท้องฟ้า เขารีบกินซาลาเปาอย่างรวดเร็วและดื่มน้ำหนึ่งชามใหญ่ จากนั้นกลับห้องแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นผ้าเนื้อหยาบ

เหตุผลที่เขาแต่งตัวแบบนี้วันนี้ก็เพราะหัวหน้าหมู่บ้านขอให้เขาสร้างความประทับใจให้กับเยาวชนที่ได้รับการศึกษาใหม่ๆ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องแต่งตัวเรียบร้อยขึ้นนิดหน่อย

โจวอี้หมิงหยิบเคียวเหล็กและไฟฉายไว้ในกระเป๋าเป้ จากนั้นก็เดินขึ้นภูเขาไปอย่างรวดเร็ว โจวหนิงหนิงได้ยินเสียงดังกล่าว จึงขยี้ตาที่ง่วงนอนของเธอแล้วเงยหน้าขึ้นมองแม่จากนั้นจึงพูดออกมาว่า

“พี่ชายคนที่สองของคุณคงไปล่าสัตว์ที่ภูเขาด้านหลังอีกแล้ว ไม่เป็นไร นอนต่อเถอะ” แม่ โจวตบหลัง โจวหนิงหนิเบาๆ และบอกให้เธอเข้านอนโดยเร็วที่สุด โจวหนิงหนิง พยักหน้าและล้มตัวลงนอนต่อไป

อีกด้านหนึ่ง ณ สถบ้านพักของเยาวชนที่มีการศึกษา เยาวชนที่เพิ่งมาถึงกำลังเก็บสัมภาระของพวกเขา มีเยาวชนชายที่มีการศึกษาที่อายุมากแล้ว 2 คนอาศัยอยู่ในบ้านกับเยาวชนชายที่มีการศึกษาคนใหม่ ดังนั้นพวกเขาจึงพูดคุยและทำความสะอาดในเวลาเดียวกัน พวกเขาพูดคุยกันทุกคน ยกเว้นผู้ชายผิวคล้ำที่ตัดผมสั้น

เขาชื่อโหยวเหวิงกวง อายุสิบเก้าปี เขาไม่ใช่คนพูดมาก เขาเพียงแค่เก็บข้าวของแล้วนอนลงบนคัง เขาไม่ได้พูดมากนักและไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อพิจารณาจากการแสดงออกของเขาแล้ว เขาดูไม่ใช่คนประเภทที่เข้าถึงได้ง่าย

ในห้องพักของหลินมู่อิงมีห้องใหญ่ใกล้หน้าต่าง ซึ่งสามารถรองรับคนได้ห้าถึงหกคน คังนี้กินพื้นที่ในห้องไปครึ่งหนึ่ง ตรงข้ามกับคานดินมีตู้ 2 ตู้ โต๊ะ 3 ตัว และม้านั่งอีกหลายตัว แต่ตู้กับโต๊ะล้วนแต่ทรุดโทรมมาก ยังมีรูอยู่สองสามรูบนตู้ และดูเหมือนไม้แผ่นนั้นจะผุพังจนไม่สามารถใช้งานได้ เช่นเดียวกันกับโต๊ะ เก้าอี้ และม้านั่ง

“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องขอให้ช่างไม้ช่วยทำตู้หรืออะไรบางอย่างเมื่อฉันว่างสองวันนี้” หลินมู่อิงกล่าวขณะมองดูตู้และโต๊ะทรุดโทรมๆ ที่อยู่ตรงหน้าเธอซึ่งดูเหมือนกองไม้ที่ผุพังมากกว่า

“การจ้างช่างไม้มาทำคงเสียเงินเยอะมากใช่ไหม”

เซี่ยฮุ่ยเหม่ยรู้สึกกังวลเล็กน้อยครอบครัวของเธออยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายดังนั้นเธอจึงเก็บเงินทั้งหมดไว้ให้กับน้องชายของเธอ ครั้งนี้เมื่อเธอไปชนบทพ่อแม่ของเธอให้เงินเธอเพียงสิบห้าหยวนเท่านั้น นี่เป็นเพียงสิ่งที่เธอเก็บไว้ชั่วคราว หากคะแนนงานของเธอถูกแลกเป็นอาหารหรือเงินในตอนสิ้นปี แม่ของเธอจะขอให้ส่งมันกลับบ้าน

"คุณสามารถถามได้พรุ่งนี้" ตอนนี้หลินมู่อิงกลายเป็นคนร่ำรวย แต่เธอไม่คิดจะจ่ายเงินเพื่อให้คนอื่นได้รับผลประโยชน์จากเธอ

"ตกลง" เซี่ยฮุ่ยเหมยคิดเธอไม่รู้ว่าครั้งนี้เธอจะอยู่ที่ชนบทได้นานเพียงใด ถ้าเธอใช้ตู้ที่พังนั้น มันจะไม่ปลอดภัยที่จะเก็บของไว้ในนั้นได้ ถ้าราคาเหมาะสมเธอก็อยากจะจ้างช่างทำตู้ของเธอด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อจางเฟยเซียนได้ยินบทสนทนาของพวกเขา เธออดไม่ได้ที่จะมองพวกเขาอย่างดูถูกมากขึ้นในใจ

“ก็แค่การทำตู้ต้องใช้ความคิดมากจริงๆ...”

ตอนนี้คังดินถูกปกคลุมด้วยฟาง และดูเหมือนว่าเยาวชนที่มีการศึกษาคนอื่นๆ จะช่วยกันปูมัน หลินมู่อิงปูที่นอนที่นำมาไว้บนฟาง จากนั้นหยิบหมอนกับผ้าห่มออกมา พวกนี้ซื้อมาก่อนที่เธอจะออกเดินทางทั้งหมดจึงเป็นของใหม่

เซี่ยฮุ่ยเหม่ยยังนำที่นอนและผ้าห่มมาด้วย แต่เห็นได้ชัดว่ามันเก่าแล้ว อย่างไรก็ตามเธอได้แยกพวกมันออกจากกันแล้วซักก่อนที่จะมา หลังจากที่ทั้งสองจัดเตียงแล้ว พวกเขาก็เพียงแค่เก็บข้าวของและเตรียมตัวเข้านอนเพื่อพักผ่อน

ส่วนจางเฟยเซียนกลับนำเพียงผ้าห่มที่บางมากมา เธอไม่รู้ว่าที่นี่ไม่มีแม้แต่ที่นอนหรือหมอนเลย ตอนนั้นแม่ของเธอขอให้เธอนำมาด้วย แต่เธอกลับคิดว่ามันหนักเกินไปจึงปฏิเสธ แต่ตอนนี้ก็มืดแล้ว และเห็นได้ชัดว่าไม่มีที่ไหนจะซื้อได้ ดังนั้นเมื่อมองไปที่ผ้าห่มบางๆ ที่มีผ้าลายดอกไม้ เธอก็กัดฟันแล้วปูลงบนฟาง

ฉันคิดว่าฉันควรจะไปที่สหกรณ์จำหน่ายและการตลาดในเขตโดยเร็วที่สุดเพื่อซื้อที่นอน หรือไม่ก็ซื้อจากชาวบ้านคนอื่นก็ได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 12 คนในครอบครัวไม่ถือว่าเป็นภาระ

    จางเฟยเซียนไม่มีหมอน เธอจึงเอาเสื้อผ้าไว้ใต้ศีรษะ ตอนนี้เป็นปลายเดือนเมษายนแล้ว กลางคืนในหมู่บ้านใกล้ภูเขายังคงหนาวอยู่เล็กน้อยจางเฟยเซียนรู้สึกเย็นและเสียใจเล็กน้อยในใจ ที่นี่มันเป็นสถานที่ที่โคตรเลาร้ายเลย เธอหวังว่าครอบครัวของเธอจะขอให้ใครสักคนพาเธอกลับโดยเร็วที่สุดที่ภูเขาด้านหลังของหมู่บ้านหลี่เจีย มีชายร่างสูงใบหน้าสว่างไสวราวกับพระจันทร์เขาสวมเสื้อผ้าหยาบๆ กำลังวางกับดักอยู่ ดวงตาของเขาเป็นประกายและมีสายตาที่ดีในการใช้แสงจันทร์ในการมองหาเหยื่อคืนนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ท้องฟ้าเริ่มสว่าง โจวอี้หมิง ก็ลงมาจากภูเขาพร้อมกับสะพายตะกร้าไม้ไผ่เอาไว้บนหลังในตะกร้าไม้ไผ่ที่เขาสะพายอยู่นั้นข้างใน มีไก่ฟ้าหนึ่งตัวและกระต่ายสองตัวนอนอยู่ในตะกร้า หลังจากกลับถึงบ้านโจวอี้หมิง ก็ต้มน้ำ ทำความสะอาดไก่ฟ้าและกระต่าย อาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้า แม้ว่าเขาจะไม่ได้นอนเลยทั้งคืน แต่การอาบน้ำเย็นในสภาพอากาศแบบนี้ก็ยังทำให้เขารู้สึกมีพลังมากเมื่อโจวอี้หมิงทำสิ่งเหล่านี้เสร็จแล้วก็ได้ยินเสียงไก่ขันจากบ้านข้างเคียง น่าจะประมาณตีสี่หรือตีห้าโจวอี้หมิงนอนอยู่บนเตียงสักพักหนึ่ง แล้วเขาก็ได้ยินเสีย

    Last Updated : 2025-05-02
  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 13 การแสดงออกของโจวอี้หมิง

    โจวอี้หมิงหันกลับมาและสบตากับหลินมู่อิงที่ส่งรอยยิ้มสดใสและชัดเจนซึ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเมื่อหลินมู่อิงเห็นโจวอี้หมิงหันกลับมา เธอก็โบกมือให้เขาและยิ้มกว้างมากขึ้น และการกระทำเช่นนี้ของเธอมันทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้ชายคนอื่นๆ ดวงตาของโจวอี้หมิงอดไม่ได้ที่จะมืดมนลง เขาหันกลับไปอย่างสงบโดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆมือที่โบกของหลินมู่อิงหยุดชะงักไปชั่วขณะ แต่เธอก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรมากนัก ดังนั้นปฏิกิริยาของเขาจึงเป็นเรื่องปกติ หลินมู่อิงปลอบใจตัวเองด้วยวิธีนี้“นี่สาวน้อยผู้มีการศึกษาที่มาใหม่เหรอ น่ารักจังเลย” ชายวัยยี่สิบกว่าที่ยังโสดอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าดวงตาของเขาเป็นประกายและพูดด้วยความตื่นตะลึงหลังจากเห็นรูปลักษณ์ของหลินมู่อิง“จะดูดีไปทำไม ในเมื่อดูเผินๆ ก็รู้ว่าตัวเองเป็นคนแบกอะไรไม่ได้ สะสมแต้มงานได้เท่าไหร่” ป้าคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินดังนั้นก็มองดูหลินมู่อิงด้วยความดูถูกและพึมพำ“หน้าตาดีจะไร้ประโยชน์ได้อย่างไร ถ้าฉันมีภรรยาแบบนี้ ฉันคงยอมให้เธออยู่บ้านคอยรับใช้ฉันทุกวันดีกว่า ฉันยังปล่อยให้เธอไปทำงานที่ไร่นาไม่ได้ แล้วฉันยังจะห่วงคะแนนทำงานไปทำ

    Last Updated : 2025-05-02
  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 14 ้หมือนจะไม่ใช่ลูกหมา

    แม้ว่าหลินมู่อิงจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เธอไม่ได้รับมอบหมายให้ทำงานที่เดียวกับโจวอี้หมิงแต่เธอยังคงจำได้ว่าภูเขาหลังหมู่บ้านนั้นอุดมไปด้วยทรัพยากรมากมายเมื่อพิจารณาว่าฤดูใบไม้ผลิเพิ่งผ่านมาไม่นาน และชาวบ้านจำนวนไม่มากได้ไปที่ภูเขาตลอดฤดูหนาว ไม่น่าจะมีใครไปเก็บสมุนไพรที่ทนความหนาวเย็นบนภูเขาได้หลินมู่อิง มองไปที่เซี่ยฮุ่ยเหม่ยที่กำลังนั่งตัดหญ้าให้หมูอยู่ไกลๆ และคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงชั่วโมงหรือสองชั่วโมงที่ผ่านมา จากนั้นเธอก็บอกกับเซี่ยฮุ่ยเหม่ยเล็กน้อย และเดินออกมาเงียบๆและเดินตรงเข้าไปในภูเขาเธอไม่กลัวหากว่าเกิดอันตารายขึ้น ไม่ว่าเธอจะเผชิญกับอันตรายใดๆ ก็ตาม ตราบใดที่เธอซ่อนตัวอยู่ในมิตินั้นโดยตรง เธอจะปลอดภัยอย่างแน่นอน หลังจากเดินไปเกือบยี่สิบนาที หลินมู่อิงก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นคล้ายกับว่าเป็นเสียงสัตว์เล็กๆ ตัวหนึ่งดูเจ็บปวดทรมานมาก เสียงร้องของมันฟังดูน่าสงสารมากหลินมู่อิงก็อยากรู้เช่นกันว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ ดังนั้นเธอจึงเดินไปตามทิศทางที่ได้ยินเสียง จนกระทั่งเธอมาถึงที่แห่งหนึ่งซึ่งมีหญ้าขึ้นหนาแน่นอยู่ หลินมู่อิงมองเห็นบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหว และเสียงครา

    Last Updated : 2025-05-02
  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 15 หมูป่าตายเอง??

    ไม่มีเสื้อผ้าเก่าๆ และผ้าห่มอยู่ในพื้นที่มิติเลยหลินมู่อิงทำได้เพียงแต่ปูที่นอนบนพื้นอย่างไม่เต็มใจเพื่อให้ลูกสุนัขได้พักผ่อน จากนั้นเธอก็เติมน้ำลงในชามและทิ้งซาลาเปาเนื้อสองชิ้นไว้ให้ลูกสุนัขเวลาในพื้นที่มิตินี้เป็นเร็วกว่าเวลาข้างนอกมาก แม้ว่าหลินมู่อิงจะเข้าไปในมิติ แต่เวลาข้างนอกก็จะหยุดนิ่งนี่เป็นสิ่งที่หลินมู่อิงค้นพบว่าเวลาที่เธอเข้าไปในมิติเวลาเธอสามารถหยุดเวลาข้างนอกได้ หลินมู่อิงเตรียมอาหารเอาไว้เพราะเธอเกรงว่าลูกสุนัขจะหิวหรือกระหายน้ำ“แกต้องนอนลงและพักผ่อนให้ดี และอย่าทำลายสิ่งที่ฉันปลูกเอาไว้” หลินมู่อิงพูดกับเสี่ยวโกวจื่อเป็นชื่อที่เธอตั้งให้กับลูกสุนัข พร้อมกับชี้ไปที่พืชผลที่เธอปลูกไว้บริเวณใกล้เคียงลูกสุนัขร้องครวญครางสองครั้ง ดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่หลินมู่อิงพูด และพยักหน้าเหมือนกับว่ามันรู้แล้วและจะไม่ทำลายพืชที่เธอปลูกเอาไว้ แต่เสียงครวญครางของมัน ดูเหมือนว่ามันไม่ใช่เสียงของสุนัขหลินมู่อิงไม่ได้คิดมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตราบใดที่สุนัขตัวเล็กไม่สร้างปัญหาในพื้นที่ของเธอมันก็คงไม่มีปัญหา ยังมีหมูป่าอยู่ข้างนอก... หลินมู่อิงถือพลั่วอยู่ในมือ คิดว่าอาจจะเกิดก

    Last Updated : 2025-05-02
  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 16 โจวอี้หมิงเป็นคนฆ่าหมูป่า

    หมูป่าที่ โจวอี้หมิงฆ่านั้นเดิมทีมันเกือบจะตายแล้ว แต่เมื่อมันมองเห็นโจวอี้หมิงวิ่งเข้ามาหามัน ความปรารถนาอันแรงกล้าของหมูป่าที่จะมีชีวิตรอดทำให้มันฟื้นคืนพลังชีวิตขึ้นมาได้ทันที พยายามดิ้นรนที่จะยืนขึ้นโจวอี้หมิงพกเคียวติดตัวไปด้วยเขาหยิบเคียวออกมาแล้วยกขึ้นสูง ตอนที่เขากวัดแกว่งเคียวในมือก็มีเสียงหวีดหวิวของลมขณะที่เขาเกือบจะสับเคียวลงบนหมูป่าเขาก็พูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาว่า "อย่ามอง"หลินมู่อิงสวยเกินไป เด็กสาวที่บริสุทธิ์เช่นนี้ไม่เหมาะที่จะเห็นภาพเลือดสาดเช่นนี้เขาได้ยินเสียงเพียงเบาๆ “อืม” ดังมาจากไม่ไกล โจวอี้หมิง โบกเคียวอีกครั้ง ขนหมูป่ามีความหนามาก และเนื่องจากมันเดินทางไปบนภูเขาตลอดทั้งปี ขนจึงปนเปื้อนโคลนจำนวนมาก และแข็งขึ้น ชาวนาธรรมดาไม่อาจฝ่าแนวป้องกันหมูป่าได้จริงๆแต่เมื่อเคียวของของโจวอี้หมิงตกลงมา เลือดก็ไหลออกมาจากคอหมูป่าทันที ร่างหมูป่าสั่นอย่างรุนแรงอยู่สองสามครั้งก่อนจะสงบลงช้าๆโจวอี้หมิง หยิบหญ้าแห้งจำนวนหนึ่งมาไว้ใกล้ ๆ แล้วเช็ดเคียวของเขาที่ยังมีเลือดหยดอยู่ จากนั้นเขาก็ใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดที่กระเซ็นบนใบหน้าของเขาฉากนี้น่าจะทำให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ตกใจกล

    Last Updated : 2025-05-02
  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 17 ยินดีต้อนรับ

    ขณะที่หลี่จินเป่ากำลังมองไปที่หลินมู่อิงด้วยสายตาน่ารังเกียจในสายตาของเขามันเต็มไปด้วยกิเลสและตัณหา โจวอี้หมิงก็มองไปที่หลี่จินเป่าด้วยเช่นกันสายตาคมกริบจ้องมองไปที่หลี่จินเป่าหากเปลี่ยนสายตาเป็นมีดร่างกายของหลี่จินเป่าคงมีแต่รอยแผลที่ถูกทิ่มแทงด้วยมีดเมื่อหลี่จินเป่าเห็นสายตาของโจวอี้หมิงที่ส่งมาให้เขาและคราบเลือดที่มือและใบหน้าของโจวอี้หมิงที่ยังไม่ได้ล้างทำความสะอาด หลี่จินเป่าเมื่อเห็นโจวอี้หมิงที่เป็นแบบนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ร่างกายของเขารู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาทันทีหลี่จินเป่ารู้สึกตื่นตระหนกเขาคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่โจวอี้หมิงที่มีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่ดี ครอบครัวของพวกเขาจัดอยู่ในจำพวก "หมวดหมู่ห้าดำ" เขาจกล้าที่จะตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นด้วย?ถ้าเกิดว่าเขาได้คบกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ โจวอี้หมิงคงไม่คิดที่จะทำร้ายฉันใช่มั้ย? หลี่จินเป่าไม่เคยคิดว่าหลินมู่อิงจะดูถูกเขาและตกหลุมรักโจวอี้หมิงท้ายที่สุดแล้ว ภูมิหลังครอบครัวของโจวอี้หมิงไม่ดีนัก และถูกคนอื่นดูถูก แต่เขาเป็นลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้าน หากเยาวชนที่ได้รับการศึกษาที่มาใหม่ต้องการที่จะอยู่ในหมู่บ้านหลี่เจีย ได้อย่างสงบสุ

    Last Updated : 2025-05-03
  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 18 แผนการของหลิวอิ๋ง

    หลิวอิ๋งรู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เธอจากด้านหลัง แต่เมื่อเธอหันกลับไปและมองเห็นเพียงใบหน้าอันงดงามของหลินมู่อิง หลิวอิ๋งอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วในความเห็นของหลิวอิ๋งหลินมู่อิงไม่น่าจะสวยขนาดนี้ ใบหน้าที่สวยสะดุดตา ผิวขาวเรียบเนียนเธอไม่เข้าใจว่า เหตุใดหลินมู่อิงที่มาถึงชนบท ถึงสวยงดงามได้ในเวลานี้ตามความทรงจำของเธอในชาติที่แล้วหลินมู่อิงควรจะต้องผิวหมองคล้ำ ร่างกายผอมบางและดูไร้เรี่ยวแรงไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนเช่นในตอนนี้ แต่หลู่เหวินชิงยังคงดูเหมือนเดิมเหมือนในความทรงจำของเขาในชีวิตก่อนหน้านี้ ไม่มีผิดหลิวอิ๋งเองก็ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งโดยไม่เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กลับมาเกิดใหม่ได้ ในชีวิตก่อนของเธอ เธอได้ตกหลุมรัก หลู่เหวินชิงทันทีที่เธอมาถึงหมู่บ้านหลี่เจีย ลูกชายผู้อำนวยการโรงงานคนนี้มีนิสัยดีและมีมารยาทดี ในเวลานั้น เด็กสาวที่ชื่อหลินมู่อิงเองก็ชอบหลู่เหวินชิงด้วยเช่นเดียวกับเธอหลิวอิ๋งใช้กลอุบายสกปรกมากมายลับหลังหลินมู่อิงเพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอนี่เป็นสาเหตให้หลินมู่อิงกลายเป็นที่เหยียดหยามของผู้อื่น และหลังจากนั้นเธอจึงสามารถล่อลวง หลู่เหวินชิงได้สำเร็จหลิว

    Last Updated : 2025-05-04
  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 19 เป็นคุณเองที่ขอให้ฉันตี

    เมื่อพวกเขาอยู่บนรถไฟหลู่เหวินชิงคิดว่าหลิวอิ๋งเป็นคนดีทีเดียว เมื่อตัดสินใจว่าเขาจะต้องไปชนบทหลู่เหวินชิงกลับไม่พอใจมากพ่อของเขาเห็นได้ชัดว่ามีความสามารถที่จะป้องกันไม่ให้เขาต้องทนทุกข์ แต่พ่อของเขาบอกว่าผู้ชายควรฝึกฝนตัวเอง เขากล่าวว่าภายในสองปีอย่างมากที่สุด เขาจะหาวิธีเข้าเรียนเป็นนักศึกษากรรมกร-ชาวนา-ทหาร และเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยกรรมกร-ชาวนา-ทหาร ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ ทำไมหลู่เหวินชิงจึงยอมมาอยู่ในสถานที่ห่างไกลแห่งนี้เพื่อเป็นเยาวชนที่มีการศึกษา? ในระหว่างทางมาที่นี่ เนื่องจากหลู่เหวินชิง และหลิวอิ๋งต่างก็มาจากเซี่ยงไฮ้ทั้งคู่ เขาจึงรู้สึกว่า หลิวอิ๋ง ที่ตัวเล็กและน่ารักที่พูดจาด้วยน้ำเสียงไพเราะนั้นถูกใจเขาเป็นอย่างยิ่ง ชีวิตในชนบทนั้นน่าเบื่อ ดังนั้นหากเขาสามารถมีความสัมพันธ์กับเธอและเล่นกับเธอได้เป็นเวลาสองปี เขาก็สามารถจากไปเมื่อถึงเวลาอันสมควร แต่ตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาได้พบกับหลินมู่อิง หลู่เหวินชิง ก็ไม่ชอบหลิวอิ๋ง อีกต่อไป ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน หลินมู่อิงก็ดีกว่าหลิวอิ๋งมาก หลิวอิ๋งและหานเฟยเซียนจะทำให้ข้าวต้มเละเป็นโจ๊

    Last Updated : 2025-05-05

Latest chapter

  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 19 เป็นคุณเองที่ขอให้ฉันตี

    เมื่อพวกเขาอยู่บนรถไฟหลู่เหวินชิงคิดว่าหลิวอิ๋งเป็นคนดีทีเดียว เมื่อตัดสินใจว่าเขาจะต้องไปชนบทหลู่เหวินชิงกลับไม่พอใจมากพ่อของเขาเห็นได้ชัดว่ามีความสามารถที่จะป้องกันไม่ให้เขาต้องทนทุกข์ แต่พ่อของเขาบอกว่าผู้ชายควรฝึกฝนตัวเอง เขากล่าวว่าภายในสองปีอย่างมากที่สุด เขาจะหาวิธีเข้าเรียนเป็นนักศึกษากรรมกร-ชาวนา-ทหาร และเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยกรรมกร-ชาวนา-ทหาร ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ ทำไมหลู่เหวินชิงจึงยอมมาอยู่ในสถานที่ห่างไกลแห่งนี้เพื่อเป็นเยาวชนที่มีการศึกษา? ในระหว่างทางมาที่นี่ เนื่องจากหลู่เหวินชิง และหลิวอิ๋งต่างก็มาจากเซี่ยงไฮ้ทั้งคู่ เขาจึงรู้สึกว่า หลิวอิ๋ง ที่ตัวเล็กและน่ารักที่พูดจาด้วยน้ำเสียงไพเราะนั้นถูกใจเขาเป็นอย่างยิ่ง ชีวิตในชนบทนั้นน่าเบื่อ ดังนั้นหากเขาสามารถมีความสัมพันธ์กับเธอและเล่นกับเธอได้เป็นเวลาสองปี เขาก็สามารถจากไปเมื่อถึงเวลาอันสมควร แต่ตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาได้พบกับหลินมู่อิง หลู่เหวินชิง ก็ไม่ชอบหลิวอิ๋ง อีกต่อไป ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน หลินมู่อิงก็ดีกว่าหลิวอิ๋งมาก หลิวอิ๋งและหานเฟยเซียนจะทำให้ข้าวต้มเละเป็นโจ๊

  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 18 แผนการของหลิวอิ๋ง

    หลิวอิ๋งรู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เธอจากด้านหลัง แต่เมื่อเธอหันกลับไปและมองเห็นเพียงใบหน้าอันงดงามของหลินมู่อิง หลิวอิ๋งอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วในความเห็นของหลิวอิ๋งหลินมู่อิงไม่น่าจะสวยขนาดนี้ ใบหน้าที่สวยสะดุดตา ผิวขาวเรียบเนียนเธอไม่เข้าใจว่า เหตุใดหลินมู่อิงที่มาถึงชนบท ถึงสวยงดงามได้ในเวลานี้ตามความทรงจำของเธอในชาติที่แล้วหลินมู่อิงควรจะต้องผิวหมองคล้ำ ร่างกายผอมบางและดูไร้เรี่ยวแรงไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนเช่นในตอนนี้ แต่หลู่เหวินชิงยังคงดูเหมือนเดิมเหมือนในความทรงจำของเขาในชีวิตก่อนหน้านี้ ไม่มีผิดหลิวอิ๋งเองก็ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งโดยไม่เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กลับมาเกิดใหม่ได้ ในชีวิตก่อนของเธอ เธอได้ตกหลุมรัก หลู่เหวินชิงทันทีที่เธอมาถึงหมู่บ้านหลี่เจีย ลูกชายผู้อำนวยการโรงงานคนนี้มีนิสัยดีและมีมารยาทดี ในเวลานั้น เด็กสาวที่ชื่อหลินมู่อิงเองก็ชอบหลู่เหวินชิงด้วยเช่นเดียวกับเธอหลิวอิ๋งใช้กลอุบายสกปรกมากมายลับหลังหลินมู่อิงเพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอนี่เป็นสาเหตให้หลินมู่อิงกลายเป็นที่เหยียดหยามของผู้อื่น และหลังจากนั้นเธอจึงสามารถล่อลวง หลู่เหวินชิงได้สำเร็จหลิว

  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 17 ยินดีต้อนรับ

    ขณะที่หลี่จินเป่ากำลังมองไปที่หลินมู่อิงด้วยสายตาน่ารังเกียจในสายตาของเขามันเต็มไปด้วยกิเลสและตัณหา โจวอี้หมิงก็มองไปที่หลี่จินเป่าด้วยเช่นกันสายตาคมกริบจ้องมองไปที่หลี่จินเป่าหากเปลี่ยนสายตาเป็นมีดร่างกายของหลี่จินเป่าคงมีแต่รอยแผลที่ถูกทิ่มแทงด้วยมีดเมื่อหลี่จินเป่าเห็นสายตาของโจวอี้หมิงที่ส่งมาให้เขาและคราบเลือดที่มือและใบหน้าของโจวอี้หมิงที่ยังไม่ได้ล้างทำความสะอาด หลี่จินเป่าเมื่อเห็นโจวอี้หมิงที่เป็นแบบนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ร่างกายของเขารู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาทันทีหลี่จินเป่ารู้สึกตื่นตระหนกเขาคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่โจวอี้หมิงที่มีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่ดี ครอบครัวของพวกเขาจัดอยู่ในจำพวก "หมวดหมู่ห้าดำ" เขาจกล้าที่จะตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นด้วย?ถ้าเกิดว่าเขาได้คบกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ โจวอี้หมิงคงไม่คิดที่จะทำร้ายฉันใช่มั้ย? หลี่จินเป่าไม่เคยคิดว่าหลินมู่อิงจะดูถูกเขาและตกหลุมรักโจวอี้หมิงท้ายที่สุดแล้ว ภูมิหลังครอบครัวของโจวอี้หมิงไม่ดีนัก และถูกคนอื่นดูถูก แต่เขาเป็นลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้าน หากเยาวชนที่ได้รับการศึกษาที่มาใหม่ต้องการที่จะอยู่ในหมู่บ้านหลี่เจีย ได้อย่างสงบสุ

  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 16 โจวอี้หมิงเป็นคนฆ่าหมูป่า

    หมูป่าที่ โจวอี้หมิงฆ่านั้นเดิมทีมันเกือบจะตายแล้ว แต่เมื่อมันมองเห็นโจวอี้หมิงวิ่งเข้ามาหามัน ความปรารถนาอันแรงกล้าของหมูป่าที่จะมีชีวิตรอดทำให้มันฟื้นคืนพลังชีวิตขึ้นมาได้ทันที พยายามดิ้นรนที่จะยืนขึ้นโจวอี้หมิงพกเคียวติดตัวไปด้วยเขาหยิบเคียวออกมาแล้วยกขึ้นสูง ตอนที่เขากวัดแกว่งเคียวในมือก็มีเสียงหวีดหวิวของลมขณะที่เขาเกือบจะสับเคียวลงบนหมูป่าเขาก็พูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาว่า "อย่ามอง"หลินมู่อิงสวยเกินไป เด็กสาวที่บริสุทธิ์เช่นนี้ไม่เหมาะที่จะเห็นภาพเลือดสาดเช่นนี้เขาได้ยินเสียงเพียงเบาๆ “อืม” ดังมาจากไม่ไกล โจวอี้หมิง โบกเคียวอีกครั้ง ขนหมูป่ามีความหนามาก และเนื่องจากมันเดินทางไปบนภูเขาตลอดทั้งปี ขนจึงปนเปื้อนโคลนจำนวนมาก และแข็งขึ้น ชาวนาธรรมดาไม่อาจฝ่าแนวป้องกันหมูป่าได้จริงๆแต่เมื่อเคียวของของโจวอี้หมิงตกลงมา เลือดก็ไหลออกมาจากคอหมูป่าทันที ร่างหมูป่าสั่นอย่างรุนแรงอยู่สองสามครั้งก่อนจะสงบลงช้าๆโจวอี้หมิง หยิบหญ้าแห้งจำนวนหนึ่งมาไว้ใกล้ ๆ แล้วเช็ดเคียวของเขาที่ยังมีเลือดหยดอยู่ จากนั้นเขาก็ใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดที่กระเซ็นบนใบหน้าของเขาฉากนี้น่าจะทำให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ตกใจกล

  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 15 หมูป่าตายเอง??

    ไม่มีเสื้อผ้าเก่าๆ และผ้าห่มอยู่ในพื้นที่มิติเลยหลินมู่อิงทำได้เพียงแต่ปูที่นอนบนพื้นอย่างไม่เต็มใจเพื่อให้ลูกสุนัขได้พักผ่อน จากนั้นเธอก็เติมน้ำลงในชามและทิ้งซาลาเปาเนื้อสองชิ้นไว้ให้ลูกสุนัขเวลาในพื้นที่มิตินี้เป็นเร็วกว่าเวลาข้างนอกมาก แม้ว่าหลินมู่อิงจะเข้าไปในมิติ แต่เวลาข้างนอกก็จะหยุดนิ่งนี่เป็นสิ่งที่หลินมู่อิงค้นพบว่าเวลาที่เธอเข้าไปในมิติเวลาเธอสามารถหยุดเวลาข้างนอกได้ หลินมู่อิงเตรียมอาหารเอาไว้เพราะเธอเกรงว่าลูกสุนัขจะหิวหรือกระหายน้ำ“แกต้องนอนลงและพักผ่อนให้ดี และอย่าทำลายสิ่งที่ฉันปลูกเอาไว้” หลินมู่อิงพูดกับเสี่ยวโกวจื่อเป็นชื่อที่เธอตั้งให้กับลูกสุนัข พร้อมกับชี้ไปที่พืชผลที่เธอปลูกไว้บริเวณใกล้เคียงลูกสุนัขร้องครวญครางสองครั้ง ดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่หลินมู่อิงพูด และพยักหน้าเหมือนกับว่ามันรู้แล้วและจะไม่ทำลายพืชที่เธอปลูกเอาไว้ แต่เสียงครวญครางของมัน ดูเหมือนว่ามันไม่ใช่เสียงของสุนัขหลินมู่อิงไม่ได้คิดมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตราบใดที่สุนัขตัวเล็กไม่สร้างปัญหาในพื้นที่ของเธอมันก็คงไม่มีปัญหา ยังมีหมูป่าอยู่ข้างนอก... หลินมู่อิงถือพลั่วอยู่ในมือ คิดว่าอาจจะเกิดก

  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 14 ้หมือนจะไม่ใช่ลูกหมา

    แม้ว่าหลินมู่อิงจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เธอไม่ได้รับมอบหมายให้ทำงานที่เดียวกับโจวอี้หมิงแต่เธอยังคงจำได้ว่าภูเขาหลังหมู่บ้านนั้นอุดมไปด้วยทรัพยากรมากมายเมื่อพิจารณาว่าฤดูใบไม้ผลิเพิ่งผ่านมาไม่นาน และชาวบ้านจำนวนไม่มากได้ไปที่ภูเขาตลอดฤดูหนาว ไม่น่าจะมีใครไปเก็บสมุนไพรที่ทนความหนาวเย็นบนภูเขาได้หลินมู่อิง มองไปที่เซี่ยฮุ่ยเหม่ยที่กำลังนั่งตัดหญ้าให้หมูอยู่ไกลๆ และคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงชั่วโมงหรือสองชั่วโมงที่ผ่านมา จากนั้นเธอก็บอกกับเซี่ยฮุ่ยเหม่ยเล็กน้อย และเดินออกมาเงียบๆและเดินตรงเข้าไปในภูเขาเธอไม่กลัวหากว่าเกิดอันตารายขึ้น ไม่ว่าเธอจะเผชิญกับอันตรายใดๆ ก็ตาม ตราบใดที่เธอซ่อนตัวอยู่ในมิตินั้นโดยตรง เธอจะปลอดภัยอย่างแน่นอน หลังจากเดินไปเกือบยี่สิบนาที หลินมู่อิงก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นคล้ายกับว่าเป็นเสียงสัตว์เล็กๆ ตัวหนึ่งดูเจ็บปวดทรมานมาก เสียงร้องของมันฟังดูน่าสงสารมากหลินมู่อิงก็อยากรู้เช่นกันว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ ดังนั้นเธอจึงเดินไปตามทิศทางที่ได้ยินเสียง จนกระทั่งเธอมาถึงที่แห่งหนึ่งซึ่งมีหญ้าขึ้นหนาแน่นอยู่ หลินมู่อิงมองเห็นบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหว และเสียงครา

  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 13 การแสดงออกของโจวอี้หมิง

    โจวอี้หมิงหันกลับมาและสบตากับหลินมู่อิงที่ส่งรอยยิ้มสดใสและชัดเจนซึ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเมื่อหลินมู่อิงเห็นโจวอี้หมิงหันกลับมา เธอก็โบกมือให้เขาและยิ้มกว้างมากขึ้น และการกระทำเช่นนี้ของเธอมันทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้ชายคนอื่นๆ ดวงตาของโจวอี้หมิงอดไม่ได้ที่จะมืดมนลง เขาหันกลับไปอย่างสงบโดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆมือที่โบกของหลินมู่อิงหยุดชะงักไปชั่วขณะ แต่เธอก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรมากนัก ดังนั้นปฏิกิริยาของเขาจึงเป็นเรื่องปกติ หลินมู่อิงปลอบใจตัวเองด้วยวิธีนี้“นี่สาวน้อยผู้มีการศึกษาที่มาใหม่เหรอ น่ารักจังเลย” ชายวัยยี่สิบกว่าที่ยังโสดอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าดวงตาของเขาเป็นประกายและพูดด้วยความตื่นตะลึงหลังจากเห็นรูปลักษณ์ของหลินมู่อิง“จะดูดีไปทำไม ในเมื่อดูเผินๆ ก็รู้ว่าตัวเองเป็นคนแบกอะไรไม่ได้ สะสมแต้มงานได้เท่าไหร่” ป้าคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินดังนั้นก็มองดูหลินมู่อิงด้วยความดูถูกและพึมพำ“หน้าตาดีจะไร้ประโยชน์ได้อย่างไร ถ้าฉันมีภรรยาแบบนี้ ฉันคงยอมให้เธออยู่บ้านคอยรับใช้ฉันทุกวันดีกว่า ฉันยังปล่อยให้เธอไปทำงานที่ไร่นาไม่ได้ แล้วฉันยังจะห่วงคะแนนทำงานไปทำ

  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 12 คนในครอบครัวไม่ถือว่าเป็นภาระ

    จางเฟยเซียนไม่มีหมอน เธอจึงเอาเสื้อผ้าไว้ใต้ศีรษะ ตอนนี้เป็นปลายเดือนเมษายนแล้ว กลางคืนในหมู่บ้านใกล้ภูเขายังคงหนาวอยู่เล็กน้อยจางเฟยเซียนรู้สึกเย็นและเสียใจเล็กน้อยในใจ ที่นี่มันเป็นสถานที่ที่โคตรเลาร้ายเลย เธอหวังว่าครอบครัวของเธอจะขอให้ใครสักคนพาเธอกลับโดยเร็วที่สุดที่ภูเขาด้านหลังของหมู่บ้านหลี่เจีย มีชายร่างสูงใบหน้าสว่างไสวราวกับพระจันทร์เขาสวมเสื้อผ้าหยาบๆ กำลังวางกับดักอยู่ ดวงตาของเขาเป็นประกายและมีสายตาที่ดีในการใช้แสงจันทร์ในการมองหาเหยื่อคืนนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ท้องฟ้าเริ่มสว่าง โจวอี้หมิง ก็ลงมาจากภูเขาพร้อมกับสะพายตะกร้าไม้ไผ่เอาไว้บนหลังในตะกร้าไม้ไผ่ที่เขาสะพายอยู่นั้นข้างใน มีไก่ฟ้าหนึ่งตัวและกระต่ายสองตัวนอนอยู่ในตะกร้า หลังจากกลับถึงบ้านโจวอี้หมิง ก็ต้มน้ำ ทำความสะอาดไก่ฟ้าและกระต่าย อาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้า แม้ว่าเขาจะไม่ได้นอนเลยทั้งคืน แต่การอาบน้ำเย็นในสภาพอากาศแบบนี้ก็ยังทำให้เขารู้สึกมีพลังมากเมื่อโจวอี้หมิงทำสิ่งเหล่านี้เสร็จแล้วก็ได้ยินเสียงไก่ขันจากบ้านข้างเคียง น่าจะประมาณตีสี่หรือตีห้าโจวอี้หมิงนอนอยู่บนเตียงสักพักหนึ่ง แล้วเขาก็ได้ยินเสีย

  • ป่วนรักยัยตัวร้ายกับนายใสซื่อ   บทที่ 11 ตระกูลโจว

    "ฉันชื่อซุน ซื่อหยวน เธอควรกินมันไป ไม่เช่นนั้นเธอจะนอนไม่หลับเพราะความหิว แล้วเธอจะเอาแรงที่ไหนไปทำงานในทุ่งนา เธอควรคิดให้ดีก่อนที่จะปฏิเสธนะ พวกเราเป็นเยาวชนที่มีการศึกษาจากหมู่บ้านเดียวกัน ดังนั้นเราควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”ซุนซื่อหยวนพูเออกมาด้วยใบหน้าแดงเล็กน้อย และเขารู้สึกเขินอายจริงๆ เขาค่อยๆเปิดห่อกระดาษชุบน้ำมัน เผยให้เห็นเศษบิสกิตที่แตกอยู่ออกจากกัน เขาเก็บขนมเหล่านี้ไว้เกือบเดือนเพราะเขาทำใจกินมันไม่ลง บิสกิตห่อนี้ครอบครัวของเขาให้มากินระหว่างเดินทางเมื่อเห็นเช่นนี้ เซี่ยฮุ่ยเหม่ยและอีกสามคนก็รีบกินแป้งข้าวโพดไปสองสามคำ ยัดขนมปังเข้าปาก และจากไปอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นการกระทำของคนอื่นๆ ซุนซื่อหยวนก็ยิ่งรู้สึกอายมากขึ้น ใบหน้าที่ผอมบางเดิมตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงระเรื่อไปทั้งหน้าอย่างไรก็ตาม เหตุผลที่จางเฟยเซียน ปฏิเสธที่จะรับสิ่งของจากซุนซื่อหยวน ไม่ใช่เพราะเธอขี้อายหรือเขินอาย แต่มันเป็นเพราะถุงกระดาษเคลือบน้ำมัน ดูสกปรกเล็กน้อย และบิสกิตก็แตกเป็นชิ้น ๆ หลังจากเปิดออก เนื่องจากมือของซุนซื่อหยวนที่ถือบิสกิตอยู่ค่อนข้างใกล้กับจางเฟยเซียน บิสกิตจึงมีกลิ่นหืนของเนยเพราะบิส

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status