Share

บทที่ 2 จุดตัดของสองชีวิต

last update Last Updated: 2025-06-12 11:02:14

ลมเย็นพัดผ่านลานมหาวิทยาลัยในช่วงปลายเดือนตุลาคม นักศึกษามากมายเดินสวนกันไปมาระหว่างตึกเรียนเสียงพูดคุยผสมกับเสียงหัวเราะของกลุ่มเพื่อนทำให้รมิดาที่กำลังเดินจูงมือน้องอชิรู้สึกอบอุ่นปนประหม่า

น้องอชิในชุดเสื้อยืดสีฟ้าพร้อมกางเกงขาสั้นลายไดโนเสาร์ เดินแกว่งมือเล็กๆ อย่างร่าเริง “ป้าดา เราจะไปไหนต่อครับ?”

“เดี๋ยวป้าดามีเรียนก่อนนะ อชิไปนั่งเล่นในห้องสมุดกับพี่เปิ้ลก่อนนะครับ” รมิดาก้มลงพูดกับหลานชายพลางลูบหัวเบา ๆ

“อชิอยากอ่านนิทานไดโนเสาร์อีก!” เด็กน้อยตาเป็นประกาย

“ได้สิ เดี๋ยวป้าดายืมให้”

ระหว่างที่รมิดาพาน้องอชิไปส่งที่ห้องสมุด เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของรุ่นพี่ที่กำลังทำกิจกรรมอยู่หน้าตึกวิศวกรรมศาสตร์ดึงความสนใจของเธอ

“นั่นใครน่ะ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มนักศึกษา รมิดาหันไปมอง ก่อนจะพบสายตาคมดุของชายหนุ่มคนหนึ่งที่จ้องมาที่เธอ

ปรเมศที่กำลังจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์หยุดมือและขมวดคิ้วเมื่อเห็นเด็กตัวเล็กที่เดินจูงมือหญิงสาวข้างหน้า ความรู้สึกแปลก ๆ วาบขึ้นมาในใจ

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน รมิดานั่งจดบันทึกในสมุดระหว่างฟังอาจารย์บรรยายในห้องเรียน เธอรู้สึกเหมือนมีสายตาใครบางคนมองมาจากด้านหลัง แต่เมื่อหันไปมองกลับพบเพียงความว่างเปล่า

หลังเลิกเรียน เธอรีบไปรับน้องอชิที่ห้องสมุด ก่อนจะพบชายหนุ่มคนเดิมที่ยืนอยู่ตรงมุมห้อง ราวกับรออะไรบางอย่าง

“คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?” รมิดาเอ่ยถามอย่างสุภาพ

ปรเมศที่กำลังจ้องดูน้องอชิเล่นบล็อกไม้ชะงัก ก่อนหันมามองรมิดาด้วยแววตาเย็นชา

“คุณเลี้ยงเด็กคนนี้อยู่เหรอ?” น้ำเสียงเขาเรียบนิ่ง แต่เต็มไปด้วยความสงสัย

รมิดาขมวดคิ้ว “ใช่ค่ะ เขาเป็นหลานของฉัน มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“หลาน?” ปรเมศทวนคำเหมือนไม่เชื่อ “คุณแน่ใจเหรอว่าคุณเลี้ยงเขาเพราะความรัก ไม่ใช่เพราะหวังอะไรบางอย่าง”

คำพูดนั้นเหมือนมีดที่ปักเข้ากลางใจของรมิดา เธออึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดหายใจลึกเพื่อควบคุมอารมณ์

“ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่คำพูดของคุณมันเกินไปแล้วค่ะ!” รมิดาตอบเสียงแข็ง

ปรเมศนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาสังเกตเห็นประกายในดวงตาของรมิดา ความเจ็บปวดปนความมุ่งมั่น ที่บอกให้เขารู้ว่าเธอไม่ได้พูดโกหก

“ผมชื่อปรเมศ เป็นน้องชายของธีรเทพ และผมคิดว่าคุณรู้จักชื่อพี่ชายผมดี”

รมิดาถึงกับพูดไม่ออก หัวใจเธอเต้นแรงเมื่อนึกถึงชื่อที่เขาเอ่ย

“ธีรเทพ?” เธอพึมพำ

“ใช่” เมศพูดต่อ “ผมมาที่นี่เพราะอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับเด็กคนนี้ เขาเกี่ยวข้องอะไรกับพี่ชายผม และทำไมคุณถึงเป็นคนเลี้ยงดูเขา?”

คำถามของเมศทำให้รมิดานิ่งงัน เธอพยายามหาคำพูดมาตอบ แต่กลับรู้สึกเหมือนถูกกดดันจนพูดไม่ออก

“น้องอชิเป็นลูกของพี่สาวฉันค่ะ เธอเสียชีวิตหลังคลอด ฉันไม่รู้ว่าคุณเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ แต่ถ้าคุณสงสัยในตัวฉัน คุณก็ไปหาคำตอบเองเถอะ!” รมิดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามสงบนิ่ง แต่แฝงความตึงเครียด

“ผมก็จะทำแบบนั้น” เมศตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

หลังจากเหตุการณ์นั้น เมศเริ่มสืบเรื่องราวเกี่ยวกับน้องอชิอย่างจริงจัง เขาได้รู้ว่าพี่ชายของเขาเคยคบหากับธีรดา แต่ความสัมพันธ์นั้นจบลงก่อนที่ธีรดาจะตั้งครรภ์

“แล้วเด็กคนนี้ล่ะ?” เขาพึมพำกับตัวเอง

ในขณะเดียวกัน รมิดาก็พยายามปกป้องน้องอชิจากความสงสัยของเมศ เธอไม่อยากให้ใครมาแย่งหลานชายไปจากเธอ

ค่ำคืนเงียบสงบ ลมหนาวพัดเอื่อยผ่านหน้าต่างบ้านไม้หลังเล็กที่รมิดาเช่าอยู่ เธอเพิ่งกล่อมน้องอชิเข้านอนเสียงหายใจสม่ำเสมอของเด็กชายวัยสองขวบดังมาจากห้องนอนเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับห้องนั่งเล่น

รมิดาทิ้งตัวลงบนโซฟา ถอนหายใจยาว ความเหนื่อยล้าจากทั้งการเรียนและการดูแลหลานชายประดังประเดเข้ามา แต่ก่อนที่เธอจะได้หลับตาผ่อนคลาย เสียงเคาะประตูดังขึ้น

เธอหันไปมองนาฬิกา “ใครมาดึกขนาดนี้?”

เมื่อเปิดประตูออก รมิดาต้องชะงัก ชายหนุ่มร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงสแลคยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาคมเข้มของเขามองตรงมาที่เธอด้วยแววจริงจัง

“คุณ…” รมิดาเอ่ยเบา ๆ

“ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ” ปรเมศพูดเสียงเรียบ

“ตอนนี้เหรอ? มันดึกมากแล้วนะคะ” รมิดาขมวดคิ้ว

“ดึกแค่ไหนก็ไม่สำคัญหรอก ถ้าคุณยังไม่ให้คำตอบที่ชัดเจน” เมศพูดพลางก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา

“นี่! คุณจะเข้ามาแบบนี้ไม่ได้นะคะ!” รมิดารีบยกมือกันเขา แต่ปรเมศกลับไม่สนใจ

เขายืนกลางห้องนั่งเล่น มองไปรอบ ๆ บ้านเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยของใช้เด็ก ทั้งของเล่นกองโตบนพรมและกองหนังสือนิทานบนโต๊ะ “นี่เหรอคือชีวิตที่คุณเลือก? ชีวิตที่วุ่นวายแบบนี้?”

“ใช่ค่ะ” รมิดาตอบทันที แม้จะรู้สึกไม่พอใจในน้ำเสียงดูถูกของเขา “แล้วมันผิดตรงไหน?”

“มันไม่ผิด…” เมศพูดช้า ๆ พลางหันมามองเธอ “แต่คุณคิดจริง ๆ เหรอว่าคุณจะทำแบบนี้ได้ตลอดไป?”

“ฉันไม่ต้องการให้คุณมาตัดสินชีวิตฉัน” รมิดาตอบกลับเสียงแข็ง ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ฉันทำทุกอย่างที่ฉันทำได้เพื่อหลานชายของฉัน และฉันจะไม่ให้ใครมาทำลายสิ่งที่ฉันสร้าง”

“คุณคิดว่าคุณทำคนเดียวได้งั้นเหรอ?” เมศถามกลับ น้ำเสียงเริ่มดุดันขึ้น “คุณยังเรียนอยู่ เงินที่คุณใช้เลี้ยงหลานก็มาจากเงินประกันของพี่สาวคุณ คุณจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?”

รมิดานิ่งไป เธอรู้ว่าสิ่งที่เมศพูดไม่ผิดนัก แต่คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยาม

“คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับฉัน!” รมิดาเผลอขึ้นเสียง เธอสูดลมหายใจลึกพยายามสงบอารมณ์ “คุณมาที่นี่เพื่ออะไรคะ? คุณต้องการอะไรแน่?”

“ผมต้องการรับผิดชอบ” เมศตอบทันที “น้องอชิอาจเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพี่ชายผม และผมไม่อาจปล่อยให้คุณเลี้ยงเขาไปตามลำพังแบบนี้”

คำพูดของเขาทำให้รมิดาชะงัก เธอจ้องหน้าชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณพูดเหมือนเขาเป็นภาระคุณคิดว่าคุณรับผิดชอบได้ดีกว่าฉันเหรอ?"

“ไม่ใช่ภาระ” เมศตอบ น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย “แต่น้องอชิสมควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ใช่แค่ความพยายามของผู้หญิงคนหนึ่งที่แบกทุกอย่างไว้คนเดียว”

“ฉันไม่คิดว่าคุณเข้าใจคำว่าความรัก” รมิดาพูดเสียงเบา แต่หนักแน่น “น้องอชิไม่ได้ต้องการของแพงหรูหราหรืออนาคตที่คุณคิดว่าดีที่สุด เขาต้องการเพียงคนที่รักเขาและอยู่ข้างเขา”

คำพูดของรมิดาทำให้เมศนิ่งไป

บรรยากาศในห้องดูเหมือนหยุดนิ่ง รมิดากอดอกมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างระแวดระวัง

“ผมไม่ได้มาเพื่อแย่งน้องอชิไปจากคุณ” เมศพูดในที่สุด น้ำเสียงเขาเบาลงเล็กน้อย “ผมแค่อยากมั่นใจว่าเขาจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด”

“คุณคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคืออะไร?” รมิดาถาม “ครอบครัวที่แท้จริงไม่ได้มาจากเงินหรือสิ่งของ แต่มาจากหัวใจ คุณไม่เคยอยู่ตรงนี้ คุณไม่เคยรู้ว่าน้องอชิต้องการอะไร”

เมศจ้องเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ “งั้นผมจะอยู่”

“อะไรนะ?” รมิดาทำหน้าตกใจ

“ผมจะอยู่ที่นี่” เมศพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมจะช่วยคุณเลี้ยงน้องอชิ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณแบกทุกอย่างไว้คนเดียว”

รมิดาอ้าปากค้าง เธอไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“คุณบ้าไปแล้วเหรอ?”

“ถ้าการอยู่ตรงนี้ทำให้ผมมั่นใจได้ว่าน้องอชิจะได้รับความรักและการดูแลที่ดี ผมก็จะทำ” เมศตอบ ดวงตาของเขาจริงจัง

รมิดานิ่งไป เธอรู้สึกทั้งโกรธ สับสน และอ่อนล้าในเวลาเดียวกัน

“ถ้าคุณคิดว่าคุณจะอยู่ที่นี่แล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้น คุณคิดผิด” เธอพูดเสียงเบา “ชีวิตของฉันและน้องอชิไม่ได้เหมาะกับใครบางคนที่มองมันเป็นแค่หน้าที่”

“งั้นผมจะพิสูจน์” เมศพูด “ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำให้มันง่ายขึ้น ผมมาที่นี่เพราะผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตน้องอชิ”

คำพูดนั้นทำให้รมิดารู้สึกสะท้อนในใจ เธอยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร แต่เธอก็เริ่มตระหนักว่าผู้ชายคนนี้อาจไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่เธอคิด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 35 ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ

    วันรุ่งขึ้นเช้านี้ แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านผ้าม่านสีขาวในห้องนั่งเล่น รมิดานั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับแก้วกาแฟในมือ แต่เธอแทบไม่ได้แตะมันเลย ดวงตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ซึ่งยังคงฉายข่าวเรื่องการจากไปของพ่อแม่พิชชาเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นที่หน้าบ้าน เธอหันไปมองผ่านหน้าต่าง เห็นรถของปรเมศจอดอยู่ รมิดาวางแก้วกาแฟลง ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้เขา“เห็นข่าวหรือยังคะ?” เธอถามทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในบ้าน ปรเมศพยักหน้า สีหน้าของเขาเคร่งขรึม “เห็นแล้ว”รมิดาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันว่าจะไปเยี่ยมพิชชาสักหน่อยค่ะ”ปรเมศมองเธอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมก็ว่าจะไปเหมือนกัน”เธอเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ “คุณก็จะไป?”“ใช่” เขาพยักหน้า แล้วอธิบาย “ตระกูลดั้งเดิมของพิชชาให้ความสำคัญกับหน้าตาทางสังคมมาก ข่าวใหญ่โตขนาดนี้ ผมว่า ญาติของเธอคงไม่มีใครอยากมายุ่งเกี่ยวด้วย”รมิดานิ่งไป“ผมจะไปแสดงความเสียใจ และขอจัดงานศพแทนพ่อแม่ของเธอ” เขาพูดต่อ น้ำเสียงหนักแน่น “ถึงแม้เธอจะทำเรื่องเลวร้ายแค่ไหน สุดท้ายเธอก็เหลือตัวคนเดียว ผมไม่อยากให้เธอจากไปโดยไม่มีใครเลย”รมิดามองเ

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 34 ผลลัพธ์เกิดจากการกระทำ

    “ป้าดา ป่าป๊าอชิไปไหนฮะ ป่าป๊าเจ็บอยู่ ยังอยู่ในนั้นใช่ไหม ป่าป๊าเจ็บมากไหมฮะ ฮึก”เสียงหลานชายสะอื้นเรียกสติรมิดาอีกครั้ง เธอจะบอกอชิยังไงดีรมิดากระชับอ้อมกอดน้องอชิแน่นขึ้น ลูบหลังเบา ๆ เพื่อปลอบโยนให้เด็กน้อยสงบลง“อชิไม่ร้องนะครับ ป้าดาอยู่ตรงนี้นะ”เสียงของเธอสั่นเครือพอ ๆ กับหัวใจที่เจ็บปวด ความสูญเสียครั้งนี้หนักหนาเกินกว่าที่เธอจะรับมือได้ แต่น้องอชิยังเด็กนัก… เขาไม่ควรต้องเผชิญเรื่องแบบนี้เลยเด็กน้อยสะอื้นฮัก ซุกหน้ากับอกของเธอ พลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ป่าป๊าภีมไปไหนเหรอฮะ ป้าดา… ทำไมยังไม่ออกมาหาอชิ”รมิดาหลับตาลง พยายามกลั้นน้ำตาที่ไหลรื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธออยากจะบอกความจริงทั้งหมด แต่จะให้เด็กวัยนี้เข้าใจความตายได้อย่างไร“ป๊าภีมต้องไปที่ไกล ๆ แต่เขายังรักอชิอยู่เสมอนะครับ”“แล้วป๊าจะกลับมาไหมฮะ”คำถามนั้นเหมือนคมมีดที่กรีดกลางใจเธอรมิดาไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอได้แต่ลูบศีรษะเล็ก ๆ นั้นเบา ๆ พลางเอ่ยเสียงแผ่ว “ป๊าภีมจะอยู่กับอชิตลอดไป… อยู่ในหัวใจของอชิไงครับ”เด็กน้อยสะอื้นหนักขึ้น ก่อนที่ร่างเล็ก ๆ จะค่อย ๆ อ่อนแรงลงจากความเหนื่อยล้า เสียงร้องแผ่วลงจนกระทั่งเ

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 33 สูญเสีย

    รมิดาเดินกลับมาถึงหน้าห้องไอซียู ร่างบางมองเห็นปรเมศที่ยืนพิงกำแพง มือหนายกขึ้นเสยผมด้วยความเครียด ก่อนจะลดมือลงมาจับมือน้อย ๆ ของน้องอชิที่กำลังหลับอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆเมื่อปรเมศเห็นเธอเดินกลับมา เขาก็รีบสาวเท้าเข้ามาหา สีหน้าของเขาดูเป็นกังวล “คุยกับคุณแม่เป็นยังไงบ้าง?”รมิดามองหน้าเขาแล้วยิ้มบาง ๆ “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ คุณหญิงแค่… ยอมรับฉันแล้ว”แววตาของปรเมศไหววูบไปชั่วครู่ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะค่อย ๆ ยกยิ้มขึ้นมาอย่างโล่งใจ“จริงเหรอ?” เขาถามเสียงเบา ราวกับยังไม่อยากจะเชื่อ รมิดาพยักหน้า “ค่ะ จริง คุณหญิงยอมรับฉันแล้ว”ปรเมศมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ เขาเห็นความสุขและความโล่งใจที่สะท้อนอยู่ในนั้น มันเป็นสิ่งที่เขาเฝ้ารอมาโดยตลอดเขายื่นมือไปจับมือเธอเอาไว้ “ดีแล้ว… ผมดีใจจริง ๆ”รมิดากำมือของเขาแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองน้องอชิที่ยังคงหลับสนิท เธอถอนหายใจเบา ๆ“ตอนนี้เหลือแค่ภีม…” น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาลง แววตาหม่นลงเล็กน้อยปรเมศบีบมือเธอเบา ๆ เป็นเชิงปลอบโยน “ภีมต้องปลอดภัย เขาแข็งแรงขนาดนั้น เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอะไรไปง่าย ๆ หรอก”รมิดาฝืนยิ้ม

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 32 ยอมรับ

    ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งรมิดานั่งอยู่หน้าห้องไอซียู มือของเธอคอยลูบศีรษะเล็ก ๆ ของน้องอชิที่หลับอยู่ในอ้อมแขนอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเด็กน้อยยังคงบวมแดงจากการร้องไห้หนัก ความเหนื่อยล้าทำให้เขาหลับไป แต่ถึงอย่างนั้น มือเล็ก ๆ ก็ยังจับชายเสื้อของเธอไว้แน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปรมิดามองประตูห้องไอซียูที่ปิดสนิท หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างหวาดหวั่น ทุกวินาทีที่รอคอยช่างยาวนาน ราวกับเข็มนาฬิกาเดินช้าลงอย่างน่าทรมาน“ถึงมือหมอแล้ว นายจะไม่เป็นอะไร”ริมฝีปากสีสวยพึมพำเบา ๆ เธอเคยดูละครหลังข่าวมาก็เยอะ สถานการณ์ที่พระเอกโดนยิง จะมีปาฏิหารย์ตลอด ฉะนั้นภีมคือพระเอกในเรื่องราวของเธอ เป็นป่าป๊าของน้องอชิ เขาต้องรอดเท่านั้นตึก ! ตึก !ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากปลายทางเดิน ปรเมศที่เพิ่งจัดการเรื่องราวต่าง ๆ เสร็จ รีบวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาเธอ“รมิดา!”เสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนใจรมิดาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนล้าและความกังวล “ปรเมศ…”ปรเมศทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เธอ หายใจหอบเล็กน้อยเพราะวิ่งมาอย่างรีบร้อน “เป็นยังไงบ้าง หมอบอกว่ายังไง?” เขาพูดเสียงอ่อนพลางลูบหลังเธอเ

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 31 ป่าป๊าของอชิ

    ปรเมศกับภีมซุ่มอยู่ด้านนอกโกดัง ดวงตาทั้งสองคนจับจ้องไปยังพวกโจรที่กระจายตัวกันอยู่ด้านหน้าอาคาร“มีสองคนเฝ้าหน้าประตู อีกคนเดินตรวจตราอยู่รอบ ๆ” ภีมกระซิบขณะมองผ่านช่องเล็ก ๆ บนกำแพงร้าง“ถ้าบุกตรง ๆ เสียงปืนดังแน่ ต้องจัดการเงียบ ๆ ก่อน” ปรเมศพยักหน้าเห็นด้วยภีมชี้ไปทางด้านซ้าย “ฉันจะไปจัดการไอ้คนที่เดินตรวจ นายไปดักสองตัวที่เฝ้าประตู”“เออ เจอกันข้างใน” ปรเมศตอบเสียงเรียบ ก่อนที่ทั้งสองจะแยกกันดำเนินแผนภีมเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบ อาศัยเงามืดเป็นที่กำบัง รอจนโจรที่เดินตรวจตราเผลอ ก่อนจะพุ่งเข้าไปล็อกคอจากด้านหลัง กระชากตัวมันลงกับพื้นอย่างแรง“อึก…!!”ภีมใช้แขนรัดคอแน่นจนร่างนั้นหมดสติไป ก่อนจะค่อย ๆ วางมันลงกับพื้นอย่างไร้เสียง“หนึ่งไป” เขาพึมพำเบา ๆ แล้วส่งสัญญาณให้ปรเมศที่ซุ่มอยู่ใกล้ประตูปรเมศจัดการพวกที่เฝ้าหน้าประตูอย่างรวดเร็ว เขาใช้ท่อนไม้หนัก ๆ ฟาดเข้าที่ท้ายทอยของคนแรก ก่อนจะเตะเข้ากลางลำตัวของอีกคนจนมันล้มลงไป“สองไป”ภีมรีบเข้ามาสมทบ ทั้งคู่จับอาวุธจากพวกโจรมาไว้ในมือ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูโกดังเข้าไปทันทีที่เข้ามาข้างใน“ลุงภีม!! ลุงเมศ!! ช่วยป้

  • ป่าป๊ากับหม่าม้าใหม่ของน้องอชิ   บทที่ 30 จะช่วยได้หรือไม่

    โกดังร้าง – เวลากลางคืนปรเมศกับภีมขับรถมาถึงบริเวณโกดังร้าง ก่อนจะดับเครื่องยนต์ไว้ห่างออกไปไม่เกิน 500 เมตร ทั้งสองกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาตึงเครียด บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด มีเพียงแสงไฟสลัวจากเสาไฟฟ้าบางต้นที่พอให้มองเห็นโครงสร้างเก่าโทรมของโกดัง“เราจะบุกเข้าไปเลยไม่ได้” ภีมพูดเสียงเครียด “ถ้าคนร้ายรู้ตัวก่อน มันอาจจะใช้รมิดากับอชิเป็นตัวประกัน”ปรเมศพยักหน้า เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความจากตำรวจที่ตอบกลับมาแล้วว่ากำลังเดินทางมา คาดว่าจะถึงภายใน 15 นาที“เราต้องถ่วงเวลาให้ตำรวจมาถึงก่อน” ปรเมศพูดเสียงหนัก “แต่เราก็ต้องหาทางให้พวกมันไม่รู้ตัวว่าเรามาแล้วด้วย”ภีมมองไปยังโกดัง สังเกตเห็นว่ามีลูกน้องของพวกมันสองคนเดินตรวจตราอยู่ด้านหน้า ถือปืนคนละกระบอก“ทางเข้าออกมีแค่ประตูหน้า” ภีมพึมพำ “ถ้าเราจะเข้าไป ต้องหาทางกำจัดยามพวกนั้นก่อน”ปรเมศขบกรามแน่น ก่อนจะเหลือบมองไปทางซ้ายมือของโกดัง ซึ่งมีช่องหน้าต่างแตกอยู่ “หรือเราจะลองเข้าไปจากตรงนั้น?”ภีมหรี่ตา “อืม… นั่นอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า”ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของภีมสั่นเบา ๆ เขารีบกดรับ เป็นสายจากตำรวจ“ค

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status