ยามเหมาสี่คนพ่อแม่ลูกทำธุระกินข้าวทุกอย่างในมิติจนเรียบร้อยเรียบร้อยจึงพากันออกจากมิติเพราะหัวหน้าหมู่บ้านจะพาชาวบ้านมาทำงานให้ตามที่ตกลงกันเมื่อวานตอนค่ำ ส่วนท่านพ่อก็จะให้นอนแกล้งเจ็บไปก่อนจนกว่าที่บ้านจถล้อมรั้วบ้านให้เสร็จก่อน ต่อจากนี้เวลาทำอะไรก็จะได้ไม่มีคนมองเห็นมีรั้วกั้นสายตาของคนที่อยากรู้เรื่องของครอบครัวของนาง
พี่ใหญ่กับท่านพ่อเอาหม้อหมูตุ๋นออกมาตั้งส่งกลิ่นหอมไปจนทั่วหลังบ้าน แต่ใช้ไฟอ่อนๆอุ่นให้ร้อนใช้หม้อที่ใหญ่ที่สุดที่เห็นในบ้านของท่านตาท่านยาย เพราะตอนที่พวกท่านเสียชีวิตมารดากับบิดาเก็บใส่ห้องเก็บของเอาไว้เป็นอย่างดี พอดีท่านตาทำห้องเก็บเสบียงใต้ดินเอาไว้ไม่มีใครรู้จักนอกจากท่านแม่ ครอบครัวใหญ่ที่จ้องจะเอาทุกอย่างจึงผิดหวัง ท่านแม่รีบนำของที่พอจะใช้ได้ไปซ่อนจนหมดจึงเหลือเพียงของที่นำออกมาให้เห็นไม่มากจึงรอดจากท่ายย่าจอมเอาเปรียบไปได้ แต่ยังไม่วายพูดจาด่าท่านแม่ว่าที่บ้านเก่าของท่านแม่มีหม้อเก่าๆไม่กี่ใบที่ใกล้แตกจนใช้งานไม่ได้ ส่วนมากชาวบ้านจะช่วยงานกันตามมีตามเกิดไม่มากินเหมือนงานศพในยุคของเขาที่ประเทศบ้านเกิดทุกคนช่วยงานจบก็กลับบ้านใครบ้านมัน หลังจากนำไปฝังในสุสานของหมู่บ้านที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของหมูบ้าน พอถึงเวลาหัวหน้าหมู่บ้านก็ได้พาลูกบ้านที่เป็นผู้ชายมาถึง แบ่งงานกันทำคนหนุ่มที่ร่างกายแข็งแรงจะขึ้นเขาไปตัดไม้ลงมาทำรั้ว คนที่มีอายุหน่อยจะพากันขุดหลุมรอตามที่มีไม้ที่ตีจากหัวหน้าหมูบ้านไปเป็นระยะจนรอบเนื้อที่หกหมู่ และมีผู้หญิงที่มีครอบครัวที่ลงชื่อเอาเนื้อหมูสองสามคนพากันถางหญ้าช่วยกัน ในที่ดินของท่านยายจึงมีคนที่มารวมกันไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบคน มารดาของนางก็ไปช่วยชาวบ้านผู้หญิงถางหญ้าและให้เย่วเย่วนั้นอยู่เฝ้าบิดา ส่วนบุตรชายนั้นขึ้นเขาไปตัดไม้กับชาวบ้านด้วยกันกับคนอื่น คนที่ขึ้นไปตัดไม้บนเขาก็ทยอยขนลงมาเรื่อยๆจนถึงยามเว่ยจึงพากันลงมากินมื้อเที่ยงกัน วันนี้มารดาของเย่วเย่วบอกว่าได้อาหารสูตรใหม่จากเครื่องในหมูให้ทุกคนได้กินพร้อมกัน ชาวบ้านได้แต่สงสารที่ครอบครัวเซียวนั้นถึงกับนำเครื่องในหมูที่ทุกคนในหมู่บ้านนั้นไม่มีใครกินกันมามากิน ในเมื่อพวกชาวบ้านได้ห่อข้าวกับเนื้อหมูที่ได้รับกันไปคนละหลายชั่งเมื่อวานต่างก็ทำอาหารห่อมากินกันด้วย หลังจากที่ทุกคนลงเขามาจนครบพร้อมกับไม้ที่ตัดได้มากมายขนกลับมาด้วย เย่วเย่วตัดไม้ไผ่ที่แห้งลำใหญ่เท่าถ้วยนั้นทำเป็นถ้วยใส่หมูตุ๋นที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายของทุกคนได้เป็นอย่างดี แต่ยังไม่มีใครกล้ากินตะเกียบนางก็ทำเอาไว้เกือบร้อยคู่เพียงพอสำหรับทุกคน นางนั่งกินข้าวรวมกันกับพวกผู้หญิงชาวบ้านที่ถางหญ้าช่วยกันกับท่านแม่ ส่วนบิดานั้นนางให้ท่านกินและดื่มยาแล้ว นางบอกชาวบ้านที่จริงแล้วบิดาหายดีแต่ต้องแกล้งนอนเจ็บไปก่อนเพราะตบตาคนบ้านใหญ่ "พวกท่านลองชิมดูก่อนก็ได้เจ้าค่ะข้าทำเอาไว้พอกินสำหรับทุกคนเจ้าค่ะ บังเอิญข้าค้นพบได้สมุนไพรบนเขามาดับกลิ่นคาวได้ รับรองว่าพวกท่านจะต้องติดใจจนขอให้ข้าทำให้กินอีกอย่างแน่นอน ถ้าพวกท่านล้อมรั้วให้ครอบครัวของข้าเสร็จข้าจะขึ้นไปล่าหมูอีกสักตัวเพื่อจะให้พวกท่านขุดร่องน้ำกับบ่อน้ำให้ครอบครัวของข้าด้วยเจ้าค่ะ" เย่วเย่วบอกกับชาวบ้าน "นังหนูเอ็งพึ่งจะตกน้ำตกท่าไปไม่กี่วันก่อนร่างกายยังไม่แข็งแรงดี ที่พวกเองสองคนพี่น้องได้หมูมาพวกข้าก็แทบจะไม่เชื่อถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาของตัวเอง" หญิงนางหนึ่งพูดขึ้น "นั้นสิข้าก็เห็นด้วย" ทุกคนพยักหน้ารับและมองครอบครัวเซียวกินหมูตุ๋นด้วยความอร่อยจนกลืนน้ำลายตาม มองถ้วยที่วางตรงหน้าและมองดูว่ามีใครหยิบขึ้นกินแล้วบ้างจะได้ลองกินตาม หัวหน้าหมู่บ้านอดใจไม่ไหวลองคีบเข้าปากคำหนึ่งเป็นหน่วยกล้าตายให้ลูกบ้านก่อน เขาหลับตาและกัดไปคำแรกพอมันเข้าปากแทบจะละลายกลิ่นเหม็นไม่มีขึ้นจมูกเลย เขาลืมตาด้วยความตกตะลึงและคีบเอาไส้ชิ้นใหญ่เข้าปากอีก ทุกคนรอให้หัวหน้าหมู่บ้านบอกเรื่องรสชาติอยู่จนอ้าปากไปตามๆกัน!!!!! "อร่อยมากพวกเองไม่กินแล้วจะเสียใจ" หัวหน้าหมู่บ้านบอก จากนั้นกับข้าวที่ห่อมาของตัวเองไม่หยิบเข้าปากเลย ชาวบ้านเห็นว่าลุงผู้ใหญ่บ้านบอกว่าอร่อยพอได้ชิมทุกคนแย่งกันกินจนหมดถ้วยกินกับข้าวที่ห่อมาจนหมดแม้แต่น้ำยังพากันยกซด นี้นางทำแค่หม้อเดียวเองนะยังมีอีกตัวที่จะทำวันพรุ่งนี้ "นังหนูมันอร่อยจริงๆด้วยเองไปได้สมุนไพรดีที่ไหนมาจึงดับกลิ่นได้ดียิ่ง วันหลังเก็บลงมาให้พวกข้าด้วยนะ" เสียงแม่บ้านของแต่ละครัวร้องถามเย่วเย่วเพราะติดใจรสชาติอาหารแสนอร่อยมื้อกลางวันนี้ "ได้เจ้าค่ะแต่วันพรุ่งนี้มีอีกหม้อนะเจ้าคะข้าจะทำให้พวกท่านกินอีกเจ้าค่ะ" นางตอบแล้วยิ้มให้ทุกคน "ขอบใจเองมากนังหนูเย่วเย่วเมื่อก่อนเ็องไม่ค่อยพูดเพราะไม่ค่อยจะสบายโดนครอบครัวใหญ่รังแกตลอด ต่อจากนี้ครอบครัวของเองคงจะพบแต่ความสุขเสียที นี้ข้าได้ข่าวว่าบ้านใหญ่ถ่ายท้องกันทั้งบ้านจนได้จ้างเกวียนไปส่งโรงหมอยังไม่เห็นกลับมา ถ้านางเซียวอี้จูมันรู้ว่าพวกเจ้าสองพี่น้องล่าหมูป่ามาได้เมื่อวานนี้คงวุ่นวายน่าดู พวกเอ็งว่าไหม" เสียงชาวบ้านคุยกันด้วยความสนุกเรื่องราวของบ้านใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน มันช่างโชคดีกับพวกเจ้าเสียจริงแต่ถึงอย่างไรก็ตัดขาดกันไปแล้วจะมาอ้างบุญคุณกตัญญูปาวๆหน้าด้านๆเหมือนนังแกเซียวอี้จูคงไม่มีใครเกินกับฉายาของนาง "พวกเอ็งไม่ต้องกังวลในใบสัญญาตัดขาดเป็นยายแก่เซียวอี้จูที่ให้ข้าเขียนกำกับตัดขาดบุตรชายคนรองว่าจะเป็นจะตายยากดีมีจนห้ามกลับไปเหยีบบ้านใหญ่และขอความช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น คงคิดว่านังหนูเย่วเย่วมันจะตายรวมถึงเซียวอี้ถังด้วยกระมัง จึงให้ข้าทำใบตัดขาดแบบนั้นข้าก็สงสารครอบครัวเอ็งนักที่นางใจดำให้มาเพียงข้าวชั้นเลวมาสิบช่าง แม้ตำลึงสักอีแปะก็ไม่ให้ลูกไปหาหมอ" หัวหน้าหมู่บ้านพูดขึ้นให้ชาวบ้านที่ยังไม่รู้ความจริงให้ได้ยิน "ดีแล้วละที่เป็นแบบนี้เวรกรรมคงสนองครอบครัวใหญ่เข้าแล้วละ ไม่ต้องกลัวพวกข้าย่อมต้องช่วยพวกเอ็งถ้านังเฒ่าเซียวยังมาตามเรียกร้องหาความกตัญญูจากพวกเจ้าอยู่อีก" เมียลุงหัวหน้าหมู่บ้านพูดขึ้นเสียงดัง "เกิดมาข้าพึ่งจะเคยเห็นคนรักลูกไม่เท่ากันหรือว่าเซียวอี้ถังมันไม่ใช่ลูกของยายแก่เซียวอี้จูวะ" ชาวบ้านคุยกัน นี้ละคือสิ่งที่เย่วเย่วต้องการให้ชาวบ้านรับรู้และช่วยครอบครัวของนางจากบ้านใหญ่ที่เห็นแก่ตัวนั้นเสียทีหลังจากแต่งกันกับท่านอ๋องภายในตำหนักในทุกคืนจะมีเสียงครางหวานของคู่สามีข้าวใหม่ปลามันจนนางกำนัลหน้าแดงไปตามๆกัน ท่านอ๋องช่างรักพระชายาเหลือเกินตามใจนางทุกอย่างตลอดที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ช่วงก่อนจะถึงวันกลับไปเยี่ยมที่บ้านของพระชายาเขาตักตวงความสุขตั้งแต่ก่อนวันแต่งจนผ่านมาหลายคืนแล้วก็ยังคงหื่นเสมอต้นเสมอปลาย เย่วเย่วคิดในตอนนี้นางนั่งผิงอกแกร่งของพระสวามีกลับหมู่บ้านฉีซานเพื่อจะกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมตามประเพณี กว่าจะได้ออกจากห้องแต่ละวันนางนี้ต้องมีนางกำนัลคอยประคองถ้าไม่มีน้ำพุวิเศษนี้นางไม่อย่างจะคิดเลยว่าจะนอนเป็นผักทั้งวันหรือเปล่า"เย่วเอ๋อร์น้องนอนเถอะนะคนดีพอถึงบ้านของพ่อตาแม่ยายพี่จะปลุกน้องเอง"ท่านอ๋องกระชับอ้อมกอดให้ภรรยานั่งพิงอกได้สะดวกตอนกลางวันต้องให้นางนอนพักเอาแรงไว้มากๆหน่อยช่วงกลางคืนคือเวลาของเขา ว่าจะหยุดสักเดือนก่อนจะเดินทางเข้าเมืองหลวงไปหาพี่ชายที่รอจัดงานให้อีกรอบที่ตำหนักอ๋องที่เมืองหลวง แต่จะให้เขาอดใจไหวไม่รังแกภรรยาได้เช่นไรในเมื่อนางน่ารักน่ากินไปทั้งตัว เขาก็ไม่ใช้ผู้หลุดพ้นเสียหน่อย นี้ก็อดทนรอมาตั้งปีเพื่อจะแต่งนางเข้าตำหนักได้แต่ก็ต้องออกศึกไปเป็นปีที่ไ
ท่านอ๋องกว่าจะปลีกตัวจากเหล่าทหารทั้งหลายได้ก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มในภพเก่าของนางเย่วเย่วกำลังนั่งหลับพักเอาแรงหลังจากที่มารดามาอวยพรร่ำลากันกลับหมู่บ้านกับบรรดาป้าๆทั้งหลายกลับไปกันจนหมด นางก็อยู่กับนางกำนัลสองคนที่มีอายุสามสิบได้กระมังเย่วเย่วแอบกินนมกับขนมเพราะมีผ้าคลุมหน้านางไม่กลัวนางกำนัลเห็นหรอกนะ คนมันหิวกว่าด้านนอกจะรับแขกและกลับหมดพอดีหิวท้องร้องกันพอดี หยิบของออกมากินจนอิ่มนางก็นั่งหลับไปเลยเอาแรงดีกว่าถ่างตารอไม่ไหวหรอก เพราะเมื่อคืนนี้ท่านอ๋องของรางวัลทั้งคืนถ้านางไม่หลับก่อนคงสว่างคาตาแน่ๆเลย คนอะไรอึดเป็นบ้าขอให้ปล่อยก็ไม่ยอมหยุดจนนางหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วยังโดนลากมาทำพิธีทั้งวันอีกจนค่ำสองที่พักนอนงีบเอาแรงสักนิดก็ยังดีตัดมาที่ท่านอ๋องที่ตอนนี้กำลังโดนเหล่าทหารคนสนิทมอมเหล้าเพื่อกลั้นแกล้งให้เจ้านายเข้อหอไม่ไหวชนแก้วจอกต่อจอก จนเขาต้องใช้อุบายขอเข้าห้องน้ำพอปลีกตัวออกมาได้ก็เดินตัวปลิวไปที่ห้องหอในตำหนักใหญ่เลยป่านนี้เย่วเย่วคงจะรอแย่แล้ว อ๋องหนุ่มคิดไปยิ้มไปกับความน่ารักของภรรยาหมาดๆที่นางให้รางวัลกับเขาเมื่อคืนนี้จนแทบตายคาอกนาง แต่ใครจะอดใจไหวเล่าภรรยาน่ารักเสียขนาดน
ตอนนี้หัวสมองของสาวน้อยเย่วเย่วขาวโพลนไปหมดกับริมฝีปากหนาของชายคนรักที่ละเลงน้องสาวจนนางครางกระเส่าอย่างไม่อาย ชายหนุ่มนั้นตอนนี้ดูดดึงกุหลาบงามของสาวคนรักอย่างไม่รังเกียจนางสวยไปหมดจนเขาอดใจไม่ไหวอยากกลืนกินทุกอย่างที่เป็นนาง"เย่วเอ๋อร์คนดีร้องดังๆไปเลยพี่ชอบเห็นน้องมีความสุขที่สุุขเสียวไหมที่รัก" ชายหนุ่มเงยหน้ามาพูดกับนางแต่ก็ยังมีนิ้วแทนที่ปากเขาเขี่ยวนตรงปุ่มเสียวของนาง เย่วเย่วยกสะโพกลอยตามนิ้วร้ายของชายหนุ่มที่ละเลงแล้วแหย่เข้าไปที่ละนิ้ว พอถามนางจบเขาไม่คิดจะฟังคำตอบเพราะดูจากการตอบรับของสาวคนรักก็พอใจมากแล้ว ท่านออ๋องหนุ่มก้มหน้าลงฉกชิมกุหลาบงามตรงหน้าต่อจนร่างบอบบางเกร็งกระตุกสุขสมไปก่อนเพื่อเปิดทางให้มังกรตัวเขี่ยงเข้าไปในกุหลาบงาม ชายหนุ่มแยกขาของคู่หมั้นสาวออกจนกว้างก่อนจะชักรูดมังกรตัวเองถูกไถ่ก่อนจะค่อยๆกดเข้าไปทีละน้อย เยว่เยว่หัวขาวโพลนเพราะพึ่งเสร็จสมไปเพราะลิ้นร้ายของท่านอ๋องต้องสะดุ้งเพราะมีสิ่งใหญ่โตกำลังมุดเข้ากุหลาบของนางมาได้แค่ส่วนหัวนางแทบขาดใจทำไมมันใหญ่ขนาดนี้จะเข้าไปในน้องสาวของนางได้จริงๆหรือ"ท่านอ๋องเพคะ" นางเอามือยันหน้าอกแกร่งเอาไว้ก่อน"ท่านพี่เรียก
ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์มีรถม้ามารับเซียวเย่วเย่วทุกวันในตอนเช้าเพื่อฝึกสาวน้อยที่จะแต่งเข้าตำหนักของท่านอ๋องซงตงหยางในอีกไม่นาน รอเพียงท่านอ๋องเดินทางกลับมาถึงที่อำเภอแห่งนี้ ท่านอ๋องปกครองครอบคลุมไปถึงชายแดนฉีเป่ยที่พึ่งรบจบศึกในตอนนี้นั้นเอง ตลอดเวลาเย่วเย่วก็ตั้งใจเรียนการเดินการนั่งการกินการพูดคุยพิธีการต่างๆที่ชนชั้นสูงต้องมีจนครบสิบวัน นางแทบจะรากเลือดกับสิ่งที่ฝืนกับสิ่งที่ตนเองไม่ถนัดแต่ก็ทำเพื่อหน้าตาของสามีในภายภาคหน้าจะได้ไม่อายใครว่าแต่งชายาบ้านนอกเข้ามาและไม่รู้เรื่องอะไรเลยในตอนค่ำของอีกวันหลังจากที่สามพ่อแม่ลูกกินมื้อค่ำอิ่มแล้วก็เตรียมตัวจะเข้านอนหลังจากที่นั่งย่อยอาหารที่หน้าบ้านเหมือนเช่นทุกวัน จนจะได้เวลาเข้านอนก็ได้ยินเสียงม้าวิ่งมาที่หน้าบ้านพร้อมกับเสียงเคาะประตูหน้าบ้านเสียงดัง"ท่านพ่อท่านแม่ข้ากลับมาแล้วขอรับ" เสียงเรียกที่หน้าบ้านมันเสียงของพี่ชายของนางชัดๆเลย"ท่านพ่อเสียงพี่ใหญ่เจ้าค่ะ" พูดจบนางก็วิ่งลงบ้านไปที่ประตูใหญ่เลยทันที บิดาวิ่งตามลูกสาวไปติดๆหลังจากที่บอกให้ภรรยานั่งรอที่นี้ห้ามวิ่งตามมาสั่งแล้วเขาก็วิ่งตามลูกสาวสาวไปที่หน้าบ้านเหมือนกันเซียวเย่วเย
"เซียวอี้ถังเปิดประตูบ้านเร็วๆเข้า" เสียงลุงผู้ใหญ่บ้านเคาะไม้เรียกเสียงดังลั่นที่ด้านหน้า"ขอรับๆข้ากำลังเปิดอยู่" ส่วนท่านแม่ยืนรอที่หน้าระเบียงบ้านพอเปิดประตูออกก็เห็นคนมากมายเต็มหน้าบ้านของนางไปหมด แม้แต่ท่านนายอำเภอยังมาเลยท่านพ่อกับเย่วเย่วก็ตกใจเหมือนกัน"มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือท่านลุงทำไมคนมาบ้านของข้าเยอะขนาดนี้ละ" เซียวอี้ถังถามด้วยความสงสัยเหมือนกันส่วนเย่วเย่วนั้นนางตั้งสติแล้วรอฟังว่าทุกคนมีอะไรจึงมาหน้าบ้านของนางมากมายขนาดนี้มองคร่าวๆที่ด้านหลังนั้นอีกที่ชาวบ้านเดินตามกันมาจนจะหมดดทั้งหมู่บ้านเลยกระมัง นางคิดและมองดูคนที่แต่งตัวเป็นเหมือนขันทีในวังเหมือนในละครทีวีที่นางดูเป็นประจำทหารอีกเป็นร้อยรวมทั้งรถม้าหลายสิบคันที่จอดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย"มีพระราชโองการจากองค์เหนือหัวถึงคุณหนูเซียวเย่วเย่ว" ทันทีเมื่อคำพูดถึงราชโองการจากผู้เป็นใหญ่เหนือแคว้นเยว่เยว่กับครอบครัวก็รีบคุกเข่ารอรับพระราชโองการทันที ชาวบ้านคนอื่นๆก็รีบยืนสำรวมรอฟัง "เซียวเย่วเย่วรับราชโองการคุณหนูเซียวเย่วเย่วทำความดีส่งเสบียงช่วยเหล่าทหารกล้าที่ไปรบที่ชายแดนกับท่านอ๋องซงตงหยางพระอนุชาของพร
สามพ่อแม่ลูกนั่งคุยกันได้สักพักเสียงร้องของเหยี่ยวที่ท่านอ๋องคอยส่งข่าวก็ร้องขึ้นบริเวณท้องฟ้าเหนือบ้านของนางเสียงดังก่อนที่เจ้าตัวจะบินร่อนลงมาที่หน้าระเบียงบ้านเย่วเย่วร้องตะโกนเสียงดังตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงมันร้องตอนยังไม่เห็นตัวลงมาหน้าบ้านด้วยความดีใจ"โอ๊ะเจ้าเหยี่ยวมาแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่" ทุกคนยิ้มด้วยความดีใจกับเสียงนกยักษ์ของท่านอ๋องที่มาส่งข่าวหลังจากหายไปนานมันลงมาถึงก็ยกขาให้เย่วเย่วดึงเอาจดหมายที่ผูกมาด้วยเป็นอย่างดีแล้วรับอาหารของตนกินเงียบๆที่ที่ประจำเย่วเย่วเอาจดหมายพี่ชายให้บิดามารดาของนางต่างหากท่านพ่อรีบรับไปอ่านให้ท่านแม่ฟังทันที่'ถึงท่านพ่อท่านแม่น้องเล็กขอโทษที่หายไปนานคงจะทำให้พวกท่านเป็นห่วงตอนนั้นกำลังสู้รบไม่ค่อยมีเวลาตอนนี้ชนะข้าศึกแล้วอีกไม่นานจะได้เดินทางกลับมาบ้านรักและถึงทุกคนขอรับ เซียวอี้เหอ'ท่านแม่ยิ้มแก้มปริพอได้ยินว่าลูกชายกำลังจะกลับมาในอีกไม่ช้า"ท่านพี่ข้าจะไปหาของกินอร่อยๆเอาไว้รอลูกของเราเจ้าค่ะพาข้าไปในห้องเสบียงหน่อยนะเจ้าคะ" นางรีบหันไปหาสามีเพื่อทำอาหารรอบุตรชายที่จากไปนับปี"น้องหญิงอาหารของเร