เข้าสู่ระบบมาร์คัสยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ดวงตาคมกริบดุจพญาอินทรีย์ ที่จ้องมองเดวิดนั้นดำมืดและลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างให้หายไป
รอยยิ้มที่เคยปรากฏบนใบหน้าของเขาก่อนหน้านี้เลือนหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความว่างเปล่าที่แฝงด้วยอันตรายถึงขีดสุด เขาไม่ได้โกรธเกรี้ยว หรือตวาดก้อง แต่ความเงียบของเขานั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงใด ๆ เดวิดที่เห็นปฏิกิริยาของมาร์คัสกลับยิ่งได้ใจ เขาคิดว่าตนเองกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ และต้องการจะตอกย้ำชัยชนะของตนเอง "ทำไมเงียบไปล่ะครับคุณมาร์คัส หรือว่าเรื่องจริงมันน่าอายเกินไปที่จะยอมรับ" เดวิดพูดยิ้มๆ "ผู้หญิงของผมคงไม่มีประวัติฉาวโฉ่แบบนี้หรอกครับ...ผมเลือก.." พลั่ก! ยังไม่ทันที่เดวิดจะพูดจบ ร่างของเขาก็ล้มกระเด็นลงไปกองกับพื้นอย่างแรง เสียงของเนื้อที่ปะทะกับกำปั้นดังสนั่นไปทั่วห้อง มาร์คัสเป็นคนต่อยเขา!จนเลือดกลบปากและฟันหักไปหนึ่งซีก ทุกคนในงานถึงกับผวาถอยหลังไปคนละก้าว ไม่มีใครคาดคิดว่ามาร์คัสจะระเบิดอารมณ์ออกมากลางงานเลี้ยงสำคัญแบบนี้ มาร์คัสเดินเข้าไปหาเดวิดที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างช้าๆ แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ "ปากดี" มาร์คัสพึมพำเสียงเย็นจัด เขาใช้เท้าเหยียบลงบนอกของเดวิดอย่างแรง จ้องมองใบหน้าซีดเผือดของอีกฝ่ายที่กำลังเจ็บปวดเลือดไหลออกจากปากไม่หยุด "มึงพูดอะไรก็ได้...แต่ไม่ใช่กับ ผู้หญิงของกู!" เสียงของมาร์คัสต่ำและกระด้าง ราวกับคำประกาศิตจากนรก "สิ่งที่มึงพูดออกไป...มึงจะต้องชดใช้มันทั้งหมดให้กับคนของกู" ทันใดนั้น บอดี้การ์ดของมาร์คัส ราเชนทร์ ก็ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับลูกน้องอีกสองสามคน พวกเขาลากร่างของเดวิดที่นอนอยู่บนพื้นออกไปจากงานอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจเสียงร้องโอดโอยของอีกฝ่าย "ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยผมด้วย!" เดวิดร้องขอความช่วยเหลือเหมือนหมาที่กำลังถูกน้ำร้อนลวก ไม่มีใครกล้าแม้กระทั่งจะยื่นมือไปพยุงให้เดวิดลุกขึ้น ราเชนบอดี้การ์ดคู่ใจของมาร์คัสจัดการลากเดวิดออกไปที่นอกงานแต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นที่จะให้เดวิดเดินกลับออกไปเฉยๆ อันนาที่ปกติเงียบสงบอยู่แล้วเธอก็ยิ่งเงียบยิ่งกว่าเดิมใบหน้าของเธอปนไปด้วยความเศร้าตาแดงก่ำราวกับจะร้องไห้อันนาพยายามกล้ำกลืนฝืนเอาทุกคำพูดของเดวิดเอาไว้ภายในก้นบึ้งของหัวใจที่โดนทำร้ายอย่างหนัก "เชิญทุกคน ทานอาหารกันต่อตามสบายครับ"มาร์คัส หันไปพูดกับทุกคนแต่มันเปรียบเสมือนเสียงซาตานที่พร้อมจะสังหารมากกว่าที่ชวนเชิญ บรรยากาศในงานเลี้ยงกลับเข้าสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นความวุ่นวายที่ปะปนไปด้วยความหวาดกลัวและสับสน ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อ ซาตาน อย่างมาร์คัสได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ผลลัพธ์ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน มาร์คัสหันกลับมามองอันนาที่ยืนตัวสั่นเป็นลูกนก เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่บีบมือของเธอให้แน่นขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะจูงมืออันนาเดินออกจากงานเลี้ยงไปอย่างไม่แยแสสายตาของผู้คน บอดี้การ์ดทุกคนโค้งคำนับให้กับมาร์คัสแล้วเปิดประตูให้ทั้งสองก้าวกลับขึ้นไปบนรถหรู ทันทีที่รถแล่นออกจากงาน มาร์คัสสังเกตเห็นแววตาคู่นั้นของอันนาที่มันเศร้าตลอดเวลา และยิ่งตอนนี้กลับแดงก่ำเหมือนพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล มาร์คัสเกิดความสงสารขึ้นในใจ แต่เขาไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยคำพูดดีๆ ออกมา "เป็นผู้หญิงของฉัน อย่าอ่อนแอ!" นั่นเป็นคำพูดที่เหมือนจะปลอบใจ แต่มันแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ ไม่มีความอ่อนช้อยหรืออ่อนโยนปะปนอยู่ในนั้น อันนาหันกลับมามองมาร์คัสด้วยแววตาที่แดงก่ำ น้ำตาคลอหน่วย ดวงหน้าสวยของเธอพยายามกลั้นน้ำตาจนถึงที่สุด แต่สุดท้ายเธอก็ร้องไห้โฮออกมาสุดจะกลั้นมันเอาไว้ได้ น้ำตาใสๆ ไหลรินตั้งแต่หางตา หยดเป็นทาง มาร์คัสเขาไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวกับน้ำตาของใครแบบนี้มาก่อน "เธอร้องไห้ทำไม อันนา.." มาร์คัสรู้ว่าอันนาเสียใจ แต่เขาก็ไม่รู้จะปลอบใจเธอยังไง "อันนาผิดมากใช่ไหมคะ อันนาไม่น่าเกิดมาเลยใช่ไหม ฮึก อันนาน่าจะตายไปเลย.!" อันนาหันมาพูดกับมาร์คัสทั้งน้ำตา เสียงสะอึกสะอื้น น้ำตาที่ไหลไม่หยุดทำให้มาร์คัสยิ่งตกใจกับสิ่งที่เห็น หัวใจของเขาวูบไหว "แม่ของอันนาตาย เพราะพ่ออันนาติดการพนัน ทุบตีแม่สารพัด อันนาส่งตัวเองเรียนมาตั้งแต่เด็ก ฮึก ..ฮื่อ..ตอนนี้อันนาไม่เหลือใครแล้วค่ะ ฮื่อ..อันนาไม่เหลือใครแล้ว..." เสียงสะอึกสะอื้นปนร่ำไห้ อันนาเธอไม่รู้จะทำยังไง เธอโผเข้ากอดมาร์คัสเอาไว้แน่น เหมือนเป็นไหล่พิงพักสุดท้ายให้กับเธอในเวลานี้ มาร์คัสที่ทำตัวไม่ถูก กลับปล่อยให้อันนากอดรัดเขาแล้วร้องไห้จนพอใจ อ้อมกอดของอันนาที่สั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทำให้มาร์คัสรู้สึกถึงความอบอุ่นบางอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต เขาเคยชินกับการเป็นผู้ควบคุม เป็นผู้มอบความเจ็บปวด ไม่ใช่ผู้ที่ถูกกอดและรับรู้ถึงความเปราะบางของใครบางคน เขายกมือขึ้นช้าๆ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางมือลงบนแผ่นหลังบอบบางของอันนาอย่างแผ่วเบา ไม่ได้เป็นการปลอบโยน แต่เป็นการยอมรับการมีอยู่ของเธอในอ้อมแขนของเขา อันนาร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน ซบหน้ากับแผงอกของมาร์คัส ปล่อยความเจ็บปวดทั้งหมดออกมาเธอไม่สนใจเราว่าคนตรงหน้าจะเป็นใครหรือต้องการอะไรเธอแค่ต้องการที่พักพิงทางจิตใจที่บอบบางในเวลานี้ มาร์คัสได้ยินทุกคำพูดของเธอ เรื่องราวชีวิตที่แสนรันทดของอันนา ที่ถูกเปิดเผยออกมาในยามที่เธออ่อนแอที่สุด มันทำให้กำแพงน้ำแข็งในใจของเขาเริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย เขารู้สึกถึงความรับผิดชอบบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจอย่างไม่รู้ตัว รถยังคงแล่นไปในความมืดมิด มีเพียงเสียงสะอื้นของอันนาและลมหายใจของมาร์คัสที่ดังอยู่ในห้องโดยสาร มาร์คัสปล่อยให้อันนากอดเขาอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเสียงสะอื้นของเธอค่อยๆ แผ่วลง และกลายเป็นเพียงเสียงหอบหายใจที่สม่ำเสมอ อันนาผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของเขา ด้วยความอ่อนเพลียและหมดแรง มาร์คัสก้มลงมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่ซบอยู่บนอกของเขา แววตาที่เคยแข็งกระด้างอ่อนลงเล็กน้อย เขายกมือขึ้นปัดปอยผมที่ปรกหน้าของเธอออกอย่างแผ่วเบา ราเชนทร์เฝ้ามองทุกการกระทำของผู้เป็นนายนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่านายพาผู้หญิงกลับเข้าบ้านและนอนกับผู้หญิงคนนี้ตลอดทั้งคืนในห้องส่วนตัวที่เจ้านายหวงที่สุด นี่คือครั้งแรกที่อันนาได้หลับอย่างสงบในอ้อมกอดของมาร์คัส และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่มาร์คัสได้สัมผัสถึงความเปราะบางของมนุษยที่เขาเคยคิดว่าตัวเองไม่เคยมี เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ในยามดึก อันนารู้สึกอ่อนเพลียทั้งกายใจเธอหลับลึกจนไม่รู้เรื่องว่าตอนนี้เธอถึงคฤหาสน์หรูหรือกรงทองที่เธอเรียก "นายท่าน ให้ป้าจัดการเธอเองดีกว่าไหมคะ"ป้าสมศรีที่ได้ยินเสียงรถก็รีบตื่นลุกขึ้นมาดูพร้อมกับสาวใช้คนอื่น "ไม่ต้องครับป้า เดี๋ยวผมจัดการเอง" ป้าสมศรียืนมองมาร์คัสที่อุ้มอันนาเดินผ่านหน้าขึ้นบันไดไปทุกคนในบ้านรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวของมาร์คัส มาร์คัสโอบอุ้มเธอด้วยความอ่อนโยนที่ไม่เคยทำให้กับผู้หญิงคนไหนแล้วพาเธอเข้าไปนอนในห้องนอนของเขามาร์คัสเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าและโอบกอดเธอจนหลับไป..เรื่องในคืนนั้นที่ผ่านมาผ่านมาแล้วเกือบสองเดือนกว่า อันนาที่สอบเทอมสุดท้ายจนเสร็จเรียบร้อยก็รอฟังผลว่าเธอจะสอบสำเร็จหรือติดตัวไหนบ้าง ความสัมพันธ์ของอันนากับมาร์คัสมันกลับมาเย็นชาดูเหมือนไร้หัวใจในทุกคืนอันนาแยกห้องนอนกับมาร์คัสนับจากวันที่ลาริสากลับมาและแสดงตัวว่าเป็นรักแรกของมาเทส ลลิสาพยายามปรากฏตัวทุกที่ที่มาคัดไปแม้อันนาจะไม่ได้ตามไปด้วยเธอก็พอรู้ว่าตอนนี้มาร์คัสกำลังพยายามเว้นช่องว่างระหว่างเธอและเขา"คืนนี้เธอนอนก่อนเลยนะไม่ต้องรอฉันแล้วก็กลับไปนอนที่ห้องของเธอได้ฉันอยากนอนคนเดียว" น้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นชาถูกพ่นออกมาจากปากหนา มาร์คัสที่พยายามตีตัวออกห่างอันนาเขาอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้มากขึ้นเพื่อเคลียร์หัวใจของตัวเอง "ค่ะ" อันนาตอบกลับเสียงเรียบ หลังจากเสร็จภารกิจบนเตียงมาร์คัสก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาใส่เธอ และไล่ให้เธอกลับมานอนที่ห้องและมันเป็นอย่างนี้เสมอมาตลอดสองเดือนกว่า ๆ หัวใจของอันนาเจ็บปวดเกินทนเธอหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาในทุกคืนและเธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ของของเธอเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะหึงหวงหรือรั้งเขาเอาไว้"อดทนสิอันนา อีกแค่ห้าเดือนสุดท้ายแค่ ห้าเดือนสุดท้ายเท่าน
มาร์คัสที่เห็นอันนาในสภาพที่โอนเอนไปมาอย่างน่าเวทนา หัวใจของเขาก็บีบรัดด้วยความเจ็บปวดและความโกรธที่ผสมปนเปกัน เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนเขากัดฟันแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธกับคนตรงหน้าที่ไร้สติ ก่อนจะเดินตรงไปหาเธออย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจสายตาของใครก็ตาม"เฮ้ย! นี่คุณเป็นใคร" คริสที่กำลังพูดคุยกับอันนาอยู่เห็นมาร์คัสเดินเข้ามาด้วยสีหน้าคุกคามก็รีบเข้ามาขวางหน้าไว้ "คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาทำแบบนี้ในบาร์ผม"มาร์คัสหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคริส แล้วมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา "หลีกไปซะ ก่อนที่กูจะไม่มีความอดทน" น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยอำนาจ จนคริสรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมา"นี่มันไม่ใช่เรื่องของคุณ" คริสยืนกรานเสียงแข็งที่จะไม่ให้มาร์คัสเข้าใกล้อันนา"นี่คือเมียกู ของกู!" มาร์คัสตะโกนเสียงดังลั่น แล้วผลักคริสออกไปอย่างแรง จนเขาล้มลงไปกองกับพื้น อันนาที่ได้ยินคำว่า "เมีย" ก็ถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอส่ายหน้าไปมาอย่างเมามายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และบวกกับความเสียใจสติของอันนาเธอไม่อยู่กับร่องกับรอย"ฮึก...เมีย...ฮึก...คุณไม่เคยเห็นอันนาเป็น..เมีย..." อันนาพูดพึมพำด้วยความเจ็บปวดคำพูดของอั
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่มาร์คัส จะรู้ว่าอันนาหายออกไปจากคฤหาสน์ ..ในขณะเดียวกัน ที่คฤหาสน์หรูของมาร์คัส มาร์คัสที่เพิ่งจะกลับจากขับรถเล่นก็รู้สึกถึงความเงียบสงัดที่ผิดปกติป้าสมศรีที่มักจะคอยมารอรับมาร์คัสเป็นปกติทุกวันแต่วันนี้กลับดูมีบางอย่างพิรุธเปลี่ยนไปคือความเงียบสงบที่เงียบจนผิดปกติ"มีอะไรหรือเปล่าป้า อันนาล่ะนอนหรือยัง" มาร์คัสที่มาถึงก็ถามถึงอันนาเป็นคนแรกเพราะเขามีเรื่องให้คิดมากมายจนลืมโทรหาอันนาแต่พอกลับมาได้สติเขาก็รีบกลับมาที่คฤหาสน์เพราะเป็นห่วงร่างบาง"เออคือว่า.." ป้าสมศรีไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยว่าอันนาไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ตั้งแต่ออกไปเรียนจนถึงเที่ยงคืนตอนนี้ก็ยังไม่ถึงที่คฤหาสน์"ป้ามีอะไรก็รีบพูดมาเถอะอ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละฉันอยากไปพักผ่อน" มาร์คัสที่เห็นท่าทีของป้าสมศรีก็รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย"ฉันถามว่าอันนาอยู่ที่ไหน.!" มาร์คัสเริ่มพูดเสียงเข้มขณะที่นางปูก็อยู่ด้านหลังยืนตัวสั่นพอได้ยินเสียงที่ดุเข้มของมาร์คัส"คุณหนูอันนา ตั้งแต่ออกไปเรียนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลยค่ะนายท่าน" ป้าสมศรีก็บอกความจริงออกไปตามตรง"ป้าว่าอะไรนะ.!" มาร์คัสที่ได้ยินว่าอันนาไม่ได้อยู่ท
อันนาในชุดราตรีสีดำที่เผยให้เห็นเรือนร่างเย้ายวนดูโดดเด่นสะดุดตา เธอไม่ได้ตั้งใจจะแต่งตัวให้เซ็กซี่ขนาดนี้ แต่พลอยกับสมหญิงเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเดินเข้ามาในผับ ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธอ อันนารู้สึกอึดอัด แต่ก็พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ภายใต้ท่าทีที่เย็นชาและไร้อารมณ์"เห็นไหมล่ะยัยอันนา บอกแล้วว่าแกสวย" สมหญิงที่เป็นสาวสอง แต่งตัวจัดเต็มไม่แพ้กันในชุดรัดรูปสีเงินเมทัลลิกวาววับ พูดขึ้นพร้อมกับส่งสายตาให้บรรดาหนุ่มๆ ที่จ้องมองมาอย่างสนุกสนานส่วนพลอยในชุดเดรสสีแดงเพลิงที่ทั้งสวยและร้อนแรง ก็ยิ้มกริ่มอย่างพอใจ "คืนนี้พวกเราต้องเป็นดาวเด่นของงาน!"แต่สำหรับอันนาแล้ว เธอไม่รู้สึกสนุกด้วยเลยสักนิด เธอเดินไปที่บาร์แล้วสั่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แรงที่สุด บาร์เทนเดอร์ส่งแก้วให้พร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่เธอไม่สนใจ เธอดื่มมันหมดแก้วอย่างรวดเร็วราวกับจะดับไฟในใจที่กำลังลุกโชน"อันนา... พอแล้ว" สมหญิงพยายามจะห้าม แต่ไม่ทัน เธอสั่งแก้วที่สองทันที"อยากให้ฉันลืมความเจ็บปวด ก็ต้องดื่มให้เมาไม่ใช่เหรอ" อันนาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาพลอยกับสมหญิงมองหน้ากันด้วยค
วันนี้อันนาจึงอยากจะดื่มให้ลืมความทุกข์ที่เธอได้รับชีวิตของเธอมันบัดซบมากพออยู่แล้วเงินที่ มาคัสให้ตลอดสี่เดือนเดือนละแสนมันมากพอสำหรับที่เธอจะตั้งตัวใหม่ได้เลยวันนี้เธอจึงตัดสินใจหยิบบางส่วนออกมาใช้ก็คงไม่ผิด"งั้นวันนี้ฉันเลี้ยงเองนะ" อันนาเผยรอยยิ้มแต่มันก็ยังคงดูเศร้าในสายตาของเพื่อนอยู่ดีสามสาวพากันนั่งรถแท็กซี่กลับไปที่บ้านของพลอยโดยที่อันนาไม่เดินทางกลับคฤหาสน์และมาร์คัสที่มัวแต่ยุ่งกับเรื่องของลลิสา ผู้หญิงที่เป็นคนส่งข้อความปริศนามาให้เขาจนลืมสั่งให้ราเชนทร์ตามติดมาดูอันนาส่วนราเชนก็ยุ่งกับงานใต้ดินของเจ้านายทุกคนต่างพากันลืมอันนาไปหมดมาร์คัสขับรถไปยังสถานที่นัดหมายที่ลลิสาเป็นคนบอกมา มันเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่เงียบสงบในซอยลึก ที่นี่เป็นสถานที่ที่พวกเขาชอบมานั่งกันบ่อยๆ สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย ภาพความทรงจำเก่าๆ ผุดขึ้นมาในหัวของมาร์คัสอย่างไม่ขาดสายเมื่อเดินเข้าไปในร้าน เขาก็เห็นลลิสานั่งรออยู่ที่โต๊ะมุมสุด เธอสวยเหมือนเดิม...หรืออาจจะสวยกว่าเดิมด้วยซ้ำ ลลิสายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน"สวัสดีมาร์คัส"ลลิสาในชุดสีแดงเพลิงเหมือนแม่หม้ายกระดังงาลนไฟมาร์คัสเดินไปนั่งลงตรงข้ามเธอ "
เช้าวันนี้ที่คฤหาสน์หรูของมาร์คัส บรรยากาศดูอึมครึมไปหมด อันนาก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าเหมือนคนอมทุกข์ ตลอดทั้งคืนเธอรู้สึกนอนไม่หลับ เพราะตอนนี้ในชีวิตของเธอเอาหัวใจไปผูกไว้ที่ข้อเท้าของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้และสามีตีตราของเธอ“อันนามีอะไรหรือเปล่า” มาร์คัสพยายามพูดให้บรรยากาศทุกอย่างมันดีขึ้น ซึ่งเขาก็รู้ว่า เขาไม่จำเป็นต้องแคร์อันนาก็ได้ แต่ความรู้สึกของเขากลับไม่เป็นอย่างนั้น“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” อันนาเงยหน้าขึ้นแล้วฝืนยิ้ม ใบหน้าที่ซีดเผือดเพราะนอนไม่หลับเกือบทั้งคืนจนร้องไห้ตาแดงบวม แม้จะถูกปกปิดด้วยเครื่องสำอาง แต่ก็ยังมองออก“ทำไมตาบวมขนาดนั้นล่ะอันนา” มาร์คัสสังเกตไปที่ดวงตาสวยที่บวมเปล่งแทบจะปิด“สงสัยเมื่อคืนอันนานอนดึกมั้งคะ นอนไม่หลับน่ะ” อันนาพูดออกไปด้วยท่าทีไม่ได้คิดอะไร เพราะในใจตอนนั้นกำลังจมดิ่งกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น“ทำไมนอนไม่หลับล่ะ คิดถึงฉันหรือไง” มาร์คัสพยายามพูดหยอกเย้าให้อันนาอารมณ์ดี“ค่ะ อันนาคิดถึงคุณมาร์คัส” อันนารับสารภาพออกมาตรง ๆ เพราะเธอก็คิดว่าไม่มีอะไรจะเสียหาย ในเมื่อเธอรู้สึกว่าเธอรักมาร์คัสเข้าให้แล้วมาร์คัสที่ได้ยินคำตอบก็ถึงกับไป







