Share

บทที่ 7

last update Last Updated: 2025-05-13 21:42:37

ยามโหย่ว(17:00-18:59) หลี่เฟินหนิงเตรียมวัตถุดิบที่จะนำไปขายในวันพรุ่งนี้ โดยมีหวังลี่หมิงคอยเช็ดใบบัวไว้สำหรับห่อข้าวเหนียวหมูปิ้งให้ลูกค้า

"ท่านพี่หิวหรือยังขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถามเพราะเห็นว่าตอนนี้ก็ยามโหย่วแล้วเกรงว่าสามีของตนจะหิว

"พี่รู้สึกหิวนิดหน่อย" หวังลี่หมิงเอ่ยตอบภรรยาแม้ว่าความจริงเขาจะหิวมากก็เถอะ

"เช่นนั้นข้าจะทำอาหารให้ท่านพี่กินก่อนนะขอรับ กินข้าวเสร็จเราค่อยมาหมักหมูกับไก่ไว้" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกพร้อมกับนำวัตถุดิบออกมาจากมิติ โดยที่หวังลี่หมิงยังคงตกใจทุกครั้งที่อยู่ๆของก็โผล่มาตรงหน้า

"มีอันใดให้พี่ช่วยหรือไม่" หวังลี่หมิงถามอย่างกระตือรือร้น เขาไม่อยากให้ภรรยาเหนื่อยเพียงฝ่ายเดียว

"ท่านพี่ช่วยข้าหุงข้าวได้หรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอก

"ได้สิ" พูดจบหวังลี่หมิงก็ลุกขึ้นไปก่อไฟเพื่อเตรียมหุงข้าวทันทีส่วนหลี่เฟินหนิงก็กลับมาสนใจการเตรียมวัตถุดิบ

วันนี้หลี่เฟินหนิงจะทำเมนู ต้มยำทะเลน้ำข้น  หมึกผัดผงกะหรี่  และไข่เจียวปู    หลี่เฟินหนิงนำกุ้งมาปลอกเปลือกและผ่าหลังเอาเส้นดำออก จากนั้นจึงมาหั่ั่่นปลาหมึกและแล่เนื้อปลากระพงโดยแร่เอาแต่เนื้อ นำทั้งหมดไปล้างด้วยเกลือและน้ำเปล่าเพื่อดับกลิ่นคาว จากนั้นนำหม้อใส่น้ำขึ้นตั้งไฟ ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดลงไปรอจนน้ำเดือดจึงใส่พริกเผาและนมข้นจืดที่เอาออกมาจากในมิติ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว  จากนั้นจึงใส่เนื้อปลาและเห็ดฟางลงไปรอจนเนื้อปลาและเห็ดสุกจึงใส่กุ้งและปลาหมึกลงไป เมื่อทุกอย่างสุกจึงยกลงจากเตาโรยหน้าด้วยผักชีฝรั่งและพริกชี้ฟ้าทุบพอหยาบ  จากนั้นก็ทำหมึกผัดผงกะหรี่ต่อ หลี่เฟินหนิงนำผงกะหรี่ นม พริกเผา และไข่มาผสมรวมกันพร้อมกับปรุงรส จากนั้นนำเทใส่กระทะที่ตั้งอยู่บนเตารอจนเดือดจึงใส่หมึกลงไปผัดทุกอย่างให้เข้ากันจนสุกเป็นอันเสร็จ   สุดท้ายไข่เจียวปู ตอกไข่ไก่สามฟองลงในถ้วยปรุงรสด้วยน้ำปลาเล็กน้อยแล้วตีไข่จนเป็นเนื้อเดียวกันจึงใส่เนื้อปูลงไป ตั้งน้ำมันให้ร้อนแล้วเทไข่ลงไป   เมื่อทุกอย่างเสร็จแล้วหลี่เฟินหนิงจึงนำทุกอย่างไปตั้งบนโต๊ะกินข้าว หวังลี่หมิงก็รีบตักข้าวตามออกไป

"อาหารพวกนี้คืออันใดหรือหนิงเออร์" หวังหลี่หมิงมองดูอาหารที่ไม่เคยพบด้วยแววตาเป็นประกาย น้ำซุปในถ้วยดูสีสันจัดจ้าน  อีกจานมีสีเหลืองนวลแต่มีกลิ่นแรงนิดหน่อยแต่ถ้าเป็นฝีมือภรรยาของเขาอย่างไรก็อร่อย

"อันนี้เป็นต้มยำรวมมิตรขอรับ  ส่วนอันนั้นคือหมึกผัดผงกะหรี่  อย่างสุดท้ายคือไข่เจียวปูขอรับ ท่านพี่ลองชิมดูว่าถูกปาดหรือไม่" หลี่เฟินหนิงตักต้มยำใส่ถ้วยเล็กๆสำหรับใส่อาหารประเภทแกงให้สามีได้ลองชิม

"อื้อ!  รสชาติดียิ่ง มีรสเผ็ดหน่อยๆกินเเล้วคล่องคอดีนัก" หวังลี่หมิงได้ชิมก็ตาเบิกกว้าง

"เช่นนั้นท่านพี่ทานเยอะๆนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงบอกสามีด้วยรอยยิ้มเอ็นดู สามีของเขาเวลาเห็นของกินก็ทำตัวเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด

"อื้อ!" หวังลี่หมิงรีบคีบอาหารพร้อมกับจ้วงข้าวในถ้วยกินอย่างอเร็ดอร่อย ที่ถูกใจที่สุดคงจะเป็นต้มยำรวมมิตรเพราะเจ้าตัวซดน้ำจนเกลี้ยง  เมื่อกินข้าวเสร็จหวังลี่หมิงก็อาสาล้างจานเสร็จเคย ส่วนหลี่เฟินหนิงจะมาหมักหมูและไก่รอแล้วทั้งสองจึงช่วยกันนำมันเสียบใส่ไม้ไว้ ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงพากันเข้านอน

 

ยามอวิ๋น (03:00-04:59) สองสามีภรรยาตื่นขึ้นจัดการทำธุระของตนให้เรียบร้อยก่อนจะพากันขนวัตถุดิบและอุปกรณ์ขึ้นเกวียนแล้วขับออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองกว่าจะถึงก็ปลายยามอวิ๋น  ทั้งสองช่วยกันยกของลงจากเกวียนจากนั้นหวังลี่หมิงก็นำเกวียนไปจอดไว้ ณ ที่จอดเกวียนเพราะหากจอดทิ้งไว้กีดขวางทางจะถูกปรับเอาได้ เมื่อจอดเกวียนเรียบร้อยก็รีบกลับมาหาภรรยาที่ร้าน

"ท่านพี่ก่อไฟนะขอรับ ไม่ต้องใส่ถ่านเยอะนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกสามีส่วนตนเองก็ลงมือจัดของให้หยิบจับสะดวก เขานำข้าวเหนียวใส่ไว้ในหม้อดินเผาเพื่อให้กักเก็บความร้อนไว้ได้ๆม่ให้ข้าวเย็นเสียก่อน

"ได้" หวังลี่หมิงเมื่อได้รับคำสั่งจากภรรยาก็ทำหน้าที่ขอตนทันที 

รอสักพักจนไฟติดหลี่เฟินหนิงก็นำหมูและไก่ลงไปย่าง โดยไม้ที่เป็นเนื้อไก่จะใหญ่กว่าไม้ที่เป็นเนื้อหมู เพราะเนื้อไก่มีราคาถูกกว่ามาก  ย่างไปสักพักหมูปิ้งไก่ปิ้งก็ส่งกลิ่นหอมให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาพลางน้ำลายไหลแต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้ามาซื้อเพราะอาหารแปลกตาไม่เคยเห็น  จนหลี่เฟินหนิงต้องตะโกนเรียกลูกค้าเข้าร้าน

"เร่เข้ามา เร่เข้ามาขอรับ วันนี้ข้านำข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวเหนียวไก่ปิ้งมาขาย รสชาติดีอิ่มท้อง  ท่านทั้งหลายลองซื้อไปชิมดู ราคาถูกและอร่อย เร่เข้ามาขอรับ" 

"ขายอันใดหรือพ่อค้า" หญิงวัยกลางคนอดใจต่อกลิ่นหอมไม่ไหวเดินเข้ามาถาม

"ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวเหนียวไก่ปิ้งขอรับ ท่านป้าลองชิมดูได้นะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยตอบ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

"ไหนๆเอามาชิมดูหน่อย" หญิงวัยกลางคนเอ่ยอย่างสนใจ

"นี่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงนำข้าวเหนียวหมูปิ้งใส่ใบบัวให้ลูกค้าลองชิมดู

"หื้ม!  รสชาติดียิ่งนัก!  ขายยังไงรึพ่อค้า" หญิงวัยกลางคนรีบถามอย่างกระตือรือร้นทันที  คนที่อยู่บริเวณนั้นได้ยินว่าอร่อยก็รีบกรูกันเข้ามาอย่างสนใจ

"ไหนๆอร่อยเหรอ"

"อร่อยจริงไหม"

"ขายยังไงรึพ่อค้า"

"ทุกท่านใจเย็นก่อนนะขอรับ   ข้าวเหนียว หมูปิ้ง ไก่ปิ้งของข้าขายเป็นชุดขอรับ ชุดเล็กมีีข้าวเหนียวกับหมูหรือไก่สามไม้ ราคา 3 อีแปะ  ชุดใหม่มีหมูหรือไก่หกไม้ราคา 5 อีแปะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอก

"ถูกจริง"

"ทำไมขายถูกจัง"

"แค่ 3 อีแปะก็ได้กินเนื้อสัตว์ตั้งสามไม้เลยหรือ"

"เพิ่มอีกแค่ 2 อีแปะก็ได้เนื้อเพิ่มตั้งสามไม้เชียวนะ"

"ทุกท่านขอรับ หากใครต้องการที่จะซื้อรบกวนเข้าแถวให้เป็นระเบียบด้วยนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเมื่อเห็นความวุ่นวายก็ตะโกนบอกลูกค้าทันที  เหล่าลูกค้าที่ได้ยินก็รีบพากันเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ ตอนนี้เป็นหลี่เฟินหนิงทำหน้าที่รับลูกค้าส่วนหวังลี่หมิงทำหน้าที่ย่างหมูและไก่ เมื่อทุกคนเข้าแถวเสร็จแล้วคนแรกก็เริ่มสั่งทันที

"ข้าเอาชุดเล็กสองชุด หมูหนึ่งชุดกับไก่หนึ่งชุด"  เมื่อคนแรกได้ของเสร็จคนต่อๆไปก็สั่งต่อทันที

"ข้าเอาหมูปิ้งชุดใหญ่สองชุด"

"ข้าเอาไก่ชุดเล็กหนึ่งชุด"

"เอาหมูและไก่ชุดใหญ่อย่างละสองชุด"

"ข้าเอาชุดเล็กอย่างละชุดนะพ่อค้า"

ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามหมูและไก่ที่เตรียมมาสี่ร้อยไม้ก็หมดลง เนื่องจากมีลูกค้าเข้ามาต่อแถวซื้อเรื่อยๆ บางคนได้ยินว่าเป็นของอร่อยก็จนใจ บางนเห็นว่ามีคนต่อแถวซื้อหลายคนก็ลองมาซื้อบ้าง บางคนก็ซื้อไปแล้วกลับมาซื้ออีก หรือบางคนมีเพื่อนที่ซื้อไปกินแนะนำมา

"วันนี้ของที่ข้านำมาหมดแล้วนะขอรับ พรุ่งนี้ ข้าจะมาขายอีกครั้งในเวลาเดิมนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกลูกค้า

"หมดแล้วเหรอ"

"โอ้ย ข้ามาซื้อไม่ทันเห็นคนที่ซื้อไปบอกว่าอร่อย"

"พรุ่งนี้ข้าจะมาซื้อให้ได้"

เสียงโอดครวญของลูกค้าที่ซื้อไม่ทันดังขึ้น  หลี่เฟินหนิงได้แต่โค้งตัวขออภัย ก่อนจะช่วยสามีเก็บของกลับบ้านเพื่อเตรียมของมาขายอีกครั้งในวันพรุ่งนี้

 

"เหนื่อยหรือไม่" หวังลี่หมิงเอ่ยถามภรรยาในขณะที่ทั้งคู่เตรียมตัวเข้านอน

"ข้าไม่เหนื่อขอรับ  ท่านพี่เล่าเหนื่อหรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะเอ่ยถามสามีกลับ

"เจ้าไม่เหนื่อยแล้วพี่จะเหนื่อยได้เยี่ยงไร" หวังลี่หมิงมองภรรยาด้วยแววตาลึกซึ้งทำให้คนที่ถูกมองก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย

"ท่านพี่พูดจาแบบนี้เป็นด้วยหรือขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถามเสียงเบา

"พี่พูดเช่นนี้กับเจ้าคนแรก" หวังลี่หมิงมองภรรยาที่ก้มหน้าเพราะความเขินแบบนี้เขาสามารถคิดว่าภรรยาเองก็เริ่มมีใจให้เขาเช่นเดียวกันได้หรือไม่

"หนิงเออร์" หวังลี่หมิงเรียกภรรยาเสียงเบา

"ขะ ขอรับ"

"ตั้งแต่แต่งงานเราสองคนยังมิได้เข้าหอกันเลย" หวังลี่หมิงพูดขึ้นยิ่งทำให้หลี่เฟินหนิงเขินจนอยากหายตัวไปจากตรงนี้

"ละ แล้วยังไงหรือขอรับ" แม้จะรู้ว่าสามีกำลังจะพูดอะไรแต่ก็อดถามออกไปไม่ได้ ใจดวงน้อยเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น

"คืนนี้ เรามาเข้าหอชดเชยคืนวันแต่งงานดีหรือไม่" หวังลี่หมิงเองก็ใจเต้นระรัว ใจนึงก็ตื่นเต้นอยากจะรู้ความรู้สึกที่ภรรยามีให้เขาเป็นเช่นไร แต่อีกใจก็มีความหวาดกลัวจะถูกรังเกลียดอยู่เช่นกัน แต่ภรรยาบอกว่าไม่รังเกียจเขาแล้วนั่นทำให้หวังลี่หมิงมีความกล้ามากยิ่งขึ้น   แต่เมื่อเห็นภรรยาเงียบไปก็พลันใจเสีย แต่ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นเขาก็ต้องยิ้มกว้างกับคำพูดของภรรยา

"ทะ ท่านพี่ เบามือกับข้าด้วยนะขอรับ"  สิ้นประโยคนั้นสองสามีภรรยาก็เข้าหอย้อนหลังเกือบค่อนคืนเลยทีเดียว

 

 

ยังไม่ได้แก้คำผิด เจอคำผิดส่วนไหนโปรดคำเม้นท์บอกด้วยนะคะ

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 25

    เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงถูกพามาที่ตำหนักเยว่ซินที่ฮ่องเต้ได้พระราชทานให้ ตัวตำหนักค่อนข้างกว้างขวางกว่าตำหนักของเหล่าสนมเสียอีก ภายในประดับด้วยของล้ำค่างดงามวิจิตร ภายนอกร่มรื่นด้วยไม้นานาพันธุ์และหลากสีสันด้วยดอกไม้หากยาก อีกทั้งมีลำธารน้ำจำลองพร้อมกับสะพานข้ามเล็กๆอยู่ นับว่าเป็นตำหนักที่งดงามมากเลยทีเดียว หน้าตำหนักมีนางกำนัลที่รอรับใช้อยู่"ถึงแล้วพะยะค่ะ" หลีกงกงเอ่ยบอก"ขอบใจหลีกงกง" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอก"เป็นหน้าที่ของกะหม่อม พวกเจ้าดูแลองค์ชายและท่านชายให้ดี" หลีกงกงหันไปสั่งนางกำนัลทั้งสองคน"เจ้าค่ะ""องค์ชายหก ท่านชายเฝิง กระหม่อมขอตัวลา" หลีกงกงคำนับก่อนจะเดินออกไปจากตำหนัก"ถวายพระพรองค์ชายหก ท่านชายเฝิงเพคะ" นางกำนัลทั้งสองคนย่อคุกเข่าหนึ่งข้างเป็นการเคารพเหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์"พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอก"ขอบพระทัยองค์ชายหก" นางกำนัลทั้งสองคนยืนขึ้นประสานมือไว้ด้านหน้าและก้มหน้าเล็กน้อย"พวกเจ้ามีชื่อว่าอันใดหรือ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถาม"ทูลองค์ชาย หม่อมฉันเจียวหลินเพคะ""หม่อมฉัน เจียวเจียวเพคะ""อ้อ" เซียวเฟินหนิงมองหน้าสามีเพราะไม่รู้ว่าต้องทำ

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 24

    "ท่านเจ้าเมืองมาพอดี สามีภรรยาสองคนนี้มาขัดขวางไม่ให้ข้านำบุตรสาวไปให้ท่านขอรับ" ชายวัยกลางคนเอ่ยอย่างนอบน้อม ท่านเจ้าเมืองหันไปมองทางด้านสองสามีภรรยาก็ต้องตกตะลึง ใบหน้างดงามนี่คืออันใดกัน เทพเซียนมาลงมาจากสวรรค์หรือ"เจ้าสนใจมาเป็นฮูหยินรองของข้าหรือไม่" เจ้าเมืองซานหลีใช้สายตาแทะโลมอย่างไม่ปิดปัง เฝิงลี่หมิงถึงกับกัดฟันกรอด"อย่ามายุ่งกับภรรยาข้า!" เฝิงลี่หมิงดึงภรรยามาหลบด้านหลังก่อนจะตวาดลั่นดวงตาจ้องเขม็งไปที่ชายตรงหน้าราวกับจะฆ่าทิ้งเสีย"เจ้ากล้าขึ้นเสียงใส่ข้างั้นรึ! พวกเจ้าสั่งสอนมันเสียแล้วนำเกอผู้นั้นมาให้ข้า" เจ้าเมืองซานหลีหันไปสั่งมือปราบ เซียวเฟินหนิงถึงกับขมวดคิ้ว ไอ้แก่บ้ากามนี่มันถึงกับกล้าคิดจะฉุดภรรยาผู้อื่นต่อหน้าคนมากมายเชียวหรือ"หยุด! ท่านเจ้าเมือง นั่นภรรยาผู้อื่นนะขอรับ ท่านจะฉุดพรากภรรยาผู้อื่นเช่นนี้ไม่ได้!" นายอำเภอที่เหมือนจะหมดความอดทนกับเหตุการณ์เหล่านี้เอ่ยขึ้น"เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า! จัดการมัน" เจ้าเมืองซานหลีเอ่ยเหล่ามือปราบก็ตรงมาหาสองสามีภรรยาทันที"ท่านพี่ ดูเหมือนว่าเมืองซานหลีต้องการเจ้าเมืองใหม่เสียแล้ว" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอกสามี"พี่ก็ค

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 23

    เพราะต้องอัญเชิญป้ายวิญญาณของมารดาและบิดาของเซียวเฟินหนิงไปที่เมืองหลวงสองสามีภรรยาจึงต้องจัดแบ่งงานให้กับคนงานอย่างชัดเจน ตอนนี้พวกเขารับคนในหมู่บ้านให้มาทำงานเพิ่มแล้วรวมถึงบิดาบุญธรรมอย่างท่านเจ้าเมืองก็สั่งให้คนมาคอยดูแลระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่"ระหว่างที่พวกข้าไม่อยู่ก็ให้พวกท่านก็ทำตามที่ข้าแบ่งหน้าที่ไว้ให้นะขอรับ" เฝิงลี่หมิงแม้จะได้รับบรรดาศักดิ์เป็นองค์ชายแต่เขาก็ยังคงพูดจานอบน้อมเช่นเดิม"การไปเมืองหลวงครั้งนี้อาจใช้เวลาร่วมเดือนหากพวกท่านมีปัญหาอันใดให้แจ้งกับท่านลุงเมิ่งได้เลยนะขอรับ เขาจะเป็นผู้ดูแลพวกท่านระหว่างที่ข้ากับท่านพี่ไม่อยู่" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอกแก่คนงาน "พะยะค่ะ" เหล่าคนงานเอ่ยรับมองดูเจ้านายทั้งสองด้วยสายตาที่ชื่นชม ดูสิจากเด็กน้อยที่ถูกครอบครัวขับไล่ออกจากตระกูลมาวันนี้ได้เป็นท่านชายองค์ชายเสียแล้ว ณ จวนเจ้าเมืองซานหลางเฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงอยู่ในชุดสีขาวจากผ้าไหมชั้นดีดูงดงามและสูงศักดิ์ปักลวดลายด้วยดิ้นเงิน เฝิงลี่หมิงสวมใส่หน้ากากครึ่งใบหน้าสีเงินที่ชินอ๋องประทานให้ยิ่งทำให้ดูสง่างามลึกลับน่าค้นหา ทั้งสองแม้อยากจะคุกเข่าคำนับลาบิดามารดาบุญธรรมเม

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 22

    "บังอาจ เจ้ากล้าดีอย่างไรมาชี้หน้าชินอ๋อง!! " เสียงขององครักษ์ประจำตัวชินอ๋องประกาศกร้าวสร้างความตกใจให้กับทุกคนที่พากันมาชมเหตุการณ์เมื่อรู้ว่าบุรุษที่มากับท่านเจ้าเมืองนั้นเป็นผู้ใด"กะ โกหก ชินอ๋องจะมาทำอะไรที่นี่และคงไม่แต่งงานธรรมดาเช่นนี้ เจ้าอย่ามาแอบบอ้าง" หลี่อู๋เจี๋ยพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อแม่ว่าชาสั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่แล้วก็ตาม ชินอ๋องยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมกับม้วนกระดาษที่มีตรามังกรปิดผนึกอยู่"ฝ่าบาทมีราชโองการ พวกเจ้าคุกเข่าลง! " ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นก็พากันคุกเข่าลงทั้งสองข้าง"หลี่เฟินหนิงรับราชโองการ ทางราชสำนักสืบทราบมาว่า ฮูหยินน้อยเฝิง หลี่เฟินหนิง เป็นบุตรขององค์ชายรอง เซียวเฟยเยี่ยน ที่หายสาบสูญไปจึงนับว่ามีสายเลือดราชวงศ์ ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งแต่งตั้งหลี่เฟินหนิงเป็น องค์ชายหกหลี่เฟินหนิง สามารถใช้แซ่เซียวได้ตามมารดาโดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากสกุลเดิม พระราชทานผ้าไหมชั้นดี 20 หีบ ผ้าไหมปักดิ้นทอง 10 หีบ ไข่มุก สวรรค์ 10 หีบ ไข่มุกนิลกาฬ 20 หีบ เครื่องเพชร 5 หีบ ปิ่นทองคำแท้ 5 หีบ ปิ่นทองคำแท้ลวดลายหงส์ 1 หีบ เงินจำนวน 100,000 ตำลึงทอง คุณชายเฝ

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 21

    ตำหนักชินอ๋องย้อนกลับไปก่อนฤดูหนาวจะมาเยือนจดหมายถึง ชินอ๋องเซียวเฟยเทียนถวายพระพรชินอ๋อง กระหม่อมได้รับคำสั่งจากท่านเจ้าเมืองซานหลางให้เขียนจดหมายฉบับนี้ถึงพระองค์ เมื่อไม่นานมานี้ท่านเจ้าเมืองได้ถูกผู้ไม่ประสงค์ดีลอบทำร้ายแต่ได้มีบุรุษผู้หนึ่งให้ความช่วยเหลือ บุรุษผู้นั้นมีจุดเด่นคือปานสีดำขนาดใหญ่อยู่บนใบหน้าด้านขวาคราแรกท่านเจ้าเมืองเพียงรู้สึกซาบซึ้งใจจึงเชิญให้ชายผู้นั้นมาพบที่จวนเพื่อตอบแทนแต่ภายหลังฮูหยินเฝิงรู้สึกถูกชะตาทั้งยังเห็นใจที่สองสามีภรรยาถูกครอบครัวรังแกจึงรับชายผู้นั้นเป็นบุตรบุญธรรม ชายผู้นั้นมีภรรยาเป็นเกอคราเเรกที่ท่านเจ้าเมืองและฮูหยินได้พบใบหน้าของภรรยาชายผู้นั้นทั้งสองรู้สึกคุ้นเคยใบหน้านั้นจึงรีบให้กระหม่อมเขียนจดหมายฉบับนี้ส่งถึงพระองค์ เกอผู้นั้นมีนามว่า หลี่เฟินหนิง บิดามีนามว่า หลี่อู๋ซิน ส่วนมารดามีนามว่า เซียวเฟยเยี่ยน เกอผู้นั้นบอกว่าบิดามารดาของตนได้เสียชีวิตลงตั้งแต่ตนเพิ่งมีอายุเพียงเก้าหนาว ที่สำคัญคือเกอผู้นั้นมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับองค์ชายรองถึงแปดส่วน ท่านเจ้าเมืองให้กระหม่อมบอกแก่ท่านอ๋องว่าหากต้องการมาพบเกอผู้นี้ก็ให้รอฤดูหนาวผ่านพ้

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 20

    การแจกจ่ายอาหารจากสองสามีภรรยายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนกว่าหิมะจะตกลงมาอีกครั้ง ซึ่งวันนี้เองก็เช่นกัน เพียงแต่วันนี้เขาเห็นว่าดูเหมือนจะมีชาวบ้านจากหมู่บ้านอื่นมาด้วยหลี่เฟินหนิงจึงเดินเข้าไปสอบถามกลุ่มชาวบ้านที่เพิ่งลงมาจากเกวียน"พวกท่านมาทำอันใดกันหรือขอรับ" หลี่เฟินหนิงพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ สายตากวาดดูชาวบ้านราวๆ 30 กว่าคนกับเกวียนสี่เล่มมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่"พวกเราได้ยินมาว่าหมู่บ้านนี้แจกจ่ายอาหาร พวกเราจึงรวมเงินกันจ้างเกวียนเพื่อมาดูเจ้าค่ะว่าพอจะมีอาหารปันให้พวกเราบ้างไหม" สตรีวัยกลางคนถามอย่างกล้าๆกลัวๆ พวกเธอเป็นคนต่างหมู่บ้านไม่รู้ว่าจะได้รับอาหารที่แจกหรือไม่แต่นี่เป็นทางรอดระหว่างรอความช่วยเหลือจากทางการผู้ใหญ่นั้นยังพออดทนได้แต่เด็กและคนแก่นี่สิ"พวกท่านมาจากต่างหมู่บ้านกันหรือขอรับ แล้วเดินทางมาไกลหรือไม่" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถาม"ใช่เจ้าค่ะ หมู่บ้านของพวกเราอยู่ห่างไป 10 ลี้ลึกเข้าไปในหุบเขาทำให้การช่วยเหลือจากทางการมาช้ากว่าหมู่บ้านอื่น" สตรีวัยกลางคนอีกคนตอบ"ไกลอยู่นะขอรับ แล้วพวกท่านทราบได้อย่างไรขอรับว่าที่นี่มีอาหารแจกชาวบ้าน" "มีคนจากหมู่บ้านนี้นำอาหารไปให้ญาติที

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 19

    เฝิงลี่หมิงกับหลี่เฟินหนิงพากันเดินเท้ามาที่บ้านของผู้นำหมู่บ้าน ระหว่างทางก็ได้เห็นชาวบ้านที่เริ่มออกมากวาดหิมะและพูดคุยกัน ชาวบ้านหลายคนต่างมองว่าสองสามีภรรยานั้นจะเดินไปที่ใด เมื่อเห็นว่าทั้งสองไปหยุดที่หน้าบ้านของผู้นำหมู่บ้านก็หันมาพูดคุยเรื่องอื่นต่อ ผู้ใดจะกล้าไปยุ่งเรื่องของบุตรบุญธรรมของท่านเจ้าเมืองกันเล่า"คาระวะท่านป้าจาง ท่านลุงจางอยู่หรือไม่ขอรับ" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามนางจางเหม่ยที่กำลังกวาดหิมะอยู่ลานหน้าบ้าน"อยู่ๆ เจ้าสองคนมีธุระอันใดเล่า" นางจางเหว่ยที่ตอนนี้เปลี่ยนท่าทีต่างจากเมื่อก่อนจนสองสามีภรรยาได้แต่แปลก"ข้ากับภรรยาจะมาพูดคุยเรื่องทำอาหารแจกชาวบ้านน่ะขอรับ" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบ"เช่นนั้นพวกเจ้าก็เข้ามาพูดคุยกันในบ้านเถิด อากาศข้างนอกหนาวเย็นประเดี๋ยวจะไม่สบายเอา" นางจางเหว่ยรีบเชิญทั้งสองคนเข้ามาบ้านทันที"อ้าวลี่หมิง เฟินหนิง เจ้าสองคนมีอันใดหรือ" เมื่อเข้ามาในบ้านก็พบกับจางเหว่ย"คาระวะท่านลุงจางขอรับ" สองสามีทำการคำนับผู้อาวุโสกว่าทันที"ที่ข้าสองคนมาวันนี้เพราะมีเรื่องให้ท่านลุงจางช่วยขอรับ" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบอก"เรื่องอันใดรึ" จางเหว่ยถามอย่างสงสัย ยังมีเรื่อง

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 18

    "ไอ้ลูกอกตัญญู หากเจ้าไม่ยอมให้เงินและสะเบียงกับพวกข้าเช่นนั้นเจ้าก็มิต้องใช้แซ่หวังอีก" หวังหยวนคุนพูดอย่างโมโห"บุตรชายของข้าคงไม่กล้าใช้แซ่หวังอันสูงส่งของเจ้าหรอก" เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองพบเป็นบุรุษวัยกลางคนแต่งกายด้วยผ้าไหมชั้นดีดูภูมิฐาน เมื่อผู้นำหมู่บ้านเห็นว่าเป็นผู้ใดก็รีบทำการคำนับทันที"ข้าน้อย จางเหว่ย ผู้นำหมู่บ้านเซียนซาน คาระวะท่านเจ้าเมืองขอรับ" "ตามสบายเถิดท่านผู้นำจาง" เฝิงคงหรันพูดอย่างเป็นกันเอง เหล่าชาวบ้านเมื่อทราบว่าผู้ที่มาเป็นใครก็ต่างพากันตกใจและสงสัยว่าเหตุใดท่านเจ้าเมืองถึงมาอยู่ที่นี่"คาระวะท่านพ่อขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับหลี่เฟินหนิงทำการคำนับบุรุษผู้น่าเกรงขาม คำที่ใช้เรียกยิ่งสร้างความตกใจตะลึงให้แก่ชาวบ้านและครอบครัสตระกูลหวัง"ท่านพ่องั้นหรือ""เหตุใดทั้งสองถึงเรียกท่านเจ้าเมืองว่าท่านพ่อเล่า""ท่านพ่อมีธุระอันใดหรือขอรับถึงได้มาถึงที่นี่" เฝิงลี่หมิงไม่ได้สนใจเสียงซุบซิบของชาวบ้านแต่อย่างใด เขาเอ่ยถามธุระของพ่อบุญธรรมทันที"มารดาของเจ้าให้พ่อมาดูว่าบ้านของเจ้าเป็นเช่นไร ฤดูหนาวนี้จะอยู่ได้หรือไม่นางเป็นห่วงเกรงว่าเจ้ากับสะใภ้จะลำบาก" เ

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 17

    เมื่อฤดูหนาวมาถึงการเก็บเกี่ยวก็เสร็จสิ้นพอดีตอนนี้สองสามีภรรยากำลังจ่ายค่าแรงวันสุดท้ายให้กับเหล่าคนงานก่อนที่หิมะเเรกจะมาเยือน เหล่าคนงานต่างพากันเหงาหงอยเพราะคิดว่าพวกเขาจะไม่ถูกจ้างอีกเลยแต่ก็เข้าใจเพราะที่ผ่านมารายได้จากการทำงานที่นี่ทำให้ครอบครัวของพวกเขาไม่ได้ลำบาก"ท่านใดรับเงินไปแล้วรอสักครู่นะขอรับ ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับพวกท่าน" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบอกคนงานก่อนที่พวกเขาจะเดินกลับไป คนงานจึงอยู่รอฟังและได้แต่หวังว่าสองสามีภรรยาจะบอกว่าจะจ้างพวกเขาหลังจากฤดูหนาวผ่านพ้นไป เพื่อจ่ายค่าแรงให้คนงานครบทุกคนเฝิงลี่หมิงจึงพูดขึ้น"ทุกท่านครับ ข้ารู้ว่าทุกท่านกำลังกังวลว่าข้ากับภรรยาจะเลิกจ้างพวกท่านข้าจึงอยากอธิบายว่าข้าจะหยุดจ้างงานแค่ช่วงฤดูหนาวเท่านั้นขอรับ เมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไปข้าจะให้ทุกท่านกลับมาทำงานอีกครั้ง" สิ้นประโยคเหล่าคนงานก็ต่างส่งเสียงเฮด้วยความดีใจที่พวกเขายังจะได้ทำงานกับนายจ้างดีๆเช่นนี้"เรื่องต่อไปคือข้าอยากจะขอบคุณทุกท่านที่ตั้งใจทำงานให้ข้า""เจ้าไม่ต้องขอบใจพวกข้าหรอกหวังลี่หมิง ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณพวกเจ้าสองคนที่ให้งานพวกข้าอีกทั้งยังเลี้ยงอาหารดีๆให้พวกข้าไ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status