ขอเพียงสามารถกำจัดครอบครัวฉู่จวินสิง เขาก็ไม่สนใจว่าจะมีผู้ใต้บังคับบัญชาตายไปกี่คนจึงไม่เก็บหน่วยกล้าตายเหล่านั้นมาใส่ใจ“องครักษ์อิ่นทำได้ดีมาก ใครก็ได้ ตกรางวัลให้องครักษ์อิ่นเป็นเงินหนึ่งพันตำลึง!”ขันทีใหญ่เจียงหวยถ่ายทอดคำพูดของฉู่ชางเหยียนด้วยน้ำเสียงแหลมสูงขันทีที่เฝ้าอยู่ข้างนอกรับคำสั่งไปนำเงินมาจากในคลังหลวงทันทีแต่เมื่อเขามาถึงคลังหลวงและเห็นว่าในนั้นมีเพียงความว่างเปล่าก็ต้องตกตะลึงที่นี่อย่าว่าแต่เงินหนึ่งพันตำลึงเลย แม้แต่เศษเงินสักนิดก็ยังไม่มีเขาตกใจจนหนังศีรษะชาวาบ แทบจะทรุดฮวบลงบนพื้นคลังหลวงมีทหารจำนวนมากคอยอารักขาอยู่ตลอด ช่วงเวลาที่ผ่านมาฝ่าบาทยังไม่ได้ตกรางวัลให้ขุนนางคนใดเรื่องที่เงินในคลังหลวงถูกคนปล้นไปจึงยังไม่มีใครรู้“เป็นฝีมือผู้ใดกันแน่ พวกท่านเฝ้าอารักขาที่นี่ก็ไม่เห็นว่ามีคนเข้าไปในคลังหลวงเลยรึ?”“คลังหลวงว่างเปล่าเช่นนี้ พวกท่านสมควรรับโทษสถานใด!”ขันทีน้อยถามทหารรักษาพระองค์ที่อารักขาคลังหลวงเสียงแหลมทำอย่างไรดีเล่า คลังหลวงถูกคนปล้นไปหมดแล้ว เขาจะกลับไปรายงานฝ่าบาทอย่างไรดี?ขันทีน้อยตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดหวั่น รีบถอยออกไปจากคล
“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ไปตรวจสอบมาให้ข้า จับตัวเจ้าโจรมาลงทัณฑ์ห้าม้าแยกร่างเดี๋ยวนี้!”“จับทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าอารักขาคลังหลวงพวกนั้นไปขังไว้ในคุก”“ถ้าจับคนที่ปล้นคลังหลวงมาไม่ได้ก็ตัดหัวทหารรักษาพระองค์พวกนั้นเสีย ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่นๆ!”ฉู่ชางเหยียนพิโรธจนทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ผู้ใดกันขวัญกล้าเทียมฟ้าปานนี้ บังอาจมาปล้นสมบัติในคลังหลวง!เจี่ยนอันอันเห็นฮ่องเต้สุนัขโกรธกริ้วปานนี้ นางก็หัวเราะเสียงดังในใจหากสีหน้ายังคงแสร้งแสดงเป็นตกอกตกใจฉู่ชางเหยียนมองคนที่ยังคุกเข่าอยู่กลางตำหนักทั้งสองคน เดิมเขาอยากประทานเงินหนึ่งพันตำลึงเป็นรางวัลให้อิ่นเจียงยามนี้กลับไม่มีเงินแม้แต่อีแปะเดียวเกิดเรื่องใหญ่อย่างคลังหลวงถูกปล้น เขาไม่มีอารมณ์จะประทานรางวัลให้อิ่นเจียงอีกแล้ว“พวกเจ้าสองคนกลับไปเถอะ!”ฉู่ชางเหยียนโบกมือเบาๆ บอกให้ฉู่จวินสิงกับเจี่ยนอันอันออกไปคนทั้งสองถวายบังคมแล้วก็ลุกขึ้นจะจากไปฉู่ชางเหยียนจึงเพิ่งสังเกตว่าตรงหว่างเอวฉู่จวินสิงมีกระบี่ล้ำค่าชั้นดีเล่มหนึ่ง“ช้าก่อน!” ฉู่ชางเหยียนส่งเสียงรั้งคนทั้งสองฉู่จวินสิงจิตใจหนักอึ้ง หรือฉู่ชางเหยียนจ
ผังมั่วเห็นว่าอิ่นเจียงที่อยู่ตรงหน้ามีท่าทางเย็นชาห่างเหินถึงเพียงนี้ เขาก็อึ้งไปอย่างอดไม่ได้ที่ผ่านมาอิ่นเจียงกับเขาสนิทสนมกันที่สุดแล้ว เรื่องไปลอบสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงคราวนี้ ฮ่องเต้เพียงให้อิ่นเจียงนำหน่วยกล้าตายหลายคนไปด้วยแต่ไม่ได้ให้เขาติดตามไปด้วยช่วงที่ผ่านมาผังมั่วเป็นห่วงอิ่นเจียงมาตลอด แต่ไม่รู้ว่าเขาจะทำภารกิจลุล่วงกลับมาได้ตอนไหนวันนี้ได้ข่าวจากผู้ใต้บังคับบัญชาว่าอิ่นเจียงกลับมาแล้วเขาจึงตรงมายังที่พักของอิ่นเจียงทันที อยากร่ำสุราด้วยกันเพื่อฉลองความสำเร็จครั้งใหญ่ของอีกฝ่ายเสียหน่อยแต่ไม่คิดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะห่างเหินเย็นชาเช่นนี้แต่เขาก็ได้สติคืนมาอย่างรวดเร็ว ยื่นมือมาหมายตบไหล่ฉู่จวินสิง“พี่อิ่นไปเมืองอิ่นเป่ยครั้งเดียวคงไม่ได้ลืมข้าไปแล้วหรอกนะ”ขณะที่มือของผังมั่วกำลังจะแตะลงบนไหล่ฉู่จวินสิงก็เห็นฝ่ายตรงข้ามหลบไปข้างๆ ด้วยสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจมือข้างนั้นคว้าได้เพียงความว่างเปล่า ผังมั่วยิ่งงุนงงกว่าเดิม“พี่อิ่น ท่านเป็นอะไรไป ข้าคือผังมั่วพี่น้องของท่านนะ ท่านจำข้าไม่ได้แล้วจริงหรือ?”ผังมั่วรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่กลับยังบอกไม่ไ
“กู้มั่วหลียังคงมีการศึกษาเรื่องยาพิษอยู่ตลอด ข้าคิดว่าเขากำลังหาวิธีถอนยาพิษร้ายแรงที่ฮ่องเต้ชั่ววางอยู่ในตัวเขา”“เพียงแต่พิษที่ฮ่องเต้ใช้ ต้องแก้ด้วยวิธีพิษต้านพิษเท่านั้น กู้มั่วหลีจึงมุ่งมั่นคิดจะปรุงยามาโดยตลอด”ด้วยความเข้าใจที่นางมีต่อกู้มั่วหลี คนผู้นี้มีน้ำมือเหี้ยมโหดมาแต่ไหนแต่ไรกล้าที่จะทำเรื่องเลวร้ายได้ทุกอย่างเขามาปรากฏตัวที่เมืองอินเป่ย และสมัยก่อนยังช่วยฉู่ชางเหยียนกู้เมืองกลับคืนคงเพราะฉู่ชางเหยียนใช้พิษร้ายแรงบังคับเขา จึงได้ทำเรื่องเช่นนี้ออกมามิเช่นนั้นด้วยชั้นเชิงวรยุทธ์และอุปนิสัยของคนผู้นี้ จะยอมอยู่ใต้โอวาทฉู่ชางเหยียนได้อย่างไรฉู่จวินสิงรู้สึกว่าเจี่ยนอันอันวิเคราะห์ได้อย่างมีเหตุผลหากว่าคนผู้นั้นคือกู้มั่วหลีจริงๆ เรื่องราวก็คงจะง่ายขึ้นมากเห็นทีเขาคงต้องไปถามผังมั่วให้รู้ เพื่อดูว่าอีกฝ่ายใช่กู้มั่วหลีจริงหรือไม่เพียงแต่วันนี้เขาต้องรอให้ตกดึกก่อนเพื่อไปขโมยกระบี่เฝินเทียนกลับมา จึงไม่อยากไปจากที่นี่แม้เพียงครึ่งก้าวเห็นทีว่าเรื่องนี้ คงต้องวางแผนให้รอบคอบใหม่แล้วเวลาเคลื่อนผ่านไปช้าๆ ในที่สุดทั้งคู่ก็รอคอยมาถึงยามรัตติกาลปลอดคนและเช
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นางจะได้ตามดูความเคลื่อนไหวของฉู่ชางเหยียนได้ทุกซอกทุกมุม ไม่ให้คลาดสายตาเจี่ยนอันอันนำเรื่องกล้องรูเข็มบอกกล่าวให้เขาฟังอีกทั้งยังมอบเลนส์สัมผัสให้แก่ฉู่จวินสิงหนึ่งกล่อง“อีกประเดี๋ยวข้าจะบอกให้รู้ ว่าจะใส่เลนส์ชนิดนี้ได้อย่างไร”ฉู่จวินสิงมองดูกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ในมือ พร้อมคิดในใจ ไฉนเจี่ยนอันอันจึงมีของเล่นมากเสียจริงหรือในตัวนางจะมีกล่องสารพัดนึก ที่สามารถเนรมิตสิ่งของประหลาดได้อย่างมากมายไม่ซ้ำเขาไม่ได้พูดมากความ เพียงเก็บเอากล่องเลนส์สัมผัสใส่ไว้ในอกเสื้อไม่นานทั้งคู่จึงมาถึงตำหนักเสวียนหยาง ดีที่ภายในจุดตะเกียงอยู่ จึงมองเห็นทุกมุมได้อย่างสว่างเจี่ยนอันอันมอบกล้องรูเข็มให้แก่ฉู่จวินสิง เพื่อให้เขาใช้วิชาตัวเบา นำกล้องรูเข็มไปติดตามเสาหลายต้นจากนั้นนางจึงใส่เลนส์สัมผัส ทำให้เห็นภาพที่ปรากฏอยู่ในกล้องรูเข็มนั้น“ท่านพี่ กล้องทางซ้ายมือมองต่ำไปเล็กน้อย ท่านวางขึ้นสูงหน่อย”“กล้องด้านขวามือให้หันมาทางข้าอีก”เจี่ยนอันอันคอยชี้นำให้แก่ฉู่จวินสิง เพื่อให้นำกล้องที่เหลือติดตั้งให้เรียบร้อยสุดท้ายจึงปรบมือด้วยความพึงพอใจ “เสร็จแล้ว ทีนี้เราก็
ฉู่ชางเหยียนรู้สึกโมโหยิ่ง พลางมองดูเจียงหวยซึ่งเฝ้าอยู่ด้านข้างด้วยแววตาดุดัน“เจียงหวย กระบี่ของข้าเล่า?”เจียงหวยจึงเพิ่งสังเกตเห็น กระบี่ซึ่งแขวนอยู่ด้านข้างพระแท่นนั้น จู่ๆ ไม่ทราบอันตรธานหายไปได้อย่างไรพลางร้อนใจจนรีบคุกเข่าลง “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อคืนเขาเฝ้าอยู่ด้านข้างพระแท่นมังกรอยู่ตลอด มิได้ลุกขึ้นไปไหนเลยแต่ไฉนพอตื่นเช้ามา กระบี่ล้ำค่ากลับหายไปเสียได้หรือว่า ในวังมีคนเข้ามาทำการโจรกรรมอีกแล้ว?ไม่เพียงกวาดเอาเงินทองในคลังหลวงไปเสียสิ้น จนแม้แต่กระบี่ยังไม่ละเว้น!โจรผู้นี้มันเป็นใครกันแน่ จึงได้มาโจรกรรมของดีในวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้!ฉู่ชางเหยียนยกเท้าถีบใส่เจียงหวยจนหงายหลังไป“เจ้าสุนัขรับใช้ไม่เอาไหน ยังมาคุกเข่าหาวิมานอันใดอีก ไม่รีบไปจับคนร้ายมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”เจียงหวยรีบลนลานคลานลุกขึ้น รับคำพร้อมถอยออกไปเร็วพลันฉู่ชางเหยียนเอามือทุบเตียงด้วยความโกรธแค้น จนเกือบทำให้กล้องรูเข็มที่ติดอยู่ด้านบนร่วงหล่นลงมาดีที่เมื่อคืนเจี่ยนอันอันติดกล้องไว้ค่อนข้างแน่น มิเช่นนั้นหากตกลงมาจริง คงถูกฉู่ชางเหยียนรู้เข้าเป็นแน่แท้......เจี่ยนอันอ
เฉินเช่อก็เห็นว่ามีเหตุผล “นั่นสิขอรับนายท่าน ไม่แน่วันหน้าทหารอาจจับกุมคนปล้นคลังหลวงได้”“ถึงตอนนั้นเมื่อใด เราค่อยไปช่วยคนก็ได้”ฉู่จวินสิงรู้ว่าพวกเขาเป็นห่วงเรื่องอันใด เพราะการช่วยคนมาจากคุกหลวงนั้น อย่างไรก็มิใช่เรื่องง่ายอยู่แล้วอีกทั้งยามนี้ในวังคุ้มกันเข้มงวด หากเขาไปช่วยคนแล้วถูกจับอีกไม่เพียงช่วยคนออกมาไม่ได้ ตนยังจะถูกจับกุมเข้าให้อีกในที่สุดฉู่จวินสิงจึงเลิกล้มความคิดที่จะไปช่วยคนในบัดดลเพียงแต่ถึงยามค่ำคืน เขาอาจลักลอบเข้าไปในคุกหลวง เพื่อเยี่ยมเยียนทหารที่ถูกจับก็เป็นได้“เช่นนั้นก็ได้ เรื่องนี้รออีกสักหลายวันค่อยว่ากันใหม่”ฉู่จวินสิงจะอยู่ที่นี่นานก็ไม่สะดวก เพราะอย่างไรก็เป็นเขตเมืองจิงโจวอีกทั้งยามนี้เขาอยู่ในฐานะของอิ่นเจียง หากมีผู้ใดรู้ว่าแอบมาโรงเตี๊ยมเพื่อพบปะกับคนบางคน ก็อาจสงสัยถึงจุดประสงค์ของเขาได้หลังจากกำชับอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงตามเจี่ยนอันอันออกจากโรงเตี๊ยม กลับไปยังบ้านพักของอิ่นเจียงเจี่ยนอันอันนึกอยากรู้ครามครัน ว่าคนในตำหนักเสวียนหยาง ยามนี้กำลังทำสิ่งใดอยู่หลังจากใส่เลนส์สัมผัสเรียบร้อย จึงตั้งจิตนึกถึงตำหนักเสวียนหยางโดยพลันเพี
หากผู้ที่กลับมาเมื่อวานไม่ใช่อิ่นเจียงตัวจริง ฮ่องเต้ย่อมต้องกำจัดคนผู้นั้นเป็นแม่นมั่นถึงตอนนั้นเมื่อใด ฮ่องเต้ก็จะส่งคนไปเมืองอินเป่ยเพื่อตรวจสอบอีกครั้งและถ้าครอบครัวฉู่จวินสิงยังไม่ตายจริง ก็จะสามารถกวาดล้างทีเดียวให้สิ้นซากแต่สิ่งที่เจี่ยนกั๋วกงไม่คาดคิดก็คือ ผลลัพธ์ออกมากลับกลายเป็นตรงข้ามฮ่องเต้ไม่เพียงไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ ยังจ้องมองด้วยพระเนตรดุดันอีก“ในเมื่อเกิดเหตุมาหลายวันแล้ว มาบอกข้าตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ช่างไม่เอาไหนนัก”ฉู่ชางเหยียนตำหนิเจี่ยนกั๋วกงอย่างรุนแรงไม่ไว้หน้า พร้อมทั้งโบกมือด้วยความหงุดหงิด เป็นเชิงบอกให้เขาถอยไปทำให้ถึงที่สุดแล้ว เจี่ยนกั๋วกงก็ไม่อาจกล่าวถึงจุดประสงค์แท้จริงของตนได้หลังจากรับคำว่า “พ่ะย่ะค่ะ” แล้ว จึงถอยกลับไปอยู่ที่เดิมเจี่ยนอันอันมองผ่านกล้องรูเข็ม เห็นสีหน้าเจี่ยนกั๋วกงบ่งบอกถึงความไม่พอใจยิ่งแสดงว่าเจี่ยนกั๋วกงไม่เชื่อนางกับฉู่จวินสิง เขาคงอยากให้ฉู่ชางเหยียนส่งคนไปสืบที่เมืองอินเป่ยซ้ำอีกตาแก่รกโลกสมควรตายผู้นี้ คิดอาฆาตหมายสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงให้หมดสิ้นจริงๆ!เจี่ยนอันอันกลับไปมองภาพเหตุการณ
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ