มาร์คัสยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ดวงตาคมกริบดุจพญาอินทรีย์ ที่จ้องมองเดวิดนั้นดำมืดและลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างให้หายไป
รอยยิ้มที่เคยปรากฏบนใบหน้าของเขาก่อนหน้านี้เลือนหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความว่างเปล่าที่แฝงด้วยอันตรายถึงขีดสุด เขาไม่ได้โกรธเกรี้ยว หรือตวาดก้อง แต่ความเงียบของเขานั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงใด ๆ เดวิดที่เห็นปฏิกิริยาของมาร์คัสกลับยิ่งได้ใจ เขาคิดว่าตนเองกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ และต้องการจะตอกย้ำชัยชนะของตนเอง "ทำไมเงียบไปล่ะครับคุณมาร์คัส หรือว่าเรื่องจริงมันน่าอายเกินไปที่จะยอมรับ" เดวิดพูดยิ้มๆ "ผู้หญิงของผมคงไม่มีประวัติฉาวโฉ่แบบนี้หรอกครับ...ผมเลือก.." พลั่ก! ยังไม่ทันที่เดวิดจะพูดจบ ร่างของเขาก็ล้มกระเด็นลงไปกองกับพื้นอย่างแรง เสียงของเนื้อที่ปะทะกับกำปั้นดังสนั่นไปทั่วห้อง มาร์คัสเป็นคนต่อยเขา!จนเลือดกลบปากและฟันหักไปหนึ่งซีก ทุกคนในงานถึงกับผวาถอยหลังไปคนละก้าว ไม่มีใครคาดคิดว่ามาร์คัสจะระเบิดอารมณ์ออกมากลางงานเลี้ยงสำคัญแบบนี้ มาร์คัสเดินเข้าไปหาเดวิดที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างช้าๆ แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ "ปากดี" มาร์คัสพึมพำเสียงเย็นจัด เขาใช้เท้าเหยียบลงบนอกของเดวิดอย่างแรง จ้องมองใบหน้าซีดเผือดของอีกฝ่ายที่กำลังเจ็บปวดเลือดไหลออกจากปากไม่หยุด "มึงพูดอะไรก็ได้...แต่ไม่ใช่กับ ผู้หญิงของกู!" เสียงของมาร์คัสต่ำและกระด้าง ราวกับคำประกาศิตจากนรก "สิ่งที่มึงพูดออกไป...มึงจะต้องชดใช้มันทั้งหมดให้กับคนของกู" ทันใดนั้น บอดี้การ์ดของมาร์คัส ราเชนทร์ ก็ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับลูกน้องอีกสองสามคน พวกเขาลากร่างของเดวิดที่นอนอยู่บนพื้นออกไปจากงานอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจเสียงร้องโอดโอยของอีกฝ่าย "ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยผมด้วย!" เดวิดร้องขอความช่วยเหลือเหมือนหมาที่กำลังถูกน้ำร้อนลวก ไม่มีใครกล้าแม้กระทั่งจะยื่นมือไปพยุงให้เดวิดลุกขึ้น ราเชนบอดี้การ์ดคู่ใจของมาร์คัสจัดการลากเดวิดออกไปที่นอกงานแต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นที่จะให้เดวิดเดินกลับออกไปเฉยๆ อันนาที่ปกติเงียบสงบอยู่แล้วเธอก็ยิ่งเงียบยิ่งกว่าเดิมใบหน้าของเธอปนไปด้วยความเศร้าตาแดงก่ำราวกับจะร้องไห้อันนาพยายามกล้ำกลืนฝืนเอาทุกคำพูดของเดวิดเอาไว้ภายในก้นบึ้งของหัวใจที่โดนทำร้ายอย่างหนัก "เชิญทุกคน ทานอาหารกันต่อตามสบายครับ"มาร์คัส หันไปพูดกับทุกคนแต่มันเปรียบเสมือนเสียงซาตานที่พร้อมจะสังหารมากกว่าที่ชวนเชิญ บรรยากาศในงานเลี้ยงกลับเข้าสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นความวุ่นวายที่ปะปนไปด้วยความหวาดกลัวและสับสน ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อ ซาตาน อย่างมาร์คัสได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ผลลัพธ์ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน มาร์คัสหันกลับมามองอันนาที่ยืนตัวสั่นเป็นลูกนก เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่บีบมือของเธอให้แน่นขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะจูงมืออันนาเดินออกจากงานเลี้ยงไปอย่างไม่แยแสสายตาของผู้คน บอดี้การ์ดทุกคนโค้งคำนับให้กับมาร์คัสแล้วเปิดประตูให้ทั้งสองก้าวกลับขึ้นไปบนรถหรู ทันทีที่รถแล่นออกจากงาน มาร์คัสสังเกตเห็นแววตาคู่นั้นของอันนาที่มันเศร้าตลอดเวลา และยิ่งตอนนี้กลับแดงก่ำเหมือนพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล มาร์คัสเกิดความสงสารขึ้นในใจ แต่เขาไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยคำพูดดีๆ ออกมา "เป็นผู้หญิงของฉัน อย่าอ่อนแอ!" นั่นเป็นคำพูดที่เหมือนจะปลอบใจ แต่มันแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ ไม่มีความอ่อนช้อยหรืออ่อนโยนปะปนอยู่ในนั้น อันนาหันกลับมามองมาร์คัสด้วยแววตาที่แดงก่ำ น้ำตาคลอหน่วย ดวงหน้าสวยของเธอพยายามกลั้นน้ำตาจนถึงที่สุด แต่สุดท้ายเธอก็ร้องไห้โฮออกมาสุดจะกลั้นมันเอาไว้ได้ น้ำตาใสๆ ไหลรินตั้งแต่หางตา หยดเป็นทาง มาร์คัสเขาไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวกับน้ำตาของใครแบบนี้มาก่อน "เธอร้องไห้ทำไม อันนา.." มาร์คัสรู้ว่าอันนาเสียใจ แต่เขาก็ไม่รู้จะปลอบใจเธอยังไง "อันนาผิดมากใช่ไหมคะ อันนาไม่น่าเกิดมาเลยใช่ไหม ฮึก อันนาน่าจะตายไปเลย.!" อันนาหันมาพูดกับมาร์คัสทั้งน้ำตา เสียงสะอึกสะอื้น น้ำตาที่ไหลไม่หยุดทำให้มาร์คัสยิ่งตกใจกับสิ่งที่เห็น หัวใจของเขาวูบไหว "แม่ของอันนาตาย เพราะพ่ออันนาติดการพนัน ทุบตีแม่สารพัด อันนาส่งตัวเองเรียนมาตั้งแต่เด็ก ฮึก ..ฮื่อ..ตอนนี้อันนาไม่เหลือใครแล้วค่ะ ฮื่อ..อันนาไม่เหลือใครแล้ว..." เสียงสะอึกสะอื้นปนร่ำไห้ อันนาเธอไม่รู้จะทำยังไง เธอโผเข้ากอดมาร์คัสเอาไว้แน่น เหมือนเป็นไหล่พิงพักสุดท้ายให้กับเธอในเวลานี้ มาร์คัสที่ทำตัวไม่ถูก กลับปล่อยให้อันนากอดรัดเขาแล้วร้องไห้จนพอใจ อ้อมกอดของอันนาที่สั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทำให้มาร์คัสรู้สึกถึงความอบอุ่นบางอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต เขาเคยชินกับการเป็นผู้ควบคุม เป็นผู้มอบความเจ็บปวด ไม่ใช่ผู้ที่ถูกกอดและรับรู้ถึงความเปราะบางของใครบางคน เขายกมือขึ้นช้าๆ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางมือลงบนแผ่นหลังบอบบางของอันนาอย่างแผ่วเบา ไม่ได้เป็นการปลอบโยน แต่เป็นการยอมรับการมีอยู่ของเธอในอ้อมแขนของเขา อันนาร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน ซบหน้ากับแผงอกของมาร์คัส ปล่อยความเจ็บปวดทั้งหมดออกมาเธอไม่สนใจเราว่าคนตรงหน้าจะเป็นใครหรือต้องการอะไรเธอแค่ต้องการที่พักพิงทางจิตใจที่บอบบางในเวลานี้ มาร์คัสได้ยินทุกคำพูดของเธอ เรื่องราวชีวิตที่แสนรันทดของอันนา ที่ถูกเปิดเผยออกมาในยามที่เธออ่อนแอที่สุด มันทำให้กำแพงน้ำแข็งในใจของเขาเริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย เขารู้สึกถึงความรับผิดชอบบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจอย่างไม่รู้ตัว รถยังคงแล่นไปในความมืดมิด มีเพียงเสียงสะอื้นของอันนาและลมหายใจของมาร์คัสที่ดังอยู่ในห้องโดยสาร มาร์คัสปล่อยให้อันนากอดเขาอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเสียงสะอื้นของเธอค่อยๆ แผ่วลง และกลายเป็นเพียงเสียงหอบหายใจที่สม่ำเสมอ อันนาผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของเขา ด้วยความอ่อนเพลียและหมดแรง มาร์คัสก้มลงมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่ซบอยู่บนอกของเขา แววตาที่เคยแข็งกระด้างอ่อนลงเล็กน้อย เขายกมือขึ้นปัดปอยผมที่ปรกหน้าของเธอออกอย่างแผ่วเบา ราเชนทร์เฝ้ามองทุกการกระทำของผู้เป็นนายนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่านายพาผู้หญิงกลับเข้าบ้านและนอนกับผู้หญิงคนนี้ตลอดทั้งคืนในห้องส่วนตัวที่เจ้านายหวงที่สุด นี่คือครั้งแรกที่อันนาได้หลับอย่างสงบในอ้อมกอดของมาร์คัส และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่มาร์คัสได้สัมผัสถึงความเปราะบางของมนุษยที่เขาเคยคิดว่าตัวเองไม่เคยมี เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ในยามดึก อันนารู้สึกอ่อนเพลียทั้งกายใจเธอหลับลึกจนไม่รู้เรื่องว่าตอนนี้เธอถึงคฤหาสน์หรูหรือกรงทองที่เธอเรียก "นายท่าน ให้ป้าจัดการเธอเองดีกว่าไหมคะ"ป้าสมศรีที่ได้ยินเสียงรถก็รีบตื่นลุกขึ้นมาดูพร้อมกับสาวใช้คนอื่น "ไม่ต้องครับป้า เดี๋ยวผมจัดการเอง" ป้าสมศรียืนมองมาร์คัสที่อุ้มอันนาเดินผ่านหน้าขึ้นบันไดไปทุกคนในบ้านรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวของมาร์คัส มาร์คัสโอบอุ้มเธอด้วยความอ่อนโยนที่ไม่เคยทำให้กับผู้หญิงคนไหนแล้วพาเธอเข้าไปนอนในห้องนอนของเขามาร์คัสเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าและโอบกอดเธอจนหลับไป..มาร์คัสยังคงไม่หยุด เขาก้มหน้าลงดูดดุนติ่งเสียวของเธออย่างไม่ลดละ ราวกับกำลังลิ้มรสของหวานที่ถูกใจ ร่างกายของอันนาบิดเร่าไปมาด้วยความทรมานปนสุข เธอเกร็งไปทั้งตัว มือทั้งสองข้างจิกผ้าปูที่นอนแน่นในที่สุด เมื่อความเสียวซ่านมาถึงขีดสุด ร่างกายของอันนาก็กระตุกเกร็งเกร็งไปทั้งตัวก่อนจะปลดปล่อยธารน้ำหวานออกมาเลอะหน้าของมาร์คัส ราวกับเป็นการบ่งบอกถึงจุดสูงสุดของความต้องการมาร์คัสเงยหน้าขึ้นจากกลีบกุหลาบที่บอบช้ำ ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยธารน้ำหวานนั้น เขายกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ก่อนจะใช้ลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองช้าๆ ดวงตาคมกริบจ้องมองอันนาที่นอนหอบหายใจอยู่ใต้ร่างด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ยังไม่มอดดับ"หวาน..." มาร์คัสเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาของเขาลุกโชนกว่าที่เคย "เธอทำให้ฉัคลั่ง อันนา"มาร์คัสไม่รอให้อันนาได้พักหายใจ เขาประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ดูดกลืนทุกเสียงครวญครางและหอบหายใจของเธอ ความดิบเถื่อนและความเร่าร้อนของเขาไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแม้แต่น้อย มือหนาข้างหนึ่งรวบร่างบอบบางของเธอให้แนบชิดกับกายแกร่ง อีกข้างหนึ่งจับเรียวขาของเธอให้ยกพาดบ่าอย่างไม่รีบร้อน"อื้อออ...!" อันนา
ผ้าถูกถอดทิ้งกรองลงบนพื้นเหลือเพียงกางเกงที่สวมใส่หน้าอกอวบอิ่มดูเย้ายวนเหมือนเชื้อเชิญให้มาร์คัสมาสัมผัสและเชยชมแอร์ที่ทำงานเย็นเฉียบกระทบกายของอันนา แต่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเย็นตามอุณหภูมิห้องเลยความเร่าร้อนที่ได้รับมาจากผู้ชายตรงหน้าทำให้อันนาล่องลอยเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยตัววนอยู่ในท้องมันทั้งสุขและเสียวในเวลาเดียวกันเหมือนมีไฟฟ้าโลดแล่นช็อตแปล๊บ ๆ ภายในร่างกายที่ร้อนระอุ อันนาทั้งกลัวและอยากจะหนีไปแต่แรงอารมณ์ของอันนาที่ถูกถ่ายทอดมานั้นมันทำให้เธอตกเป็นทาสของมาร์คัสในเวลานี้"ฮืม ...เด็กดี ..หวาน" มาร์คัสพูดเสียงเบาๆเอยชมอันนามันทำให้อันนารู้สึกเขินจนหน้าร้อนผ่าว"พอแล้วได้ไหมคะ..อ้าส์" อันนาที่เสียวกระสันจนครางส่งเสียงเย้ายวนออกมา ปากบอกให้พอ แต่พอโดนมาร์คัสหยอกเย้ายอดประทุมเธอก็แอ่นอกให้เขาอย่างเต็มใจร่างกายกับปากของเธอมันช่างตรงข้ามกันทุกระเบียบนิ้ว"หึ!" มาร์คัสเปล่งเสียงเย้ยหยันในลำคอออกมา เขาถูกอกถูกใจที่อันนาผู้หญิงที่เขาเลือกตอบสนองไวต่อความต้องการของเขา"เธอนี่มันร่าน! ฮืม..." สองมือหนาลูบไล้ผิวขาวเนียน จากสันหลังลงมาที่เอวคอดแล้วเลื่อนมาที่สะโพกงอน มาร์คัสบีบเค้นจนขึ้นเ
หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยมาคัสก็บอกให้อันนาเดินตามเขาไปที่ห้องทำงานคำพูดที่แสนเย็นชาการกระทำที่หยาบกระด้างเหมือนกับหินทุบลงพื้นมันทำให้อันนารู้สึกเกรงกลัวมาขัดขึ้นทุกวัน"ค่ะคุณมาร์คัส มีอะไรหรือเปล่าคะ" อันนารวบรวมความกล้าหลังจากเดินเข้ามาในห้องแล้วก็ถามมาคัดออกไปตรงๆ"เซ็นซะ เอกสารที่เธอควรต้องเซ็น"มาร์คัสไม่อธิบายอะไรให้กับอันนาฟันแต่บอกให้อันนาเซ็นเอกสารที่อยู่ตรงหน้าของเธออันนาหยิบเอกสารขึ้นมาตั้งใจจะอ่านให้จบแต่มาร์คัสก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า "ไม่ต้องอ่านหรอก เอกสารเซ็นหนังสือสมรสของเราสองคน..!" มาร์คัสที่พูดจาเย็นชาไม่ได้สนใจอาการสีหน้าตกใจของอันนาเลย"แต่ว่าอันนายังไม่ได้ตกลงนะคะ" อันนาหันมาพูดกับมาร์คัสเพราะเธอรู้สึกไม่เป็นธรรมเหมือนโดนมัดมือชก"ไม่จำเป็นต้องตกลง เพราะชีวิตของเธอเป็นของฉัน ทุกตารางนิ้วในร่างกายเธอตอนนี้เป็นของฉัน!" อันนาเธอรู้สึกมือเหงื่อออกจนชุ่มทั้งตื่นเต้นทั้งโมโหอยากจะเอามือไปข่วนหน้าคนที่เย็นชายังมาร์คัดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย"ลงชื่อของเธอลงในหนังสือสัญญาสมรสนี้ให้เรียบร้อยแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น"มาร์คัสไม่ได้อธิบายอะไรทั้งสิ้น คำว่าดีขึ้นดี
อันนาที่แบกเรื่องหนักมามากมายหลังจากผ่านงานที่ไปกับมาร์คัส เธอหลับจนไม่ได้สติจวบจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ดวงตาที่หนักอึ้งของเธอค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยเสียงแอร์มอนิเตอร์ที่ทำงานเย็นเฉียบแต่ทำไมร่างกายของเธอกลับรู้สึกอบอุ่นอันนาลืมตาขึ้น พร้อมกับมองเห็นฝ้าเพดานที่ขาวสะอาดตา และมันไม่ใช่ห้องที่เธอเคยอยู่มันคือห้องที่เธอเสียตัวเป็นคืนแรก อันนาตกใจจนเบิกตากว้างพยายามรวบรวมสติแต่เธอกลับรู้สึกหนักอึ้งบริเวณเอวของเธอมีมือหนากอดรัดเอาไว้อันนาพลิกไปมองใบหน้าที่คมเข้มดูดีและหล่อเหลา แม้ในเวลาที่หลับสนิทก็ยังดูหน้าหลงไหล อันนาจ้องหน้าของมาร์คัสเหมือนกับต้องมนต์สะกดอีกครั้งอันนาพยายามจะขยับออกหนีอย่างเงียบๆเพื่อกลับไปที่ห้องของเธอแต่เธอยิ่งขยับมาร์คัสก็จะขยับและกอดเธอแน่นขึ้น และเธอลองขยับอีกครั้ง มาคัสก็ยิ่งกอดเอวของเธอแน่นเข้าไปอีกอันนาจ้องไปที่หน้าของคนที่กำลังนอนหลับสนิทเธอพลันคิดว่ามาคัสหลับจริงๆหรือเปล่าและดวงตาคมกริบของมาร์คัสก็ลืมขึ้นแล้วจ้องไปที่ดวงตาของอันนาเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน"ตื่นแล้วหรอ" มาร์คัสถามอันนาด้วยถ้อยคำที่ดูอ่อนโยนขึ้นกว่าสองวันแรก"อันนารู้สึกตกใจที่เห็นมาร์คัส
มาร์คัสยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ดวงตาคมกริบดุจพญาอินทรีย์ ที่จ้องมองเดวิดนั้นดำมืดและลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างให้หายไป รอยยิ้มที่เคยปรากฏบนใบหน้าของเขาก่อนหน้านี้เลือนหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความว่างเปล่าที่แฝงด้วยอันตรายถึงขีดสุด เขาไม่ได้โกรธเกรี้ยว หรือตวาดก้อง แต่ความเงียบของเขานั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงใด ๆเดวิดที่เห็นปฏิกิริยาของมาร์คัสกลับยิ่งได้ใจ เขาคิดว่าตนเองกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ และต้องการจะตอกย้ำชัยชนะของตนเอง"ทำไมเงียบไปล่ะครับคุณมาร์คัส หรือว่าเรื่องจริงมันน่าอายเกินไปที่จะยอมรับ" เดวิดพูดยิ้มๆ "ผู้หญิงของผมคงไม่มีประวัติฉาวโฉ่แบบนี้หรอกครับ...ผมเลือก.."พลั่ก!ยังไม่ทันที่เดวิดจะพูดจบ ร่างของเขาก็ล้มกระเด็นลงไปกองกับพื้นอย่างแรง เสียงของเนื้อที่ปะทะกับกำปั้นดังสนั่นไปทั่วห้อง มาร์คัสเป็นคนต่อยเขา!จนเลือดกลบปากและฟันหักไปหนึ่งซีกทุกคนในงานถึงกับผวาถอยหลังไปคนละก้าว ไม่มีใครคาดคิดว่ามาร์คัสจะระเบิดอารมณ์ออกมากลางงานเลี้ยงสำคัญแบบนี้ มาร์คัสเดินเข้าไปหาเดวิดที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างช้าๆ แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา
คำประกาศของมาร์คัสกลางงานเลี้ยงทำให้บรรยากาศรอบตัวอันนาหนาวเย็นยะเยือก แววตาของคลอเดียแข็งกร้าวขึ้นทันที ความไม่พอใจและริษยาฉายชัดในดวงตาคู่นั้น เธอมองอันนาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมินค่า ก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน"ผู้หญิงคนใหม่เหรอคะมาร์คัส?" คลอเดียพูดด้วยน้ำเสียงยียวน "คลอเดียไม่เห็นจะเคยเจอที่ไหนมาก่อนเลยนี่คะ หรือว่ามาร์คัสแอบเก็บไว้เงียบๆ แล้วเพิ่งจะเอาออกมาโชว์วันนี้เป็นวันแรก?" เธอเน้นคำว่า "เก็บไว้" และ "โชว์" อย่างจงใจ ราวกับจะตอกย้ำสถานะของอันนาว่าเป็นเพียงสิ่งของที่ผู้ชายอยากมาร์คัสเก็บเอาไว้ในตู้โชว์วันนี้ก็แค่งัดขึ้นมาเพื่อปัดฝุ่นมาร์คัสไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่จ้องมองคลอเดียด้วยสายตาเย็นชา ทำให้คลอเดียต้องสงบปากสงบคำลงเล็กน้อย เธอกำลังทำผิดกฎของฉันนะคอลเดียมาร์คัสตอบเสียงเรียบนิ่งและยังคงเย็นชากับคลอเดียราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน"โถ่มาร์คัสคะ อย่าเย็นชากับคลอเดียนักเลยคลอเดียคิดถึงมาร์คัสนะคะ แล้วนี่เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะ" คลอเดียหันหน้าเอียงคอมองไปที่อันนาที่ยืนอยู่ข้างผู้ชายของเธอ คลอเดียไม่ยอมที่จะเสียแหล่งเงินแหล่งทองของเธอ ให้กับผู้หญ