เข้าสู่ระบบ"อันนา!" เสียงของสมหญิงและพลอยประสานกันขึ้นดังสนั่นใต้ถุนของคณะ เพื่อนรักทั้งสองรีบวิ่งไปหาอันนาทั้งเป็นห่วงและคิดถึง รวมถึงประหลาดใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า พลอยโผเข้ากอดอันนาแน่นราวกับกลัวว่าเพื่อนจะหายไปอีก
"ยายอันนา! แกหายไปไหนมาเนี่ย! ฉันกับยายสมหญิงแทบจะแจ้งความอยู่แล้วนะ โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้! แกหายไปไหนมา!" พลอยรัวคำถามด้วยความเป็นห่วงปนโมโห อันนาได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ เธอไม่รู้จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสามวันที่ผ่านมาอย่างไรให้เพื่อนเข้าใจ มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเกินกว่าจะเล่าให้ฟังง่ายๆ และที่สำคัญที่สุดคือเธอไม่กล้าบอกว่าเธอไปอยู่ที่ไหนมา "ขอโทษนะพลอย ฉัน...ฉันมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ" อันนาพยายามตอบเลี่ยงๆ พร้อมกับเหลือบมองไปที่รถหรูสีดำ ที่มาร์คัสยังคงนั่งอยู่ด้านใน มองมาที่พวกเธอด้วยสายตาเย็นชา สมหญิงสังเกตเห็นรถหรูและผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านใน จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย "เฮ้ยอันนา! รถใครวะ? แล้วผู้ชายคนนั้นใครอ่ะ! หล่อชิบเป๋งเลย!" สมหญิงส่งเสียงกรี๊ดเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น อันนาอึกอัก ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ขณะที่มาร์คัสซึ่งมองสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาก็เปิดประตูรถก้าวลงมาอย่างช้าๆ การปรากฏตัวของเขาทำให้บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัดลงทันที เหล่านิสิตนักศึกษาที่ยืนมุงดูอยู่ต่างพากันมองมาที่เขาด้วยความตกตะลึงในรูปลักษณ์ที่สง่างามและน่าเกรงขาม มาร์คัสเดินตรงเข้ามาหาอันนาและเพื่อนๆ ด้วยท่าทีเรียบเฉย แววตาคมกริบของเขากวาดมองสำรวจพลอยและสมหญิงอย่างพิจารณา ราวกับกำลังประเมินค่าคนทั้งคู่ พลอยกับสมหญิงถึงกับยืนตัวแข็งทื่อเมื่อเผชิญหน้ากับรัศมีอำนาจที่แผ่ออกมาจากตัวเขา "เขา...เขาคือ..." อันนาพยายามจะแนะนำตัวมาร์คัส แต่ก็ไม่รู้จะใช้คำไหนดี "ฉันคือสามีของอันนา" มาร์คัสพูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและหนักแน่น ดวงตาคมกริบจ้องตรงไปที่พลอยและสมหญิง คำพูดของเขาดังก้องไปทั่วบริเวณ สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่ได้ยิน โดยเฉพาะพลอยและสมหญิงที่เบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ "สะ สามี?!!?" พลอยและสมหญิงอุทานออกมาพร้อมกัน พวกเขาหันไปมองอันนาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามและข้อสงสัย อันนาได้แต่ก้มหน้างุด ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย "แกหายไป 3 วันเพื่อไปแต่งงานแล้วไม่บอกพวกฉันเนี่ยนะ!" สมหญิงเองก็ตกใจพูดออกมาทั้งโกรธและก็ทั้งเป็นห่วงเพื่อนที่ทำให้ตามหากันจนวุ่นวายไปหมด "ใช่" มาร์คัสยืนยันเสียงเรียบ ก่อนจะหันมามองอันนา "เธอควรจะบอกเพื่อนให้เข้าใจสถานะของเธอ" อันนาเงยหน้าขึ้นมองมาร์คัสด้วยความรู้สึกสับสนระคนน้อยใจ เขากำลังประกาศสถานะของเธออย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าเพื่อนๆ และคนอื่นในมหาวิทยาลัย โดยไม่สนใจเลยว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร "อันนา...นี่มันเรื่องอะไรกัน" พลอยเดินเข้ามาจับแขนอันนาแน่น สายตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล "แกไปแต่งงานตอนไหน ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง แล้วผู้ชายคนนี้..." พลอยพยายามจะถามถึงที่มาที่ไปของมาร์คัส แต่ก็ทำได้แค่เพียงชะงักคำพูดไว้ "เอาล่ะ อันนา เข้าเรียนได้แล้ว" มาร์คัสไม่ได้สนใจคำถามของพลอย เขาดึงแขนอันนาให้เดินตามเขาไปที่รถเพื่อหยิบกระเป๋าของเธอให้ "ฉันจะรอรับเธอตอนเลิกเรียน" อันนาจำใจต้องเดินตามมาร์คัสไปที่รถ ทิ้งให้พลอยและสมหญิงยืนมองตามหลังเพื่อนรักด้วยความงุนงงและสับสนอย่างที่สุด เมื่ออันนากลับมาหาเพื่อนพร้อมกระเป๋าสะพาย เธอถูกพลอยและสมหญิงรุมถามด้วยคำถามมากมาย แต่อันนาก็ทำได้แค่เพียงบอกว่าเธอไม่สามารถเล่ารายละเอียดอะไรได้ในตอนนี้ "เอาเถอะน่าพลอย เดี๋ยวฉันจะโทรไปเล่าให้ฟังตอนเย็นนะ" อันนาพยายามให้คำมั่นสัญญา แต่เธอก็รู้ดีว่าโทรศัพท์ของเธอถูกมาร์คัสทำลายไปแล้ว และเธอจะติดต่อเพื่อนได้อย่างไร อันนาเดินไปที่ห้องเรียนด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอไม่รู้ว่าชีวิตหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เธอต้องเป็น "ภรรยา" ของมาร์คัสจริงๆ หรือ และเธอจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติในมหาวิทยาลัยได้หรือไม่ ในเมื่อตอนนี้ทุกคนคงจะรู้เรื่องของเธอแล้ว คำประกาศของมาร์คัสกลางมหาวิทยาลัยดังก้องอยู่ในโสตประสาทของอันนาตลอดทางที่เดินไปยังห้องเรียน เธอสัมผัสได้ถึงสายตานับร้อยคู่ที่จับจ้องมาที่เธอ มีทั้งความประหลาดใจ ความสงสัย ความอิจฉา และแน่นอน...สายตาตัดสิน อันนาก้มหน้าลงต่ำ พยายามเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พลอยกับสมหญิงเดินตามเธอมาติดๆ พลอยยังคงจับแขนอันนาแน่น ราวกับจะส่งกำลังใจให้ "อันนา...แกโอเคไหม" พลอยกระซิบถามด้วยน้ำเสียงกังวล เมื่อพวกเธอเดินมาถึงหน้าห้องเรียน อันนาเงยหน้าขึ้นส่ายหัวช้าๆ "ฉันไม่รู้สิพลอย...ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไง" เมื่ออันนาก้าวเข้าไปในห้องเรียน ทุกบทสนทนาพลันเงียบสงัดลงทันที สายตาของเพื่อนร่วมชั้นทุกคนหันมามองเธอเป็นจุดเดียว อันนารู้สึกเหมือนถูกเปลือยผ้าอยู่กลางผู้คนมากมาย เธอรีบเดินไปนั่งที่โต๊ะเรียนประจำของเธออย่างรวดเร็ว โดยไม่กล้าสบตาใครเลย เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นเบาๆ แต่ก็มากพอที่อันนาจะได้ยิน "นั่นไง ยัยอันนาที่นั่งรถหรูมาส่งเมื่อกี้" "ใช่ๆ ผู้ชายคนนั้นหล่อมากเลยแก ใครอ่ะ" "เห็นว่าสามีนะแก! แต่งงานตอนไหนก็ไม่รู้" "สงสัยเสี่ยเลี้ยงแหละมั้ง ดูท่าทางมีอายุแล้วนะ" "แต่ว่าหล่อมาก หน้าตาคือแบบฟ้าประทานที่สุด" เสียงเพื่อนในมหาวิทยาลัยห้องเดียวกันกับอันนาต่างพากันพูดเรื่องของมาร์คัสเป็นเสียงเดียว คำพูดเหล่านั้นเหมือนคมมีดกรีดแทงหัวใจของอันนา เธอรู้สึกเจ็บปวดและอับอายจนอยากจะร้องไห้ออกมา แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้ พลอยกับสมหญิงนั่งลงข้างๆ พยายามทำท่าทีเป็นปกติที่สุด เพื่อไม่ให้เพื่อนรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ "แกมีอะไร แกก็ต้องบอกพวกฉันนะ อย่าหายไปแบบนี้อีกแล้วโทรศัพท์แกหายไปไหน พลอยถามอันนาด้วยความเป็นห่วง "โทรศัพท์ฉันพังอ่ะ แต่เดี๋ยวถ้าฉันได้ใหม่ฉันจะรีบทักมาหาแกนะ"อันนาเงยหงน้าบอกพลอย ตลอดทั้งวันในมหาวิทยาลัย อันนารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวประหลาด สายตาของผู้คนยังคงตามติดเธอไปทุกที่ คำซุบซิบนินทายังคงดังแว่วมาเป็นระยะๆ แม้กระทั่งอาจารย์บางคนก็ยังมองเธอด้วยสายตาที่แปลกไป อันนาไม่สามารถตั้งใจเรียนได้เลย จิตใจของเธอล่องลอยไปกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน อันนารีบเก็บของ เธออยากจะรีบกลับไปที่คฤหาสน์ให้เร็วที่สุด อย่างน้อยที่นั่นก็ยังรู้สึกปลอดภัยกว่าการต้องมาเผชิญหน้ากับสายตาและการซุบซิบของผู้คนมากมาย "อันนา...เดี๋ยวแกกลับยังไง" พลอยถามด้วยความเป็นห่วง "ไม่รู้สิ เดี๋ยวคง..." อันนากำลังจะตอบ แต่เสียงเรียกจากด้านนอกห้องเรียนก็ดังขึ้น "อันนา!" เสียงนั้นเป็นเสียงของ ไตรภพ ผู้ชายที่เคยตามจีบอันนาอยู่ ไตรภพเดินเข้ามาในห้องเรียนด้วยใบหน้าตื่นตระหนก เขามองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาจะมาหยุดอยู่ที่อันนา เขาเห็นเหตุการณ์เมื่อเช้าและรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก "อันนา พี่เป็นห่วงเธอมากเลยนะ ทำไมอยู่ๆ ก็หายไป โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ แล้ว...แล้วผู้ชายคนนั้นใคร ทำไมเขาถึงบอกว่าเป็นสามีเธอ" ไตรภพเดินเข้ามาใกล้ พยายามจะจับแขนอันนา อันนารีบถอยหลัง หลบมือของไตรภพ "พี่ไตรภพ...ฉัน...ฉันไม่มีอะไรจะอธิบายตอนนี้พี่อย่ามายุ่งกับฉันอีก"อันนาพูดเสียงแข็ง "ไม่มีอะไรจะอธิบายได้ไงอันนา! นี่มันเรื่องใหญ่นะ ผู้ชายคนนั้น...เขาเป็นใครกันแน่" ไตรภพพยายามคะยั้นคะยอ แต่ยังไม่ทันที่อันนาจะตอบอะไร เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากหน้าประตูห้องเรียน "ฉันอยู่ตรงนี้"เสียงทุ้มต่ำทรงพลังที่ยืนประจันหน้าอยู่ประตูหน้าห้องเรียนของอันนา ทุกคนในห้องหันไปมองที่ประตู มาร์คัสยืนอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าเรียบเฉย แววตาคมกริบกวาดมองไปที่ไตรภพอย่างเย็นชามองเหมือนกับมาร์คัสจะทำลายไตรภพด้วยสายตา และหยุดลงที่อันนา อันนาถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นมาร์คัส เขายังคงรักษาสัญญาที่จะมารอรับเธอ แต่การมาปรากฏตัวอีกครั้งของเขา ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก.....เรื่องในคืนนั้นที่ผ่านมาผ่านมาแล้วเกือบสองเดือนกว่า อันนาที่สอบเทอมสุดท้ายจนเสร็จเรียบร้อยก็รอฟังผลว่าเธอจะสอบสำเร็จหรือติดตัวไหนบ้าง ความสัมพันธ์ของอันนากับมาร์คัสมันกลับมาเย็นชาดูเหมือนไร้หัวใจในทุกคืนอันนาแยกห้องนอนกับมาร์คัสนับจากวันที่ลาริสากลับมาและแสดงตัวว่าเป็นรักแรกของมาเทส ลลิสาพยายามปรากฏตัวทุกที่ที่มาคัดไปแม้อันนาจะไม่ได้ตามไปด้วยเธอก็พอรู้ว่าตอนนี้มาร์คัสกำลังพยายามเว้นช่องว่างระหว่างเธอและเขา"คืนนี้เธอนอนก่อนเลยนะไม่ต้องรอฉันแล้วก็กลับไปนอนที่ห้องของเธอได้ฉันอยากนอนคนเดียว" น้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นชาถูกพ่นออกมาจากปากหนา มาร์คัสที่พยายามตีตัวออกห่างอันนาเขาอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้มากขึ้นเพื่อเคลียร์หัวใจของตัวเอง "ค่ะ" อันนาตอบกลับเสียงเรียบ หลังจากเสร็จภารกิจบนเตียงมาร์คัสก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาใส่เธอ และไล่ให้เธอกลับมานอนที่ห้องและมันเป็นอย่างนี้เสมอมาตลอดสองเดือนกว่า ๆ หัวใจของอันนาเจ็บปวดเกินทนเธอหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาในทุกคืนและเธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ของของเธอเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะหึงหวงหรือรั้งเขาเอาไว้"อดทนสิอันนา อีกแค่ห้าเดือนสุดท้ายแค่ ห้าเดือนสุดท้ายเท่าน
มาร์คัสที่เห็นอันนาในสภาพที่โอนเอนไปมาอย่างน่าเวทนา หัวใจของเขาก็บีบรัดด้วยความเจ็บปวดและความโกรธที่ผสมปนเปกัน เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนเขากัดฟันแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธกับคนตรงหน้าที่ไร้สติ ก่อนจะเดินตรงไปหาเธออย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจสายตาของใครก็ตาม"เฮ้ย! นี่คุณเป็นใคร" คริสที่กำลังพูดคุยกับอันนาอยู่เห็นมาร์คัสเดินเข้ามาด้วยสีหน้าคุกคามก็รีบเข้ามาขวางหน้าไว้ "คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาทำแบบนี้ในบาร์ผม"มาร์คัสหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคริส แล้วมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา "หลีกไปซะ ก่อนที่กูจะไม่มีความอดทน" น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยอำนาจ จนคริสรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมา"นี่มันไม่ใช่เรื่องของคุณ" คริสยืนกรานเสียงแข็งที่จะไม่ให้มาร์คัสเข้าใกล้อันนา"นี่คือเมียกู ของกู!" มาร์คัสตะโกนเสียงดังลั่น แล้วผลักคริสออกไปอย่างแรง จนเขาล้มลงไปกองกับพื้น อันนาที่ได้ยินคำว่า "เมีย" ก็ถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอส่ายหน้าไปมาอย่างเมามายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และบวกกับความเสียใจสติของอันนาเธอไม่อยู่กับร่องกับรอย"ฮึก...เมีย...ฮึก...คุณไม่เคยเห็นอันนาเป็น..เมีย..." อันนาพูดพึมพำด้วยความเจ็บปวดคำพูดของอั
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่มาร์คัส จะรู้ว่าอันนาหายออกไปจากคฤหาสน์ ..ในขณะเดียวกัน ที่คฤหาสน์หรูของมาร์คัส มาร์คัสที่เพิ่งจะกลับจากขับรถเล่นก็รู้สึกถึงความเงียบสงัดที่ผิดปกติป้าสมศรีที่มักจะคอยมารอรับมาร์คัสเป็นปกติทุกวันแต่วันนี้กลับดูมีบางอย่างพิรุธเปลี่ยนไปคือความเงียบสงบที่เงียบจนผิดปกติ"มีอะไรหรือเปล่าป้า อันนาล่ะนอนหรือยัง" มาร์คัสที่มาถึงก็ถามถึงอันนาเป็นคนแรกเพราะเขามีเรื่องให้คิดมากมายจนลืมโทรหาอันนาแต่พอกลับมาได้สติเขาก็รีบกลับมาที่คฤหาสน์เพราะเป็นห่วงร่างบาง"เออคือว่า.." ป้าสมศรีไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยว่าอันนาไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ตั้งแต่ออกไปเรียนจนถึงเที่ยงคืนตอนนี้ก็ยังไม่ถึงที่คฤหาสน์"ป้ามีอะไรก็รีบพูดมาเถอะอ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละฉันอยากไปพักผ่อน" มาร์คัสที่เห็นท่าทีของป้าสมศรีก็รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย"ฉันถามว่าอันนาอยู่ที่ไหน.!" มาร์คัสเริ่มพูดเสียงเข้มขณะที่นางปูก็อยู่ด้านหลังยืนตัวสั่นพอได้ยินเสียงที่ดุเข้มของมาร์คัส"คุณหนูอันนา ตั้งแต่ออกไปเรียนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลยค่ะนายท่าน" ป้าสมศรีก็บอกความจริงออกไปตามตรง"ป้าว่าอะไรนะ.!" มาร์คัสที่ได้ยินว่าอันนาไม่ได้อยู่ท
อันนาในชุดราตรีสีดำที่เผยให้เห็นเรือนร่างเย้ายวนดูโดดเด่นสะดุดตา เธอไม่ได้ตั้งใจจะแต่งตัวให้เซ็กซี่ขนาดนี้ แต่พลอยกับสมหญิงเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเดินเข้ามาในผับ ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธอ อันนารู้สึกอึดอัด แต่ก็พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ภายใต้ท่าทีที่เย็นชาและไร้อารมณ์"เห็นไหมล่ะยัยอันนา บอกแล้วว่าแกสวย" สมหญิงที่เป็นสาวสอง แต่งตัวจัดเต็มไม่แพ้กันในชุดรัดรูปสีเงินเมทัลลิกวาววับ พูดขึ้นพร้อมกับส่งสายตาให้บรรดาหนุ่มๆ ที่จ้องมองมาอย่างสนุกสนานส่วนพลอยในชุดเดรสสีแดงเพลิงที่ทั้งสวยและร้อนแรง ก็ยิ้มกริ่มอย่างพอใจ "คืนนี้พวกเราต้องเป็นดาวเด่นของงาน!"แต่สำหรับอันนาแล้ว เธอไม่รู้สึกสนุกด้วยเลยสักนิด เธอเดินไปที่บาร์แล้วสั่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แรงที่สุด บาร์เทนเดอร์ส่งแก้วให้พร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่เธอไม่สนใจ เธอดื่มมันหมดแก้วอย่างรวดเร็วราวกับจะดับไฟในใจที่กำลังลุกโชน"อันนา... พอแล้ว" สมหญิงพยายามจะห้าม แต่ไม่ทัน เธอสั่งแก้วที่สองทันที"อยากให้ฉันลืมความเจ็บปวด ก็ต้องดื่มให้เมาไม่ใช่เหรอ" อันนาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาพลอยกับสมหญิงมองหน้ากันด้วยค
วันนี้อันนาจึงอยากจะดื่มให้ลืมความทุกข์ที่เธอได้รับชีวิตของเธอมันบัดซบมากพออยู่แล้วเงินที่ มาคัสให้ตลอดสี่เดือนเดือนละแสนมันมากพอสำหรับที่เธอจะตั้งตัวใหม่ได้เลยวันนี้เธอจึงตัดสินใจหยิบบางส่วนออกมาใช้ก็คงไม่ผิด"งั้นวันนี้ฉันเลี้ยงเองนะ" อันนาเผยรอยยิ้มแต่มันก็ยังคงดูเศร้าในสายตาของเพื่อนอยู่ดีสามสาวพากันนั่งรถแท็กซี่กลับไปที่บ้านของพลอยโดยที่อันนาไม่เดินทางกลับคฤหาสน์และมาร์คัสที่มัวแต่ยุ่งกับเรื่องของลลิสา ผู้หญิงที่เป็นคนส่งข้อความปริศนามาให้เขาจนลืมสั่งให้ราเชนทร์ตามติดมาดูอันนาส่วนราเชนก็ยุ่งกับงานใต้ดินของเจ้านายทุกคนต่างพากันลืมอันนาไปหมดมาร์คัสขับรถไปยังสถานที่นัดหมายที่ลลิสาเป็นคนบอกมา มันเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่เงียบสงบในซอยลึก ที่นี่เป็นสถานที่ที่พวกเขาชอบมานั่งกันบ่อยๆ สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย ภาพความทรงจำเก่าๆ ผุดขึ้นมาในหัวของมาร์คัสอย่างไม่ขาดสายเมื่อเดินเข้าไปในร้าน เขาก็เห็นลลิสานั่งรออยู่ที่โต๊ะมุมสุด เธอสวยเหมือนเดิม...หรืออาจจะสวยกว่าเดิมด้วยซ้ำ ลลิสายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน"สวัสดีมาร์คัส"ลลิสาในชุดสีแดงเพลิงเหมือนแม่หม้ายกระดังงาลนไฟมาร์คัสเดินไปนั่งลงตรงข้ามเธอ "
เช้าวันนี้ที่คฤหาสน์หรูของมาร์คัส บรรยากาศดูอึมครึมไปหมด อันนาก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าเหมือนคนอมทุกข์ ตลอดทั้งคืนเธอรู้สึกนอนไม่หลับ เพราะตอนนี้ในชีวิตของเธอเอาหัวใจไปผูกไว้ที่ข้อเท้าของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้และสามีตีตราของเธอ“อันนามีอะไรหรือเปล่า” มาร์คัสพยายามพูดให้บรรยากาศทุกอย่างมันดีขึ้น ซึ่งเขาก็รู้ว่า เขาไม่จำเป็นต้องแคร์อันนาก็ได้ แต่ความรู้สึกของเขากลับไม่เป็นอย่างนั้น“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” อันนาเงยหน้าขึ้นแล้วฝืนยิ้ม ใบหน้าที่ซีดเผือดเพราะนอนไม่หลับเกือบทั้งคืนจนร้องไห้ตาแดงบวม แม้จะถูกปกปิดด้วยเครื่องสำอาง แต่ก็ยังมองออก“ทำไมตาบวมขนาดนั้นล่ะอันนา” มาร์คัสสังเกตไปที่ดวงตาสวยที่บวมเปล่งแทบจะปิด“สงสัยเมื่อคืนอันนานอนดึกมั้งคะ นอนไม่หลับน่ะ” อันนาพูดออกไปด้วยท่าทีไม่ได้คิดอะไร เพราะในใจตอนนั้นกำลังจมดิ่งกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น“ทำไมนอนไม่หลับล่ะ คิดถึงฉันหรือไง” มาร์คัสพยายามพูดหยอกเย้าให้อันนาอารมณ์ดี“ค่ะ อันนาคิดถึงคุณมาร์คัส” อันนารับสารภาพออกมาตรง ๆ เพราะเธอก็คิดว่าไม่มีอะไรจะเสียหาย ในเมื่อเธอรู้สึกว่าเธอรักมาร์คัสเข้าให้แล้วมาร์คัสที่ได้ยินคำตอบก็ถึงกับไป







