ยามโหย่ว(17:00-18:59) หลี่เฟินหนิงเตรียมวัตถุดิบที่จะนำไปขายในวันพรุ่งนี้ โดยมีหวังลี่หมิงคอยเช็ดใบบัวไว้สำหรับห่อข้าวเหนียวหมูปิ้งให้ลูกค้า
"ท่านพี่หิวหรือยังขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถามเพราะเห็นว่าตอนนี้ก็ยามโหย่วแล้วเกรงว่าสามีของตนจะหิว "พี่รู้สึกหิวนิดหน่อย" หวังลี่หมิงเอ่ยตอบภรรยาแม้ว่าความจริงเขาจะหิวมากก็เถอะ "เช่นนั้นข้าจะทำอาหารให้ท่านพี่กินก่อนนะขอรับ กินข้าวเสร็จเราค่อยมาหมักหมูกับไก่ไว้" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกพร้อมกับนำวัตถุดิบออกมาจากมิติ โดยที่หวังลี่หมิงยังคงตกใจทุกครั้งที่อยู่ๆของก็โผล่มาตรงหน้า "มีอันใดให้พี่ช่วยหรือไม่" หวังลี่หมิงถามอย่างกระตือรือร้น เขาไม่อยากให้ภรรยาเหนื่อยเพียงฝ่ายเดียว "ท่านพี่ช่วยข้าหุงข้าวได้หรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอก "ได้สิ" พูดจบหวังลี่หมิงก็ลุกขึ้นไปก่อไฟเพื่อเตรียมหุงข้าวทันทีส่วนหลี่เฟินหนิงก็กลับมาสนใจการเตรียมวัตถุดิบ วันนี้หลี่เฟินหนิงจะทำเมนู ต้มยำทะเลน้ำข้น หมึกผัดผงกะหรี่ และไข่เจียวปู หลี่เฟินหนิงนำกุ้งมาปลอกเปลือกและผ่าหลังเอาเส้นดำออก จากนั้นจึงมาหั่ั่่นปลาหมึกและแล่เนื้อปลากระพงโดยแร่เอาแต่เนื้อ นำทั้งหมดไปล้างด้วยเกลือและน้ำเปล่าเพื่อดับกลิ่นคาว จากนั้นนำหม้อใส่น้ำขึ้นตั้งไฟ ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดลงไปรอจนน้ำเดือดจึงใส่พริกเผาและนมข้นจืดที่เอาออกมาจากในมิติ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว จากนั้นจึงใส่เนื้อปลาและเห็ดฟางลงไปรอจนเนื้อปลาและเห็ดสุกจึงใส่กุ้งและปลาหมึกลงไป เมื่อทุกอย่างสุกจึงยกลงจากเตาโรยหน้าด้วยผักชีฝรั่งและพริกชี้ฟ้าทุบพอหยาบ จากนั้นก็ทำหมึกผัดผงกะหรี่ต่อ หลี่เฟินหนิงนำผงกะหรี่ นม พริกเผา และไข่มาผสมรวมกันพร้อมกับปรุงรส จากนั้นนำเทใส่กระทะที่ตั้งอยู่บนเตารอจนเดือดจึงใส่หมึกลงไปผัดทุกอย่างให้เข้ากันจนสุกเป็นอันเสร็จ สุดท้ายไข่เจียวปู ตอกไข่ไก่สามฟองลงในถ้วยปรุงรสด้วยน้ำปลาเล็กน้อยแล้วตีไข่จนเป็นเนื้อเดียวกันจึงใส่เนื้อปูลงไป ตั้งน้ำมันให้ร้อนแล้วเทไข่ลงไป เมื่อทุกอย่างเสร็จแล้วหลี่เฟินหนิงจึงนำทุกอย่างไปตั้งบนโต๊ะกินข้าว หวังลี่หมิงก็รีบตักข้าวตามออกไป "อาหารพวกนี้คืออันใดหรือหนิงเออร์" หวังหลี่หมิงมองดูอาหารที่ไม่เคยพบด้วยแววตาเป็นประกาย น้ำซุปในถ้วยดูสีสันจัดจ้าน อีกจานมีสีเหลืองนวลแต่มีกลิ่นแรงนิดหน่อยแต่ถ้าเป็นฝีมือภรรยาของเขาอย่างไรก็อร่อย "อันนี้เป็นต้มยำรวมมิตรขอรับ ส่วนอันนั้นคือหมึกผัดผงกะหรี่ อย่างสุดท้ายคือไข่เจียวปูขอรับ ท่านพี่ลองชิมดูว่าถูกปาดหรือไม่" หลี่เฟินหนิงตักต้มยำใส่ถ้วยเล็กๆสำหรับใส่อาหารประเภทแกงให้สามีได้ลองชิม "อื้อ! รสชาติดียิ่ง มีรสเผ็ดหน่อยๆกินเเล้วคล่องคอดีนัก" หวังลี่หมิงได้ชิมก็ตาเบิกกว้าง "เช่นนั้นท่านพี่ทานเยอะๆนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงบอกสามีด้วยรอยยิ้มเอ็นดู สามีของเขาเวลาเห็นของกินก็ทำตัวเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด "อื้อ!" หวังลี่หมิงรีบคีบอาหารพร้อมกับจ้วงข้าวในถ้วยกินอย่างอเร็ดอร่อย ที่ถูกใจที่สุดคงจะเป็นต้มยำรวมมิตรเพราะเจ้าตัวซดน้ำจนเกลี้ยง เมื่อกินข้าวเสร็จหวังลี่หมิงก็อาสาล้างจานเสร็จเคย ส่วนหลี่เฟินหนิงจะมาหมักหมูและไก่รอแล้วทั้งสองจึงช่วยกันนำมันเสียบใส่ไม้ไว้ ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงพากันเข้านอน ยามอวิ๋น (03:00-04:59) สองสามีภรรยาตื่นขึ้นจัดการทำธุระของตนให้เรียบร้อยก่อนจะพากันขนวัตถุดิบและอุปกรณ์ขึ้นเกวียนแล้วขับออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองกว่าจะถึงก็ปลายยามอวิ๋น ทั้งสองช่วยกันยกของลงจากเกวียนจากนั้นหวังลี่หมิงก็นำเกวียนไปจอดไว้ ณ ที่จอดเกวียนเพราะหากจอดทิ้งไว้กีดขวางทางจะถูกปรับเอาได้ เมื่อจอดเกวียนเรียบร้อยก็รีบกลับมาหาภรรยาที่ร้าน "ท่านพี่ก่อไฟนะขอรับ ไม่ต้องใส่ถ่านเยอะนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกสามีส่วนตนเองก็ลงมือจัดของให้หยิบจับสะดวก เขานำข้าวเหนียวใส่ไว้ในหม้อดินเผาเพื่อให้กักเก็บความร้อนไว้ได้ๆม่ให้ข้าวเย็นเสียก่อน "ได้" หวังลี่หมิงเมื่อได้รับคำสั่งจากภรรยาก็ทำหน้าที่ขอตนทันที รอสักพักจนไฟติดหลี่เฟินหนิงก็นำหมูและไก่ลงไปย่าง โดยไม้ที่เป็นเนื้อไก่จะใหญ่กว่าไม้ที่เป็นเนื้อหมู เพราะเนื้อไก่มีราคาถูกกว่ามาก ย่างไปสักพักหมูปิ้งไก่ปิ้งก็ส่งกลิ่นหอมให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาพลางน้ำลายไหลแต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้ามาซื้อเพราะอาหารแปลกตาไม่เคยเห็น จนหลี่เฟินหนิงต้องตะโกนเรียกลูกค้าเข้าร้าน "เร่เข้ามา เร่เข้ามาขอรับ วันนี้ข้านำข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวเหนียวไก่ปิ้งมาขาย รสชาติดีอิ่มท้อง ท่านทั้งหลายลองซื้อไปชิมดู ราคาถูกและอร่อย เร่เข้ามาขอรับ" "ขายอันใดหรือพ่อค้า" หญิงวัยกลางคนอดใจต่อกลิ่นหอมไม่ไหวเดินเข้ามาถาม "ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวเหนียวไก่ปิ้งขอรับ ท่านป้าลองชิมดูได้นะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยตอบ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "ไหนๆเอามาชิมดูหน่อย" หญิงวัยกลางคนเอ่ยอย่างสนใจ "นี่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงนำข้าวเหนียวหมูปิ้งใส่ใบบัวให้ลูกค้าลองชิมดู "หื้ม! รสชาติดียิ่งนัก! ขายยังไงรึพ่อค้า" หญิงวัยกลางคนรีบถามอย่างกระตือรือร้นทันที คนที่อยู่บริเวณนั้นได้ยินว่าอร่อยก็รีบกรูกันเข้ามาอย่างสนใจ "ไหนๆอร่อยเหรอ" "อร่อยจริงไหม" "ขายยังไงรึพ่อค้า" "ทุกท่านใจเย็นก่อนนะขอรับ ข้าวเหนียว หมูปิ้ง ไก่ปิ้งของข้าขายเป็นชุดขอรับ ชุดเล็กมีีข้าวเหนียวกับหมูหรือไก่สามไม้ ราคา 3 อีแปะ ชุดใหม่มีหมูหรือไก่หกไม้ราคา 5 อีแปะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอก "ถูกจริง" "ทำไมขายถูกจัง" "แค่ 3 อีแปะก็ได้กินเนื้อสัตว์ตั้งสามไม้เลยหรือ" "เพิ่มอีกแค่ 2 อีแปะก็ได้เนื้อเพิ่มตั้งสามไม้เชียวนะ" "ทุกท่านขอรับ หากใครต้องการที่จะซื้อรบกวนเข้าแถวให้เป็นระเบียบด้วยนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเมื่อเห็นความวุ่นวายก็ตะโกนบอกลูกค้าทันที เหล่าลูกค้าที่ได้ยินก็รีบพากันเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ ตอนนี้เป็นหลี่เฟินหนิงทำหน้าที่รับลูกค้าส่วนหวังลี่หมิงทำหน้าที่ย่างหมูและไก่ เมื่อทุกคนเข้าแถวเสร็จแล้วคนแรกก็เริ่มสั่งทันที "ข้าเอาชุดเล็กสองชุด หมูหนึ่งชุดกับไก่หนึ่งชุด" เมื่อคนแรกได้ของเสร็จคนต่อๆไปก็สั่งต่อทันที "ข้าเอาหมูปิ้งชุดใหญ่สองชุด" "ข้าเอาไก่ชุดเล็กหนึ่งชุด" "เอาหมูและไก่ชุดใหญ่อย่างละสองชุด" "ข้าเอาชุดเล็กอย่างละชุดนะพ่อค้า" ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามหมูและไก่ที่เตรียมมาสี่ร้อยไม้ก็หมดลง เนื่องจากมีลูกค้าเข้ามาต่อแถวซื้อเรื่อยๆ บางคนได้ยินว่าเป็นของอร่อยก็จนใจ บางนเห็นว่ามีคนต่อแถวซื้อหลายคนก็ลองมาซื้อบ้าง บางคนก็ซื้อไปแล้วกลับมาซื้ออีก หรือบางคนมีเพื่อนที่ซื้อไปกินแนะนำมา "วันนี้ของที่ข้านำมาหมดแล้วนะขอรับ พรุ่งนี้ ข้าจะมาขายอีกครั้งในเวลาเดิมนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกลูกค้า "หมดแล้วเหรอ" "โอ้ย ข้ามาซื้อไม่ทันเห็นคนที่ซื้อไปบอกว่าอร่อย" "พรุ่งนี้ข้าจะมาซื้อให้ได้" เสียงโอดครวญของลูกค้าที่ซื้อไม่ทันดังขึ้น หลี่เฟินหนิงได้แต่โค้งตัวขออภัย ก่อนจะช่วยสามีเก็บของกลับบ้านเพื่อเตรียมของมาขายอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ "เหนื่อยหรือไม่" หวังลี่หมิงเอ่ยถามภรรยาในขณะที่ทั้งคู่เตรียมตัวเข้านอน "ข้าไม่เหนื่อขอรับ ท่านพี่เล่าเหนื่อหรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะเอ่ยถามสามีกลับ "เจ้าไม่เหนื่อยแล้วพี่จะเหนื่อยได้เยี่ยงไร" หวังลี่หมิงมองภรรยาด้วยแววตาลึกซึ้งทำให้คนที่ถูกมองก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย "ท่านพี่พูดจาแบบนี้เป็นด้วยหรือขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถามเสียงเบา "พี่พูดเช่นนี้กับเจ้าคนแรก" หวังลี่หมิงมองภรรยาที่ก้มหน้าเพราะความเขินแบบนี้เขาสามารถคิดว่าภรรยาเองก็เริ่มมีใจให้เขาเช่นเดียวกันได้หรือไม่ "หนิงเออร์" หวังลี่หมิงเรียกภรรยาเสียงเบา "ขะ ขอรับ" "ตั้งแต่แต่งงานเราสองคนยังมิได้เข้าหอกันเลย" หวังลี่หมิงพูดขึ้นยิ่งทำให้หลี่เฟินหนิงเขินจนอยากหายตัวไปจากตรงนี้ "ละ แล้วยังไงหรือขอรับ" แม้จะรู้ว่าสามีกำลังจะพูดอะไรแต่ก็อดถามออกไปไม่ได้ ใจดวงน้อยเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น "คืนนี้ เรามาเข้าหอชดเชยคืนวันแต่งงานดีหรือไม่" หวังลี่หมิงเองก็ใจเต้นระรัว ใจนึงก็ตื่นเต้นอยากจะรู้ความรู้สึกที่ภรรยามีให้เขาเป็นเช่นไร แต่อีกใจก็มีความหวาดกลัวจะถูกรังเกลียดอยู่เช่นกัน แต่ภรรยาบอกว่าไม่รังเกียจเขาแล้วนั่นทำให้หวังลี่หมิงมีความกล้ามากยิ่งขึ้น แต่เมื่อเห็นภรรยาเงียบไปก็พลันใจเสีย แต่ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นเขาก็ต้องยิ้มกว้างกับคำพูดของภรรยา "ทะ ท่านพี่ เบามือกับข้าด้วยนะขอรับ" สิ้นประโยคนั้นสองสามีภรรยาก็เข้าหอย้อนหลังเกือบค่อนคืนเลยทีเดียว ยังไม่ได้แก้คำผิด เจอคำผิดส่วนไหนโปรดคำเม้นท์บอกด้วยนะคะวันต่อมาเฝิงลี่หมิงก็ยังมีอาการเช่นเดิม แต่เซียวเฟินหนิงเองก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่ปกติเขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนเพลียและง่วงงุนอยู่ตลอดเวลา จะว่าพักผ่อนน้อยก็ไม่น่าใช่เพราะเมื่อวานตนกับสามีก็พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ "ท่านพี่ไหวหรือไม่ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถามสามีที่มีใบหน้าซีดเซียวจากการลุกขึ้นมาอาเจียนตั้งแต่เช้า"หนิงเออร์~" เฝิงลี่หมิงรีบเข้าไปสวมกอดภรรยาอย่างออดอ้อนทันที"เป็นเยี่ยงไรบ้างขอรับ" "พี่รู้สึกพะอืดพะอมและเวียนหัว" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบภรรยาพลางซุกไปที่ลำคอขาวเพื่อสูดดมกลิ่นกายของคนรัก"เช่นนั้นข้าจะพาท่านพี่ไปหาหมอดีหรือไม่ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถามสามีแต่อีกฝ่ายเอาแต่ส่ายหน้า"ไม่เอา แค่กอดเจ้าอยู่แบบนี้พี่ก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบ"ท่านพี่รอสักประเดี๋ยวนะขอรับ" เซียวเฟินหนิงคิดบางอย่างได้เกี่ยวกับอาการของผู้เป็นสามีประกอบกับอาการอ่อนเพลียและง่วงงุนของตนก็รู้สึกตื่นเต้นทันที"เจ้าจะไปที่ใด" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามพลางช้อนตามองภรรยา"ข้าจะเข้าไปในมิติท่านเทพขอรับ ข้าคิดว่าพอจะรู้สาเหตุการป่วยของท่านพี่แล้วเพียงแต่ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจก่อนว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถ
เหลาอาหารซูเหอเปิดได้ไม่นานก็เต็มไปด้วยบรรดาลูกค้าเต็มร้านด้วยว่าราคาอาหารเป็นที่จับต้องได้ทุกชนชั้นและที่เหลาอาหารมีกฎสำคัญที่ว่าลูกค้าทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นขุนนาง เศรษฐีหรือว่าคนธรรมดาก็คือลูกค้าเหมือนกันและจะต้องถูกปฏิบัติเหมือนกัน นั่นจึงทำให้เหลาอาหารแห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกชนชั้นและสร้างความอิจฉาให้แก่คนที่ทำกิจการเดียวกัน"เสี่ยวเออร์ ข้าขอต้มยำกุ้ง กุ้งผัดพริกเกลือ ปลาผัดฉ่า" "ได้ขอรับ""เสี่ยวเออร์ ของข้าขอปลานึ่งมะนาว ปลา สามรส หมึกผัดไข่เค็ม""ได้ขอรับ""ข้าเอาต้มยำหัวปลา ต้มยำกุ้ง หมูมะนาว แล้วก็น้ำชา"เสียงสั่งอาหารเซ็งแซ่พร้อมกับบรรดาเสี่ยวเออร์ที่วิ่งสุ่นสร้างความคึกคักให้แก่เหลาอาหารซูเหอไม่น้อย ลูกค้าหลายคนต่างตื่นตาตื่นใจกับอาหารของร้านที่ไม่เคยเห็นอีกทั้งรสชาติยังอร่อยจัดจ้านทำให้แต่ละวันเหลาอาหารซูเหอทำกำไรได้หลายร้อนตำลึงเลยทีเดียว"ลูกค้ามีการตำหนิอันใดมาบ้างหรือไม่" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามหลงจู๊ร้าน"ไม่มีขอรับ ลูกค้าต่างชื่นชมว่าเหลาอาหารของเรารสชาติดียิ่งนักขอรับ" หลงจู๊ร้านเอ่ยตอบ"ดี หากลูกค้ามีสิ่งใดต้องการให้ปรับปรุงต้องรีบแจ้งข้าหรือฮูหยิน
เมืองหลวงแคว้นเป่ยหลี่"หนิงเออร์ส่งจดหมายมาว่าเยี่ยงไรบ้าง" โอรสสวรรค์ตรัสถามพระอนุชาร่วมอุทร"ทูลฝ่าบาท หนิงเออร์บอกว่าเมื่อไม่นานมานี้มีการปล้นเสบียงเกิดขึ้นที่เมืองซานหลาง ตอนนี้ทางฝั่งหนิงเออร์จับโจรเหล่านั้นได้แล้วเจ้าเมืองเฝิงคงหรันได้ทำการไต่สวนพวกโจรต่างสารภาพว่าถูกจ้างและข่มขู่มาจากบุคคลนิรนามให้ออกปล้นชาวเมืองเพื่อสร้างความปั่นป่วนและลอบสังหารองค์ชายหกและท่านชายเฝิงเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจว่าทั้งสองสิ้นพระชนม์จากการถูกปล้นพะยะค่ะ" ชินอ๋องทูลรายงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ทางนั้นคงเริ่มแล้ว" โอรสสวรรค์ตรัสพลางถอนหายใจ"กระหม่อมคาดว่าพวกเขาจะลงมือในงานเทศกาลล่าสัตว์ที่จะถึงนี้พะยะค่ะ" ชินอ๋องทูลสิ่งที่ตนเองคิด"เจิ้นก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น" โอรสสวรรค์ตรัสอย่างเห็นด้วย งานเทศกาลล่าสัตว์เป็นช่วงที่มือสังหารแฝงตัวมาได้ง่ายเพราะต่างก็มีหลายคนเข้าร่วม"กระหม่อมจะเพิ่มจำนวนองครักษ์เงาให้เฝ้าระวังพะยะค่ะ" "อืม อย่าลืมส่งไปอารักขาไทเฮาและฮองเฮา" "พะยะค่ะ เอ่อ หนิงเออร์ส่งของมาให้ฝั่งเราด้วยพะยะค่ะ" ชินอ๋องเอ่ยทูลเมื่อนึกขึ้นได้ว่านอกจากจดหมายแล้วยังมีหีบขนาดใหญ่หลายหีบ"คือสิ่งใดหรือ" ฮ
กลางดึกสงัดท่ามกลางความเงียบในหมู่บ้านแห่งหนึ่งมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนซึ่งแต่งกายมิดชิดปกปิดใบหน้าย่องมาที่บ้านหลังหนึ่งท้ายหมู่บ้านอย่างเงียบเชียบเพียงแต่ไม่ได้ทำอะไรก็ล่าถอยไปรุ่งเช้าวันใหม่สองสามีภรรยาตื่นขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อทำกิจวัตรประจำวัน เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วสองสามีภรรยาก็พากันเดินขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางไปยังตัวเมือง รถม้าคันงามมาจอดที่หน้าจวนของท่านเจ้าเมืองบ่าวเฝ้าประตูก็รีบเปิดให้เข้าไปทันที"คาระวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงคำนับ"ได้ยินว่าพวกเจ้าสองคนสามารถหาแหล่งน้ำได้" เฝิงคงหรันเอ่ยถาม"ขอรับ ข้าสองคนได้ซื้อเครื่องมือจากชาวตาสีฟ้ามันสามารถหาแหล่งน้ำใต้ดินได้ขอรับ" เซียวเฟินหนิงเลือกที่จะโกหกออกไปเช่นนั้น เพราะคนในยุคนี้มักจะตื่นตาตื่นใจกับสินค้าของชาวต่างชาติอยู่แล้ว"ข้าเคยได้ยินว่าพวกชาวตาสีฟ้ามักจะมีของแปลกประหลาดมาขายและใช้งานได้ดี เห็นทีคงจะเป็นเรื่องจริง" เฝิงคงหรันพูดอย่างตื่นเต้น"อย่าเพิ่งให้ใครรู้เรื่องเครื่องมือนี้นะขอรับ ให้คนของเราที่ไว้ใจได้เป็นผู้ที่ใช้สิ่งนี้หาแหล่งน้ำโดยไม่ให้ผู้อื่นรู้ หลังจากที่หาแหล่งน้ำให้ชาวเมือ
หลังจากพูดคุยกับชาวบ้านเสร็จสองสามีภรรยาก็พากันเดินกลับมาที่บ้านของตน ดูเหมือนว่าปัญหาครั้งนี้ใหญ่เกินไปยากที่จะแก้ไข เขาไม่สามารถทำฝนเทียมได้เหมือนยุคที่เขากลับมา เฮ้อ~"อย่ากังวล" เฝิงลี่หมิงลูบหัวภรรยาที่นั่งถอนหายใจ"ข้าไม่รู้ว่าช่วยพวกเขาอย่างไรดี" เซียวเฟินหนิงเอ่ย ไม่รู้ว่าในมิติจะมีของที่ช่วยแก้ปัญหาได้หรือเปล่า"ช่วยเท่าที่ช่วยได้ก็พอแล้ว มันมิใช่หน้าที่ของเจ้าด้วยซ้ำที่ต้องแก้ปัญหา" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบอกภรรยา เขาไม่ชอบที่ภรรยาของเขามีเรื่องกังวลใจ"ปัญหาครั้งนี้หนักหนานัก ท่านพ่อคงกังวลใจไม่น้อย ทางวังหลวงเองก็มีเรื่องวุ่นวายข้าเกรงว่าหากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็วอาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น" หากขาดแคลนน้ำและอาหารผู้คนคงล้มตายเป็นจำนวนมากแน่"เราไม่สามารถช่วยได้ทุกคนหรอกนะหนิงเออร์ หากว่ามีการสูญเสียเกอดขึ้นมันก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้า" เฝิงลี่หมิงกุมมือคนรัก"ข้ารู้ขอรับ เพียงแต่ข้านั้นมีมิติวิเศษติดตัวข้าคิดว่าในมิติอาจจะมีของวิเศษที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้" เซียวเฟินหนิงเอ่ยกับสามี"ปล่อยให้ทางการแก้ปัญหาก่อนเถิด หากพวกเขาทำไม่ได้จริงๆเราค่อยหาวิธีช่วยเหลือ บอกตามตรงว่า
"องค์ชายหก ท่านชาย ได้โปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ""ท่านพ่อ อย่าทำเยี่ยงนี้ขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงรีบเข้าไปพยุงเฝิงคงหรันให้ลุกขึ้น"พ่อละเลยหน้าที่ปล่อยให้นายอำเภอยักยอกเสบียง หากเจ้าสองคนไม่ไปเจอเหล่าผู้อพยพคงพากันอดตายเป็นแน่" เฝิงคงหรันพูดอย่างรู้สึกผิด"เรื่องนี้มิใช่ความผิดของท่านพ่อนะขอรับ เราทุกคนต่างรู้ว่าท่านพ่อทำงานหนักทุกวันออกหาซื้อเสบียงมาช่วยเหลือทุกคน หากจะมีคนผิดก็คือนายอำเภอที่โลภมากผู้นั้น" เซียวเฟินหนิงเอ่ย"หนิงเออร์พูดถูกขอรับ คนชั่วช้าผู้นั้นต่างหากที่ผิด" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบ้าง"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่หากว่าพ่อตรวจสอบให้ดีกว่านี้..." "มิมีผู้ใดไม่เคยผิดพลาดขอรับ ตอนนี้ท่านพ่อได้สั่งลงโทษคนผิดแล้วตอนนี้เราควรเอาเวลาไปคิดว่าจะช่วยเหลือผู้อพยพอย่างไรต่อดีกว่าขอรับ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยตัดบท ตอนนี้ชีวิตของผู้คนย่อมมาก่อน"เช่นนั้นเราก็ไปคุยกันที่จวนเถิด" เฝิงคงหรันเอ่ยบอก ทั้งสามคนจึงเดินทางไปที่จวนเพื่อพูดคุยหารือกันจวนท่านเจ้าเมือง"ตอนนี้เสบียงของพวกเจ้ามีมากน้อยเพียงใด" เฝิงคงหรันเอ่ยถามบุตรชายและลูกสะใภ้"มีมากพอจะให้ผู้อพยพได้กิน 3-4 เดือนขอรับ แต่