共有

8/3 ไม่ตอบสนอง

last update 最終更新日: 2024-12-18 16:03:37

เมื่อถึงนอกด่าน เหยาอี้เหยารีบจัดเก็บเสื้อผ้าของใช้ของตนเอง รวมทั้งขอให้ผู้ดูแลจิ่ง จากกรมสำรวจสำมโนครัวตรอกซ้ายโอนย้ายชื่อของนางกลับเข้าเมือง ตามที่ฉู่ซีเย่ได้อนุญาตเป็นรายลักษณ์อักษร

เหยาอี้เหยาบอกลาฟั่นฟั่นแล้วจึงเดินทางไปอยู่กับเมียนเมี่ยน จี๋เฉวียน และอามู่อีกหนึ่งวัน เมื่อได้ร่ำลาทุกคนแล้ว นางจึงเดินทางเข้าเมือง โดยมีผู้อาวุโสฉู่ไปส่งที่ประตูเมือง ใช้เวลาเตรียมตัวทั้งหมดสามวัน

“ฉู่เซียนเซิง ข้าน้อยขออนุญาตจอดรถม้าตรงนี้สักครู่ได้หรือไม่เจ้าคะ “วันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของท่านตา นางจึงตั้งใจนำสุรามาเซ่นไหว้ แต่นางมีพลังหยินมาก ทำให้เข้าใกล้สุสานซึ่งมีแต่พลังหยินของศพไร้ญาติไม่ได้ ตลอดหกปีมานี้ จึงไม่ได้มาเลย “ข้าน้อยไม่เข้าใกล้หรอกเจ้าค่ะ แค่อยากอยู่ตรงนี้สักครู่”

“จอด” ฉู่ซวิ่นส่งเสียงขึ้นโดยที่ไม่ลืมตา “ใช้เวลาตามสบายเถิด”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” เหยาอี้เหยาลงจากรถม้า เหนือเนินเขาอันขาวโพลนมีกิ่งก้านต้นไม้แห้งแล้งยืนต้นอย่างเดียวดาย ส่วนอีกฟากมีที่รกร้างสำหรับฝังศพอนาถาและนักโทษ…

สายลมหนาวพัดโชยจนเสื้อคลุมปลิว เตาอุ่นในมือดับลง กระนั้นเหยาอี้เหยาก็ยังเดินต่อไป จนแรงต้านของพลังงานผลักออกจนนางต้องหยุดเมื่อถึงจุดหนึ่ง ที่ยังไกลลิบจากท่านตา

“ท่านตา ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ” เหยาอี้เหยาคุกเข่าทางทิศใต้ อันเป็นทิศบ้านเกิดของท่านตา นางไม่เคยเข้าใกล้สุสานท่านตามากเท่านี้ นางจึงไม่รู้ว่าท่านตาของนาง แท้จริงแล้วถูกฝังอยู่ ณ ที่ใด

ทุกอย่างเงียบลง มีเพียงเสียงเทสุราและสายลมดังอยู่ข้างหู

ภาพในวันวานเหมือนหวนคืนกลับมา ทุกเรื่องราวยังแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ

เก้าปีก่อนนางยังเด็กมากจึงจดจำเรื่องราวไม่ค่อยได้ รวมทั้งเหตุการณ์สะเทือนใจทำให้หลงลืมไปบางส่วน ทว่าหลายปีมานี้ นางพยายามสืบเรื่องในปีนั้นมาตลอด นางจึงพบว่าที่แท้แล้วปีนั้นมีใบหน้าของคนผู้หนึ่งที่อยู่ในความทรงจำ เพียงแต่รางเลือนเกินกว่าจะรู้ว่าเป็นผู้ใด

แต่คนผู้นั้นคือคนสังหารท่านตา…

หากในอนาคตนางได้พบเขา นางต้องจำได้แน่

“ท่านตา…อี้เหยาจะพาท่านกลับบ้านให้ได้”

ยามเซิน…

เหยาอี้เหยานั่งรถม้าพร้อมผู้อาวุโสฉู่มาถึงเมืองโจวอี้ ทีแรกนางคิดว่าเขาจะพานางไปส่งถึงจวน แต่เขาบอกว่าไม่สะดวก ให้นางเรียกรถม้าไปที่จวนสกุลฉู่ต่อเอง

“รับสิ่งนี้ไป”

“อันใดรึเจ้าคะ” นางถาม แต่ยื่นมือออกไปรับป้ายหยกจากผู้อาวุโสฉู่มาแล้ว

“ป้ายหยก พกติดตัวไว้” ฉู่ซวิ่นบอกลา “จากกันตรงนี้เถิด รีบไปให้ทันเวลาที่นัดหมาย"

“เจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยไปก่อนนะเจ้าค่ะ ขอบคุณสำหรับป้ายหยกและความกรุณามาส่งข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ” เหยาอี้เหยาลงจากรถม้า นางยอบกายคารวะให้ผู้อาวุโสฉู่ ก่อนจะเดินห่างออกไป เป็นการจากลาอย่างเรียบง่ายเพียงเท่านี้

เหยาอี้เหยามองป้ายหยกในมือ นางคิดว่าเป็นสิ่งของอำลาจึงเก็บใส่อกเสื้อ ไม่คิดอะไร

หน้าประตูเมืองมีจุดพักรถม้าคอยบริการ นางไหว้วานให้ท่านลุงคนหนึ่งช่วยพาไปส่งต่อ เนื่องจากไม่อยากรบกวนแม่ทัพซ่างหรือคนอื่นๆ ที่คงยุ่งกับงานจนมือพันกันแน่

ไม่เกินสองเค่อรถม้าก็พามาถึงตรอกด้านใน

“ถึงแล้วแม่นางน้อย”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ”

เหยาอี้เหยาหอบหิ้วสิ่งของจำเป็นของตนเองลงจากรถม้าเมื่อถึงตรอกใกล้จวนสกุลฉู่ เนื่องจากบริเวณจวนของฉู่อ๋องเป็นเขตรักษาการณ์พิเศษ ทำให้รถม้าของบุคคลทั่วไป ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ต้องจอดห่างออกไปประมาณสามลี้

“ท่านลุง เงินค่ารถเจ้าค่ะ” นางหยิบเงินจากถุงให้คนขับรถม้า ก่อนที่เขาจะขับรถจากไป

ตรอกในช่วงนี้ผู้คนบางตา พ่อค้าแม่ค้าจึงจับเข่านั่งสัปหงกบ้าง ไม่ก็นั่งแทะเมล็ดทานแตงโมอยู่หน้าเตาผิง

แสงแดดยามเย็นเริ่มทอแสงเป็นครั้งแรกของวัน แต่ไม่อบอุ่นแม้แต่น้อย

เหยาอี้เหยาสะพายย่ามบนไหล่ เดินย้ำไปบนทางหินของเมือง กลิ่นหอมกรุ่นของซาลาเปาเนื้อลอยมาเข้าจมูกนาง ท่ามกลางอากาศเย็นๆ จมูกนางชักนำให้เดินตามกลิ่นไปทันที

“อยู่ตรงนี้นี่เอง” นางเดินมาถึงร้านซาลาเปาน้อยๆ ที่ขายบนรถเข็น เมื่ออยู่ใกล้ขึ้น กลิ่นก็ยิ่งชัดเจน น้ำย่อยในกะเพราเริ่มทำงานอย่างแข็งขัน

“รับอะไรดีแม่นางน้อย”

“ซาลาเปาเนื้อสามลูกเจ้าค่ะท่านป้า” เหยาอี้เหยาตอบ พลางหันไปยิ้มให้หลานสาวเถ้าแก่ร้านซาลาเปา แต่อีกฝ่ายวิ่งหนี เนื่องจากเตาอุ่นรูปฟักทองปีศาจซึ่งจี๋เฉวียนปั้นให้ รูปร่างของเตาน่ากลัวยิ่ง ทำเด็กตกใจจนหนีแล้ว

“ไม่ต้องกลัว นี่ไม่ทำร้ายเจ้า” นางยิ้มให้แล้วรีบใช้แขนเสื้อซ่อนไว้ก่อนที่เด็กน้อยจะร้องไห้เพราะตกใจ

“เตาเจ้าช่าง…มีเอกลักษณ์ยิ่ง” เถ้าแก่ว่ายิ้มๆ ก่อนจะยื่นซาลาเปาให้ “ซาลาเปาเนื้อของเจ้า”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางจ่ายเงินแล้วรับซาลาเปาในกระดาษมากิน สองเท้าเดินต่อ มุ่งหน้าไปยังจวนสกุลฉู่

อารมณ์ของนางแจ่มใสยิ่ง เดินครวญเพลงไปด้วยเดินเลียบกำแพงไปด้วย จนกระทั่งเดินมาถึงจุดแขวนโคม

บริเวณใกล้ถึงจวนสกุลฉู่มีกำแพงยาวจรดทางเดิน ปกติบนนั้นจะห้ามติดป้ายประกาศใดๆ แต่วันนี้มีคนนำถ้อยคำอาลัยรวมทั้งคำสรรเสริญมาติดไว้

เหยาอี้เหยาอ่านไปบางส่วน ทุกคำบนป้ายไผ่ล้วนเป็นอักษรที่ดียิ่ง ผิดกับอีกฟากฝั่งของถนน เต็มไปด้วยถ้อยคำสาปแช่งของท่านตา

บนนั้นมีคำแช่งมากมายเหลือเกิน มากจนนางไม่สามารถปลดลงมาได้หมด อีกทั้งตอนนั้นเอง ยังมีชาวบ้านนำคำแช่งมาแขวน กระทั่งขอทานแถวนั้นยังมองเหยียดด้วยความดูแคลน

เหยาอี้เหยารู้ตัวดีว่าตนเองไม่มีกำลังพอที่จะต้านกลุ่มคนเหล่านี้ นางจึงกำมือให้แน่นแล้วหันหลังเตรียมเดินหนี

“คนถ่อยสกุลหลิน ถุย!” คนแขวนป้ายแช่งถ่มถุย

เหยาอี้เหยากล้ำกลืน นางได้แต่ปล่อยให้คนเหยียดย่ำท่านตา สาปแช่งท่านตาด้วยความเคียดแค้นต่อไป

“สุนัขแซ่หลิน! ข้าจะเผาเจ้าให้ตาย เป็นผีก็ขอให้หมกไหม้” รูปวาดของแม่ทัพหลินถูกวางในเตาพก ก่อนที่จะมีคนโยนกลักไม้ขีดไฟลงไปพร้อมพ่นคำแช่ง

เหยาอี้เหยางงงันยิ่ง คนพวกนี้สาปแช่งท่านตาหมายจะให้วิญญาณแตกดับสิ้นสุด

ความอดทนของนางหมดแล้ว ยิ่งเมื่อได้เห็นอีกฟากของกำแพงที่เต็มไปด้วยคำสรรเสริญ นางก็ได้แต่คิดว่าทำไมท่านตานางต้องถูกคนล่วงเกินปานนี้

ที่ผ่านมาท่านตาถูกสาปแช่งทุกปีเช่นนี้ตลอดเลยหรือ

“ท่านน้า ท่านทำเช่นนี้ไม่ถูกต้องนะเจ้าคะ” เหยาอี้เหยาอดทนยิ่ง นางไม่ว่าอันใดคนเหล่านั้นที่จะโกรธแค้นท่านตา แต่เห็นชัดๆ ว่าคนพวกนี้ทำเกินไป ในใจล้วนมีแต่อคติ

“อันใดไม่ถูกต้อง ข้ามาสาปแช่งคนสกุลหลิน ขอให้ลูกหลานพวกมันประสบเรื่องชั่วช้าดั่งที่บรรพบุรุษของมันทำ”

เมื่อคนหนึ่งเริ่ม ย่อมมีคนตาม

“ข้าก็มาแช่งคนแซ่หลิน ขอให้มันอย่าได้ผุดได้เกิด”

“แม่ทัพหลินไม่ได้ถูกตัดสินว่าเป็นคนผิด เรื่องในปีนั้นหาชัดเจนไม่” เหยาอี้เหยาเอ่ย

“อันใดไม่ชัดเจน ผู้ใดก็รู้ว่าคนแซ่หลินรับงานมาสังหารเจ้าเมืองฉู่!”

“แม่ทัพหลินไม่ได้ตั้งใจสังหารเจ้าเมืองฉู่ ต้องมีเรื่องอะไรที่พวกเราไม่รู้แน่” เหยาอี้เหยาเชื่อมั่นว่าคนอย่างท่านตา หากไม่มีความจำเป็น ไม่ทำร้ายใครแน่

“เจ้ารู้ได้อย่างไร เอาอันใดมาเป็นหลักฐาน”

เหยาอี้เหยาไม่กล้าพูด นางไม่กล้าบอกว่านางคือหลานสาวของท่านตา

“เจ้าเป็นผู้ใด ไม่ใช่คนเมืองโจวอี้?!”

หากเป็นคนเมืองโจวอี้ ย่อมโกรธแค้นด้วยกัน

คนผู้หนึ่งพูดขึ้น “ข้ารู้แล้ว นางต้องเป็นลูกหลานของคนแซ่หลินแน่!”

“ใช่ ข้าได้ยินว่าคนแซ่หลินมีหลานสาว”

“เจ้าต้องเป็นหลานสาวของเขาแน่ๆ”

“ข้า…” สองเท้านางก้าวถอยหลัง ไม่กล้าตอบรับหรือปฏิเสธ

“ใช่หรือไม่ เจ้าเป็นหล่นของคนแซ่หลิน!” ขาดคำนั้น ผู้คนแถวนั้นจึงเข้ามาล้อมนาง

“พวกท่านทำเช่นนี้ต่อผู้อื่นไม่ได้นะ” เหยาอี้เหยาถอยหนี แต่คนล้อมนางไว้หมดแล้ว ผู้คนมากมายจดจ้องเป็นตาเดียว

“เจ้าใช่แน่ๆ เป็นหลานคนแซ่หลิน!”

“ใช่ ข้าเป็นหลานท่านตา” ทันทีที่พูดออกไปหมึกสีก็ถูกสาดใส่นาง ไข่ไก่ในตะกร้าถูกจับโยนใส่อย่างมันมือ หลบอย่างไรก็ไม่พ้น การโจมตีทุกทิศทางทำนางต้องยกมือกันศีรษะ

“เมืองโจวอี้ไม่ต้อนรับคนแซ่หลินหรือเหยา!”

“เชื้อสายคนทรยศ! เชื้อสายสกปรก!”

มือกระด้างข้างหนึ่งยื่นมาผลักเหยาอี้เหยาลงไปบนพื้น ทุกคนจึงถอยห่างโดยพลัน เพราะตอนนางล้มลง ป้ายคำสั่งของฉู่ซวิ่นก็ตกด้วย

“เจ้าผลักนางทำไม!”

“ข้าไม่ได้ผลัก นางล้มเอง!”

ป้าสวมผ้าโพกรีบหยิบตะกร้าแล้วหนี นางเป็นคนแรกที่เขวี้ยงไข่ไก่ใส่นาง “ข้าไปล่ะ ลืมว่าที่บ้านต้มชาไว้”

“ข้าก็เหมือนกัน”

สุ่มเสียงนั้นพูดคุยกัน ทุ่มเถียงกัน เหยาอี้เหยาไม่เงยหน้า นางนั่งอยู่อย่างนั้นให้ผู้คนถอยกลับไปเองจนหมดถึงได้ลุกขึ้นมาเก็บป้ายหยกที่หล่นอยู่ข้างๆ รอยยิ้มบางๆ ยังอยู่บนหน้านาง

“เกือบทำของที่ฉู่เซียนเซิงให้แตกแล้ว…”

นางไม่ได้อยากจะร้องไห้จึงเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งมืดลงอย่างรวดเร็ว ความอัดอั้นถูกกลืนลงท้อง แต่นางนั่งต่อไปไม่ได้จึงลุกขึ้น ก่อนจะเดินลากเท้าไปยังลำธารสายหนึ่ง

“ข้าจะไปจวนสกุลฉู่ด้วยสภาพเช่นนี้ไม่ได้…”

คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของเทศกาลฤดูหนาว อีกทั้งเป็นวันครบรอบวันตายของเจ้าเมืองฉู่คนก่อน ภายในเมืองจึงมีการลดธงลงพร้อมทั้งเซ่นไหว้ที่สุสานบรรพชนตั้งแต่เช้า

พิธีการต่างๆ จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่ก็ยังมีพิธีซึ่งกินเวลาไปทั้งครึ่งเช้าและตอนบ่าย

วันนี้ฉู่ซีเย่ยุ่งมากแต่ยังปลีกตัวกลับมาที่จวนเพื่อรอพบนางด้วยตนเอง ทว่าเลยยามเซินจนฟ้ามืดแล้ว นางก็ยังมาไม่ถึง

ฉู่ซีเย่ดูเวลา เขาเห็นว่าเลยเวลาแล้วจึงบอกให้จินเฟยเตรียมรถม้า เวลานั้นที่จินเฟยเข้ามาเรียนว่าเหยาอี้เหยามาถึงแล้ว

“ซื่อจื่อ คุณหนูเหยามาถึงจวนแล้วขอรับ”

“ให้นางมาหาข้าก่อน”

“ขอรับ” จินเฟยไป ไม่นานก็พาเหยาอี้เหยามาหาเขา สภาพนางมองอย่างไรก็เหมือนคนพึ่งผ่านการถูกรุมปาข้าวของใส่

หัวคิ้วของฉู่ซีเย่ขยับคล้ายไม่พอใจ

“ขออภัยที่ข้าน้อยมาช้าเจ้าค่ะ” เหยาอี้เหยายอบกายคารวะ ไม่กล้ายืนขึ้นทั้งๆ ที่ขาปวดแปลบ

“เหตุใดจึงมาช้า”

เหยาอี้เหยาไม่กล้าพูดเท็จหรือเลี่ยงไม่ตอบ “มีเรื่องเล็กน้อยที่กำแพงเจ้าค่ะ”

ฉู่ซีเย่เข้าใจในทันที ตั้งแต่อดีตเจ้าเมืองฉู่หลินจากไป บริเวณกำแพงตรอกจะมีการแขวนป้ายสรรเสริญเจ้าเมืองทุกปี ส่วนอีกฟากเป็นกำแพงแขวนป้ายสาปแช่งแม่ทัพหลิน

“ลุกขึ้น”

“เจ้าค่ะ” เหยาอี้เหยาลุกขึ้นช้าๆ ข้อเท้าของนางบาดเจ็บจากการล้มเมื่อครู่ ทว่านางแข็งใจอยู่ อย่างไรบาดแผลภายนอกก็ไม่เจ็บเท่าใจนาง

“บาดเจ็บหรือไม่”

“ไม่เจ้าค่ะ”

ฉู่ซีเย่ดีดเมล็ดถั่วออกไปโดนขานาง เพียงเท่านี้ เหยาอี้เหยาก็ล้มลงแล้ว

“ท่านทำร้ายข้าทำไมเจ้าคะ” เหยาอี้เหยาล้มแล้วลุกไม่ขึ้นง่ายๆ สุดท้ายจึงตัดสินใจนั่งเสีย พร้อมทั้งใช้มือนวดข้อเท้าที่ถูกดีดถั่วใส่ “ที่เป็นอยู่ก็เจ็บมากแล้วนะเจ้าค่ะ”

“ใครทำขาเจ้าเจ็บ”

“ท่านอย่างไรละเจ้าค่ะ”

ฉู่ซีเย่ดีดถั่วใส่นางอีก คราวนี้เบามือมาก นางจึงรับได้

“ก็ท่านดีดถั่วใส่ข้านี่นา”

“คุณหนูเหยา”

“คนมากเกินไป ยากจะระบุตัวผู้ลงมือได้เจ้าค่ะ อีกอย่างข้าน้อยกลัวจะถูกตีหนัก เลยยกมือกันไว้” เหยาอี้เหยาล้วงป้ายคำสั่งของฉู่ซวิ่นออกมา “โชคดีได้ป้ายหยกของฉู่เซียนเซิงช่วยไว้ พวกเขาเลยรีบเผ่นไปทันที”

“ท่านลุงให้เจ้า?”

“เจ้าค่ะ” นัยน์ตาฉู่ซีเย่มีความคลุมเครือเลือนผ่าน

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าป้ายหยกชิ้นนั้นมีความสำคัญอย่างไร”

เหยาอี้เหยาใคร่รู้ขึ้นมาทันที “ข้าน้อยไม่ทราบเลยเจ้าค่ะ”

นางคิดว่าเป็นป้ายหยกธรรมดา

“ป้ายหยกชิ้นนี้ท่านปู่ให้ท่านลุงไว้ ไม่ว่าใครที่เห็นป้ายหยกนี้ เสมือนเห็นท่านปู่”

เสมือนเห็นฉู่อ๋อง!

“เช่นนี้แล้วฉู่เซียนเซิงกล้ามอบให้ข้าน้อยได้อย่างไร” เหยาอี้เหยามือร้อนขึ้นมาทันที จะทิ้งก็ไม่กล้า จะเก็บลงไปก็ยิ่งไม่กล้า “ซื่อจื่อ ข้าไม่กล้ารับไว้ ฝากไว้ที่ท่านได้หรือไม่เจ้าค่ะ วันหน้าข้าน้อยจะคืนฉู่เซียนเซิง”

“ท่านลุงให้เจ้าคือให้เจ้า ข้าไม่รับฝาก” ฉู่ซีเย่เอ่ยปาก “เจ้าไปได้แล้ว ก่อนที่จะทำพื้นสกปรกไปมากกว่านี้”

“เจ้าค่ะ ข้าน้อยขอตัว”

เมื่อฉู่ซีเย่เอ่ยปากเช่นนี้ เหยาอี้เหยาก็ไม่กล้ารั้งรอต่ออีก นางประสานมือคารวะแล้วรีบถอยออกไป ครั้นเดินลงส้นเท้า นางถึงพึ่งรู้สึกว่าเท้าที่เจ็บหายแล้ว เหยาอี้เหยากางมือออก เมื่อครู่ที่ฉู่ซีเย่ดีดเมล็ดถั่วใส่นาง คือเขารักษานางหรือ?

เหยาอี้เหยางงยิ่ง มองเมล็ดถั่วแดงในมืออยู่ครู่หนึ่ง

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   23/2 ความรักที่สุกงอม

    ฤดูใบไม้ผลิของแดนเหนืออบอุ่นและงดงาม ต้นไม้ที่หลับใหลในฤดูเหมันต์ผลิใบอ่อน แสงแดดลอดเงาผ่านช่องว่างต้นถั่วแดงเข้ามาเป็นลำแสง ต้นถั่วแดงหงฉู่โตวเป็นไม้ยืนต้นที่ใช้เวลาหลับใหลในฤดูหนาวเช่นกัน แต่เพราะมันเติบโตในแดนใต้ที่อากาศอุ่น ก่อนจะถูกขุดล้อมแล้วย้ายขึ้นมาที่เมืองโจวอี้ ต้นถั่วแดงจึงเจริญเติบโตขึ้นมาก เหยาอี้เหยามักจะมารดน้ำต้นถั่วด้วยตนเอง นางจำได้ว่าช่วงสามปีแรก ต้นถั่วโตช้ายิ่ง จนกระถางเล็กๆ ยังโตไม่เต็ม ครั้นลงดินที่อำเภอซานถง เพียงไม่นานก็สูงเอาๆ แต่พอมาคิดดู เหยาอี้เหยาคิดว่าสาเหตุที่ต้นถั่วโตช้าตอนอยู่ในกระถาง เพราะพื้นที่ไม่พอ สารอาหารขาดแคลน พอได้รับแสงแดด สายลม พื้นที่เหมาะสม พริบตาเดียวก็สูงขึ้นจนต้องแหนหน้ามองแล้ว ร่มเงาของกิ่งก้านที่แผ่ขยายออกเป็นพุ่มงาม ใบไม้เสียดสีเบาๆ ราวกับกำลังอวยพรให้นาง เหยาอี้เหยาพนมมือรับพรด้วยน้ำตา แต่คำอวยพรบางอย่างก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้... “อยู่นี่เอง” ฉู่ซีเย่เดินเข้ามาบริเวณสวนดอกไม้ ตรงกลางมีต้นถั่วยืนต้นโดดเด่น ใต้ร่มเงามีหญิงงามในชุดผ้าคลุมตัวยาว ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนแล้ว กระนั้นเหยาอี้เหยาก็ยังสวมชุดฤดูหนาว “ท่านหาข้าอยู่หรือ” เ

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   23/1 ความรักที่สุกงอม

    เดินทางจากอำเภอซานถงถึงแดนเหนือใช้เวลาสองสัปดาห์ เหยาอี้เหยาตกลงใจใช้ชีวิตอยู่กับฉู่ซีเย่ บางวันหวานชื่น บางวันรักร้อนแรง หรือทะเลาะกันบ้าง เพราะนางอยากออกไปทำงานสำรวจสำมโนครัวแบบเมื่อก่อน เพราะอยู่เฉยๆ เบื่อเกินไปฉู่ซีเย่คัดค้านหัวชนฝา เขาไม่อยากให้นางออกไปทำงานข้างนอก กลัวว่าจะมีคนมาชมชอบนาง ก็นางงามขนาดนี้ มีแต่คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่มอง“แน่ใจนะว่าท่านไม่อนุญาต”“แน่นอน”“งั้นคืนนี้ท่านไปนอนที่อื่น”ฉู่ซีเย่ลุกพรึ่บ “ไม่ได้”“ได้ ก็นี่ห้องข้า เสียก็แต่ว่าท่านจะยึดคืน” เหยาอี้เหยาลุกขึ้น นางคว้าหมอนและผ้าห่มของฉู่ซีเย่ออกไปทิ้งด้านนอกห้อง“อี้เหยา” ฉู่ซีเย่ตามไปเก็บแล้ววางที่เดิม ก่อนจะประกาศก้อง “คืนนี้ข้าจะนอนที่นี้”“ท่านอ๋อง ท่านไม่สิทธิ์รุกล้ำพื้นที่นะ ยิ่งเจ้าของไม่อนุญาต ยิ่งไม่ได้”“แล้วไง ใครสน” ฉู่ซีเย่นั่งลงบนเตียง เขาเอนนอนเอาแขนชันศีรษะ “ข้าพอใจจะนอนที่นี้”“ก็ได้ งั้นข้าจะไปนอนที่อื่น” เหยาอี้เหยาเดินไปที่ประตู ฉู่ซีเย่ดีดตัวลุกขึ้นมาขวาง เขายืนขวางประตู ก่อนจะถอนหายใจ เขายอมถอยให้นาง“เอาล่ะ พอก่อน มาคุยกันดีๆ เถอะ”“ก็ได้” เหยาอี้เหยาเห็นเขายอมถอย นางก็ถอยหนึ่งก้าว “

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   22/2 แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย

    “เจ้าต้องเข้าใจว่าข้าไม่อาจสบายใจได้ ตราบใดที่มีเจ้า” หย่งสวินกล่าวอย่างลำบากใจ แต่ดวงตากลับเฝ้ารอ ในใจคงจินตนาการวันที่ได้ฆ่าฉู่ซีเย่มานับครั้งไม่ถ้วน“คนที่คิดจะฆ่าข้า ไม่ตายดีสักคน” ฉู่ซีเย่ไม่กลัวว่าหย่งสวินจะเอาดาบแทงตน เพราะคนเหลี่ยมจัดอย่างหย่งสวิน ไม่เล่นในเกมที่ตกเป็นรอง“เจ้าต้องมีชีวิตอยู่นานๆ หน่อย จะได้รู้ว่าข้าจะได้ตายดีหรือไม่ แต่น่าเสียดาย คงไม่มีวันนั้นแล้ว” หย่งสวินยกดาบขึ้น ก่อนจะฟันใส่แขนขวาจนขาด เขาส่งเสียงร้องโหยหวน“ช่วยข้าด้วย! ต้าเป่ยอ๋องจะสังหารข้า!”ประตูท้องพระโรงเปิดออกในยามรุ่งสาง ฉู่ซีเย่ถูกคุมตัวออกมามุ่งหน้าไปยังลานประหารในโทษฐานลอบทำร้ายประมุขของประเทศ ความรีบร้อนในการประหารเขาทันที เป็นความต้องการของหย่งสวินคลื่นลมในวังเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างมั่นใจแน่แล้วว่าหย่งสวินจะได้เป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป ด้วยไท่จื่อก็สิ้นแล้ว หย่งมู่ที่กลัวตายก็รีบหอบผ้าหนีเอาตัวรอด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ากังขาหรือคัดค้านแม้เพียงนิดที่หย่งสวินคิดจะสังหารฉู่ซีเย่อย่างไรก็ตาม การประหารใช่จะทำได้เลยในทันที เพราะความวุ่นวายจากทางฝั่งของคนสนับสนุนไท่จื่อก็ไม่ยินยอมเช่นกัน

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   22/1 แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย

    “เจ้าไม่เป็นห่วงชายผู้นั้นของเจ้าหรือ”ชายผู้นั้นของกงจิ้ง ย่อมหมายถึงฉู่ซีเย่ “ได้ยินว่าทางวังกำลังเผชิญหน้ากับพายุใหญ่ ไม่แน่ว่าชายผู้นั้นของเจ้า อาจพบอันตรายร้ายแรง”“ก็อาจจะพบอันตราย แต่ข้าไม่ห่วงมากเท่าไหร่” นางล้างผัก ท่าทีผ่อนคลายกงจิ้งทำหน้าประหลาด เหยาอี้เหยาดูไม่ร้อนใจเท่าที่ควร“สามปี” เหยาอี้เหยาพูดขณะมองตรงไปหน้าผืนนา “เขาใช้เวลาสามปีวางแผนแก้แค้น ดังนั้นข้าจึงเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ต่อให้ถูกใครคิดปองร้าย ทุกอย่างก็อยู่ในการคาดเดาของเขา”กงจิ้งมองนาง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเขาอย่างลึกซึ้ง”“ความจริงข้าไม่เข้าใจเขาหรอก ใครจะกล้าพูดว่าเข้าใจเขาได้”กงจิ้งเห็นด้วย “ข้าแปลกใจเสมอที่รู้ว่าเขาไม่อยากเป็นหนึ่งในผู้ชิงบัลลังก์"“ข้าไม่แปลกใจ”“เพราะอะไร” ขอเพียงมีใจนึกอยาก ไม่ใช่ว่าจะชิงมาไม่ได้“เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และยโสโอหังมาก แต่ก็เป็นคนที่รักษาคำสัตย์ยิ่งชีพมากเช่นกัน อะไรที่รับปากคนอื่นไว้แล้ว ต่อให้ดินถล่มฟ้าแหวกออก เขาก็จะทำให้ได้ ในงานพิธีรับตำแหน่งต้าเป่ยอ๋อง เขาชัดเจนแล้วว่าเลือกแดนเหนือ”“เข้าใจแล้ว”ฉู่ซีเย่ไม่ได้ให้คำสัตย์ว่าจะไม่ชิงบัลลังก์ แต่เขาให้คำสัตย์ว่าจะตา

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   21/2 ความรักที่งอกงาม

    ต้าหย่ง...ชายเสื้อปักดิ้นทองเคลื่อนไหวเพียงบางเบา แต่สามารถทำให้ตะเกียงบนโต๊ะด้านหน้าสั่นไหว เงาใหญ่ยักษ์ที่ทอดลงหลังฉากพระที่นั่งวิจิตรงดงาม แลดูแปลกตา ยิ่งเมื่อขยับเคลื่อนไหว เงาสีดำยิ่งชวนให้รู้สึกขนกายลุกพองหย่งฉียังคงทรงงานแม้จะค่อนคืนเข้าไปแล้ว พระขนงมีมีร่องรอยยับย่น หมึกเปื้อนพระหัตถ์เป็นปื้นสีดำทั้งสองข้าง ลามไปถึงชายแขนเสื้อที่ถูกหมึกสีดำทำลายความประณีตลงหลายเท่าตัวหลังตั้งตรงเริ่มตกลู่ หย่งฉีในปีนี้อายุเพียงสี่สิบกว่าปี ทว่าความเคร่งเครียดและการตรากตรำอยู่ในตำแหน่งมายาวนานกว่าสามสิบปี ทำให้ใบหน้านั้นแก่ชรา ริ้วรอยแห่งวัยทอดแนวอยู่บนหน้าพระพักตร์หมองคล้ำ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลครั้นมองลงมาภายในโถงพระที่นั่งอันหนาวเหน็บและช่างว่างเปล่า หย่งฉีคล้ายจะยิ้มเย้ยให้ตนเองอย่างสมเพชข้าวของมากมายหล่นเกลื้อนกลาดแทบเท้า ทุกสิ่งทุกอย่างพังไม่เป็นชิ้นดี กระนั้นท้องพระโรงที่เละเทะเช่นนี้ ก็ยังเทียบไม่ได้กับภายในจิตใจของเขาหย่งฉีทิ้งพู่กันในมือ เขาส่งเสียงออกมาอย่างเหนื่อยล้าราวกับแทบขาดใจ“ขันทีโม่...”โม่หานยืนก้มหน้าตามระเบียบประเพณี ในมือมีพวงแส้ม้านุ่มสลวย ทองคำซึ่งหลอมอยู

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   21/1 ความรักที่งอกงาม

    เหยาอี้เหยา “ก่อนจะให้ท่านพูดอธิบาย อยากจะขอรบกวนให้ท่านอาบน้ำล้างตัวเสียหน่อย” กลิ่นสาบจากตัวเขาทำให้ภายในบ้านถูกกลิ่นบูดรมควัน ดังนั้นนางจึงนำเสื้อผ้าที่เขาทิ้งไว้คราวก่อนออกมาให้เขา พร้อมชี้ทางว่าสามารถไปอาบน้ำที่ลำธารใกล้กับแปลงผักจี๋ฉายได้ ทั้งยังรุนหลัง ให้เขาไปไวๆ ฉู่ซีเย่ไม่อิดออด เขาก็เริ่มได้กลิ่นจากตัวเองเช่นกัน “ได้ ข้าจะไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นค่อยสนทนาเรื่องที่เข้าใจผิด” ถึงอย่างงั้นในใจของเขาก็มีความน้อยใจเล็กๆ ที่นางดูราวกับไม่ใส่ใจเขาเลย จะถามไถ่สักคำว่าเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยหรือเปล่าก็ไม่มี ยังมีตบของนางอีก แม้แรงนางจะไม่ระคายผิวหนังหนาด้านของเขา แต่จิตใจบอบช้ำยิ่ง “ท่านอ๋อง” เหยาอี้เหยากล่าวรั้ง ใบหน้าคมกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่เมื่อหันหน้ามาก็กลบเกลื่อนให้หมดสิ้น “ว่าอย่างไรรึ” ใบหน้าของฉู่ซีเย่ในตอนนี้สามารถพูดได้คำเดียวว่าเขาสำนึกผิดแล้ว “เมื่อครู่ข้าขอโทษที่ตบท่าน ท่านเจ็บมากหรือไม่” การตบตีเขาไม่เคยอยู่ในสมองนางมาก่อน แต่พอเห็นเขามายืนอยู่ตรงหน้า แรงอารมณ์ที่ถูกกดไว้ตลอดทั้งเดือนก็ปะทุ รู้ตัวอีกทีก็ตบเขาเสียฉาดใหญ่ “แรงเท่ามดของเจ้าจะทำอะไรข้าได้กัน”

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status