Masukด้านมิรายืนนับธนบัตรสีเทาในมือคร่าวๆก็นับได้เป็นหมื่น ไม่คิดว่าเขาจะให้มาเยอะขนาดนี้ ทั้งๆที่ราคาหนังสือนิยายเล่มแค่ไม่กี่ร้อยบาท ให้มาเยอะขนาดนี้เธอซื้อนิยายได้น่าจะสามสิบกว่าเล่มเลยมั้ง คงอ่านกันยาวๆเลยล่ะงานนี้
"ไม่พอเหรอครับ" เมื่อเห็นเด็กสาวเงียบไป วายุจึงอดที่จะถามไม่ได้เพราะเขาเองก็ไม่รู้ราคาของหนังสือนิยาย ซึ่งถ้าเงินที่เขาให้ไปมันไม่พอ เขาก็จะได้ให้เพิ่ม
"พอค่ะ พี่ภีมเราไปร้านหนังสือกันเถอะค่ะ" เธอเอ่ยตอบเขาก่อนจะหันไปชวนบอดี้การ์ดคนสนิทอย่างภีม จากนั้นก็เบี่ยงตัวหลบร่างสูงแล้วเดินลงจากศาลาไปหาภีมทันที วายุเห็นเช่นนั้นจึงเดินลงจากศาลาตามหลังเด็กสาวไปติดๆ
"มิราจะไปกับพี่ภีมแค่สองคน คุณไม่ต้องไปหรอกค่ะ" เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด เพราะยังนึกน้อยใจเขาอยู่ไม่หาย ก่อนที่เขาจะพูดสวนกลับมาทันที
"คงไม่ได้หรอกครับ เพราะผมต้องทำตามหน้าที่"
คำพูดของเขาช่างจี้ใจดวงน้อยของเธอเหลือเกิน (จะตามไปด้วยเพราะทำตามหน้าที่สินะ) เธอได้แต่คิดในใจ และยิ่งกระเง้ากระงอดหนักกว่าเดิม ใบหน้าบึ้งตึงจ้องมองคนตัวโตตาเขม็งอย่างไม่พอใจและน้อยใจเขาในเวลาเดียวกัน
"งั้นก็เอาเงินของคุณคืนไปเลย มิราไม่ซื้อแล้วก็ได้" ไม่พูดเปล่า เธอคว้ามือหนามาแล้วยัดธนบัตรทั้งหมดที่เขาให้มาคืนกลับให้เขาไป ดวงตากลมโตสั่นระริกมองเขาด้วยความน้อยใจ ก่อนจะเลือกเดินออกไปทันที เพราะหากอยู่นานกว่านี้เธอคงร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขาอย่างแน่นอน
ขณะดวงตาคู่คมของร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรได้แต่มองตามหลังเด็กสาวด้วยสายตาเรียบนิ่ง ยากเกินที่จะคาดเดาความคิดของเขาได้ ก่อนจะละสายตาจากเด็กสาว มองธนบัตรใบสีเทาทั้งหมดในมือของตัวเอง
"เฮ้อ~"
บอดี้การ์ดรุ่นน้องอย่างภีมที่เห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจแทนรุ่นพี่ของตัวเอง ก่อนจะตบบ่าของรุ่นพี่เบาๆประหนึ่งเป็นการให้กำลังใจอย่างเอาใจช่วย
ปี๊น! ปี๊นๆ!เป็นเสียงแตรรถสปอร์ตคันหรูสีแดงที่ขับเคลื่อนเข้ามาจอดเทียบฟุตบาททางเข้าด้านหน้าของคฤหาสน์ จนทำให้เด็กสาวและบอดี้การ์ดส่วนตัวอีกสองคนรวมถึงการ์ดที่เฝ้ายามตามจุดต่างๆภายในคฤหาสน์หันไปมองรถปริศนาคันดังกล่าวเป็นตาเดียวกัน เห็นแบบนั้นร่างสูงของบอดี้การ์ดส่วนตัวทั้งสองคนรีบวิ่งไปหาคุณหนูของพวกเขาอย่างไวตามสัญชาตญาณ โดยเฉพาะบอดี้การ์ดคนใหม่ที่วิ่งไปถึงตัวเด็กสาวก่อนใครด้วยความเป็นห่วงอันแรงกล้า
ด้านมิราจึงละสายตาจากรถสปอร์ตคันหรูสีแดงหันมามองบอดี้การ์ดสองคนของตัวเองอย่างงุนงงว่าทำไมพวกเขาทั้งสองคนต้องรีบวิ่งหน้าตั้งมาหาเธอขนาดนี้ด้วย โดยเฉพาะบอดี้การ์ดคนใจร้ายที่ชอบทำให้ใจเธอเจ็บช้ำ ตอนนี้เขากำลังยืนบังหน้าเธออยู่โดยหันหลังให้ จนทำให้เธอมองอะไรด้านหน้าไม่เห็นเลย พลางคิดว่าคนอะไรตัวสูงอย่างกับเสาไฟแถมยังตัวใหญ่อีกต่างหาก
"ตัวเล็ก!"
เป็นเสียงเจ้าของรถสปอร์ตคันปริศนาที่ลงจากรถแล้วตะโกนเอ่ยเรียกเด็กสาวมาแต่ไกลขณะเดินมาหาเธอ ซึ่งเขาได้มองเห็นเด็กสาวตั้งแต่ขับรถพ้นประตูรั้วเข้ามาแล้ว แต่ดันมีชายร่างสูงที่เขาคาดเดาว่าน่าจะเป็นคนดูแลหรือบอดี้การ์ดส่วนตัวของเด็กสาวที่ยืนบังร่างเล็กของเธอจนมิดชิดไม่เห็นแม้แต่เงาของคนตัวเล็ก
ด้านมิราเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่เคยคุ้นหู เธอจึงชะโงกหน้าไปมองตามเสียงทันที
"พี่มาติน" พอเห็นว่าคนมาใหม่เป็นใคร เธอจึงเบี่ยงตัวหลบร่างสูงที่ยืนบังเธออยู่ ก่อนจะเดินไปหาคนที่เปรียบเสมือนพี่ชายของตัวเอง ขณะที่เขากำลังเดินมาหาเธอเหมือนกัน
หมับ!
แต่ทว่าไม่ทันที่เธอจะได้เดินไปไกลก็มีมือหนามาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้เสียก่อน ทำให้เธอหยุดชะงักแล้วหันกลับไปมองคนด้านหลัง
"คะ?" มิราเอ่ยประหนึ่งเป็นคำถามว่าเขารั้งเธอเอาไว้ทำไม และเมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบไม่พูดอะไร เอาแต่ยืนจับแขนเธอไม่ปล่อย คิ้วเรียวสวยก็ขมวดเข้าหากันยุ่งยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ จะมารั้งเธอไว้ทำไม พูดก็ไม่พูดยังจะมาจ้องหน้าเธออีก
"ตัวเล็ก" ด้านมาตินเอ่ยเรียกเด็กสาวอีกครั้งเมื่อเดินมาถึงตัวเธอ
ด้านมิราได้ยินเช่นนั้นจึงดึงแขนของตัวเองออกจากการจับกุมของอีกคน แล้วหันกลับไปมองคนที่เป็นดังพี่ชายของเธอทันที
วายุที่ยอมปล่อยเด็กสาวอย่างไม่เต็มใจ มองไปยังชายหนุ่มหน้าตี๋ด้วยสายตาเรียบนิ่งยากเกินที่จะคาดเดาความคิดของเขาได้
"สวัสดีค่ะพี่มาติน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี้ย" มิราเอ่ยสวัสดีพร้อมพนมสองมือน้อยๆไหว้คนตรงหน้า แล้วถามอย่างนึกเอะใจที่อยู่ๆเขาก็โผล่มา
"เครื่องเพิ่งลงจอดเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เองครับ อยู่คุยกับคนที่บ้านเสร็จพี่ก็รีบบึ่งรถมาหาเราเลย ว่าแต่ดูเราตกใจนะที่เห็นพี่ ลุงเดย์ไม่ได้บอกเหรอว่าพี่จะกลับมาวันนี้" มาตินเอ่ยตอบก่อนจะเอ่ยถามกลับบ้าง
"คุณพ่อบอกแล้วค่ะ แต่มิราไม่คิดว่าพี่จะมาที่นี่" เพราะไม่คิดว่าอยู่ๆมาตินจะโผล่มา ทั้งที่เขาเพิ่งกลับมาก็น่าจะใช้เวลาอยู่กับคนในครอบครัวมากว่าจะมายืนอยู่ตรงนี้
"ดีใจไหมครับที่พี่กลับมา" มาตินเอ่ยถามพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาวางบนศีรษะเล็กแล้วลูบเบาๆอย่างเอ็นดู นึกแปลกใจกับสรรพนามที่คนตัวเล็กใช้แทนตัวเองกับเขา เพราะแต่ก่อนเธอไม่ได้แทนตัวเองกับเขาแบบนี้ แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไรเพราะคิดว่าเธออาจจะโตขึ้น และห่างเหินกันไปนานเลยเปลี่ยนสรรพนามเรียกไป แต่ก็ไม่เป็นไร เธอจะเรียกแบบไหนเขาก็โอเคหมด
"ค่ะ" มิราพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้มปกติ จะพูดว่าดีใจก็พูดไม่เต็มปากเพราะเธอรู้สึกเฉยๆมากกว่า และไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายมาลูบหัวอยู่แบบนี้ ทว่าก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง
ร่างสูงเจ้าของสายตาคู่คม จ้องมองมือของชายหนุ่มหน้าตี๋ที่กำลังลูบศีรษะของเด็กสาวด้วยความรู้สึกหึงหวงและหวงแหน ไหนจะรอยยิ้มที่เด็กสาวส่งให้อีกฝ่าย มันยิ่งทำให้ต่อมความหึงหวงของเขาเริ่มเดือดจนแสดงออกมาทางสีหน้าชัดเจน
ด้านบอดี้การ์ดรุ่นน้องอย่างภีมที่เห็นแบบนั้นก็เดินเข้ามาตบบ่าของรุ่นพี่ประหนึ่งเป็นการบอกให้ใจเย็นๆ เพราะตอนนี้ใบหน้าของรุ่นพี่เขาบอกบุญไม่รับเลย...
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)ภายในห้องนอนของวายุหลังจากที่พูดคุยกับลุงและป้าสะใภ้เสร็จ วายุก็พาเด็กสาวขึ้นมาพักผ่อนบนห้องนอนของเขา"นั่งรถมาเหนื่อยๆ อากาศก็ร้อน พี่ว่าหนูไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะครับจะได้สดชื่น" วายุเอ่ยบอกพลางเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พับเก็บไว้ในตูเสื้อผ้าของตัวเองออกมา ก่อนจะเดินกลับมาหาเด็กสาวที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบๆห้องของเขา"พี่วายุชอบสีเทากับสีดำเหรอคะ ห้องของพี่ถึงได้คลุมโทนสีเทาดำหมดเลย" มิราไม่ได้สนใจคำพูดของคนตัวโตเลย ปากถามแต่สายตากวาดมองไปรอบๆห้องของเขาอย่างซุกซน พลางยื่นมือไปรับผ้าขนหนูที่เขายื่นให้ ซึ่งแม้กระทั่งผ้าขนหนูที่เขาให้มาก็ยังเป็นสีเทา"ใช่ครับ" เขาตอบก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำที่สวมใส่อยู่ แล้วถอดออกโยนทิ้งลงตระกร้าที่วางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ตามด้วยถอดเข็มขัดราคาแพง แต่ทว่าขณะที่เขากำลังจะปลดกระดุมกางเกง เด็กสาวก็ดันเอ่ยขัดขึ้นมา"พะ พี่วายุถอดเสื้อผ้าทำไมคะ" รู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อเห็นอีกคนยืนถอดเสื้อผ้าต่อหน้าต่อตา"อาบน้ำก็ต้องถอดเสื้อผ้าสิครับ จะอาบทั้งเสื้อผ้าได้ยังไงกัน" "อ๋อ พี่วายุจะอาบน้ำก่อนใช่ไหมคะ งั้นเดี๋ยวน้องไปรอข
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)ภายในห้องนอนของวายุหลังจากที่พูดคุยกับลุงและป้าสะใภ้เสร็จ วายุก็พาเด็กสาวขึ้นมาพักผ่อนบนห้องนอนของเขา"นั่งรถมาเหนื่อยๆ อากาศก็ร้อน พี่ว่าหนูไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะครับจะได้สดชื่น" วายุเอ่ยบอกพลางเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พับเก็บไว้ในตูเสื้อผ้าของตัวเองออกมา ก่อนจะเดินกลับมาหาเด็กสาวที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบๆห้องของเขา"พี่วายุชอบสีเทากับสีดำเหรอคะ ห้องของพี่ถึงได้คลุมโทนสีเทาดำหมดเลย" มิราไม่ได้สนใจคำพูดของคนตัวโตเลย ปากถามแต่สายตากวาดมองไปรอบๆห้องของเขาอย่างซุกซน พลางยื่นมือไปรับผ้าขนหนูที่เขายื่นให้ ซึ่งแม้กระทั่งผ้าขนหนูที่เขาให้มาก็ยังเป็นสีเทา"ใช่ครับ" เขาตอบก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำที่สวมใส่อยู่ แล้วถอดออกโยนทิ้งลงตระกร้าที่วางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ตามด้วยถอดเข็มขัดราคาแพง แต่ทว่าขณะที่เขากำลังจะปลดกระดุมกางเกง เด็กสาวก็ดันเอ่ยขัดขึ้นมา"พะ พี่วายุถอดเสื้อผ้าทำไมคะ" รู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อเห็นอีกคนยืนถอดเสื้อผ้าต่อหน้าต่อตา"อาบน้ำก็ต้องถอดเสื้อผ้าสิครับ จะอาบทั้งเสื้อผ้าได้ยังไงกัน" "อ๋อ พี่วายุจะอาบน้ำก่อนใช่ไหมคะ งั้นเดี๋ยวน้องไปรอข
บ้านของวายุ (ต่างจังหวัด)13:25 น."ลุงวินป้าจ๋าพี่วายุมาแล้วค่ะ!" เป็นเสียงเด็กสาววัยสิบแปดปีที่มีหน้าตาสะสวยและหุ่นดี ไม่ใช่สวยธรรมดา แต่เรียกได้ว่าสวยมากเลยทีเดียว เธอตะโกนบอกผู้เป็นลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ที่อยู่หลังบ้านเมื่อเห็นรถคันหรูสีดำคุ้นตาของคนเป็นพี่ชายหรือลูกพี่ลูกน้องของเธอขับเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้าน...ซึ่งเด็กสาวคนดังกล่าวเธอมีนามว่า พระพาย เธอเองไม่ต่างจากวายุที่คนเป็นลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ได้รับมาเลี้ยงดูเช่นกัน เนื่องจากพ่อของเธอได้เสียไปเมื่อสามปีก่อนด้วยโรคร้าย ส่วนแม่ของเธอได้เสียไปตั้งแต่เธออายุได้สองขวบด้วยโรคประจำตัว เธอจึงไม่เหลือใครนอกจากพี่ชายของพ่อหรือลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ที่ยังไม่มีลูก พวกเขาทั้งสองคนจึงรับเธอมาเลี้ยงดูและรักเธอกับวายุเสมือนลูกของพวกเขาจริงๆ...และไม่รอช้าพระพายรีบวิ่งไปหาคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่กำลังลงจากรถ"สวัสดีค่ะพี่วายุ" เมื่อวิ่งมาถึง พระพายจึงเอ่ยสวัสดีพร้อมกับพนมมือน้อยๆไหว้พี่ชาย ก่อนจะหันไปทักทายว่าที่พี่สะใภ้ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันด้วยใบหน้ายิ้มๆ"หวัดดี เราชื่อพระพายนะ เป็นน้องพี่วายุ""หวัดดีจ้ะ เราชื่อมิรา เป็นแฟนพี่วายุ" มิราเ
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)"พี่วายุเป็นไงบ้างพี่" เมื่อคนเป็นนายและพี่ชายออกไปจากห้องนี้แล้ว ภีมก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหารุ่นพี่อย่างไว แล้วช่วยประคองกายแกร่งของรุ่นพี่ให้ลุกขึ้นนั่ง "กู โอเค" วายุตอบรุ่นน้องด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แทบจะไม่มีแรงพูด ร่างกายไร้เรี่ยวแรง สมองยังปวดหนึบด้วยฤทธิ์ยา "อดทนอีกนิดนะพี่ เดี๋ยวยาก็หมดฤทธิ์แล้ว" ภีมไม่สามารถช่วยอะไรรุ่นพี่ได้เลย เขาทำได้แค่บอกให้รุ่นพี่อดทน เพราะยาชนิดนี้ไม่มียาแก้หรือยาต้านใดๆ สุดแล้วแต่ร่างกายและความอดทนของคนที่ได้รับยานี้เข้าไปว่าจะอดทนต่อฤทธิ์ของมันได้หรือไม่"มึงอย่าปากสว่างไปบอกหนูมิล่ะ กูไม่อยากให้เมียกูต้องเป็นห่วง" วายุไม่ได้สนใจคำพูดของรุ่นน้องแต่อย่างใด เขาเลือกที่จะเอ่ยประหนึ่งเป็นคำสั่งกับรุ่นน้องแทนขณะที่ใบหน้ายังคงเหยเกด้วยความเจ็บปวด มือหนาข้างหนึ่งกุมขมับเอาไว้ มือหนาอีกข้างวางค้ำยันลงบนพื้นเพื่อเป็นหลักให้ตัวเอง"โธ่พี่ ผมไม่บอกคุณหนูหรอกหน่า อีกอย่างพี่ห่วงตัวเองก่อนเถอะ สภาพพี่ตอนนี้ดูไม่ได้เลย" ภีมรู้ดีว่าเรื่องไหนควรพูดไม่ควรพูด แต่รุ่นพี่ของเขานี่สิ ห่วงแต่คุณหนูตัวน้อยทั้งที่สภาพตัวเองตอนนี้แย่มากแทบดูไม่ได
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)ภายในห้องใต้ดินหรือห้องเชือดผัวะ!ทันทีที่วายุโผล่หน้าเข้ามาในห้องเชือด เดชาก็ปล่อยหมัดหนักๆใส่ใบหน้าข้างขวาของวายุเต็มแรง จนใบหน้าหันไปตามแรงหมัดพร้อมกับเซไปด้านหลังจนเกือบเสียหลักล้มลงไป แต่ไม่ทันที่จะได้ตั้งหลักดี หมัดที่สองก็ตามมาใส่ใบหน้าอีกข้างเต็มแรงผัวะ!ใบหน้าของวายุหันไปตามแรงหมัดเกือบจะเสียหลักล้มลงไปอีกครั้งแต่ก็ทรงตัวเอาไว้ได้ ก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำคาวสีแดงที่ซึมออกมาตรงมุมปากทั้งสองข้างออกลวงๆ แล้วมองไปยังผู้เป็นนายนิ่งๆ โดยไม่พูดหรือไม่คิดจะตอบโต้กลับไป เขายอมให้ผู้เป็นนายกระทำแต่โดยดี"สองหมัดนี้แค่น้ำจิ้ม หลังจากนี้มึงเตรียมตัวรับบททดสอบของกูให้ได้ก็แล้วกันไอ้วายุ หึ" เดชาพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ พูดจบก็กระตุกยิ้มร้ายเย้ยหยันคนเป็นลูกน้องที่เลี้ยงไม่เชื่อง"ผมพร้อมครับ" วายุพูดสวนไปทันทีด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ต่างจากใบหน้า เขายังคงใจเย็น ไม่ได้มีความเกรงกลัวผู้เป็นเจ้านายและสิ่งที่ตัวเองกำลังจะเผชิญเลยแม้แต่น้อย"อวดเก่ง! ถ้ามึงพร้อมมากขนาดนี้กูก็พร้อมจัดให้มึงแบบชุดใหญ่ จัดให้แบบสมเกียรติคนเก่งอยากมึง" เดชาไม่เคยเจอใครที่กล้าหือกับเขาแ
ก๊อกๆๆๆๆ!!!!แต่แล้วเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นด้วยฝีมือของคนนอกห้องที่กระหน่ำเคาะไม่หยุด ทำให้เด็กสาวเจ้าของห้องสะดุ้งผวาโผเข้ากอดคนตัวโตเอาไว้แน่นด้วยความตกใจ และนึกหวั่นกลัวขึ้นมา เพราะตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้องแค่คนเดียว หากใครมาเห็นเข้าคงแย่ก๊อกๆๆๆๆๆ!!!!"ยัยหนูเปิดประตูให้พ่อเดี๋ยวนี้!"เสียงเคาะประตูรัวๆดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงทุ้มดังกังวานของผู้เป็นพ่อ ทำให้เธอยิ่งตกใจและหวั่นกลัวหนักกว่าเดิม"พี่วายุคุณพ่อกลับมาแล้วทำยังไงดีคะ ถ้าคุณพ่อเห็นพี่วายุอยู่กับน้องแบบนี้คุณพ่อต้องไม่ปล่อยพี่วายุไปแน่ น้องกลัวค่ะ" มิราพูดด้วยความร้อนรน น้ำเสียงสั่นไปหมด ไม่คิดว่าคนเป็นพ่อจะกลับมาไวขนาดนี้ทั้งที่บอกเธอว่าจะกลับพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ ตอนนี้เธออยู่ไม่สุขนั่งไม่ติดเลยทีเดียวเพราะกลัวว่าผู้เป็นพ่อจะทำอะไรคนรักของเธอ พลางหันไปมองทางประตูที่ตอนนี้ผู้เป็นพ่อกำลังกระหน่ำเคาะเรียกเธอไม่หยุด เธอแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้"หนูใจเย็นๆนะครับ มีพี่อยู่ตรงนี้หนูไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น มันถึงเวลาแล้วที่นายจะต้องรู้เรื่องของเราสักที" บอกกับเด็กสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน