Masukในห้องรับแขกของคฤหาสน์หลังใหญ่ มีคุณหนูของบ้านกับแขกผู้มาเยือนนั่งอยู่บนโซฟาหรูตัวเดียวกันโดยเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม และแน่นอนว่าต้องมีบอดี้การ์ดส่วนตัวทั้งสองคนของเด็กสาวที่ยืนอารักขาอยู่ไม่ห่าง โดยพวกเขาทั้งสองคนยืนอยู่ข้างโซฟาหรูตัวที่เด็กสาวกับชายหนุ่มหน้าตี๋นั่งอยู่
"กลิ่นนี้ก็หอมนะครับลองดูสิ มาพี่ฉีดให้" มาตินพูดเชิญชวนอยากให้คนตัวเล็กได้ลองดมกลิ่นน้ำหอมแบรนด์ดังที่เขาหิ้วมาฝากจากเมืองนอกเพื่อเธอคนเดียวโดยเฉพาะ พลางจับข้อมือเล็กอย่างถือวิสาสะแล้วกดฉีดหัวสเปรย์น้ำหอมแบรนด์ดังลงบนข้อมือของเธอ ก่อนจะยกข้อมือเล็กขึ้นมาให้เจ้าตัวได้ดมกลิ่นของน้ำหอมที่เขาตั้งใจซื้อมาฝาก
ด้านเด็กสาวรู้สึกกระอักกระอ่วนเมื่อโดนอีกฝ่ายแตะเนื้อต้องตัว แต่เธอก็ไม่กล้าขัดอะไร หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่คิดอะไรมาก แต่พอตอนนี้เธอกลับไม่ชอบที่เขามาแตะเนื้อต้องตัวเธอ
"เป็นไงหอมไหมครับ" มาตินถามคนตัวเล็กเพราะหวังเหลือเกินว่าเธอจะชอบกลิ่นน้ำหอมที่เขาเป็นคนเลือกเอง
"ก็หอมดีค่ะ" มิราเอ่ยตอบก่อนจะลดมือลงแล้วค่อยๆดึงมือของตัวเองออกจากการจับกุมของอีกฝ่าย
ด้านมาตินจับสังเกตได้ถึงอาการที่ดูห่างเหินและไว้เนื้อไว้ตัวของคนตัวเล็ก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะออดอ้อนออเซาะเขา ผิดกับตอนนี้แค่เขาจับนิดจับหน่อยเธอก็ทำเหมือนกับว่ารังเกียจเขายังไงยังงั้น
ทุกอิริยาบถของคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่บนโซฟาหรูตัวเดียวกัน ตกอยู่ในสายตาคู่คมของวายุที่มองอยู่อย่างไม่ละสายตา ถึงจะไม่พอใจที่หนุ่มหน้าตี๋แตะเนื้อต้องตัวเด็กสาว แต่กระนั้นมุมปากหนากลับยกยิ้มขึ้นมาอย่างนึกสะใจ เพราะดูท่าแล้วเด็กน้อยของเขาจะไม่ชอบให้ไอ้หนุ่มหน้าตี๋เข้าใกล้เธอเลยด้วยซ้ำ ยิ่งเห็นสีหน้าหงอยๆของชายที่นับว่าเป็นศัตรูหัวใจ เขาก็นึกสะใจเป็นอย่างมาก
"งั้นพี่ว่าพี่ขอตัวกลับก่อนดีกว่า ทีแรกพี่กะจะอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนเราซะหน่อย แต่พี่ลืมไปว่านัดเพื่อนเอาไว้ งั้นไว้วันหลังเดี๋ยวพี่มาหาใหม่นะครับ" มาตินหาข้ออ้าง เพราะเขาไม่อยากอยู่ให้คนตัวเล็กต้องรู้สึกอึดอัดไปมากกว่านี้ พลางคิดปลอบใจตัวเองว่าบางทีมันอาจจะเร็วเกินไปกับการเข้าหาเธอแบบนี้ เพราะเขากับคนตัวเล็กห่างเหินกันมานานหลายปีเลยทำให้อะไรมันไม่สนิทใจเหมือนแต่ก่อน เขาจึงอยากให้เวลากับเธอ
"ค่ะ สวัสดีค่ะ ขับรถกลับดีๆนะคะ" มิราพนมสองมือน้อยๆไหว้มาตินทันที แล้วพูดส่งลาอย่างไม่ให้ดูน่าเกียดจนเกินไป
มาตินจึงฝืนยิ้มบางๆส่งให้คนตัวเล็กทั้งที่ใจจริงเขาไม่อยากกลับเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาอยากจะมองเธอให้นานกว่านี้ ตอนเด็กเขาว่าเธอน่ารักมากอยู่แล้ว แต่พอโตเป็นสาวเธอยิ่งสวยและยิ่งน่ารักมากขึ้นกว่าเดิม จนเขานึกหวงขึ้นมาอยากจะให้พ่อมาสู่ขอเธอวันนี้พรุ่งนี้เสียเลย ทว่าก็ไม่อยากเร่งรัดเธอ เพราะถึงยังไงเธอก็ต้องแต่งงานและต้องเป็นของเขาอยู่แล้ว
ซึ่งเรื่องแต่งงานของคนทั้งคู่ ฝ่ายผู้เป็นพ่อของมาตินและผู้เป็นพ่อของมิราได้ตกลงหมายปองให้ลูกๆของพวกเขาได้ลงเอยเป็นทองแผ่นเดียวกัน โดยมีแค่ตัวมิราที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย...
"อะ น้องมิให้ค่ะ"
เมื่อแขกผู้มาเยือนกลับไปแล้ว เด็กสาวจึงหันไปพูดกับบอดี้การ์ดคนสนิทพลางยื่นถุงน้ำหอมแบรนด์เนมสี่ถึงห้าถุงให้เขาไป
"ให้ผมเหรอครับ" ภีมเอ่ยถามย้ำเพราะนี่มันน้ำหอมผู้หญิง ซึ่งเขาคงไม่ได้ใช้อย่างแน่นอน เลยไม่รู้จะเอาไปทำไม
"ค่ะ เอาไปให้สาวๆของพี่ภีมไงคะ น้องมิไม่ใช้น้ำหอมเลยไม่รู้จะเอาไปไหน จะเอาไปให้พี่ชมพู่กับพี่ส้มโอใช้ก็กลัวว่าพี่มาตินจะจำกลิ่นได้ เดี๋ยวจะเสียน้ำใจพี่เขาเปล่าๆ พี่ภีมรับไปเถอะค่ะ" ในขณะที่พูดเด็กสาวก็ไม่ได้ลดมือที่ถือถุงน้ำหอมแบรนด์เนมลงเลย เธอพยายามยื่นถุงน้ำหอมประหนึ่งเป็นการยัดเยียดให้บอดี้การ์ดคนสนิทรับมันไป ส่วนชมพู่กับส้มโอที่เธอพูดถึงก็คือสาวใช้ของบ้าน
"ก็ได้ครับ ขอบคุณนะครับคุณหนู" ภีมรับถุงน้ำหอมมาแต่โดยดีเพราะคงไม่มีอะไรเสียหายถ้าเขาจะรับไว้ ดีเสียอีกเขาจะได้เอาไปให้สาวๆในสต็อก ทว่าไม่วายหันไปแซวรุ่นพี่
"เอาไปให้เด็กในสต๊อกสักถุงสองถุงไหมพี่" ไม่พูดเปล่า ภีมยื่นถุงน้ำหอมประมาณสองถุงให้รุ่นพี่ พลางยักคิ้วข้างเดียวสองทีส่งให้รุ่นพี่อย่างกวนๆ
ด้านเด็กสาวชำเลืองมองไปยังอีกคนทันที ขณะเดียวกันเขามองเธออยู่ก่อนแล้ว
วายุมองเด็กสาวนิ่งๆครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดกับรุ่นน้องด้วยน้ำเสียงเข้ม ไม่ต่างจากใบหน้าเข้มดุ
"มึงคงไม่อยากแก่ตายสินะ"
"โธ่พี่ ผมแค่แซวเล่นเฉยๆเอง โกรธจริงโกรธจังไปได้ ดูสิครับคุณหนู พี่วายุขู่ผมซะผมขนลุกเลย" ประโยคหลังๆภีมโน้มตัวลงไปพูดกับคุณหนูของตนเล็กน้อย ก่อนจะหันไปยักคิ้วใส่รุ่นพี่อย่างกวนๆ
"คิกๆ" มิราอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับท่าทางของบอดี้การ์ดคนสนิทที่ดูจะขี้ฟ้องเหมือนเด็กยังไงยังงั้นทั้งๆที่ตัวก็โตขนาดนี้
ด้านวายุที่มองอยู่ก็รู้สึกหมั่นไส้รุ่นน้องขึ้นมา ไหนจะเด็กสาวที่ยังจะมาหัวเราะให้รุ่นน้องของเขาอีก มันน่าขำตรงไหน เขากลับมองว่ามันน่าถีบให้กระเด็นเสียมากกว่า แต่กระนั้นไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดหรือรู้สึกยังไง ใบหน้าของเขาก็ยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น
"งั้นเดี๋ยวผมมานะครับคุณหนู ผมขอเอาน้ำหอมพวกนี้ไปเก็บไว้ที่ห้องก่อน" ภีมเลิกติดเล่นแล้วเอ่ยบอกกับเด็กสาวด้วยน้ำเสียงปกติ และเมื่อเห็นว่าเด็กสาวพยักหน้าให้ เขาจึงเดินออกไปพร้อมกับถุงน้ำหอมทั้งหมดในมือ
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)ภายในห้องนอนของวายุหลังจากที่พูดคุยกับลุงและป้าสะใภ้เสร็จ วายุก็พาเด็กสาวขึ้นมาพักผ่อนบนห้องนอนของเขา"นั่งรถมาเหนื่อยๆ อากาศก็ร้อน พี่ว่าหนูไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะครับจะได้สดชื่น" วายุเอ่ยบอกพลางเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พับเก็บไว้ในตูเสื้อผ้าของตัวเองออกมา ก่อนจะเดินกลับมาหาเด็กสาวที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบๆห้องของเขา"พี่วายุชอบสีเทากับสีดำเหรอคะ ห้องของพี่ถึงได้คลุมโทนสีเทาดำหมดเลย" มิราไม่ได้สนใจคำพูดของคนตัวโตเลย ปากถามแต่สายตากวาดมองไปรอบๆห้องของเขาอย่างซุกซน พลางยื่นมือไปรับผ้าขนหนูที่เขายื่นให้ ซึ่งแม้กระทั่งผ้าขนหนูที่เขาให้มาก็ยังเป็นสีเทา"ใช่ครับ" เขาตอบก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำที่สวมใส่อยู่ แล้วถอดออกโยนทิ้งลงตระกร้าที่วางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ตามด้วยถอดเข็มขัดราคาแพง แต่ทว่าขณะที่เขากำลังจะปลดกระดุมกางเกง เด็กสาวก็ดันเอ่ยขัดขึ้นมา"พะ พี่วายุถอดเสื้อผ้าทำไมคะ" รู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อเห็นอีกคนยืนถอดเสื้อผ้าต่อหน้าต่อตา"อาบน้ำก็ต้องถอดเสื้อผ้าสิครับ จะอาบทั้งเสื้อผ้าได้ยังไงกัน" "อ๋อ พี่วายุจะอาบน้ำก่อนใช่ไหมคะ งั้นเดี๋ยวน้องไปรอข
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)ภายในห้องนอนของวายุหลังจากที่พูดคุยกับลุงและป้าสะใภ้เสร็จ วายุก็พาเด็กสาวขึ้นมาพักผ่อนบนห้องนอนของเขา"นั่งรถมาเหนื่อยๆ อากาศก็ร้อน พี่ว่าหนูไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะครับจะได้สดชื่น" วายุเอ่ยบอกพลางเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พับเก็บไว้ในตูเสื้อผ้าของตัวเองออกมา ก่อนจะเดินกลับมาหาเด็กสาวที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบๆห้องของเขา"พี่วายุชอบสีเทากับสีดำเหรอคะ ห้องของพี่ถึงได้คลุมโทนสีเทาดำหมดเลย" มิราไม่ได้สนใจคำพูดของคนตัวโตเลย ปากถามแต่สายตากวาดมองไปรอบๆห้องของเขาอย่างซุกซน พลางยื่นมือไปรับผ้าขนหนูที่เขายื่นให้ ซึ่งแม้กระทั่งผ้าขนหนูที่เขาให้มาก็ยังเป็นสีเทา"ใช่ครับ" เขาตอบก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำที่สวมใส่อยู่ แล้วถอดออกโยนทิ้งลงตระกร้าที่วางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ตามด้วยถอดเข็มขัดราคาแพง แต่ทว่าขณะที่เขากำลังจะปลดกระดุมกางเกง เด็กสาวก็ดันเอ่ยขัดขึ้นมา"พะ พี่วายุถอดเสื้อผ้าทำไมคะ" รู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อเห็นอีกคนยืนถอดเสื้อผ้าต่อหน้าต่อตา"อาบน้ำก็ต้องถอดเสื้อผ้าสิครับ จะอาบทั้งเสื้อผ้าได้ยังไงกัน" "อ๋อ พี่วายุจะอาบน้ำก่อนใช่ไหมคะ งั้นเดี๋ยวน้องไปรอข
บ้านของวายุ (ต่างจังหวัด)13:25 น."ลุงวินป้าจ๋าพี่วายุมาแล้วค่ะ!" เป็นเสียงเด็กสาววัยสิบแปดปีที่มีหน้าตาสะสวยและหุ่นดี ไม่ใช่สวยธรรมดา แต่เรียกได้ว่าสวยมากเลยทีเดียว เธอตะโกนบอกผู้เป็นลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ที่อยู่หลังบ้านเมื่อเห็นรถคันหรูสีดำคุ้นตาของคนเป็นพี่ชายหรือลูกพี่ลูกน้องของเธอขับเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้าน...ซึ่งเด็กสาวคนดังกล่าวเธอมีนามว่า พระพาย เธอเองไม่ต่างจากวายุที่คนเป็นลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ได้รับมาเลี้ยงดูเช่นกัน เนื่องจากพ่อของเธอได้เสียไปเมื่อสามปีก่อนด้วยโรคร้าย ส่วนแม่ของเธอได้เสียไปตั้งแต่เธออายุได้สองขวบด้วยโรคประจำตัว เธอจึงไม่เหลือใครนอกจากพี่ชายของพ่อหรือลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ที่ยังไม่มีลูก พวกเขาทั้งสองคนจึงรับเธอมาเลี้ยงดูและรักเธอกับวายุเสมือนลูกของพวกเขาจริงๆ...และไม่รอช้าพระพายรีบวิ่งไปหาคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่กำลังลงจากรถ"สวัสดีค่ะพี่วายุ" เมื่อวิ่งมาถึง พระพายจึงเอ่ยสวัสดีพร้อมกับพนมมือน้อยๆไหว้พี่ชาย ก่อนจะหันไปทักทายว่าที่พี่สะใภ้ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันด้วยใบหน้ายิ้มๆ"หวัดดี เราชื่อพระพายนะ เป็นน้องพี่วายุ""หวัดดีจ้ะ เราชื่อมิรา เป็นแฟนพี่วายุ" มิราเ
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)"พี่วายุเป็นไงบ้างพี่" เมื่อคนเป็นนายและพี่ชายออกไปจากห้องนี้แล้ว ภีมก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหารุ่นพี่อย่างไว แล้วช่วยประคองกายแกร่งของรุ่นพี่ให้ลุกขึ้นนั่ง "กู โอเค" วายุตอบรุ่นน้องด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แทบจะไม่มีแรงพูด ร่างกายไร้เรี่ยวแรง สมองยังปวดหนึบด้วยฤทธิ์ยา "อดทนอีกนิดนะพี่ เดี๋ยวยาก็หมดฤทธิ์แล้ว" ภีมไม่สามารถช่วยอะไรรุ่นพี่ได้เลย เขาทำได้แค่บอกให้รุ่นพี่อดทน เพราะยาชนิดนี้ไม่มียาแก้หรือยาต้านใดๆ สุดแล้วแต่ร่างกายและความอดทนของคนที่ได้รับยานี้เข้าไปว่าจะอดทนต่อฤทธิ์ของมันได้หรือไม่"มึงอย่าปากสว่างไปบอกหนูมิล่ะ กูไม่อยากให้เมียกูต้องเป็นห่วง" วายุไม่ได้สนใจคำพูดของรุ่นน้องแต่อย่างใด เขาเลือกที่จะเอ่ยประหนึ่งเป็นคำสั่งกับรุ่นน้องแทนขณะที่ใบหน้ายังคงเหยเกด้วยความเจ็บปวด มือหนาข้างหนึ่งกุมขมับเอาไว้ มือหนาอีกข้างวางค้ำยันลงบนพื้นเพื่อเป็นหลักให้ตัวเอง"โธ่พี่ ผมไม่บอกคุณหนูหรอกหน่า อีกอย่างพี่ห่วงตัวเองก่อนเถอะ สภาพพี่ตอนนี้ดูไม่ได้เลย" ภีมรู้ดีว่าเรื่องไหนควรพูดไม่ควรพูด แต่รุ่นพี่ของเขานี่สิ ห่วงแต่คุณหนูตัวน้อยทั้งที่สภาพตัวเองตอนนี้แย่มากแทบดูไม่ได
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)ภายในห้องใต้ดินหรือห้องเชือดผัวะ!ทันทีที่วายุโผล่หน้าเข้ามาในห้องเชือด เดชาก็ปล่อยหมัดหนักๆใส่ใบหน้าข้างขวาของวายุเต็มแรง จนใบหน้าหันไปตามแรงหมัดพร้อมกับเซไปด้านหลังจนเกือบเสียหลักล้มลงไป แต่ไม่ทันที่จะได้ตั้งหลักดี หมัดที่สองก็ตามมาใส่ใบหน้าอีกข้างเต็มแรงผัวะ!ใบหน้าของวายุหันไปตามแรงหมัดเกือบจะเสียหลักล้มลงไปอีกครั้งแต่ก็ทรงตัวเอาไว้ได้ ก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำคาวสีแดงที่ซึมออกมาตรงมุมปากทั้งสองข้างออกลวงๆ แล้วมองไปยังผู้เป็นนายนิ่งๆ โดยไม่พูดหรือไม่คิดจะตอบโต้กลับไป เขายอมให้ผู้เป็นนายกระทำแต่โดยดี"สองหมัดนี้แค่น้ำจิ้ม หลังจากนี้มึงเตรียมตัวรับบททดสอบของกูให้ได้ก็แล้วกันไอ้วายุ หึ" เดชาพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ พูดจบก็กระตุกยิ้มร้ายเย้ยหยันคนเป็นลูกน้องที่เลี้ยงไม่เชื่อง"ผมพร้อมครับ" วายุพูดสวนไปทันทีด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ต่างจากใบหน้า เขายังคงใจเย็น ไม่ได้มีความเกรงกลัวผู้เป็นเจ้านายและสิ่งที่ตัวเองกำลังจะเผชิญเลยแม้แต่น้อย"อวดเก่ง! ถ้ามึงพร้อมมากขนาดนี้กูก็พร้อมจัดให้มึงแบบชุดใหญ่ จัดให้แบบสมเกียรติคนเก่งอยากมึง" เดชาไม่เคยเจอใครที่กล้าหือกับเขาแ
ก๊อกๆๆๆๆ!!!!แต่แล้วเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นด้วยฝีมือของคนนอกห้องที่กระหน่ำเคาะไม่หยุด ทำให้เด็กสาวเจ้าของห้องสะดุ้งผวาโผเข้ากอดคนตัวโตเอาไว้แน่นด้วยความตกใจ และนึกหวั่นกลัวขึ้นมา เพราะตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้องแค่คนเดียว หากใครมาเห็นเข้าคงแย่ก๊อกๆๆๆๆๆ!!!!"ยัยหนูเปิดประตูให้พ่อเดี๋ยวนี้!"เสียงเคาะประตูรัวๆดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงทุ้มดังกังวานของผู้เป็นพ่อ ทำให้เธอยิ่งตกใจและหวั่นกลัวหนักกว่าเดิม"พี่วายุคุณพ่อกลับมาแล้วทำยังไงดีคะ ถ้าคุณพ่อเห็นพี่วายุอยู่กับน้องแบบนี้คุณพ่อต้องไม่ปล่อยพี่วายุไปแน่ น้องกลัวค่ะ" มิราพูดด้วยความร้อนรน น้ำเสียงสั่นไปหมด ไม่คิดว่าคนเป็นพ่อจะกลับมาไวขนาดนี้ทั้งที่บอกเธอว่าจะกลับพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ ตอนนี้เธออยู่ไม่สุขนั่งไม่ติดเลยทีเดียวเพราะกลัวว่าผู้เป็นพ่อจะทำอะไรคนรักของเธอ พลางหันไปมองทางประตูที่ตอนนี้ผู้เป็นพ่อกำลังกระหน่ำเคาะเรียกเธอไม่หยุด เธอแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้"หนูใจเย็นๆนะครับ มีพี่อยู่ตรงนี้หนูไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น มันถึงเวลาแล้วที่นายจะต้องรู้เรื่องของเราสักที" บอกกับเด็กสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน







