ทั้งสองปล่อยเวลาให้เคลื่อนผ่านไร้สรรพเสียงใดเล็ดลอดจากแต่ละฝ่าย เนิ่นนานผ่านไปผู้น้อยเช่นซานซานจึงปรับอารมณ์ขุ่นมัวกลืนลงท้องจนเกลี้ยง ก่อนถอนหายใจแผ่วเบา เอ่ยอย่างสำรวมว่า“หม่อมฉันขออภัยที่ล่วงเกินคนของพระองค์ และรับรองว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก แค่เพียงให้เขาอยู่ในคุกไปเช่นนั้น ย่อมปลอดภัยแล้วเพคะ”จ้าวเหว่ยแสร้งยิ้มบาง “ดูท่าทางเจ้าคงโกรธสามีผู้นี้มาก”ซานซานลืมตัว ตอบทันควัน “มิได้โกรธแต่เกลียด!”เรียวคิ้วบุรุษกระตุกเล็กน้อย เอ่ยปากหยั่งเชิง “เจ้าไม่คิดว่าควรถามไถ่ถึงเหตุผลดีๆ สักหลายข้อถึงความจำเป็นของเขา”ใบหน้างามยิ่งนานยิ่งเย็นชา นางแค่นเสียงไม่สบอารมณ์ออกมา “เขาได้รับอันตราย ต้องหลบเร้นซ่อนกาย สุดท้ายกลับถิ่นเดิมได้ แต่ยังไม่มีความสามารถมากพอต่อภรรยาเช่นหม่อมฉัน”รัชทายาทหนุ่มถึงกับสะดุดลมหายใจ ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายกระตุกไม่หยุดทุกการคาดเดาของซานซานคือความจริงที่ยากจะปฏิเสธ นางเป็นคนฉลาดเสมอ จ้าวเหว่ยให้นึกละอายใจ ระหว่างนั้นยังได้ยินเสียงกังวานใสเอ่ยอีกว่า“เช่นนั้นอิสระคือสิ่งที่หม่อมฉันปรารถนา เหตุที่เข้ามายังที่แห่งนี้เพื่อจะได้ตัดใจไม่อาวรณ์อีก” นางเงยหน้าสบเนตร
ซานซานย่อมไม่รู้ว่าชายตรงหน้ากำลังคิดสิ่งใด นางจึงยืนสงบเสงี่ยมอยู่เช่นนั้น เมื่อชายสูงศักดิ์ยังไม่เอ่ยปากอนุญาตให้จากไป นางจึงไม่ไป แต่ไม่พูดอะไร ไม่มีการประจบประแจงเอาใจหรือชวนคุยเช่นสาวน้อยไม่ประสาเพื่อให้ได้รับความโปรดปราน ขอแค่อีกฝ่ายโบกมือเบาๆ นางจะหายตัวไปทันทีจ้าวเหว่ยย่อมเข้าใจถึงกิริยาอันบ่งบอกได้ว่าไม่ปรารถนาเสวนากัน เขาจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง สุ้มเสียงทุ้มต่ำจึงเอ่ยออกมา “สนใจเดินหมากหรือไม่? พนันด้วยเงินรางวัลเป็นไร?”เรียวคิ้วงามขมวดเล็กน้อย แต่แววตาสว่างวาบจ้าวเหว่ยลอบยกยิ้มสมใจ ถึงแม้ยามนี้จะยังคิดแผนการอันใดไม่ออก ทว่าเขารู้ดี ซานซานเป็นสตรีหัวการค้า ชอบเงินที่สุด การเอาเงินเข้าล่อย่อมได้อยู่พูดคุยกับนางนานขึ้นอีกสักหน่อย จากนั้นค่อยๆ คิดแผนรับมือก็ย่อมได้ซูเหยากับลู่หลิ่งที่หลบมุมอยู่ไม่ไกลย่อมได้ยิน พวกนางจึงปรากฏกายออกมาต่อสายตารัชทายาท เพื่อรอรับคำสั่งว่าให้ไปหากระดานหมาก หลังจากได้รับสัญญาณอนุญาตทางสายตาก็รีบวิ่งไปเบิกกับขันทีทางฝั่งหน้าเรือนทันทีเมื่อมีการแจ้งถึงประสงค์ขององค์รัชทายาท แน่นอนว่าเรื่องของเขาที่มาคุยกับซานซานจึงมิใช่ความลับอีกต่อไประหว
ที่โต๊ะในศาลาริมบึง ซานซานกับจ้าวเหว่ยนั่งประจันหน้าหญิงสาวได้ยินเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจสั่งว่า “ข้าแค่อยากคุยกับเจ้า ห้ามใช้วิชามารร้ายกาจเด็ดขาด”ซานซานให้รู้สึกหน้าชาเมื่อเจอบุรุษตรงหน้าที่เรียกได้ว่าฝีมือเหนือเมฆไม่ธรรมดาเมื่อครู่ตรงมุมมืดเขาขโมยจุมพิตนางรวดเร็วปานฟ้าผ่า ทำนางตะลึง สมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะยามนี้ยังรู้ทันว่านางคิดจะใช้วิชามารเอาชนะการพนันอีกเก่งกาจเกินไปแล้ว...หญิงสาวทั้งสับสนทั้งงุนงงและยิ่งไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น? ทำไม? เหตุใด? เพราะอะไร?ทุกคำถามล้วนไร้คำตอบซานซานที่บัดนี้กลายเป็นสตรีโง่งมเต็มขั้น ทำได้แต่เหม่อมองจ้าวเหว่ยไม่วางตา พวงแก้มนวลเนียนอมชมพูระเรื่อประหนึ่งสาวน้อยวัยแรกแย้ม ดวงตายังกลมโตกระจ่างใสพราวระยับรัชทายาทหนุ่มเห็นเช่นนั้นถึงกับใจสั่นหากนางยั่วยวนเขาสักนิด เขาจะจับนางกดใต้ร่างเดี๋ยวนี้เพราะเสน่หานวลนางของภรรยาช่างเย้ายวนเกินห้ามใจ ความคิดชั่วร้ายคล้ายสัตว์ป่าหิวกระหายจึงเกิดขึ้นกับบุรุษผู้สุขุมเยือกเย็นในแบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่เขาข้ามขั้นตอนเกินไป เลือกทำตามหัวใจ แล้วจุมพิตนางก่อน ค่อยเสวนาพาเข้าเร
ห้องรับรองภายในตำหนักฮุ่ยเยี่ยนหลี่กุ้ยเฟยกำลังนั่งจิบชาด้วยกิริยางดงามสูงส่งเฉกเช่นปกติ เบื้องหน้าพระนางคือคุณหนูตระกูลไป๋ นามว่า หลินฮวาหลินฮวาคือบุตรีของอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายของฮ่องเต้ นางคือว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาทเป็นสตรีที่จ้าวเหว่ยบ่ายเบี่ยงเสมอมากระทั่งต้องการหลีกเลี่ยงการได้รับสมรสพระราชทานถึงกับต้องเสนอตัวเองออกรบบ้าง บรรเทาทุกข์ให้ชาวบ้านบ้าง เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับนางทว่าฝ่ายหลินฮวากลับไม่เคยละความพยายามด้วยความที่เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ บิดาเป็นอำมาตย์มากอำนาจในราชสำนัก จึงมีสิทธิพิเศษในการเข้าออกพระราชวังได้บ่อยครั้ง ไม่จำกัดจำนวนทว่าน่าเจ็บใจตรงที่ชายหญิงตระกูลชั้นสูงไม่อาจใกล้ชิดเกินงาม และรัชทายาทยังเป็นบุรุษที่หวงเนื้อหวงตัวที่สุด มิใคร่ให้สตรีใดเข้าใกล้แม้ชายผ้า ได้แต่ทำใจกล้าแอบมองอยู่ไกลๆด้วยกฎเหล็กนี้ตัวหลินฮวาจึงไม่อาจเข้าหาจ้าวเหว่ยได้โดยตรง ถึงแม้จะยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม นางจึงทำได้แค่เข้าหาพระสนมหลี่กุ้ยเฟยแทนวันนี้ เมื่อได้ข่าวว่ารัชทายาทเสด็จกลับเข้าวังหลวงแล้ว และทุกครั้งเมื่อกลับมาก็จะตรงเข้าเฝ้าพระมารดา หลินฮวาจึงใช้สิทธิพิเศษที่มีตระกูลเ
หลังจากหลินฮวานั่งลงเรียบร้อย ก็มีนางกำนัลเข้ามารินน้ำชาให้ นางจึงนั่งจิบชาอย่างใจเย็น ไม่คิดกลับ ไม่มีท่าทีว่าจะลุกออกไปทางใด ด้วยมั่นใจว่าองค์รัชทายาทต้องเสด็จมาเข้าเฝ้าพระสนมในไม่ช้าแน่ชั่วจังหวะนั้น ก็มีนางกำนัลเข้ามารายงานต่อหลี่กุ้ยเฟย“ทูลพระสนม เรื่องราววุ่นวายในอุทยานสงบลงเพราะได้รัชทายาทช่วยจัดการ พระองค์ลงโทษองครักษ์อู๋ แยกสามีภรรยาสำเร็จก็ใช้การเดินหมากเพื่อปรับอารมณ์ของซานซาน พร้อมสอบถามความเป็นมาของนางอยู่ในศาลาริมบึงเพคะ”บุตรชายผู้นี้รอบคอบเสมอ หลี่กุ้ยเฟยได้ฟังก็แย้มยิ้ม โบกมือเบาๆ ให้นางกำนัลผู้นี้ล่าถอยไป ก่อนเปรยกับหลินฮวาด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุนว่า“มีข้าราชบริพารในอาณัติมากมาย ปัญหาก็ย่อมมีมาก ดูเถิด...องค์รัชทายาทถึงกับต้องเสียเวลาดูแลจัดการด้วยตนเอง เกรงว่าคงมิได้มาเข้าเฝ้าแม่คนนี้แล้ว”ความหมายในประโยคคือ ให้หลินฮวากลับไปเสียที อย่าเสียเวลารออีกต่อไป เพราะจ้าวเหว่ยไม่ว่าง มิได้เจอแน่นอนหากแต่ความอดทนของหลินฮวามีมากโข นางคลี่ยิ้มหวานล้ำ ตอบด้วยเสียงนุ่มหวานน่าฟัง “เป็นบุญของบ่าวไพร่เหลือเกินนะเพคะ ที่มีองค์รัชทายาทเปี่ยมเมตตาถึงเพียงนี้”ความหมายคือ จ้าวเหว่ยกล
คล้อยหลังหลินฮวาที่รีบล่าถอยออกไป ประหนึ่งหนีตาย ไม่ต้องการพบพานผู้ใด จ้าวเหว่ยก็เดินเข้ามาเมื่อร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีน้ำเงินปรากฏ หลี่กุ้ยเฟยจึงถามเสียงขรึม “เหว่ยเอ๋อร์มาแล้วหรือ? ได้เจอคุณหนูไป๋หรือไม่?”นางต้องถามเพื่อความแน่ใจ ว่าสตรีผู้นั้นมิได้โปรยเสน่ห์ใส่บุตรชายของตนระหว่างทาง“ลูกเห็นชายผ้าสีชมพูลัดเลาะหายไปตรงมุมระเบียงท่าทางคล้ายเร่งรีบ ที่แท้ก็คุณหนูไป๋ เสด็จแม่คงมิได้ไล่นางไปกระมัง”จ้าวเหว่ยตอบเสียงเรียบ ใบหน้าไร้อารมณ์ พลางนั่งลงตรงโต๊ะเดียวกับมารดา รอจนนางกำนัลเข้ามารินน้ำชาก่อนยอบกายถอยไป จึงยกถ้วยชาขึ้นจิบ แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น“หากนางมารบกวนเสด็จแม่อีก ลูกจะเข้าเฝ้าเสด็จพ่อทูลตามตรงให้เด็ดขาดว่าไม่ประสงค์เกี่ยวข้องอันใด”หลี่กุ้ยเฟยได้ฟังก็ถอนหายใจ “เหว่ยเอ๋อร์อย่าได้ใจร้อนวู่วามเกินไป อำนาจบางกลุ่มไม่อาจตัดให้ขาด บางกลุ่มยิ่งไม่อาจผสานจนเหนียวแน่นยากสลัดหลุดพ้น ยังคงทำได้แค่ปล่อยตัวตามสบายไปกับกระแสแรงลม ไหลนิ่งไปตามเส้นสายธาราริน”ถ้อยวาจาของมารดา จ้าวเหว่ยล้วนเข้าใจ เขาจึงนิ่งเงียบไม่ต่อความอีก เรื่องสตรีอื่นไม่เคยอยู่ในความคิดของเขาอยู่แล้วแค่เรื่องขอ
มุมมืดในตรอกคับแคบแห่งหนึ่งของเมืองหมิงเวย รอบด้านเงียบสงัดวังเวงรกร้างว่างเปล่าปราศจากผู้ใดลึกเข้าไปมีร่างของชายหนุ่มรูปงามยืนเอามือไพล่หลังเงียบงัน ท่าทางของเขาทั้งสง่างามทั้งองอาจห้าวหาญ เคร่งขรึมเย็นชา กิริยาสูงส่งเหนือสามัญเขาคืออ๋องเจ็ด นาม ถังหย่งเทียน หรือ โซวอ๋องข้างกายโซวอ๋องคือสตรีโฉมสะคราญในชุดสีแดงเพลิง แท้จริงนางมีใบหน้างดงามหยาดเยิ้ม รูปร่างระหงอ้อนแอ้น ท่าทางอ่อนโยนเป็นเลิศ เพียงแต่ยามนี้กลับไม่มีความอ่อนหวานปรากฏสักนิด เพราะดวงตาของนางเป็นสีแววแดงน่ากลัว ข้างแก้มและลำคอยังมีรอยอักขระน่าเกลียด เล็บมือยาวแหลมคมกริบปานปลายมีดลักษณะคือผู้สำเร็จเคล็ดวิชากรงเล็บกระชากวิญญาณ สามารถเข่นฆ่าศัตรูได้แม้ปราศจากอาวุธใดในมือ นับเป็นจอมยุทธ์ฝีมือสูงส่งผู้หนึ่งแห่งยุทธภพ ทั้งร้ายกาจเลือดเย็น ทั้งอำมหิตโฉดชั่วไม่เกรงกลัวใคร ผู้ซึ่งชาวยุทธ์ขนานนามว่า นางมารโลหิต ผู้แทนแห่งสำนัก นารีแดง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค มีสมุนในอาณัติเป็นนักฆ่านับหมื่นชีวิตกระจายไปทั่วแคว้น“สมุนของข้าตายจนหมดในดาบเดียวด้วยกระบวนท่าวายุคลั่งแห่งตำนาน เกรงว่าคนผู้นั้นจักเป็นยอดฝีมือยากต่อกร”เสียงเย็นเยีย
โซวอ๋องหรือหย่งเทียนผู้นี้คือพระอนุชาร่วมอุทรของฮ่องเต้ต้าถัง เขาทั้งผงาดค้ำฟ้า ไม่มีใครคานอำนาจกับเขาได้ เกรงว่าอีกไม่นานแม้แต่ฮ่องเต้ก็คงไม่อยู่ในสายตาทว่าเพราะเป็นพี่น้องในมารดาเดียวกัน ทั้งยังได้รับความไว้วางพระทัยมากล้น ฮ่องเต้ทรงรักและใส่ใจน้องชายคนนี้มากโซวอ๋องจึงเคารพพี่ชายตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ไม่เคยคิดล้ำเส้นอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ทั้งยังคอยพิทักษ์บัลลังก์ให้อีกด้วยผู้ครอบครองบัลลังก์มังกรคือฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนับว่าเหมาะสมยิ่งแล้ว และโซวอ๋องผู้เป็นน้องชายก็ไม่เคยคิดแย่งชิงมาเป็นของตนแม้แต่ครั้งเดียวทั้งอดีตและปัจจุบันก็ยังคิดเช่นนั้น เขาไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิต้าถังแม้แต่น้อยเพียงแต่...หากฮ่องเต้ทรงรักใคร่ฮองเฮาให้มากกว่านี้ และรอจนกว่าองค์ชายห้าเติบใหญ่มอบตำแหน่งรัชทายาทให้โซวอ๋องก็คงไม่คิดร้ายกับใครสาเหตุแห่งความเกลียดชังของบุรุษผู้ห้าวหาญสมชายชาตินักรบผู้นี้ แท้จริงเป็นเพียงเรื่องของสตรีวังหลังฮองเฮาคือสตรีเดียวในดวงใจของโซวอ๋อง แต่นางเกิดมาเพื่อเป็นหงส์เคียงมังกร ฐานะพี่สะใภ้ถูกกำหนดเอาไว้อย่างมิอาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าพี่ชายจะรับชายารองก่อนหน้าสักกี่สิบคน แต่ฮองเฮา
ซานซานยืดตัวหลังตรงยกมือกอดอก ม่านตาดำยิ่งนานยิ่งหรี่แคบ นางกล่าวต่อด้วยสุ้มเสียงเย็นเยียบไปทางอู๋เจี๋ย“วันนี้ที่มา ข้ามิได้มาเยี่ยมเจ้าเฉยๆ หรอกนะ แต่ข้ามาเพื่อบอกกล่าวข่าวดีแก่เจ้า”บุรุษทั้งสองตั้งใจฟังยิ่ง คนหนึ่งยืนอีกมุม คนหนึ่งยืนกลางห้องขัง ตัวเกร็งไปหมดซานซานกวาดตามองเยือกเย็น จับสังเกตทุกกิริยาร่างระหงสืบเท้าเนิบนาบดุจวิญญาณร้ายเข้ามาเดินเล่นวนเวียนรอบกายเหม็นสาบเพราะมิได้อาบน้ำของอู๋เจี๋ย“ข้ามีสามีใหม่แล้ว”“หา!”น้ำเสียงแว่วหวานดังเรียบเรื่อยเท่านั้น ทว่ากลับคล้ายมีฟ้าถล่มผาทลายลงตรงหน้า อู๋เจี๋ยอุทานดังลั่น ดวงตายิ่งเบิกโตจนแทบถลนออกมานอกเบ้า“เจ้าว่าอะไรนะ?”ซานซานขยับยิ้มกว้าง “สามีใหม่ของข้า เขาทั้งหล่อเหลาและมีเสน่ห์ยิ่งนัก บทรักของเขาก็ร้อนแรงเหลือเกิน แล้วยัง...”“หยุด!”อู๋เจี๋ยคำรามก้องจนสะท้อนห้องขัง แต่ทหารยามไม่มีใครได้ยินสักคน องครักษ์หนุ่มสืบเท้าเข้าหาซานซานทันที“เจ้า...”หญิงสาวเลิกคิ้วสูง แววตาท้าทาย ได้ยินชายหนุ่มตะคอกใส่หน้าอย่างขาดสติว่า“เจ้ากล้ามีสามีใหม่รึ ได้อย่างไร บังอาจยิ่ง ผิดมหันต์นัก ข้า...ข้าจะทูลรัชทายาทให้จัดการเจ้า”ซานซานแค่นเสียงเฮอะ
ฉับพลันในห้วงภวังค์ของซานซานก็มีอู๋เจี๋ยแทรกเข้ามา องครักษ์หนุ่มผู้เป็นสามีของนางขณะเดียวกันก็มีใบหน้าของซูเหยา สตรีอ่อนแอที่คุกเข่าทั้งน้ำตาต่อหน้า ไหล่บอบบางสั่นไหวเพราะร่ำไห้เสียใจสุดแสน ปากยังขอร้องแทนบุรุษไม่หยุด เล่ห์เหลี่ยมยิ่งไม่มีให้เห็นวันที่ประจันหน้ากับอู๋เจี๋ย สายตาของเขายามมองนางกับมองซูเหยาต่างกันในแววตาที่มองนางมีเพียงความหวาดกลัวและรู้สึกผิด แต่แววตาที่มองซูเหยากลับมีความรู้สึกผิดและความรักท่วมท้นพวกเขารักกันมาก่อน ทั้งยังรักกันปานนั้นหากนางไม่ตัดใจ ย่อมมิใช่คนแล้ว...หญิงสาวยิ่งครุ่นคิดหนักหน่วง นางพยายามนึกถึงอู๋เจี๋ยทว่ายิ่งเพ่งพินิจนึกถึงภาพอู๋เจี๋ย ซานซานยิ่งสัมผัสได้ถึงความเหินห่าง ลักษณะท่าทางยังคล้ายคนแปลกหน้า ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด หากแต่เหตุการณ์เมื่อคืนกับรัชทายาทจ้าวเหว่ยกลับคุ้นเคยอย่างประหลาด ทั้งยังมีประโยคเด่นชัดในห้วงฝันนั่นอีก!คิดไปคิดมาก็พลันนึกถึงฉากรักกับจ้าวเหว่ยคิดถึงลีลากอดเกี่ยวโอบกระหวัด ท่วงท่าต่างๆ ยามรึงรัด รสสัมผัสเคล้นคลึงจากฝ่ามือหนา วงแขนแข็งแรงที่กกกอด ยามประทับจุมพิต ทิศทางการไล้แผ่วปลายนิ้วไปตามส่วนโค้งเว้าใบหน้าหล่อเหลาป
หลี่กุ้ยเฟยถอนหายใจหนักอก แล้วเอ่ยตามตรง“อาซาน ฐานะทางสังคมของเจ้าต่ำต้อยด้อยศักดิ์เกินไป ทั้งนิสัยใจคอของเจ้ายังร้ายกาจเกินไป ข้าไม่อาจให้เจ้าพลาดพลั้งถลำใจไปกับเสน่หาอันลึกล้ำของรัชทายาทได้ หากเจ้าชอบเขามากๆ แล้วพระชายาในภายภาคหน้าของเขาจะเป็นเช่นไร มิเหลือแต่ซากรึ?”“...!?”ประโยคที่ได้ยินทำผู้ฟังแปลกใจจนเลิกคิ้วสูง นึกฉงนไม่น้อย ได้ยินพระนางกล่าวอีกว่า“ข้ามั่นใจว่า สตรีที่จะได้เป็นพระชายาของเขา ย่อมต้องเป็นสตรีหนึ่งเดียวในดวงใจแน่ เจ้าไม่ควรเป็นศัตรูหัวใจกับนาง”“...!?”“เอาล่ะๆ เมื่อคืนเจ้าทำดีแล้วแต่อารมณ์กำหนัดของบุรุษข้าเองก็ไม่ควรเพิกเฉย หากปล่อยปละละเลยอาจป่วยไข้เอาได้ จำไว้ว่าต่อให้เจ้าได้ปรนนิบัติบุตรชายข้า ก็อย่าได้คิดเกินเลยกว่าฐานะสาวใช้อุ่นเตียง และอย่าเข้าใกล้หากไม่จำเป็น เขารูปงามปานนั้น สูงส่งน่าหลงใหล เจ้าทนทานมิให้บังเกิดรักปักใจต่อเขามิได้หรอก หากเป็นเช่นนั้น ว่าที่ลูกสะใภ้ของข้าต้องลำบากแน่ๆ”“...!?”ซานซานรับฟังด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง หมดคำใดจะเอื้อนเอ่ย ได้ยินหลี่กุ้ยเฟยเอ่ยย้ำอีกครั้ง“ไปคัดกฎระเบียบราชวังหนึ่งร้อยจบ อย่าให้ใครครหาเอาได้ว่าเจ้าใช้ความโปรดปรานข
ชาติก่อนซานซานคือนางมารจอมชั่วร้ายผู้หนึ่ง ชาตินี้นับว่าเป็นคนดีมากนัก เหลือไม่ดีอีกเล็กน้อยเท่านั้นยกตัวอย่างเช่นเรื่องนี้แอบมีสัมพันธ์สวาทกับบุตรชายสุดที่รักของเจ้านาย ทำตัวคล้ายบ่าวหญิงแพศยาในเรือนขุนนางนอกวังไม่ผิดเพี้ยน เรื่องแบบนี้มิใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นในวังหลวง หญิงรับใช้ใกล้ชิดของพระสนมยังแอบปีนเตียงฮ่องเต้เพื่อยกฐานะตน เพียงแต่ซานซานมิได้ต้องการฐานะอันใดให้ยุ่งยากซับซ้อน ขอแค่เงินทองเยอะๆยี่ซินตีหน้าขรึมเอ่ยเสียงเข้ม “อย่ามาโกหกเลย อาซาน เจ้ากล้าปฏิเสธรัชทายาทเชียวรึ?”“โอว...” ซานซานมีสีหน้ายุ่งยากใจ “ไม่ปฏิเสธได้รึ?”ยี่ซินถึงกับกลั้นหัวเราะไม่ไหวอีกต่อไป “เจ้านี่นะ”หลี่กุ้ยเฟยนั่งจิบชานิ่งฟังบทสนทนาด้วยสีหน้าเยือกเย็น รู้สึกพึงพอใจกับการกระทำของซานซานไม่เบา ได้ยินเสียงสนทนากระซิบกระซาบของคนสนิททั้งสองเกิดขึ้นต่อเนื่องว่า“พี่ซินๆ”“หืม?”“รัชทายาทมีนางกำนัลอุ่นเตียงเยอะหรือไม่?”“เจ้าถามทำไม?”“พระองค์ยังมิได้แต่งงาน แสดงว่ามีคนอุ่นเตียงเยอะแล้ว เช่นนั้นข้าจึงเห็นสมควรว่าไม่ควรเข้าไปเพิ่มจำนวนให้วุ่นวาย”“เหลวไหล!” ยี่ซินเริ่มเสียงดัง “รัชทายาทของพวกเราเป็นบุรุษที่หวงเ
แสงตะวันยามเช้าแผดกล้าร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆบ่งบอกได้ว่าถึงเวลาที่ควรไปดูแลบุตรสาวตัวน้อย อันสำคัญเหนืออื่นใดซานซานจึงส่ายศีรษะไล่ความง่วงงุนให้สิ้นไปแล้วลุกขึ้น ยังไม่ลืมทำลายหลักฐานบนเตียงนอน ที่บัดนี้โชยคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายวสันต์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะหลังร่วมรักส่วนยาห้ามครรภ์ แน่นอนว่าซานซานปรุงขึ้นได้ไม่ยาก และไม่มีใครรู้ด้วยนางจะทำเป็นยาลูกกลอนเม็ดกลมเล็กๆ จะได้พกพาสะดวกหลังจากล้างเนื้อตัวจนสะอาดหอมกรุ่น ยังไม่ลืมลบเลือนริ้วรอยฝากรักก่อนสวมใส่ชุดนางกำนัลเช่นเดิม ออกจากห้องมาหาบุตรสาว กินข้าวเช้าด้วยกัน คุยเล่นหยอกเย้า ชี้แนะทุกเรื่องราว พาไปส่งสำนักศึกษาประจำราชวัง ได้ร่ำเรียนร่วมกับบุตรหลานเชื้อพระวงศ์เด็กๆ ในชั้นเดียวกันยังอายุน้อย ปัญหาปากเสียงกระทบกระเทียบระหว่างชนชั้นจึงไม่มี ลู่หลิ่งเข้ากับทุกคนได้ดียิ่งโดยเฉพาะองค์ชายห้า นามว่า ถังจ้าวสุนถังจ้าวสุนคือโอรสหนึ่งเดียวของฮองเฮาแห่งต้าถัง หลายครั้งที่ซานซานได้เห็น เด็กชายอ้วนท้วนอายุเพียงเจ็ดปีผู้นี้จูงมือหลิงเอ๋อร์ในวัยสี่ปีวิ่งเล่นไปทั่วอุทยาน หากรอดพ้นสายตานางกำนัลได้ ก็มักจะสลับกันผัดหน้าทาชาดสนุกสนาน บางวันยังมีน้ำมันหอ
ผู้ฝึกยุทธ์มักเปี่ยมกำลังวังชา การศึกครานี้จึงใช้เวลายาวนานนัก การทรมานอันสุขสมคล้ายนิรันดร์การเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างซานซานและจ้าวเหว่ย ยังคงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเสมอ นับตั้งแต่ห้าปีก่อนที่เรือนริมธาร กระทั่งยามนี้ที่ตำหนักใน ความสัมพันธ์ทางกายสนิทสนมเยี่ยงนี้คล้ายโซ่ตรวนชนิดหนึ่ง ซึ่งผูกพันทั้งสองเอาไว้จนยากจะคลายตัวลมราตรียังคงเย็นเยียบโชยผ่านเรือนพัก แต่ใครจะรู้ว่าเตียงในห้องๆ หนึ่งจักอุ่นร้อนเพียงใด จ้าวเหว่ยไม่เคยมีความคิดที่จะปล่อยซานซานเอาไว้ให้นอนคนเดียว กำลังวังชามากมายของเขาล้วนใช้ไปกับกิจกรรมระหว่างสามีภรรยาทำเอาซานซานถึงกับอ่อนระโหยโรยแรงหน้ามืดตาลายไปหมด หญิงสาวไม่คาดคิดเลยว่า องค์รัชทายาทผู้สูงส่งเลิศล้ำจักเป็นบุรุษเช่นนี้ ทำนางมึนงงสิ้นดี พอเสียทีได้ไหม?“หยุด...หยุดก่อน...” เส้นเสียงแหบแห้งเพราะผ่านการครวญครางนับครั้งไม่ถ้วนเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “ไม่ไหวแล้ว...”ขณะที่หยาดเหงื่อกำลังผุดพราย รอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์พลันปรากฏบนใบหน้าบุรุษ จ้าวเหว่ยก้มหน้าลงใช้ปลายจมูกโด่งสันหอมแก้มนางไปอีกหนึ่งครั้ง ก่อนมอบอิสระให้แก่ร่างอุ่นนุ่มโดยการปล่อยนางออกจากวงแขนร้อนผ่าวชื้นเหงื่อ แล
รัชทายาทหนุ่มไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะดีซานซานยังคงคิดถึงชายอัปลักษณ์แม้ว่ากำลังร่วมรักกับชายงามสูงศักดิ์จ้าวเหว่ยรู้ดี ว่านางใต้ร่างมิได้รักเขาที่เป็นเชื้อพระวงศ์ ทว่าสายตาที่อีกฝ่ายมองอู๋เจี๋ยที่คิดว่าเป็นเหย่หนิวก็ไม่มีความรักหลงเหลืออยู่เช่นกันก่อนหน้านี้ยามที่ประจันหน้า ทั้งแววตาทั้งท่าทาง เผยชัดแจ้งถึงความแค้นเคืองชิงชัง ไม่มีความหลังให้จดจำหวนคืนนางชัดเจนปานนั้น แต่กลับ…ชั่วขณะหนึ่งที่เห็นเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลายามก้มลงต่ำพร้อมลมหายใจหนักหน่วงรินรดข้างแก้ม ซานซานก็เริ่มจับกระแสความคิดของจ้าวเหว่ยได้เพราะใบหน้าใกล้กันถึงเพียงนี้ สายตาดำจัดของเขาร้อนแรงปานนั้น ราวกับมีเปลวเพลิงเต้นระริกไม่หยุด ทั้งตื่นเต้นทั้งสับสนระคนแปลกใจเรียวคิ้วงามขมวดวูบ “ท่านได้ยินนี่”เสียงหัวเราะทุ้มนุ่มพลันบังเกิด “ข้ามิได้หูหนวก”ซานซานยิ่งรู้สึกผิด “หม่อมฉันมิได้ตั้งใจ”จ้าวเหว่ยหยุดขยับกาย แต่ยังรักษาความรู้สึกรัญจวนใจเอาไว้ด้วยการฝังนิ่งตรึงนาง ก้มหน้าหอมแก้มนวลแรงๆ หนึ่งที เอ่ยเสียงสั่นพร่าอย่างใจดีว่า “เจ้าแก้ตัวด้วยการเรียกนามข้าได้”หญิงสาวเบือนหน้าหนี “หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ”ชายหนุ่มไม
บนเตียงนุ่มที่เริ่มอุ่นร้อนขึ้นเรื่อยๆ ร่างสองร่างเปล่าเปลือยกอดกระหวัดรัดรึงด้วยความทุลักทุเลเพราะฝ่ายสตรีไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มานานมาก ทั้งยังรู้สึกแปลกหน้ายิ่ง จึงตอบสนองเงอะงะพอควรจ้าวเหว่ยถอนใบหน้าออกจากซอกคอขาว ในใจนึกเอ็นดูระคนสงสาร แต่ท่าทางตื่นเต้นของซานซานทำเขานึกอยากแกล้งอย่างที่สุด ไม่มีแม้เศษเสี้ยวความคิดที่จะคลายวงแขนปลายจมูกโด่งสันไล่หอมแก้มนวลไม่หยุดยั้ง ริมฝีปากยังไล่จุมพิตไปทั่วใบหน้า ลำคอ เนินอก ทิ้งร่องรอยลึกซึ้งไม่มีเกรงใจ จนซานซานต้องถอยร่นจนชิดผนังห้องข้างเตียงอย่างหมดท่าบุรุษยิ่งนานยิ่งรุกล้ำ จนใบหน้าขาวผ่องเนียนนุ่มยิ่งนานยิ่งเห่อแดงร้อนแรงกว่าถ่านไฟ กิริยาท่าทางดุจดรุณีวัยแรกแย้ม มิใช่จอมยุทธ์หญิงอีกต่อไป ซึ่งซานซานเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนถึงได้กลายร่างเป็นขี้ผึ้งลนไฟไปเช่นนี้จ้าวเหว่ยยังคงรุกไล่จุมพิตซานซานไปทั่ว ฝังใบหน้ากับหน้าอกอวบอิ่ม ดูดกลืนยอดถันชูชัน กระทั่งนางเขินอายจนพลิกตัวหันหลังให้เพื่อทำใจ เขาก็ยังไล่จูบนางทางด้านหลังประทับตราตั้งแต่เรือนผม ท้ายทอย หัวไหล่ แผ่นหลังนวลเนียนฝ่ามือร้อนลวกยังจับกระชับเอวคอดกิ่ว ลูบไล้วกวนตรงหน้าท้องแบนราบ จนซ
บรรยากาศตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายทันที จ้าวเหว่ยยิ้มอ่อน วงแขนยิ่งกระชับ “หากบอกว่าใช่”ซานซานให้รู้สึกขนลุกชูชัน “เราตกลงกันแล้วว่าไม่มีเรื่องงมงายไร้สาระ หากยังเอ่ยเช่นนี้ เห็นทีหม่อมฉันคงไม่สะดวกแล้ว”จ้าวเหว่ยหัวเราะในลำคอเอ่ยเสียงนุ่ม “เจ้ากล้า”ซานซานแค่นยิ้ม “จ้องนาน สี่หีบ!”“...”สมเป็นนาง...ไม่ว่าเรื่องใดยิ่งไม่เคยนึกหวั่น นอกจากไม่กลัวหรือเขินอายยังกล้าท้าทาย...แน่นอนว่าจ้าวเหว่ยไม่มีทางปล่อยซานซานไปสามีที่ห่างเหินการร่วมรักกับภรรยาเนิ่นนานปี เมื่อเจอกันอีกทีไม่พุ่งกายเข้าใส่ก็คงมิใช่คนปกติเขายังไม่ลืมย้ำเสียงหนัก“เจ้าปรนนิบัติข้าได้แค่คนเดียว เข้าใจหรือไม่?”“ย่อมเป็นเช่นนั้นเพคะ รีบๆ ทำเถิด”แม้เอ่ยเช่นนั้น แต่ร่างระหงอ้อนแอ้นกลับนอนนิ่งแข็งทื่อบุรุษยกยิ้มเอ็นดูแวบหนึ่งก่อนก้มหน้าลงจรดริมฝีปากตนกับนางแผ่วเบาคล้ายภมรหยอกเย้ากลีบบุปผาซานซานพลันเบิกตากว้าง รู้สึกได้ว่ากลีบปากอีกฝ่ายร้อนมากๆ จนอาจจะลวกปากนางได้อึดใจก็เปลี่ยนเป็นกะพริบตาถี่ๆ เพราะรู้สึกได้ถึงจุมพิตที่แนบแน่นยิ่งขึ้น ต่อมาก็กลายเป็นรุกล้ำแต่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เรียวลิ้นร้อนชื้นตวัดออกมาจากปากชายเหนือร่างเข้า