แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: หยางม่งเหยา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-11 08:32:59

ยามเหม่า (05:00-06:59) สองสามีภรรยาตื่นเช้าเช่นเคย วันนี้หวังลี่หมิงตั้งใจว่าจะเข้าป่าล่าสัตว์เช่นเคย แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีเงินจากการขายเห็ดหลินจือได้แต่เงินนั้นใช้ไปเรื่อยๆวันนึงมันก็ต้องหมด เพราะงั้นหวังลี่หมิงจึงคิดว่าตอนที่ยังมีแรงควรหาเก็บไว้ดีกว่าภายภาคหน้าภรรยาของเขาจะได้มิลำบาก

"ท่านพี่จะเข้าป่ารึขอรับ" หลี่เฟินหนิงเห็นสามีเตรียมอุปกรณ์สำหรับเข้าป่าจึงเอ่ยถาม

"ใช่ พี่ว่าจะลองเข้าป่าดูสักหน่อยเผื่อจะได้สัตว์อะไรมาบ้าง" หวังลี่หมิงเอ่ยตอบภรรยา

"งั้นข้าขอไปด้วยอีกได้หรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถาม เขาอยากเข้าป่าอีกครั้งเผื่อว่าเจอของดีอีก

"พี่ว่าเจ้าพักอยู่บ้านไม่ดีกว่าหรือ" หวังลี่หมิงไม่อยากให้ภรรยาต้องเหน็ดเหนื่อย หรือเจออันตรายในป่า

"ข้าอยากไปกับท่านพี่ขอรับ ข้ามีเรื่องจะบอกท่านพี่ด้วย" หลี่เฟินหนิงคิดจะบอกหวังลี่หมิงเรื่องมิติ เพราะอย่างไรเสียหวังลี่หมิงก็มิใช่คนโลภมากอีกทั้งยังเป็นสามีของเขา

"งั้นวันนี้พี่จะพาเจ้าไปหาของป่าตามลำธาร" หวังลี่หมิงไม่อยากให้ภรรยาต้องเหนื่อยจึงเปลี่ยนจากการล่าสัตว์ในป่าลึกเป็นการหาของป่าแถวลำธารที่อยู่ไม่ไกลมากแทน

"ขอรับ"  หลี่เฟินหนิงขอตัวไปเตรียมตัว จากนั้นทั้งสองก็ทานมื้อเช้าเป็นหมั่นโถวกับน้ำแกง ก่อนจะออกเดินทางมุ่งสู่ป่าที่มีลำธาร

สองสามีภรรยาเดินสำรวจตามทางได้สมุนไพรและผักป่ามาพอสมควรจนมาถึงแถวลำธารหลี่เฟินหนิงมองเห็นกุ้งตัวโตก็น้ำลายสอจึงขอให้สามีจับมาให้

"น้องจะเอามันไปทำอะไรหรือ" หวังลี่หมิงเอ่ยถามภรรยาว่าต้องการสัตว์ประหลาดเปลือกเเข็งนั่นไปทำอะไร

"ข้าจะนำไปทำอาหารขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยตอบสามี

"ทำอาหารรึ เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นมันกินได้ด้วยอย่างนั้นหรือ" หวังลี่หมิงเอ่ยถามอย่างสงสัย เขามั่นใจว่ามิมีผู้ใดนำสัตว์ประหลาดนี่ไปทำอาหารอย่างแน่นอน

"ท่านพี่ สิ่งนี้มันเรียกว่ากุ้งแม่น้ำขอรับ มันกินได้" หลี่เฟินหนิงไม่รู้ว่าเขาทะลุมิติมาช่วงเวลาไหนคนถึงไม่รู้จักกุ้งกัน  คนพวกนี้พลาดของอร่อยเสียแล้ว

"ถ้าเจ้าบอกว่ากินได้พี่ก็จักเชื่อ  เจ้าต้องการมากน้อยเท่าใด" หวังลี่หมิงเอ่ยถามภรรยา ถ้าภรรยาบอกว่ากินได้นั้นย่อมหมายความว่ามันกินได้อย่างแน่นอนมิมีอะไรต้องสงสัย

"เอาเยอะๆเลยขอรับ" หลี่เฟินเอ่ยบอกสามี หวังลี่หมิงจึงเก็บกุ้งให้ภรรยามาเกือบเต็มตะกร้าสะพายหลังเลยทีเดียว

ยามอู่ (11:00-12:59) สองสามีภรรยาก็มานั่งทานอาหารที่ริมลำธารโดยที่หลี่เฟินหนิงลงมือเผากุ้งให้กับหวังลี่หมิงได้กิน หวังลี่หมิงได้ลองกินเจ้าสัตว์ประหลาดครั้งแรกก็ถูกอกถูกใจใหญ่แม้จะเป็นกุ้งเผาเปล่าๆไม่มีน้ำจิ้มก็ตาม

"เจ้านี้รสชาติดียิ่งนักหนิงเอ๋อร์" หวังลี่หมิงพูดประโยคนี้เป็นรอบที่สิบแล้ว เขาไม่นึกว่าเจ้าสัตว์ประหลาด โอะ กุ้งแม่น้ำจะรสชาติดีขนาดนี้

"ถ้าอร่อยเย็นนี้ข้าจะนำมันมาทำอาหารให้ท่านพี่กินอีกดีหรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินเอ่ยบอกสามี ด้วยรอยยิ้ม

"ดี ดียิ่งนัก ต้องลำบากเจ้าแล้วหนิงเอ๋อร์" หวังลี่หมิงตอบรับอย่างมีความสุข

"ไม่ลำบากอันใดเลยขอรับ" หลี่เฟินเอ่ยบอกสามี

"เอ่อ ว่าแต่ที่เจ้าบอกว่ามีเรื่องจะบอกพี่คือเรื่องอะไรหรือ" หวังลี่หมิงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นภรรยามีเรื่องจะบอกจึงเอ่ยถาม   

"คือมันเป็นอย่างนี้ขอรับ...." หลี่เฟินหนิงบอกซ้ายมองขวาก่อนจะพูดสิ่งที่ตนต้องการจะบอก

"เมื่อวานหลังจากกินมื้อกลางวันเสร็จข้าสังเกตให้ปานรูปดอกไม้ที่ข้อมือ  ข้าจำได้ว่ามันไม่เคยมีมาก่อนเมื่อลองแตะดูก็รู้สึกเหมือนถูกดึง แล้วตัวข้าก็ไปโผล่ยังที่ที่นึง ที่นั่นอุดมสมบูรณ์มากเลยขอรับ มีทั้งสัตว์ต่างๆมากมายพอข้าลองแตะไปที่ตัวของสัตว์เหล่านั่นกลับได้เป็นเนื้อสัตว์ออกมา  อีกทั้งผลไม้ สมุนไพร หรือแม้กระทั่ง สิ่งต่างๆที่ข้าไม่เคยเห็นและคิดว่าไม่มีในที่แห่งนี้กลับมีในนั้นขอรับ  ตอนที่ข้ากำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นั้นข้าได้ยินเสียงของเทพเซียนท่านหนึ่ง เทพเซียนท่านนั้นบอกแก่ข้าว่านี่คือ มิติที่มอบให้แก่ข้า เพราะสงสารชะตาชีวิตของข้าขอรับ เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อแต่มันเกิดขึ้นจริงๆขอรับ"

"ท่านเทพเซียนช่างใจดีกับเจ้านัก แต่การมีสิ่งนี้ติดตัวย่อมเป็นอันตราย คนโลภมีอยู่ทุกหนแห่ง เจ้าจงอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร" หวังลี่หมิงเอ่ยบอกภรรยาด้วยความเป็นห่วง ภายในใจรู้สึกถึงความสับสนบางอย่างขึ้นมา

"ขอรับ  เอ่อ ท่านพี่เป็นอะไรรึเปล่าขอรับ" หลี่เฟินเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าสีหน้าของหวังลี่หมิงไม่สู้ดีนัก

"ตอนนี้เจ้ามีทั้งมิติวิเศษและเงินแล้ว เจ้าคิดจะหย่ากับพี่หรือไม่" หวังลี่หมิงก้มหน้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ความกังวลและหวาดกลัวว่าจะได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกครั้งจู่โจมเข้ามาในหัวใจ ตอนนี้หลี่เฟินหนิงมีสิ่งที่สามารถทำให้ชีวิตของตนเองดีขึ้นแล้วไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะมาจมปลักอยู่กับคนหน้าตาอัปลักษณ์ทั้งยังยากจนอย่างเขา คนน้องสามารถไปใช้ชีวิตดีๆในตัวเมืองได้ด้วยซ้ำ ส่วนเขาก็กลับไปเป็นไอ้ตัวลัปลักษณ์ที่ไม่มีใครต้องการเช่นเดิม หลี่เฟินหนิงเห็นสีหน้าเศร้าส้อยของสามีก็คลี่ยิ้มบางเอื้อมมือไปจับมือของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะพูดขึ้น

"ท่านพี่ ข้าไม่เคยคิดหย่ากับท่าน ตั้งแต่ที่ข้าฟื้นขึ้นมาจากความตายครานั้นตัวข้าคิดเพียงแค่ว่าจะทำเยี่ยงไรให้ความเป็นอยู่ขเงเราสองคนดีขึ้น แม้จนกระทั่งถึงตอนนี้ข้ายังไม่คิดที่จะไปจากท่าน เว้นเสียเพียงแต่ท่านไม่ต้องการข้าหรือท่านไม่ซื่อสัตย์ต่อข้าเท่านั้นข้าถึงจะหย่ากับท่าน" 

"พี่ไม่มีทางไม่ซื่อสัตย์ต่อเจ้า อีกอย่างพี่อัปลักษณ์เช่นนี้มิมีผู้ใดมาสนใจเจ้ามิต้องเป็นกังวล หรือต่อให้มีพี่ก็จะมีเพียงเจ้าเป็นภรรยาคนเดียว  หนิงเอ๋อร์ได้โปรดให้โอกาสให้พี่ได้ดูแลเจ้า" หวังลี่หมิงมองหน้าภรรยาอย่างเว้าวอน

"ขอรับ เราสองคนจะดูแลกันและกันเช่นนี้ตลอดไปดีหรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงยิ้มให้สามีอย่างอ่อนโยน

"ดียิ่งนัก ขอบใจเจ้าที่ให้โอกาสพี่"  หวังลี่หมิง

สองสามีภรรยาเดินป่าหาสมุนไพรเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยแล้วกลับมาจับกุ้งที่ลำธารเพื่อนำไปทำเป็นอาหารเย็น กว่าจะเดินทางลงจากเขากลับถึงบ้านก็เป็นยามเชิน (15:00-16:59) แล้ว พอถึงบ้านทั้งสองก็หยุดชะงักเมื่อมีคนสองคนเดินมาดักหน้าพวกเขาไว้เสียก่อน

"ท่านแม่ พี่สะใภ้" หวังลี่หมิงเอ่ยเรียกสองคนเสียงแผ่วเบา

"ใครอนุญาตให้แกเรียก.... อะ เอ่อ อาหมิงเจ้าสบายดีหรือไม่" นางหลินเจียกำลังเอ่ยตวาดด่าลูกชายน่าชังว่าใครอนุญาตให้มันเรียกตนว่าแม่แต่ถูกลูกสะใภ้สะกิดเข้าเสียก่อนไม่อย่างนั้นแผนการที่จะมาหลอกเอาเงินไอ้อัปลักษณ์นี่ได้พังลงเป็นแน่

"ข้าสบายดีขอรับ ท่านแม่มีธุระอันใดกับข้ารึขอรับ" หวังลี่หมิงแม้จะรู้แปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของผู้เป็นแม่แต่ลึกๆเขาก็รู้สึกดีใจที่ท่านแม่ยอมพูดจาดีๆกับเขา น้ำเสียงอ่อนโยนจากคนที่หวังลี่หมิงเฝ้ารอมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่ทุกอย่างก็พังทลายลงเมื่อรับรู้ถึงเหตุผลที่แม่ของตนมาในวันนี้

ตัดจบแบบงงๆ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 35 (จบ)

    วันต่อมาเฝิงลี่หมิงก็ยังมีอาการเช่นเดิม แต่เซียวเฟินหนิงเองก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่ปกติเขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนเพลียและง่วงงุนอยู่ตลอดเวลา จะว่าพักผ่อนน้อยก็ไม่น่าใช่เพราะเมื่อวานตนกับสามีก็พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ "ท่านพี่ไหวหรือไม่ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถามสามีที่มีใบหน้าซีดเซียวจากการลุกขึ้นมาอาเจียนตั้งแต่เช้า"หนิงเออร์~" เฝิงลี่หมิงรีบเข้าไปสวมกอดภรรยาอย่างออดอ้อนทันที"เป็นเยี่ยงไรบ้างขอรับ" "พี่รู้สึกพะอืดพะอมและเวียนหัว" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบภรรยาพลางซุกไปที่ลำคอขาวเพื่อสูดดมกลิ่นกายของคนรัก"เช่นนั้นข้าจะพาท่านพี่ไปหาหมอดีหรือไม่ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถามสามีแต่อีกฝ่ายเอาแต่ส่ายหน้า"ไม่เอา แค่กอดเจ้าอยู่แบบนี้พี่ก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบ"ท่านพี่รอสักประเดี๋ยวนะขอรับ" เซียวเฟินหนิงคิดบางอย่างได้เกี่ยวกับอาการของผู้เป็นสามีประกอบกับอาการอ่อนเพลียและง่วงงุนของตนก็รู้สึกตื่นเต้นทันที"เจ้าจะไปที่ใด" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามพลางช้อนตามองภรรยา"ข้าจะเข้าไปในมิติท่านเทพขอรับ ข้าคิดว่าพอจะรู้สาเหตุการป่วยของท่านพี่แล้วเพียงแต่ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจก่อนว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถ

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 34

    เหลาอาหารซูเหอเปิดได้ไม่นานก็เต็มไปด้วยบรรดาลูกค้าเต็มร้านด้วยว่าราคาอาหารเป็นที่จับต้องได้ทุกชนชั้นและที่เหลาอาหารมีกฎสำคัญที่ว่าลูกค้าทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นขุนนาง เศรษฐีหรือว่าคนธรรมดาก็คือลูกค้าเหมือนกันและจะต้องถูกปฏิบัติเหมือนกัน นั่นจึงทำให้เหลาอาหารแห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกชนชั้นและสร้างความอิจฉาให้แก่คนที่ทำกิจการเดียวกัน"เสี่ยวเออร์ ข้าขอต้มยำกุ้ง กุ้งผัดพริกเกลือ ปลาผัดฉ่า" "ได้ขอรับ""เสี่ยวเออร์ ของข้าขอปลานึ่งมะนาว ปลา สามรส หมึกผัดไข่เค็ม""ได้ขอรับ""ข้าเอาต้มยำหัวปลา ต้มยำกุ้ง หมูมะนาว แล้วก็น้ำชา"เสียงสั่งอาหารเซ็งแซ่พร้อมกับบรรดาเสี่ยวเออร์ที่วิ่งสุ่นสร้างความคึกคักให้แก่เหลาอาหารซูเหอไม่น้อย ลูกค้าหลายคนต่างตื่นตาตื่นใจกับอาหารของร้านที่ไม่เคยเห็นอีกทั้งรสชาติยังอร่อยจัดจ้านทำให้แต่ละวันเหลาอาหารซูเหอทำกำไรได้หลายร้อนตำลึงเลยทีเดียว"ลูกค้ามีการตำหนิอันใดมาบ้างหรือไม่" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามหลงจู๊ร้าน"ไม่มีขอรับ ลูกค้าต่างชื่นชมว่าเหลาอาหารของเรารสชาติดียิ่งนักขอรับ" หลงจู๊ร้านเอ่ยตอบ"ดี หากลูกค้ามีสิ่งใดต้องการให้ปรับปรุงต้องรีบแจ้งข้าหรือฮูหยิน

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 33

    เมืองหลวงแคว้นเป่ยหลี่"หนิงเออร์ส่งจดหมายมาว่าเยี่ยงไรบ้าง" โอรสสวรรค์ตรัสถามพระอนุชาร่วมอุทร"ทูลฝ่าบาท หนิงเออร์บอกว่าเมื่อไม่นานมานี้มีการปล้นเสบียงเกิดขึ้นที่เมืองซานหลาง ตอนนี้ทางฝั่งหนิงเออร์จับโจรเหล่านั้นได้แล้วเจ้าเมืองเฝิงคงหรันได้ทำการไต่สวนพวกโจรต่างสารภาพว่าถูกจ้างและข่มขู่มาจากบุคคลนิรนามให้ออกปล้นชาวเมืองเพื่อสร้างความปั่นป่วนและลอบสังหารองค์ชายหกและท่านชายเฝิงเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจว่าทั้งสองสิ้นพระชนม์จากการถูกปล้นพะยะค่ะ" ชินอ๋องทูลรายงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ทางนั้นคงเริ่มแล้ว" โอรสสวรรค์ตรัสพลางถอนหายใจ"กระหม่อมคาดว่าพวกเขาจะลงมือในงานเทศกาลล่าสัตว์ที่จะถึงนี้พะยะค่ะ" ชินอ๋องทูลสิ่งที่ตนเองคิด"เจิ้นก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น" โอรสสวรรค์ตรัสอย่างเห็นด้วย งานเทศกาลล่าสัตว์เป็นช่วงที่มือสังหารแฝงตัวมาได้ง่ายเพราะต่างก็มีหลายคนเข้าร่วม"กระหม่อมจะเพิ่มจำนวนองครักษ์เงาให้เฝ้าระวังพะยะค่ะ" "อืม อย่าลืมส่งไปอารักขาไทเฮาและฮองเฮา" "พะยะค่ะ เอ่อ หนิงเออร์ส่งของมาให้ฝั่งเราด้วยพะยะค่ะ" ชินอ๋องเอ่ยทูลเมื่อนึกขึ้นได้ว่านอกจากจดหมายแล้วยังมีหีบขนาดใหญ่หลายหีบ"คือสิ่งใดหรือ" ฮ

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 32

    กลางดึกสงัดท่ามกลางความเงียบในหมู่บ้านแห่งหนึ่งมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนซึ่งแต่งกายมิดชิดปกปิดใบหน้าย่องมาที่บ้านหลังหนึ่งท้ายหมู่บ้านอย่างเงียบเชียบเพียงแต่ไม่ได้ทำอะไรก็ล่าถอยไปรุ่งเช้าวันใหม่สองสามีภรรยาตื่นขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อทำกิจวัตรประจำวัน เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วสองสามีภรรยาก็พากันเดินขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางไปยังตัวเมือง รถม้าคันงามมาจอดที่หน้าจวนของท่านเจ้าเมืองบ่าวเฝ้าประตูก็รีบเปิดให้เข้าไปทันที"คาระวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงคำนับ"ได้ยินว่าพวกเจ้าสองคนสามารถหาแหล่งน้ำได้" เฝิงคงหรันเอ่ยถาม"ขอรับ ข้าสองคนได้ซื้อเครื่องมือจากชาวตาสีฟ้ามันสามารถหาแหล่งน้ำใต้ดินได้ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเลือกที่จะโกหกออกไปเช่นนั้น เพราะคนในยุคนี้มักจะตื่นตาตื่นใจกับสินค้าของชาวต่างชาติอยู่แล้ว"ข้าเคยได้ยินว่าพวกชาวตาสีฟ้ามักจะมีของแปลกประหลาดมาขายและใช้งานได้ดี เห็นทีคงจะเป็นเรื่องจริง" เฝิงคงหรันพูดอย่างตื่นเต้น"อย่าเพิ่งให้ใครรู้เรื่องเครื่องมือนี้นะขอรับ ให้คนของเราที่ไว้ใจได้เป็นผู้ที่ใช้สิ่งนี้หาแหล่งน้ำโดยไม่ให้ผู้อื่นรู้ หลังจากที่หาแหล่งน้ำให้ชาวเมือ

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 31

    หลังจากพูดคุยกับชาวบ้านเสร็จสองสามีภรรยาก็พากันเดินกลับมาที่บ้านของตน ดูเหมือนว่าปัญหาครั้งนี้ใหญ่เกินไปยากที่จะแก้ไข เขาไม่สามารถทำฝนเทียมได้เหมือนยุคที่เขากลับมา เฮ้อ~"อย่ากังวล" เฝิงลี่หมิงลูบหัวภรรยาที่นั่งถอนหายใจ"ข้าไม่รู้ว่าช่วยพวกเขาอย่างไรดี" เซียวเฟินหนิงเอ่ย ไม่รู้ว่าในมิติจะมีของที่ช่วยแก้ปัญหาได้หรือเปล่า"ช่วยเท่าที่ช่วยได้ก็พอแล้ว มันมิใช่หน้าที่ของเจ้าด้วยซ้ำที่ต้องแก้ปัญหา" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบอกภรรยา เขาไม่ชอบที่ภรรยาของเขามีเรื่องกังวลใจ"ปัญหาครั้งนี้หนักหนานัก ท่านพ่อคงกังวลใจไม่น้อย ทางวังหลวงเองก็มีเรื่องวุ่นวายข้าเกรงว่าหากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็วอาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น" หากขาดแคลนน้ำและอาหารผู้คนคงล้มตายเป็นจำนวนมากแน่"เราไม่สามารถช่วยได้ทุกคนหรอกนะหนิงเออร์ หากว่ามีการสูญเสียเกอดขึ้นมันก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้า" เฝิงลี่หมิงกุมมือคนรัก"ข้ารู้ขอรับ เพียงแต่ข้านั้นมีมิติวิเศษติดตัวข้าคิดว่าในมิติอาจจะมีของวิเศษที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้" เซียวเฟินหนิงเอ่ยกับสามี"ปล่อยให้ทางการแก้ปัญหาก่อนเถิด หากพวกเขาทำไม่ได้จริงๆเราค่อยหาวิธีช่วยเหลือ บอกตามตรงว่า

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 30

    "องค์ชายหก ท่านชาย ได้โปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ""ท่านพ่อ อย่าทำเยี่ยงนี้ขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงรีบเข้าไปพยุงเฝิงคงหรันให้ลุกขึ้น"พ่อละเลยหน้าที่ปล่อยให้นายอำเภอยักยอกเสบียง หากเจ้าสองคนไม่ไปเจอเหล่าผู้อพยพคงพากันอดตายเป็นแน่" เฝิงคงหรันพูดอย่างรู้สึกผิด"เรื่องนี้มิใช่ความผิดของท่านพ่อนะขอรับ เราทุกคนต่างรู้ว่าท่านพ่อทำงานหนักทุกวันออกหาซื้อเสบียงมาช่วยเหลือทุกคน หากจะมีคนผิดก็คือนายอำเภอที่โลภมากผู้นั้น" เซียวเฟินหนิงเอ่ย"หนิงเออร์พูดถูกขอรับ คนชั่วช้าผู้นั้นต่างหากที่ผิด" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบ้าง"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่หากว่าพ่อตรวจสอบให้ดีกว่านี้..." "มิมีผู้ใดไม่เคยผิดพลาดขอรับ ตอนนี้ท่านพ่อได้สั่งลงโทษคนผิดแล้วตอนนี้เราควรเอาเวลาไปคิดว่าจะช่วยเหลือผู้อพยพอย่างไรต่อดีกว่าขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยตัดบท ตอนนี้ชีวิตของผู้คนย่อมมาก่อน"เช่นนั้นเราก็ไปคุยกันที่จวนเถิด" เฝิงคงหรันเอ่ยบอก ทั้งสามคนจึงเดินทางไปที่จวนเพื่อพูดคุยหารือกันจวนท่านเจ้าเมือง"ตอนนี้เสบียงของพวกเจ้ามีมากน้อยเพียงใด" เฝิงคงหรันเอ่ยถามบุตรชายและลูกสะใภ้"มีมากพอจะให้ผู้อพยพได้กิน 3-4 เดือนขอรับ แต่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status