หลินมู่อิงเธอเตรียมตัวไปที่เนินด้านหลังเพื่อปล่อยให้เสือน้อยของเธอออกไปเดินเล่น คงจะดียิ่งขึ้นหากเจ้าตัวน้อยสามารถล่าเหยื่อด้วยตัวเองได้ระหว่างทาง หลินมู่อิงอาศัยความสว่างจากแสงจันทร์ เธอไม่กล้าเปิดไฟฉาย มันคงไม่ดีแน่หากมีคนมาเห็นเธอซึ่งเป็นหญิงสาวที่มีการศึกษาขึ้นไปบนภูเขาในตอนกลางดึก โชคดีที่หลินมู่อิงเป็นคนกล้าหาญและไม่กลัวอะไรเลยยิ่งไปกว่านั้นยังมีพื้นที่มิติหากว่าเกิดอันตรายขึ้นเธอสามารถเข้าไปหลบซ่อนได้ตลอดเวลาเมื่อพบกับเรื่องไม่คาดฝันหรืออันตรายที่เกิดขึ้นจากสัตว์ป่า กลางคืนช่วงปลายเดือนเมษายนยังหนาวนิดหน่อย ลมเย็นพัดผ่านทำให้รู้สึกสบายมากไม่นานหลังจากนั้นหลินมู่อิงก็มาถึงเชิงเขาด้านหลังเธอเดินขึ้นเขาไปอย่างช้าๆ ในป่ามีเสียงแมลงและนกร้องจิ๊บๆ เป็นระยะๆ ดังเข้ามาหูของเธอหลินมู่อิงใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงถึงเดินขึ้นภูเขาไปได้สำเร็จ เธอนำเจ้าตัวน้อยออกจากพื้นที่มิติทันที เจ้าเสือน้อยน้ำลายไหลเมื่อเห็นชิ้นหมูเดิมทีมันคิดว่าเนื้อหมูชิ้นนี้เป็นอาหารที่หลินมู่อิงให้กับมัน ขณะที่เจ้าตัวน้อยกำลังจะคว้าชิ้นเนื้อด้วยกรงเล
วันนี้หลี่เอ้อร์โกวมาที่บ้านของโจวอี้หมิง เพราะเขาอยากจะชวนโจวอี้หมิงไปที่ภูเขาหลังหมู่บ้านเพื่อล่าหมู่ป่า โรงงานผลิตแก้วในเขตเทศบาลต้องการซื้อเนื้อหมูป่าหรือเนื้อสัตว์ป่าเป็นการส่วนตัวแต่ หลังจากที่หลินมู่อิงกลับไปแล้ว หลี่เอ้อร์โกวก็เรียกโจวอี้หมิงถึงสองครั้ง แต่ทว่าโจวอี้หมิงกลับยืนนิ่งและตกอยู่ในอาการมึนงง เขาไม่ได้ยินในสิ่งที่หลี่เอ้อร์โกวพูดกับเขาเลยแม้แต่น้อยหลังจากหลี่เอ้อร์โกวเรียกเขาอยู่นานสองนาน ในที่สุดโจวอี้หมิงก็รู้สึกตัวหลังจากที่เขาได้ยินหลี่เอ้อร์โกวเรียกเขาอีกครั้งและหันมาพูดคุยกับหลี่เอ้อร์โกวโดยเขาบอกกับหลี่เอ้อร์โกวว่า เขาจะไปที่ภูเขาในเวลากลางคืนเพื่อลองเสี่ยงโชคหลี่ เอ้อร์โกวก็อยากไปกับเขาด้วย แต่โจวอี้หมิงบอกว่าในตอนกลางคืนนั้นในภูเขามืดมากและอันตรายมากเช่นเดียวกัน ดังนั้นเขาบอกให้หลี่เอ้อร์โกวรอจนกว่าเขาจะสามารถล่าหมู่ป่าได้ แล้วเขาค่อยเรียกหลี่เอ้อร์โกวมาช่วยหลี่เอ้อร์โกวรู้ว่าโจวอี้หมิงเก่งด้านศิลปะการต่อสู้และตัวเขาเองไม่ได้เก่งกาจในด้านนี้ หากเขาดื้อรั้นที่จะตามโจวอี้หมิงไปเขาจะกลายเป็นตัวถ่วงและเป็นภาระของโจวอี้หมิงได้ มันจะเป็นการดีที่เขาจะไม่ติดตามโ
ในเวลานี้ โจวอี้หมิงรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเขาเห็นหลินมู่อิงพูดคุยกับหลี่เอร์โกวด้วยรอยยิ้ม วันนี้เธอเมินเฉยต่อเขา แต่พอหลี่เอ้อร์โกวมาที่บ้านของเขา เธอกลับทักทายเขาอย่างกระตือรือร้นโจวอี้หมิงรู้สึกเหมือนมีก้อนหินกดทับอยู่ในใจของเขาในตอนนี้ มันทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออกเขารู้สึกอึดอัดอยู่ภายในใจ แม่โจวขอให้ทุกคนนั่งลงและหลินมู่อิงก็วางหมั่นโถวข้าวโพดที่เพิ่งนึ่งเสร็จลงบนโต๊ะด้วย มันเป็นหมั่นโถวสีเหลืองขนาดใหญ่ที่ทำจากแป้งข้าวโพดและแป้งขาวหมั่นโถวทั้งมีขนาดใหญ่และนุ่มฟู เมื่อหลี่เอ้อร์โกวมองไปที่อาหารน้ำลายของเขาไหลออกมาจากมุมปากเมื่อเขามองเห็นหมูตุ๋นและเนื้อผัดที่อยู่ตรงหน้าเขาแม้ว่าบ้านของเขาจะได้เนื้อมาบ้างเมื่อวานนี้ แต่แม่ของเขาหั่นแค่ไม่กี่ชิ้นตอนตุ๋นอาหารในวันนี้ ดังนั้นจึงมีรสชาติของเนื้อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมันแตกต่างกันมากกับอาหารของครอบครัวโจวอี้หมิง อาหารที่พวกเขากินในวันนี้หลี่เอ้อร์โกวรู้สึกว่ามันดีกว่าอาหารที่ครอบครัวของเขากินในวันตรุษจีนเสียอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการทำอาหารของหลินมู่อิงช่างน่าทึ่งมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าเครื่องในหมูสามารถนำมาทำอาหารได้หอมมากมายเช่น
หลังจากได้ฟังคำพูดของน้องสาวโจวอี้หมิงก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง หรือว่ามันอาจจะเป็นเมื่อวานนี้ตอนที่เขาเดินไปส่งเธอกลับไปยังบ้านพักของเยาวชนที่มีการศึกษาในตอนนั้นเขาจำได้ว่าเธอถามเขาว่า เขาเกลียดเธอเหรอ ตอนนั้นเขาเอาแต่เงียบและไม่ได้ตอบคำถามเธอ หรือเธอคิดว่าเขาเกลียดเธอ เพราะเขาเงียบและไม่ได้พูดอะไรเลยในตอนนั้น หรือว่าเธอจะโกรธเพราะเรื่องนี้ยิ่งเขาคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแน่ใจว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้เธอเมินเฉยใส่เขาได้ขนาดนี้ หลินมู่อิงเข้าออกครัวหลายครั้งในเธอพูดคุยกับแม่และน้องสาวของเขาแต่เธอกลับไม่สนใจเขาเลยมีเพียงความเฉยชาเท่านั้นเมื่อเห็นเธอปฏิบัติกับเขาเช่นนี้โจวอี้หมิงรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เธอคงไม่ได้เกลียดเขาไปแล้วหรอกนะ เขาวางแผ่นไม้ที่อยู่ในมือลงแล้วเดินเข้าไปในครัวด้วยความอึดอัดเล็กน้อย โจวอี้หมิงมองดูหลินมู่อิงที่กำลังยุ่งอยู่กับการหั่นเครื่องในหมูและเธอยังคงไม่สนใจเขา“คือว่า.. ขนาดของตู้..” โจวอี้หมิงเริ่มคิดว่าจะพูดกับหลินมู่อิงอย่างไรด แม้ว่าเสียงจะแหบไปนิด แต่มันก็ดึงดูดความสนใจขอ
“พุทราเป็นอาหารบำรุงเลือดชั้นดี เพียงแค่กินวันละสองหรือสามเม็ดก็พอ” หลินมู่อิงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ตั้งแต่ที่หลินมู่อิงเข้ามาในลานบ้าน เธอก็ไม่ได้มองไปที่โจวอี้หมิงเลยสักครั้ง วันนี้โจวอี้หมิง สวมกางเกงขายาวและเสื้อกล้ามสีเทาเพื่อความสะดวกในการทำงาน แขนของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้าม เสื้อกล้ามของเขาเปียกและเต็มไปด้วยเหงื่อ นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องและเอวได้ ด้วยโครงหน้าที่สมบูรณ์แบบ และเหงื่อที่ไหลหยดลงมาเป็นครั้งคราว หลินมู่อิงไม่สามารถทนมองดูมันอีกต่อไป เธอเกรงว่าน้ำลายของเธอจะไหลออกมา โจวอี้หมิงเอง ได้เหลือบมองหลินมู่อิงอยู่หลายครั้งตั้งแต่เธอเดินเข้ามาในบ้านของเขา เมื่อเห็นว่าเธอ ไม่ได้มองเขาเลยโจวอี้หมิงก็รู้สึกถึงความสูญเสียที่อธิบายไม่ได้ในใจของเขา โจวอี้หมิงเหลือบมองเธออีกครั้งเขาเห็นหลินมู่อิงหยิบห่อยาจีนออกมาจากตะกร้าสะพายหลัง “ป้าคะนี่เป็นยา มีด้วยกันทั้งหมด 5 ห่อ ห่อหนึ่งต้มดื่มได้ 2 วันนะคะ” “วันนี้ฉันจะต้มห่อหนึ่งให้ป้าก่อน และสามารถดื่มได้ทันทีหลังอาหารเย็น” หลังจากที่หลินมู่อิงหยิบห่อย
หลินมู่อิงออกมาจากสหกรณ์การตลาดก็เกือบบ่ายโมงแล้ว เธอวางสิ่งของบางส่วนไว้ในพื้นที่มิติ และบางส่วนไว้ในตะกร้าไม้ไผ่สะพายหลัง ยังมีตลาดมืดที่อยู่ใกล้กับสหกรณ์การตลาดอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งหลินมู่อิงเคยไปในชาติก่อนของเธอ หลินมู่อิงตัดสินใจที่จะไปซื้อ ข้าว แป้ง และเนื้อ เธอจึงจัดสินใจเข้าไปในตลาดมืออีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายโมงแล้วทำให้มีคนน้อยมาก หลังจากที่เข้าไปแล้วเธอรีบเดินและมองหาสิ่งที่เธอต้องการซื้อทันที เมื่อเธอพบสิ่งที่เธอต้องการ หลินมู่อิงก็รีบซื้อข้าว แป้ง และเนื้อหมู จากนั้นเธอก็รีบออกจากตลาดมืดไปด้วยความรวดเร็ว เมื่อเธอเดินผ่านร้านอาหารของรัฐ หลินมู่อิงก็ซื้อซาลาเปาเนื้อเพิ่มอีก 20 ชิ้น จากนั้นก็แบ่งออกเป็น 2 ห่อแต่ละห่อจะถูกห่อด้วยกระดาษซับน้ำมัน โดยเธอใส่ห่อหนึ่งเอาไว้ในพื้นที่มิติ และอีกห่อหนึ่งใส่ไว้ในตะกร้าไม้ไผ่สะพายหลัง วันนี้เธอใช้เงินไปมากกว่า 80 หยวนแล้ว หลินมู่อิง ยังมีเงินอีกมากกว่า 270 หยวนอยู่ในมือ เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลานัดหมายแล้วหลินมู่อิงจึงรีบเดินกลับไปยังที่เกวียนวัวจอรออยู่ เมื่อเธอ มาถึง ก็มีค
หลินมู่อิงรู้ดีว่าใบสั่งยาของเธอไม่มีอะไรผิดปกติ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพิจารณาถึงยุคปัจจุบัน ยาที่สั่งโดยหลินมู่อิงนั้นเป็นเพียงสมุนไพรขันพื้นฐานและยาสามัญบางชนิดเท่านั้น ทั้งหมดมีประสิทธิผลในการรักษาภาวะชี่คั่งและเลือดคั่ง“ฉันเขียนมันขึ้นมาเองค่ะ” หลินมู่อิง ตอบพร้อมกับรอยยิ้มหมอยาจีนเป็นชายชรา ดูเหมือนว่าจะอายุราวๆ หกสิบปี เขาปรับแว่นของเขาแล้วอดไม่ได้ที่จะมองหญิงสาวตรงหน้าเขา“ใบสั่งยาที่คุณเขียนดีมาก เป็นยารักษาโรคปอดใช่ไหมครับ คุณยังเด็กมากแต่สามารถเขียนใบสั่งยาได้ ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นอาจารย์ของคุณ”หลินมู่อิง ยังจำญาติๆ ของเธอไม่ได้ และไม่สามารถบอกชื่อปู่ทางสายเลือดของเธอได้ "ฉันได้เรียนรู้บางอย่างจากหมอเท้าเปล่าคนหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว นอกจากนี้ฉันยังได้อ่านหนังสือทางการแพทย์หลายเล่มและเรียนรู้ด้วยตัวเองค่ะ" นี่คือสิ่งทั้งหมดที่หลินมู่อิงสามารถพูดได้ในตอนนี้“สาวน้อยคุณมีความสามารถจริงๆ ” หมอชราพูดด้วยสีหน้าสับสน ลังเลว่าจะพูดต่อไปดีหรือไม่หลังจากเขา
เจ้าเสือตัวนี้ดีใจมากที่ได้เห็นหลินมู่อิง มันวิ่งเล่นไปรอบๆ ตัวเธออย่างมีความสุขอาจจะเพราะว่ามันได้ดื่มพุจิตวิญญาณเข้าไปเป็นจำนวนมาก ทำให้มันฉลาดและสามารถเข้าใจคำพูดของเธอได้ อีกทั้งยังทำให้มันโตเร็ว และร่างกายก็แข็งแรงมากขึ้นแม้ว่าหลินมู่อิงจะสับสนเล็กน้อยกับความจริงที่ว่าเธอคิดว่าเธอเก็บลูกหมาขึ้นมา แต่มันกลับกลายเป็นว่าเธอได้ลูกเสือมาแทน ในเมื่อเธอเก็บมันมาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเอามันกลับไปทิ้งเอาไว้ที่ภูเขาอีก เธอตัดสินใจที่จะเลี้ยงมันเอาไว้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลินมู่อิงจึงตัดสินใจหาเนื้อมาทำเป็นอาหารไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่สำคัญ จริงๆ แล้วเจ้าตัวน้อยนี้สามารถหาอาหารกินเองได้ เธอสังเกตว่ามีเนื้อชิ้นหนึ่งหายไป จากเนื้อที่เธอซื้อเอาไว้ก่อนหน้านี้ และชิ้นที่หายไปมันเป็นชิ้นที่ใหญ่มากหลินมู่อิงหันกลับไปมองลูกเสือที่กำลังเล่นซุกซนอยู่บนพื้น เสือตัวน้อยหยุดชะงักกะทันหัน ราวกับว่ามันรู้สึกว่าตัวเองอาจทำอะไรผิดไป มันหยุดเล่น และนั่งนิ่งเหมือนสุนัขมันยกอุ้งเท้าหน้าขึ้นมาเกาจมูกสองครั้ง ด้วยท่าทางสำนึกผิดหลินมู่อิงก็คิดว่
เท่าที่หลินมู่อิงจำได้ หลิวอิ๋งในชีวิตก่อนของเธอไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตามหลู่เหวินชิงได้รับการตอบรับเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในปักกิ่ง และพวกเขาได้รับใบทะเบียนสมรสไปแล้วในตอนนั้น หลิวอิ๋ง ใช้ประโยชน์จากโอกาสของหลู่เหวินชิงที่เขาได้การรับเข้ามหาวิทยาลัยและเธอได้เดินทางยังไปปักกิ่งด้วย แต่หลินมู่อิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น และไม่มีใครบอกเธอ ในเวลานั้น เธอถูกแม่เลี้ยงของเธอขายให้กับอันธพาลไปแล้ว ตอนนี้เหลือเวลาอีกกว่าหนึ่งปีก่อนที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะกลับมาเปิดให้สอบอีกครั้งในปี 1977 แต่ตอนนี้หลิวอิ๋งกำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ หรือว่าเธอรู้อะไรมายังงั้นเหรอ หลิวอิ๋งยังคงอ่านหนังสือของเธอต่อไปอย่างตั้งใจ แต่เมื่อเธอสังเกตเห็นสายตาของหลินมู่อิง เธอก็อดไม่ได้ที่เงยหน้าขึ้นมอง "คุณดูเหมือนจะชอบการอ่านหนังสือมาก" หลินมู่อิงพูดย่างไม่ใส่ใจเมื่อเธอเห็นหลิวอิ๋งมองมาที่เธอ “ฉันชอบอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านมาก และฉันก็พกหนังสือบางเล่มติดตัวมาด้วยในตอนที่ฉันเดิทางมาที่นี่” หลิวอิ๋งพูดกับหลินมู่อิงด้วยรอยยิ้มใจดี เธอไม่สาม