LOGIN[ติ๊ง! มิชชันใหม่เปิดใช้งาน: ทำให้ฝ่าบาทหัวเราะครั้งแรก!]
[รางวัล: +10 คะแนนความอบอุ่น / ปลดล็อกฉากหลังวัยเยาว์ของพระเอก] เช้าวันรุ่งขึ้นในตำหนัก หลินซินเยว่ยังไม่หายจากอาการมึนงงจากภารกิจเมื่อวาน เธอนั่งพิงหน้าต่างมองสวนหิมะโปรยบาง ๆ ด้านนอก พร้อมชาร้อนในมือ “...นายแน่ใจนะว่าเขาหัวเราะเป็น?” [ระบบ: ตามบันทึกในคลังจักรวรรดิ ไม่พบข้อมูลว่าฝ่าบาทเคยหัวเราะ แม้ในวัยเด็ก] [เพิ่มเติม: ขันทีคนหนึ่งเคยลองเล่นกลลิงควงดาบหน้าตำหนัก ผลคือถูกส่งไปชายแดนทันที] “...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด” หลินซินฟุบหน้าลงบนโต๊ะ ลูบแก้มตัวเองอย่างปลง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นพลางพูดเสียงฮึดฮัด “ก็ได้! ถ้าเขาจะไม่เคยหัวเราะกับใครเลย ฉันจะเป็นคนแรกของเขาเอง!” ประโยคที่ออกมาจากปากของหลินซินเยว่นี้ ทำเอาระบบอย่างเสี่ยวหลิงถึงกับหลุดเสียงขลุกขลักคล้ายคนสำลักอะไรบางอย่าง ……. ซินซินให้ระบบช่วยสร้างรายการ “มุกตลกยุคใหม่” พร้อมภาพประกอบแบบ hologram (แน่นอนว่าเธอเป็นคนเดียวที่มองเห็น) เธอฝึกมุกตลก 3 มิติ, เลียนเสียงสัตว์, แสดงละครใบ้กลางห้องบรรทมจนสาวใช้เริ่มมองแปลก ๆ “ฮองเฮา...พระองค์กำลังฝึก...ท่าเต้นเทพธิดาหรือเพคะ?” “เอ่อ...อา...ก็...ประมาณนั้นแหละ” ซินซินยิ้มเกร็ง [เสี่ยวหลิง: หม่าม๊าอย่าลืม ห้ามล้ม ห้ามปล่อยมุกลามก ห้ามใช้คำหยาบนะครับ! ฝ่าบาทมีโหมด ‘ตัดคออย่างรวดเร็ว’ เปิดอยู่ตลอดเวลา] จักรพรรดิอวี้เหยียนนั่งอยู่หลังโต๊ะชาขนาดเล็กในศาลาริมน้ำ นิ้วเรียวคีบใบชาหย่อนลงในกาน้ำร้อน กลิ่นหอมจาง ๆ ของชาขาวลอยอบอวลในอากาศ พระพักตร์ยังคงไร้รอยยิ้ม ราวกับสลักจากหยกน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย ขันทีเฒ่าเอ่ยรายงานด้วยเสียงนอบน้อม “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮา…ประสงค์จะเข้าเฝ้า” ดวงตาสีดำสนิทตวัดมองเพียงนิด ก่อนเสียงทุ้มเย็นเอื้อนเอ่ย “ให้เข้ามา” หลินซินเยว่ใจเต้นตึกตัก เมื่อโอกาส “แสดงตลกต่อหน้าเขา” มาถึงแบบไม่ได้ตั้งตัว เธอเตรียมไม้ไผ่ 1 ท่อน / ก้อนหิน / และเสื้อคลุมของขันทีที่แอบยืมมาแสดงละครสั้นเรื่อง “ขันทีน้อยกับเต่าโบราณ” แบบด้นสด เมื่อฝ่าบาททรงนั่งลงและรับชาจากนางกำนัล หลินซินเยว่ก็ปรากฏตัวด้วยสีหน้าเรียบเฉยเกินจริง มือข้างหนึ่งถือไม้ไผ่ ข้างหนึ่งถือลูกมะพร้าววาดหน้าเต่า “ฝ่าบาท หม่อมฉัน...ขอแสดงมุทิตาจิตแด่วันพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ด้วยการแสดง...เต่ากระโดดน้ำ!” เสียงในลานเงียบกริบ... จักรพรรดิอวี้เหยียนวางถ้วยชาอย่างแผ่วเบา ดวงตาคมกริบจ้องนางเหมือนกำลังประเมิน “สติสัมปชัญญะ” ของฮองเฮา หลินซินเยว่กลืนน้ำลายดังเอื๊อก แต่เธอไม่ถอย! หญิงสาวแสดงละครใบ้ เต่ายืนสองขา เดินชนต้นไม้ พลัดตกน้ำ แล้วสรุปด้วยเสียงใสว่า “รักแท้...ทำให้เต่าว่ายน้ำได้!” เงียบ... เงียบสนิทจนได้ยินเสียงใบไม้ตกใส่ผิวน้ำ ขันทีข้างพระวรกายตัวแข็งราวรูปสลัก และแล้ว... เสียงเบาราวกระซิบหลุดออกจากริมฝีปากชายหนุ่มผู้ไม่เคยยิ้ม “...เต่าโง่” เฮือก! เสียงกระแอมเบา ๆ ตามมาพร้อมกับ... มุมปากที่กระตุกขึ้นเล็กน้อย! [ระบบ: ตรวจพบ! มุมปากพระเอกกระตุกขึ้น 7 องศา!] [ประกาศ: หัวเราะเบาสุดในรอบสิบปี มิชชันสำเร็จ!] [คะแนนอบอุ่นหัวใจ +12 / ความสนใจ: เพิ่มระดับ “น่ารำคาญน้อยลง”] หลินซินเยว่แทบทรุด ดีใจจนน้ำตาคลอ “ฉันทำให้เขาหัวเราะได้จริง ๆ เหรอ…” หลินซินเยว่นั่งกอดเข่าที่ระเบียง หัวใจเต้นแรงอย่างประหลาด ระบบเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงใส ๆ ของเสี่ยวหลิงจะดังขึ้นช้า ๆ [ครับ… และท่านคือคนแรกในชีวิตเขาที่ทำได้] หญิงสาวหลุบตาลง เห็นภาพมุมปากของอวี้เหยียนที่ขยับเพียงเล็กน้อย แต่กลับตราตรึงใจอย่างน่าประหลาด “เวลาที่เขายิ้มเนี่ย ก็ดูดีเหมือนกันนะ ดีกว่าตอนทำหน้าเก๊กขรึม ตึงอย่างกับเพิ่งฉีดโบท็อกซ์มา” ติ๊ง! [รางวัลภารกิจสำเร็จ: ปลดล็อก “ความลับลำดับที่ 1” ฉากลับแรก – ความทรงจำในวัยเยาว์ของอวี้เหยียน] [โหมด: การมองเห็นความทรงจำ] แสงรอบกายหลินซินเยว่พร่ามัว ร่างเธอเหมือนถูกดูดลงไปในเงามืด ก่อนภาพใหม่จะค่อย ๆ ปรากฏ เธอกำลังยืนอยู่บนลานหินกรวดเย็นเยียบของเรือนเก่า ๆ แห่งหนึ่ง เสียงฝนซัดสาดกระทบหลังคากระเบื้องดัง “เปาะแปะ” ราวกับค้อนนับพันทุบลงมาพร้อมกัน กลิ่นฝนชื้นปนกลิ่นดินโคลนลอยตีจมูก เด็กชายตัวเล็กอายุราวเจ็ดหรือแปดขวบ นั่งกอดเข่าอยู่ตรงมุมระเบียง ผ้าฝ้ายสีซีดบนร่างเปียกชุ่มจนแนบกับผิวกาย น้ำฝนที่ซัดมากับลมเย็นจัดตีกระทบผิวหน้าและต้นคอ ทำให้ไหล่เล็ก ๆ นั้นสั่นไหว เส้นผมดำขลับเปียกจนเกาะติดแก้ม ใบหน้าเรียวเล็กซีดเซียว แต่ยังคงมีเค้าความสง่างาม ใช่แล้ว…เด็กคนนั้นคืออวี้เหยียนตอนยังเยาว์วัย ฝ่ามือเล็กโอบบางสิ่งเอาไว้แนบอก พอหลินซินเยว่เพ่งมองจึงเห็นชัดว่าเป็นตุ๊กตาผ้าขนาดฝ่ามือ รูปร่างคล้ายมังกรน้อยเย็บด้วยด้ายสีทอง แม้ฝีเข็มจะไม่เรียบร้อย แต่ก็มองออกว่าทำด้วยความตั้งใจสุดหัวใจ สองมือน้อย ๆ นั้นถูกผ้าสีขาวพันไว้รอบนิ้ว บางนิ้วมีจุดสีแดงซึมออกมาหลายแห่ง ทว่า…ตุ๊กตาผ้าบางส่วนถูกฉีกขาด ด้ายหลุดลุ่ย และตรงลำตัวของมันมีรอยเปื้อนโคลนกับรอยเหยียบแบนราบ เหมือนถูกกระทืบซ้ำหลายครั้ง “องค์ชายสิบสี่! ทำไมพระองค์ยังนั่งอยู่นี่เล่าเพคะ” เสียงหญิงวัยกลางคนในชุดข้ารับใช้รีบเข้ามา ใช้ผ้าคลุมบาง ๆ โอบไหล่เขา เด็กชายเพียงเหลือบตามองเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “แม่นม ท่านแม่…ไม่ให้ข้าเข้าไปในตำหนักนาง” แม่นมหลี่นั้นชะงักเล็กน้อย สายตาเต็มไปด้วยความสงสารแต่ไม่กล้าแสดงออกมากนัก “องค์ชายเพคะ คืนนี้อากาศเย็น ทรงเสวยข้าวต้มสักหน่อยก่อนเถอะเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะพาพระองค์ไปกินที่เรือนเล็กด้านหลัง” เขาส่ายหน้าเบา ๆ แล้วมองไปยังตำหนักใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป แสงโคมสีทองส่องวับวาว เสียงหัวเราะคิกคักของเด็ก ๆ ลอยมาตามลม เด็กเหล่านั้นคือองค์ชายองค์หญิงที่เกิดจากฮองเฮาและพระสนมชั้นสูง อวี้เหยียนไม่พูดไม่จา ดวงตาดำสนิทนิ่งคู่นั้นเพียงมองไปยังภาพไกล ๆ ราวกับกำลังจดจำทุกอย่างเอาไว้ในหัวใจ เสียงหัวเราะสดใสของเด็กเหล่านั้นดังลอยมาตามลม เสียงที่ควรจะมีเขาร่วมอยู่ด้วย…แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เด็กชายเพียงกอดตุ๊กตาผ้าไว้แน่นขึ้น น้ำฝนไหลจากปลายคางลงบนหัวมังกรผ้าที่ถูกย่ำยี หัวใจเด็กชายเจ็บแปลบจนต้องเอามือเล็กนั้นนวดวนไปมาตรงอกข้างซ้าย เขารู้สึกถึงน้ำอุ่น ๆ ที่หลั่งรินออกมาจากสองตา ‘ดีเหลือเกินที่ฝนตกพอดี’ ภาพฝนที่ซัดลงมาอย่างไม่ปรานีซึมลึกเข้าไปในใจหลินซินเยว่ เธออยากจะก้าวไปคว้าตัวเด็กคนนั้นเข้ามาในอ้อมกอดเสียเดี๋ยวนั้น ปลอบประโลมเขาด้วยถ้อยคำอ่อนโยน แต่ก็ทำได้เพียงแค่มอง เสียงฝนเลือนหาย กลายเป็นเสียงน้ำชาหยดลงถ้วย เธอสบตากับอวี้เหยียนในปัจจุบันที่ยังคงจิบชาเงียบ ๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าหัวใจของเธอกลับหนักอึ้ง…พร้อมความตั้งใจใหม่ ว่าเธอจะไม่มีวันยอมให้เขากลับไปอยู่ในความหนาวเหน็บนั้นอีก [ข้อมูลลับที่ 1 ได้ถูกบันทึก] [เคล็ดลับ: หากใช้ความทรงจำนี้ในจังหวะที่เหมาะสม จะเพิ่มค่าความใกล้ชิดอย่างมาก])ความเงียบเข้าปกคลุมสมรภูมิราวกับเวลาถูกหยุดนิ่ง ทหารทั้งสองฝ่ายต่างลดอาวุธลงด้วยความสับสน สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่บุรุษสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน คนหนึ่งอยู่ในชุดเกาะมังกรที่สง่างาม อีกคนหนึ่งสวมชุดเกราะสีดำทมิฬที่เปื้อนเลือด แต่ใบหน้าของทั้งคู่กลับเหมือนกันประหนึ่งเงาในกระจกอวี้เหยียน รู้สึกเหมือนโลกหมุนคว้าง ความเจ็บปวดจากการเพิ่งฟื้นไข้เทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดที่กลางอกเมื่อเห็นใบหน้าของแม่ทัพศัตรูอวี้เหยียนเสียงสั่นพร่า “เจ้า... เจ้าบอกว่าข้าเสวยสุขบนความตายของพี่น้องงั้นหรือ เจ้ามีสิทธิ์อะไร! ที่ข้าได้มานั่งตำแหน่งนี้ ล้วนเพราะพวกพี่น้องของข้ามันเข่นฆ่ากันเองทั้งนั้น ข้าหาได้ทำอันใดผิดไม่" บุรุษผู้นั้นหัวเราะอย่างขมขื่นหยัน แววตาที่จ้องมองมานั้นเต็มไปด้วยไฟแค้นที่ถูกสุมทุมมานานกว่ายี่สิบปี“พี่ชายผู้สูงส่ง... เจ้าถูกเลี้ยงมาในกล่องทองคำที่ฉาบด้วยคำโกหกของไทเฮาและอดีตฮ่องเต้! เจ้ารู้หรือไม่ว่าในราชวงศ์อวี้... การมี โอรสแฝด คือลางร้ายที่ต้องถูกกำจัด คนหนึ่งถูกเลือกให้เป็นมังกร ส่วนอีกคน... ต้องถูกปลิดชีพตั้งแต่ยังไม่ลืมตาเพื่อมิให้บัลลังก์สั่นคลอน!” เขาชี้กระบี่มาที่อวี้เหยียน มื
กำแพงเมืองชั้นนอก ยามโพล้เพล้เสียงกลองศึกดังสนั่นกัมปนาทราวกับฟ้าจะถล่มดินจะทลาย กลิ่นเขม่าควันไฟเริ่มลอยอบอวลไปทั่วชั้นบรรยากาศที่เคยสงบเงียบของเมืองหลวงแคว้นอวี้ ท้องฟ้าที่ควรจะเป็นสีครามยามเย็นบัดนี้กลับอาบชโลมด้วยสีแดงฉานจากเปลวเพลิงที่ลุกโหมอยู่บนหอคอยทิศตะวันตก เสียงโห่ร้องของทหารแคว้นเยี่ยนดังก้องมาจากเบื้องล่าง ผสมปนเปไปกับเสียงเครื่องยิงหินที่พุ่งเข้ากระทบกำแพงเมืองจนสั่นสะเทือนบนยอดกำแพงสูง แม่ทัพเฉินหรง ยืนเด่นเป็นสง่า มือหนึ่งกุมกระบี่แน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ใบหน้าที่ผ่านศึกมาโชกโชนบัดนี้เต็มไปด้วยหยดเหงื่อและความกังวล“พวกมันบุกมาเร็วเกินไป! ราวกับว่าพวกมันรู้เส้นทางการเดินทัพลับและจุดอ่อนของค่ายกลป้องกันเมืองเราอย่างทะลุปรุโปร่ง! ใคร... ใครกันที่เป็นคนทรยศส่งข่าวนี้ให้แคว้นเยี่ยน!”ท่ามกลางความโกลาหล ทหารนายหนึ่งวิ่งมารายงานด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า“รายงานท่านแม่ทัพ! แม่ทัพหน้าของฝ่ายศัตรู... เขาไม่ได้ใช้ยุทธวิธีปกติพ่ะย่ะค่ะ! เขาเข่นฆ่าองครักษ์หน้าประตูเมืองราวกับพยัคฆ์เข้าขย้ำฝูงแกะ ที่สำคัญ... เขาใส่หน้ากากเงินและใช้เพลงกระบี่ที่... ที่เหมือนกับฝ่าบาทและอ๋องอวี้ไม่มีผิดเพ
คุกใต้ดินหลวง ยามค่ำ ความเย็นยะเยือกของอิฐหินที่เปียกชื้นซึมผ่านอาภรณ์หรูหราของฮองเฮาจนถึงผิวหนัง อวิ๋นซินเยว่ ถูกจองจำอยู่ในห้องขังลึกที่สุดของวังหลวง ที่นี่ไม่มีแสงตะวัน มีเพียงเสียงหยดน้ำที่กระทบพื้นหินสม่ำเสมอรราวกับเสียงเข็มนาฬิกาที่นับถอยหลังสู่ความตาย นางนั่งนิ่งอยู่บนกองฟางแห้ง ดวงตาเรียบเฉยแต่สมองกลับทำงานอย่างรวดเร็วราวกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “เสี่ยวหลิง... รายงานสถานะปัจจุบันของฝ่าบาทและกองทัพชายแดน!” [ติ๊ง! รายงานสถานะครับหม่าม๊า! สัญญาณชีพของฝ่าบาทเริ่มอ่อนแรงลง 5%... สารประกอบหญ้าลืมอายุ ในยาที่ซูกุ้ยเฟยป้อนซ้ำเข้าไปกำลังเริ่มเผาผลาญพลังชีวิตสำรองของพระองค์ ส่วนทางชายแดน... กองทัพแคว้นเยี่ยนปะทะกับหน่วยกักกันโรคของแม่ทัพเฉินหรงแล้ว!สถานการณ์ตึงเครียดมากครับ ถ้าภายใน 24 ชั่วโมงนี้ไม่มีคำสั่งเด็ดขาดจากส่วนกลาง ป้อมหิมะขาวอาจจะแตก!] อวิ๋นซินเยว่กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ความเจ็บปวดทางกายเทียบไม่ได้เลยกับความเดือดดาลในใจ “ซูกุ้ยเฟยคิดว่าขังฉันไว้ที่นี่แล้วจะจบเรื่องงั้นเหรอ นางคงลืมไปว่าในยุคที่ฉันจากมา... การสื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่แค่ปากต่อปาก!” นางดึงปิ่นป
ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์ ยามวิกาลที่มืดมิดที่สุดกลิ่นกำยานหอมอ่อน ๆ ที่เคยทำให้จิตใจสงบ บัดนี้กลับถูกกลบด้วยกลิ่นขื่นปร่าของสมุนไพรเคี่ยวเข้มข้นที่ลอยอบอวลไปทั่วห้องบรรทม แสงเทียนวูบไหวสะท้อนเงาของร่างสูงสง่าบนเตียงมังกรที่บัดนี้ดูเปราะบางราวกระเบื้องเคลือบที่พร้อมจะแตกสลาย องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ทรงบรรทมสนิท ลมหายใจแผ่วเบาจนน่าใจหาย พระพักตร์ที่เคยคมคายและเปี่ยมด้วยอำนาจ บัดนี้ซีดเผือดราวกับคนหลงทางในม่านหมอกอวิ๋นซินเยว่ นั่งอยู่ข้างเตียง มือเรียวบางกุมพระหัตถ์ที่เย็นเฉียบของเขาไว้แน่น นางไม่ได้หลับมาสามวันสามคืนแล้ว ขอบตาที่รื้นแดงไม่ได้เกิดจากความอ่อนล้า แต่เกิดจากความวิตกกังวลที่อัดแน่นอยู่ในอก“เสี่ยวหลิง... เริ่มการสแกนขั้นสูงอีกครั้ง ฉันต้องการผลวิเคราะห์ที่แม่นยำ 100% ห้ามมีความผิดพลาดแม้แต่มิลลิกรัมเดียว!”[ติ๊ง!ระบบกำลังวิเคราะห์องค์ประกอบของยาถอนพิษชุดล่าสุด...ประมวลผลเสร็จสิ้น98 เปอร์เซ็นต์] หน้าจอเสมือนสีฟ้าใสที่เห็นได้เพียงนางคนเดียวปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ข้อมูลโครงสร้างทางเคมีของสมุนไพรโบราณถูกจำแนกออกมาเป็นตัวเลขและกราฟที่น่าสะพรึงกลัว[ผลการวิเคราะห์พบสารสกัดจาก‘หญ้าล
ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์สามวันหลังจากการแต่งตั้งกุ้ยเฟยบรรยากาศในตำหนักดูเคร่งเครียดกว่าปกติ องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน กำลังเข้าสู่ช่วง วิกฤตการรักษาตามที่ ซูกุ้ยเฟย ได้เตือนไว้ พระวรกายของพระองค์ซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ไข้สูงกลับมาเป็นระยะ และทรงหลับลึกกว่าปกติ... ราวกับสลบไป!อวิ๋นซินเยว่ เฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง นางยังคงใช้ศาสตร์ทางการแพทย์จากโลกปัจจุบันผสมผสานกับความรู้จากซูกุ้ยเฟยผ่านตำราที่ไทเฮาเก็บรักษาไว้ เพื่อประคองชีพพระองค์ไว้!ซูกุ้ยเฟย เข้ามาตรวจดูอาการทุกวัน นางปฏิบัติต่อองค์จักรพรรดิอย่างเคร่งครัดและเป็นมืออาชีพ แต่สายตาที่มองมายังฮองเฮายังคงเต็มไปด้วยความเย็นชาและความไม่ไว้วางใจ!“ฮองเฮา! พระอาการของฝ่าบาทเป็นไปตามที่ตำราระบุ! ในช่วงเจ็ดวันต่อจากนี้... พิษเก่ากำลังถูกกำจัดอย่างรุนแรง! พระองค์จะไม่สามารถทรงงานได้เลยแม้แต่น้อย! หากมีความผิดพลาดในการรักษาแม้เพียงเล็กน้อย... พระวรกายอาจจะไม่อาจฟื้นคืนมาได้อีก!”“กุ้ยเฟย! ข้าทราบดี! ข้าในฐานะฮองเฮา จะไม่อนุญาตให้ใครเข้ามารบกวนฝ่าบาทในช่วงวิกฤตนี้! เจ้าจงดูแลการจัดหาตัวยาทั้งหมดให้ถูกต้องตามตำราที่ไทเฮาเก็บไว้! ถ้ามีสมุนไพรใดขาดไป..
ท้องพระโรงลับ ยามอรุณรุ่งพิธีการสถาปนา สนมซูเหมยเยว่ ขึ้นเป็น กุ้ยเฟย ถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วนในท้องพระโรงส่วนพระองค์ มีเพียงไทเฮา เสนาบดีซู และขุนนางคนสำคัญที่วางใจได้เท่านั้นที่เข้าร่วมพิธี เพื่อป้องกันมิให้ข่าวการประชวรของจักรพรรดิรั่วไหลองค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ประทับอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าซีดเซียว ยาถอนพิษชุดแรกทำให้พระวรกายอ่อนล้าอย่างหนัก แต่ดวงตาของพระองค์ยังคงเปี่ยมด้วยอำนาจ ข้างกายของพระองค์คือ อวิ๋นซินเยว่ ในชุดฮองเฮาเต็มยศ... นางยืนอย่างมั่นคงราวกับเสาหลักของบัลลังก์!“สนมซูเหมยเยว่! เจ้าได้แสดงความซื่อสัตย์ต่อแคว้นอวี้... และต่อชีวิตของข้า! บัดนี้ข้าขอแต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็น ‘กุ้ยเฟย’ ผู้ซึ่งมีศักดิ์สูงสุดรองจากฮองเฮา! และขอพระราชทาน ‘ตราเหยี่ยวเงิน’ ให้แก่เจ้า! ตรานี้จะมอบอำนาจในการดูแลพิธีการทั้งหมดในวังหลวง... และควบคุมพระราชทรัพย์ส่วนหนึ่งที่สำคัญในการดูแลพระวรกายของข้า! ขอให้เจ้าจงภักดีต่อข้า... และต่อแคว้นอวี้ไปชั่วชีวิต!” สนมซูเหมยเยว่ คุกเข่ารับตำแหน่งด้วยใบหน้าเปี่ยมด้วยเกียรติยศ แต่นางยังคงมองไปยัง อวิ๋นซินเยว่ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวง! นางรู้ดีว่าอำนาจที่







