Home / อื่น ๆ / ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง / ตอนที่ 11 มากกว่านี้ผมก็ซื้อให้ได้

Share

ตอนที่ 11 มากกว่านี้ผมก็ซื้อให้ได้

last update Last Updated: 2025-10-25 13:21:02

(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)

วันต่อมา

09:35 น.

บริเวณศาลาสวนหย่อม มิรากำลังนั่งอ่านหนังสือนิยายอยู่บนศาลา เธอมักจะมาอ่านหนังสือหรือมานั่งเล่นที่ศาลาตรงนี้เป็นประจำ เรียกได้ว่าเป็นมุมโปรดของเธอก็ว่าได้ โดยมีบอดี้การ์ดส่วนตัวอีกสองคนยืนอารักขาอยู่หน้าศาลาไม่ห่าง พวกเขาทั้งสองคนยืนคนละฝั่งของศาลาโดยหันหน้าเข้าหากันเหมือนอย่างเช่นทุกครั้งที่มายืนอารักขาเด็กสาวบริเวณนี้

วันนี้มิราอ่านนิยายของนักเขียนคนใหม่ตามที่เพื่อนของเธอแนะนำมา เธอเลยตื่นเต้นเป็นพิเศษกับการที่จะอ่านมัน และการอ่านนิยายมันก็ช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของเธอได้เยอะเลยทีเดียว แต่กระนั้นเนื้อหาของหนังสือนิยายเล่มนี้มันอ่านแล้วทำความเข้าใจได้ยากกว่านิยายของนักเขียนคนโปรดที่เธออ่านอยู่เป็นประจำ

และเมื่ออ่านไปได้สักพักเธอก็ต้องงงและไม่เข้าใจอีกแล้ว ซึ่งเนื้อหาในนิยายที่เธออ่านแล้วไม่เข้าใจมันคือเนื้อหาของคำพูดตัวละคร ที่พระเอกพูดขู่นางเอก เธอขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง พยายามอ่านและจิตนาการตามแล้วตามอีก อ่านแล้วอ่านอีกก็ไม่เข้าใจเสียทีว่าคำพูดที่พระเอกขู่นางเอกมันหมายความว่าอะไร และในเมื่ออ่านไม่เข้าใจเธอจึงเงยหน้าจากหนังสือนิยายแล้วมองไปยังบอดี้การ์ดส่วนตัวของตัวเองทันที แต่เป็นบอดี้การ์ดคนสนิทไม่ใช่บอดี้การ์ดอีกคนที่เธอไม่แม้แต่จะชายตาแลเขาเลยด้วยซ้ำ

"พี่ภีมคะ กระแทกจนฟ้าเหลืองนี่มันกระแทกยังไง แล้วกระแทกอะไรทำไมฟ้าต้องเหลืองด้วยคะ" ด้วยความไร้เดียงสา เธอจึงถามออกมาหน้าตาเฉย

ด้านภีมถึงกับชะงักอึ้งไปกับคำถามของเด็กสาว แทบจะหลุดขำออกมาเพราะไม่รู้จะตอบคำถามของเธอยังไงดี แต่ไม่ทันที่เขาจะได้หาคำพูดที่ไม่ล่อแหลมมาตอบคำถามของเธอ ด้านวายุที่ยืนฝั่งตรงข้ามก็เดินจ้ำอ้าวขึ้นไปหาเด็กสาวบนศาลาเสียก่อน

ฟึบ!

วายุหยิบฉวยหนังสือนิยายของเด็กสาวขึ้นมา ก่อนจะลากสายตาอ่านทันทีอย่างถือวิสาสะ

พรึ่บ!

ด้านมิราดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้สักตัวยาวบนศาลาที่เธอนั่งอยู่ทันที ยกแขนขึ้นมากอดอกมองหน้าอีกคนตาเขม็ง

"เอาคืนมานะ ใครอนุญาตให้คุณอ่านไม่ทราบ" 

"เป็นเด็กเป็นเล็ก ไม่ควรอ่านหนังสือพวกนี้นะครับ" วายุเอ่ยเตือนประหนึ่งตำหนิเด็กสาวไปในตัว เพราะหลังจากที่เขาอ่านผ่านๆตา หน้าถัดไปจากที่เด็กสาวอ่านหลังๆมีแต่เนื้อหาสิบแปดบวกทั้งนั้น ถึงจะใช้คำไม่ให้ล่อแหลมจนเกินไปแต่กระนั้นเขาก็ไม่อยากให้เด็กใสซื่อไร้เดียงสาอย่างเธอต้องมาอ่านอะไรพวกนี้อยู่ดี

"มิราไม่ใช่เด็กนะ อายุสิบแปดคุณพ่อบอกว่าโตแล้ว เอานิยายของมิราคืนมานะ"

ฟึบ!

ไม่พูดเปล่าเอื้อมมือบางแย่งหนังสือนิยายของตัวเองจากอีกคนคืนมา แต่ก็คว้าได้เพียงอากาศเท่านั้นเพราะเขาดันเบี่ยงหนังสือหลบและยังชูขึ้นสูงอีกต่างหาก

"เอามานะ (ฟึบ!) อึ๊บ อื้อ เอานิยายของมิราคืนมานะ อึ๊บ" เธอพยายามคว้าแย่งหนังสือนิยายของตัวเองกลับมาอย่างไม่ยอม แต่ทว่ายิ่งเธอพยายามยื้อแย่งมากเท่าไหร่ อีกคนก็ยิ่งชูหนังสือนิยายให้สูงมากขึ้นเท่านั้น

วายุเลื่อนแขนแกร่งอีกข้างโอมกอดเอวบางเอาไว้เพราะกลัวว่าเด็กสาวจะเสียหลังล้มลงไป โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้ตัวหรือนึกสนใจอะไรเลยว่าตัวเองกำลังโดนเขากอดอยู่เพราะมัวแต่ยื้อแย่ง อยากได้หนังสือนิยายของตัวเองกลับมาอย่างไม่ลดละความพยายาม แต่กระนั้นไม่ว่าจะอยู่ในสถานะการใดใบหน้าหล่อเหลาก็ยังนิ่งและเฉยชาอยู่อย่างนั้น

"ไม่ให้ใช่ไหม ได้"

หมับ!

สิ้นคำพูด มิราก็จับบ่าแกร่งไว้มั่นแล้วกระโดดกอดหมับตวัดขาเรียวเล็กเกี่ยวเอวสอบเอาไว้ทันที

ด้านวายุจึงต้องลดแขนลงแล้วกอดเอวบางเอาไว้โดยอัตโนมัติ พร้อมกับแขนแกร่งอีกข้างช้อนเข้าใต้ก้นกลมมนแล้วกระชับอุ้มเด็กสาวไว้แน่นเสมือนกลัวว่าเธอจะตก เขาเกือบตั้งรับไม่ทันกับการกระทำของเธอ

ด้านภีมที่ยืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ ก็ตกใจกับการกระทำของเด็กสาวไม่น้อยเพราะกลัวใครจะมาเห็นเข้า แต่กระนั้นเขาก็ได้แต่ยืนมองทั้งคู่อยู่อย่างนั้นไม่ได้เอ่ยขัดหรือเอ่ยห้ามปรามอะไรเลย หนำซ้ำยังกวาดสายตาสอดส่องมองไปรอบๆดูต้นทางให้ทั้งคู่ไปด้วย

"เอานิยายของมิราคืนมาเลยนะ ไม่งั้นมิราก็จะเกาะคุณอยู่แบบนี้แหละ ถ้าจะรำคาญก็รำคาญไปเลยไม่สนใจหรอก เอาคืนมาเลยนะ" มิราพูดอย่างเอาแต่ใจ พูดประชดประชันเขาไปในตัว ขณะแบมือบางข้างหนึ่งไปตรงหน้าเขา มองเขาอย่างท้าทายเสมือนคนเหนือกว่า

วายุจึงหลุบตามองมือบางที่แบมือขอหนังสือคืนจากเขา ก่อนจะเบนสายตาขึ้นมองหน้าเจ้าของมือน้อยๆแล้วเอ่ยพูดกับเธอ

"ถ้าอยากอ่านขนาดนี้เดี๋ยวผมซื้อเล่มใหม่ให้ครับ แต่เล่มนี้ผมไม่ให้อ่าน"

"จริงนะ" มิราถึงกับตาลุกวาวทันที

"ครับ แต่ต้องไม่ใช่นิยายแนวนี้" เขาไม่ลืมที่จะเอ่ยกำชับพลางกระชับอุ้มเด็กสาวให้แน่นขึ้นอีก

"ก็ได้ค่ะ แต่ขอห้าเล่มนะ" ตอบตกลงทันที แต่ก็มีต่อรองพร้อมกับยกมือขึ้นมาชูห้านิ้วให้เขาดู

"มากกว่านี้ผมก็ซื้อให้ได้ครับ" เขาไม่ได้จะโชว์พาวหรืออวดรวยแต่อย่างใด สำหรับเด็กสาวต่อให้เธออยากได้หนังสือนิยายทั้งร้านเขาก็พร้อมจะซื้อให้เธอได้อยู่แล้ว

"จริงนะ พูดแล้วห้ามคืนคำด้วย ถ้าไม่ทำตามคำพูดจะกลายเป็นผู้ใหญ่นิสัยไม่ดี" มิราพูดขณะกอดอกเชิดหน้าใส่ ทำเอาอีกคนรู้สึกเอ็นดูกับท่าทางดื้อรั้นของเธอ 

"ครับ" วายุตอบรับคำสั้นๆ ก่อนจะกระชับอุ้มเด็กสาวให้แน่นขึ้นกว่าเดิมอีก 

"งั้นก็ปล่อยมิราลงได้แล้ว" เธอเอ่ยบอกคนตัวโตไป เพราะตอนนี้เธอปล่อยมือและขาของตัวเองออกจากตัวเขาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะเป็นฝ่ายอุ้มเธอเอาไว้แทน

วายุได้ยินเช่นนั้นจึงยอมปล่อยเด็กสาวลงยืนอย่างอ้อยอิ่ง ราวกับไม่อยากปล่อยเธอ ก่อนจะวางหนังสือนิยายในมือลงบนโต๊ะไม้สักกลางศาลา โดยที่ดวงตาคู่คมไม่ได้ละไปจากเด็กสาวเลย

"เอาตังค์มาค่ะ" เมื่ออีกคนปล่อยเธอลงยืน เธอจึงแบมือบางข้างหนึ่งขอเงินจากเขาไปทันที พลางกระดิกนิ้วมือข้างนั้นไปด้วย

ด้านวายุที่มองอยู่จึงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยด้วยความเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้า โดยที่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นรอยยิ้มของเขา จากนั้นเขาก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสีดำราคาแพงของตัวเอง หยิบกระเป๋าเงินใบหรูสีดำออกมาแล้วเปิดอ้าออก หยิบธนบัตรใบสีเทาออกมาทั้งหมดประมาณหมื่นกว่าๆ โดยมีเด็กสาวคอยชะเง้อมองในกระเป๋าตังค์ของเขาอยู่ตลอด ก่อนที่เขาจะยื่นธนบัตรทั้งหมดให้เธอ

"ขอบคุณค่ะ" มิราเอ่ยขอบคุณพร้อมพนมสองมือน้อยๆไหว้คนตัวโตตรงหน้า ก่อนจะรับธนบัตรที่เขาให้มาด้วยใบหน้ายิ้มๆ

ด้านวายุจึงยิ้มเอ็นดูออกมาอีกครั้งให้กับเด็กดีมีมารยาท ขณะยืนมองเธอไม่ยอมละสายตาไปไหนเลย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง   ตอนที่ 11 มากกว่านี้ผมก็ซื้อให้ได้

    (ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)วันต่อมา09:35 น.บริเวณศาลาสวนหย่อม มิรากำลังนั่งอ่านหนังสือนิยายอยู่บนศาลา เธอมักจะมาอ่านหนังสือหรือมานั่งเล่นที่ศาลาตรงนี้เป็นประจำ เรียกได้ว่าเป็นมุมโปรดของเธอก็ว่าได้ โดยมีบอดี้การ์ดส่วนตัวอีกสองคนยืนอารักขาอยู่หน้าศาลาไม่ห่าง พวกเขาทั้งสองคนยืนคนละฝั่งของศาลาโดยหันหน้าเข้าหากันเหมือนอย่างเช่นทุกครั้งที่มายืนอารักขาเด็กสาวบริเวณนี้วันนี้มิราอ่านนิยายของนักเขียนคนใหม่ตามที่เพื่อนของเธอแนะนำมา เธอเลยตื่นเต้นเป็นพิเศษกับการที่จะอ่านมัน และการอ่านนิยายมันก็ช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของเธอได้เยอะเลยทีเดียว แต่กระนั้นเนื้อหาของหนังสือนิยายเล่มนี้มันอ่านแล้วทำความเข้าใจได้ยากกว่านิยายของนักเขียนคนโปรดที่เธออ่านอยู่เป็นประจำและเมื่ออ่านไปได้สักพักเธอก็ต้องงงและไม่เข้าใจอีกแล้ว ซึ่งเนื้อหาในนิยายที่เธออ่านแล้วไม่เข้าใจมันคือเนื้อหาของคำพูดตัวละคร ที่พระเอกพูดขู่นางเอก เธอขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง พยายามอ่านและจิตนาการตามแล้วตามอีก อ่านแล้วอ่านอีกก็ไม่เข้าใจเสียทีว่าคำพูดที่พระเอกขู่นางเอกมันหมายความว่าอะไร และในเมื่ออ่านไม่เข้าใจเธอจึงเงยหน้าจากหนังสือนิยายแล

  • ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง   ตอนที่ 10 ดื้อ

    ด้านมิราจึงได้แต่มองตามหลังคนเป็นพ่อตาละห้อย สีหน้าหงอยเศร้าลงยิ่งกว่าเดิม ทว่าลึกๆแล้วเธอไม่ได้อยากไปเรียนต่อเมืองนอกเลยด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่ยังเด็กเธอจึงประชดความรักที่ไม่สมหวังด้วยการหนีปัญหาไปอยู่ในที่ไกลๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอเขาคนที่ทำให้ใจดวงน้อยของเธอเจ็บปวดอีกจากนั้นเธอก็หันกลับมามองข้าวในจานของตัวเองที่ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เพราะกินไปแค่คำสองคำเป็นคำเล็กๆเพียงข้าวแค่ปลายช้อนเท่านั้น หรือแทบจะไม่ได้กินเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะเงยหน้าพูดกับสาวใช้วัยสามสิบกลางๆ มีนามว่าชมพู่ที่ยืนอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ"พี่ชมพู่เก็บจานเลยค่ะน้องมิอิ่มแล้ว" น้ำเสียงเบาราวกับคนไม่อยากพูดไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น"ได้ค่ะคุณหนู""ไม่ต้อง"ไม่ทันที่ชมพู่จะเดินมาเก็บจานตามคำสั่งของคุณหนูตัวน้อย ก็ต้องชะงักเท้าหยุดอยู่กับที่เพราะเสียงทุ้มของอีกคนดันเอ่ยห้ามเอาไว้เสียก่อน ก่อนที่ร่างสูงเจ้าของเสียงทุ้มจะเดินเข้ามาหาคุณหนูตัวน้อย แล้วหยุดยืนอยู่ข้างเธอที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาคู่คมมองใบหน้าน่ารักของเด็กสาวที่เงยหน้าขึ้นมามองเขา ซึ่งเขาไม่ชอบเลยที่แววตาของเธอตอนนี้มีแต่ความเศร้า เพราะเธอเหมาะที่จะยิ้มและมีดวงตาที่สุกใส

  • ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง   ตอนที่ 9 ขอไปเรียนต่อเมืองนอก

    ภายในห้องอาหารของคฤหาสน์หลังใหญ่ บนเก้าอี้ตำแหน่งหัวโต๊ะมีประมุขของบ้านนั่งอยู่ และยังมีบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขาและบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูกสาวที่ยืนประจำตำแหน่งเดิมคือข้างหลังคนเป็นเจ้านายของตัวเอง"ยัยหนูของพ่อมาพอดีเลย พ่อกำลังจะให้คนไปตามอยู่พอดี พวกเธอก็ตักข้าวสิลูกสาวฉันมาแล้ว" เดชาหันไปพูดกับลูกสาวที่กำลังเดินเข้ามาในห้องอาหาร ประโยคหลังหันไปออกคำสั่งกับสาวใช้ในบ้านที่ยืนรอรับใช้อยู่สองคนด้านภีมจึงเดินไปดึงเก้าอี้ตำแหน่งที่ประจำของคุณหนูออกเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามานั่ง ภีมทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนปกติทุกวันที่เคยทำด้านวายุที่ยืนอยู่ มองเด็กสาวตั้งแต่เห็นเธอเดินเข้ามาในห้องอาหารแล้ว แต่ครั้งนี้เธอไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเลยสักนิด ผิดกับทุกครั้งที่เธอมักจะลอบมองและแอบส่งยิ้มให้เขาอยู่ตลอด เมื่อเห็นท่าทีหมางเมินของเธอใจแกร่งก็กระตุกวูบทันที ทว่าใบหน้าของเขาก็ยังนิ่งเป็นปกติ ไม่ได้แสดงสีหน้าหรืออาการใดๆออกมาเลย"ไม่สบายรึเปล่ายัยหนู ทำไมตาหนูถึงดูบวมๆและแดงแบบนั้นล่ะ" เดชาเอ่ยถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง เพราะวันนี้สีหน้าของลูกสาวเขาดูไม่สดชื่นเอาเสียเลย พลางใช้หลังมือเอื้อมไปแตะหน้า

  • ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง   ตอนที่ 8 น่ารำคาญ/น้อยใจ

    "ผมเคยเตือนพี่แล้วใช่ไหมว่าอย่าเผลอใจให้คุณหนู แล้วทีนี้จะทำยังไงล่ะ มีหวังถ้านายรู้นายเอาพี่ตายแน่พี่วายุ" ภีมพูดเปิดประเด็นประหนึ่งบ่นรุ่นพี่ไปทันที เพราะเขาเป็นห่วงกลัวว่ารุ่นพี่จะโดนเจ้านายเล่นงาน อีกอย่างเขาห่วงความรู้สึกของทั้งคู่ที่คงไม่มีทางลงเอยกันได้ด้วยดีอย่างแน่นอน เพราะผู้เป็นเจ้านายคงไม่ยอมให้ลูกสาวอันเป็นที่รักมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับบอดี้การ์ดในบ้านเป็นอันขาด"มึงพูดอะไร มึงคิดอะไรของมึง กูไม่ได้คิดอะไรกับคุณหนูทั้งนั้น" วายุปฏิเสธเสียงแข็ง พูดเหมือนหลอกตัวเองทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าตนคิดไม่ซื่อกับเด็กสาว"ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลนะพี่ที่จะดูไม่ออก พี่เล่นหึงหวงคุณหนูกับผมขนาดนี้พี่ยังจะหลอกตัวเองอีกเหรอ" ภีมเถียงกลับอย่างรู้ทัน รุ่นพี่ของเขาโมโหหึงเด็กสาวซะขนาดนั้นทำไมเขาจะดูไม่ออก "ไร้สาระ กูบอกว่ากูไม่ได้คิดอะไร กูไม่มีทางชอบคุณหนูเพราะกูไม่ชอบเด็ก สำหรับกูเด็กอย่างคุณหนูมันน่ารำคาญ" วายุยังคงพูดในสิ่งที่ไม่ตรงกับใจ มองหน้ารุ่นน้องด้วยสายตาดุดัน เขารู้ตัวเองดีว่าคิดยังไงกับเด็กสาว ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องมายอมรับความรู้สึกของตัวเองต่อหน้ารุ่นน้อง หรือต้องมาบอกว่าเขาชอบเด็กสาว

  • ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง   ตอนที่ 7 หึงหวง

    หลายวันต่อมาตอนนี้มิราได้สอบปิดภาคเรียนที่สองและจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงปิดเทอม โดยระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมาเธอได้ส่งไลน์หาบอดี้การ์ดคนของใจทุกคืน ใจจริงเธออยากไลน์หาเขาแทบทุกเวลาที่เธอว่างเลยด้วยซ้ำ แต่กลัวว่าเขาจะรำคาญเธอเสียก่อน เลยไลน์หาเขาแค่ตอนก่อนนอนเพื่อบอกชอบบอกคิดถึงและบอกฝันดี ถึงแม้เขาจะตอบกลับบ้างไม่ตอบบ้างก็ตาม แค่เธอได้ไลน์หาเขาทุกคืนก่อนนอนและเห็นว่าเขาอ่านไลน์ทุกข้อความที่เธอส่งไป แค่นี้เธอก็พอใจแล้วบริเวณโต๊ะริมสระว่ายน้ำของคฤหาสน์หลังใหญ่"พี่ภีมคะ พี่วายุไปไหนเหรอคะ" มิราที่เดินออกมาจากในบ้าน เดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังของบอดี้การ์ดคนสนิท แล้วเอ่ยถามหาบอดี้การ์ดคนของใจเมื่อไม่เห็นเขา พลางกวาดสายตามองหาร่างสูงของเขาไปด้วย ปกติบอดี้การ์ดส่วนตัวของเธอทั้งสองคนจะตัวติดกันตลอด แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกคนเลยด้านภีมที่นั่งอยู่ก็หันมาตามเสียง ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นไปยืนตรงหน้าเจ้าของเสียงหวานที่เอ่ยถามเขา โดยยืนอยู่ในท่ากุมมือไว้ด้านหน้าหรือท่าประจำของบอดี้การ์ด แล้วเอ่ยตอบออกไป"พี่วายุไปเข้าห้องน้ำครับ คุณหนูมีอะไรใช้ผมก็ได้

  • ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง   ตอนที่ 6 ชอบพี่คนเดียว

    เวลาอาหารมื้อเย็น ภายในห้องอาหารของคฤหาสน์หลังใหญ่ มีประมุขของบ้านหรือเดชานั่งอยู่หัวโต๊ะอาหาร และมีคนเป็นลูกสาวหรือมิรานั่งเก้าอี้ตัวถัดมาเยื้องกับผู้เป็นพ่อ"เออ จริงสิ ยัยหนูจำพี่มาตินลูกชายเพื่อนพ่อได้ไหมลูก" เดชาเอ่ยถามลูกสาวของตนเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเด็กหนุ่มที่ตัวเองหมายปองอยากได้มาเป็นลูกเขยด้านมิราที่กำลังกินข้าวอยู่จึงเงยหน้ามาพูดกับคนเป็นพ่อด้วยท่าทีปกติ"พี่มาตินลูกชายคุณลุงมานพน่ะเหรอคะ"โดยมีสายตาคู่คมของบอดี้การ์ดคนใหม่ที่ยืนอารักขาอยู่ด้านหลังของเธอไม่ห่าง มองเธออยู่ตลอดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง"ใช่ครับ ตอนนี้พี่เขาเรียนจบโทแล้วนะลูก เห็นว่าอาทิตย์หน้าจะกลับไทยแล้ว" ขณะที่ปากขยับพูด เดชาก็มองสังเกตท่าทีของลูกสาวไปด้วย ว่าจะมีอาการหรือแสดงความดีใจอะไรออกมาหรือเปล่าเมื่อรู้ว่าลูกชายของเพื่อนเขากำลังจะกลับไทย"ค่ะ" แต่ทว่ามิราแค่เพียงพยักหน้าตอบสั้นๆเป็นการรับรู้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อโดยไม่ได้สนใจอะไรคนเป็นพ่อเห็นเช่นนั้นจึงแปลกใจไม่น้อยเมื่อลูกสาวดูไม่ได้ดีใจหรือตื่นเต้นกับการกลับมาของอีกคนเลย ผิดกับตอนเด็กที่เวลาลูกชายเพื่อนเขามาที่บ้าน ลูกสาวของเขาก็จะวิ่งหน้าตั้งเข้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status