แชร์

เมาจนได้เรื่อง (2)

ผู้เขียน: เหมียวเฟยฉี
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-15 20:07:28

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้านี่น่าสนใจจริง ๆ”

อู่เหยียนผละออกจากร่างหอมกรุ่น เล่นสนุกก็ควรเล่นให้พอประมาณ “พูดคุยมานานแล้วข้ายังไม่รู้จักชื่อเจ้าเลย”

“ข้าชื่อลู่ผิงถิง เป็นบุตรสาวของ...”

“ข้าถามเพียงชื่อเจ้าไม่ได้ถามโคตรเหง้าตระกูลเจ้า”

“....”

อู่เหยียนเอ็นดูคนตัวเล็กที่มีสีหน้าเหลอหลา “ไปนั่ง กินข้าวแล้วค่อยคุย”

“ไม่เป็นไร ท่านหมอเทวดาข้าไม่หิวแล้ว” ลู่ผิงถิงเอ่ยอย่างนอบน้อม หมอเทวดาเหยียนพูดมาเช่นนั้นใครจะกล้ากินลงอีก

“เพิ่งนึกได้รึ ว่าไม่ควรกินของคนแปลกหน้า เมื่อครู่ไม่เห็นเจ้าจะกลัวเช่นนี้เลย” อู่เหยียนอดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่

เขานั่งลงคีบอาหารเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ล่อตาล่อใจสตรีตรงหน้า “ไม่กินจริงหรือ อร่อยมากเลยนะ”

ลู่ผิงถิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ทว่านางไม่อยากผิดคำพูด นางบอกว่าไม่กินก็คือไม่กินแล้ว ถึงแม้ลำไส้ของนางจะเรียกร้องหาอาหารก็เถอะ

“หมอเทวดาเหยียน ท่านจะไปรักษาท่านแม่ข้าได้หรือไม่” ลู่ผิงถิงเอ่ยถามเสียงแผ่ว

“รักษานะได้อยู่ แต่...วันนี้เจ้ามาร่ำสุราเป็นเพื่อนข้า สักสามไหเป็นไง”

“....”

ยิ่งเห็นสตรีคนนั้นยืนทื่ออยู่กับที่ไม่ขยับ และไม่ตอบคำถาม ทั้งยังมองมาด้วยความคาดหวัง เขายิ่งนึกสนุก “ว้าแย่จัง ไม่มีเพื่อนดื่มก็ไม่มีอารมณ์รักษา”

“ได้ข้าจะดื่มกับท่าน” ลู่ผิงถิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ตกปากรับคำ นางรอโอกาสที่จะทำให้มารดาหายมานานมากแล้ว นางไม่อาจปล่อยหลุดมือไปได้

“ดี”

สุราไหแรกถูกอู่เหยียนรินใส่จอก เขายกดื่มรวดเดียวหมด แล้วชูจอกให้ลู่ผิงถิงดู “แม่เจ้าป่วยเป็นอะไร”

“นางถูกพิษเหมันต์หลับใหล” ลู่ผิงถิงเองก็ดื่มรวดเดียวหมดจอกเช่นกัน

“พิษนี้ต้องใช้บัวหิมะเหมันต์ในการแก้พิษ อีกเจ็ดวันข้าจะไปจากที่นี่ เจ้ารีบหาบัวหิมะเหมันต์มาก็พอ”

เจ็ดวันหรือน้อยไปหรือไม่ นางจะไปหาที่ใด “ไม่ต้องไปตรวจอาการท่านแม่ข้ารึ”

“รอได้บัวหิมะมาข้าค่อยไปทีเดียว แต่เจ้ามีเวลาแค่เจ็ดวันเท่านั้นนะ”

“เข้าใจแล้ว”

ทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอ เมื่อสุราหมดไปไหแรก ลู่ผิงถิงก็เมาเสียแล้ว

แรก ๆ อู่เหยียนบอกว่าเห็นนางแล้วคิดถึงน้องสาวที่จากไปจึงหยอกล้อนางเล่น และขออภัยนางนางยังพอรับรู้แต่หลัง ๆ มา อู่เหยียนพูดอะไรไปบ้างลู่ผิงถิงจำไม่ได้แล้ว

“ท่านไม่ชมชอบสตรีจริงหรือ”

นิสัยของลู่ผิงถิงยามเมาช่างขี้สงสัยเสียจริง อู่เหยียนใช้ฝ่ามือยันไว้กับคาง มองสตรีตัวเล็กด้วยแววตาเอ็นดู “เจ้าว่าอย่างไรเล่า”

“ท่านไม่เหมือน แต่ข้าได้ยินมาว่า...”

“เจ้าเชื่อสิ่งที่ได้ยินมากกว่าสิ่งที่ตาเห็นหรือ” อู่เหยียนยิ้มให้คนเมาที่อยากรู้อยากเห็นจนน่าจับมาเขกกบาล

“อืมมีเหตุผล” ลู่ผิงถิงพูดพร้อมรินสุราให้ตัวเอง ทว่าสุราในไหไม่เหลือสักหยด “หมดแล้ว เอามาอีกสิ ข้าจะกินให้ครบสามไห”

“แน่ใจ...ว่าเจ้าไหว” อู่เหยียนเอ่ยถามยิ้ม ๆ เขาไม่เคยเห็นใครเมาแล้วน่ารักเพียงนี้

“ข้าไหวอยู่แล้ว อย่ามาดูถูกกันนะ เจ้าดูสิข้ายังเดินตรงอยู่เลย” ลู่ผิงถิงลุกขึ้นและเดินให้อู่เหยียนดู ไม่รู้สักนิดว่าตัวเองเดินไม่ตรง

อู่เหยียนส่ายศีรษะไปมา ให้กับความดื้อรั้นของสตรีตรงหน้า ความน่ารักของนางทำให้ใจของเขาหวั่นไหวเข้าให้แล้ว “พอแล้ว เมาก็ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวข้าจะไปพักที่ห้องอื่นเอง”

“นับถือ นับถือ ท่านหมอเทวดา สุดยอดสุภาพบุรุษแห่งเมืองหลวง ข้า...ลู่ผิงถิงจะช่วยท่านแก้ข่าวลือเอง” ลู่ผิงถิงก้มคำนับและเอ่ยเยินยออู่เหยียนถึงสามครั้ง

“เจ้ามาล็อกประตูด้วย” อู่เหยียนเตือนลู่ผิงถิง

“รู้แล้ว” ลู่ผิงถิงเดินโซซัดโซเซไปล็อกประตูตามคำบอกของอู่เหยียนอย่างมึนงง แล้วกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม นางยกจอกสุรากรอกปาก ทว่าไม่มีน้ำสีใสไหลออกมา นางจึงวางจอกสุราลงดังเดิม แล้วเท้าคางคิดบางอย่างไปเรื่อยเปื่อย

“อู่เหยียน ช่วยด้วย อู่เหยียน”

ในตอนที่สะลึมสะลือใกล้หลับลู่ผิงถิงก็ได้ยินเสียงคนเรียกหมอเทวดาเหยียน ดังมาจากระเบียงหลังห้อง

“ใคร” ลู่ผิงถิงเอ่ยถาม

“ช่วยด้วย อู่เหยียน”

ลู่ผิงถิงเริ่มฉุนเฉียวเมื่อถามแล้วไม่ได้คำตอบที่ต้องการ มีเพียงเสียงขอความช่วยเหลือซึ่งนางรู้สึกรำคาญเต็มที “ที่นี่ไม่มี อู่เหยียนอะไรนั่น ไปหาที่อื่นข้าจะนอน”

ลู่ผิงถิงเท้าคางหลับตาในท่าเดิม ทว่าจู่ ๆ ร่างนางก็ลอยเคว้งขึ้นกลางอากาศ

คนผู้นั้นอุ้มนางพาไปที่เตียง เขาวางนางลงเต็มแรง จนร่างเล็ก ๆ กระดอนขึ้นลงบนเตียง ทำให้คนเมายิ่งวิงเวียนจนแทบอ้วก

“เช่นนั้นเจ้าก็ช่วยข้า”

“ชะ...ชะ...ช่วยอย่างไร” ดื่มสุราจนเมามาย สมองก็สั่งการช้าไปหมด ไม่เข้าใจสิ่งที่บุรุษผู้นั้นพูด ไม่รู้เลยว่าในไม่ช้าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง สายตาก็พร่ามัวมองอะไรไม่ชัด

“ช่วยแก้พิษให้ข้า”

พูดจบบุรุษผู้นั้นก็จุมพิตริมฝีปากลู่ผิงถิงอย่างหนักหน่วง

.............

เสือปล่อยไป จระเข้มางับ  หลังจากนี้จะมีฉากหวานเยอะหน่อยนะ ใครชอบแบบไร้สาระกดเข้าชั้นไว้นะ

ถามตอบ

คิดว่าน้องลู่จะรอดไปได้อีกไหมทุกคน

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พระชายาจำยอม   เมาจนได้เรื่อง (2)

    “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้านี่น่าสนใจจริง ๆ”อู่เหยียนผละออกจากร่างหอมกรุ่น เล่นสนุกก็ควรเล่นให้พอประมาณ “พูดคุยมานานแล้วข้ายังไม่รู้จักชื่อเจ้าเลย”“ข้าชื่อลู่ผิงถิง เป็นบุตรสาวของ...”“ข้าถามเพียงชื่อเจ้าไม่ได้ถามโคตรเหง้าตระกูลเจ้า”“....”อู่เหยียนเอ็นดูคนตัวเล็กที่มีสีหน้าเหลอหลา “ไปนั่ง กินข้าวแล้วค่อยคุย”“ไม่เป็นไร ท่านหมอเทวดาข้าไม่หิวแล้ว” ลู่ผิงถิงเอ่ยอย่างนอบน้อม หมอเทวดาเหยียนพูดมาเช่นนั้นใครจะกล้ากินลงอีก“เพิ่งนึกได้รึ ว่าไม่ควรกินของคนแปลกหน้า เมื่อครู่ไม่เห็นเจ้าจะกลัวเช่นนี้เลย” อู่เหยียนอดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่เขานั่งลงคีบอาหารเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ล่อตาล่อใจสตรีตรงหน้า “ไม่กินจริงหรือ อร่อยมากเลยนะ”ลู่ผิงถิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ทว่านางไม่อยากผิดคำพูด นางบอกว่าไม่กินก็คือไม่กินแล้ว ถึงแม้ลำไส้ของนางจะเรียกร้องหาอาหารก็เถอะ“หมอเทวดาเหยียน ท่านจะไปรักษาท่านแม่ข้าได้หรือไม่” ลู่ผิงถิงเอ่ยถามเสียงแผ่ว“รักษานะได้อยู่ แต่...วันนี้เจ้ามาร่ำสุราเป็นเพื่อนข้า สักสามไหเป็นไง”“....”ยิ่งเห็นสตรีคนนั้นยืนทื่ออยู่กับที่ไม่ขยับ และไม่ตอบคำถาม ทั้งยังมองมาด้วยความคาดหวัง เขายิ่งนึกส

  • พระชายาจำยอม   เมาจนได้เรื่อง (1)

    หอเฟิ่งหวงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน ลู่ผิงถิงไปที่ชั้นสองดังเช่นสามวันก่อน นางมองหาผู้ดูแลจากนั้นจึงเข้าไปสอบถาม “ผู้ดูแล วันนี้หมอเทวดาเหยียนจะมายามใด”“แม่นางอยากรู้ข้อมูลก็ต้องจ่ายเงินขอรับ”ลู่ผิงถิงไม่อยากจ่ายเงินซ้ำซ้อนนางจึงเอ่ยหลอกล่อเอาข้อมูลจากผู้ดูแล “ข้าเป็นแขกที่หมอเทวดานัดไว้ เจ้าเสียมารยาทกับข้าเช่นนี้ใช้ได้รึ”ใบหน้างามเชิดขึ้นอย่างถือดี“ข้าน้อยขออภัยขอรับ เช่นนั้นแม่นางไปรอที่ชั้นสามห้องผกามาศ ข้าน้อยจะนำทางท่านไป”“ไม่ต้อง...เจ้าทำงานของเจ้าไปเถิด ข้ามีขาเดินไปเองได้” ลู่ผิงถิงแสร้งเปล่งเสียงไม่พอใจออกมาเมื่อหันหลังให้ผู้ดูแลมุมปากได้รูปก็ยกขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ ครั้งนี้ข้อมูลแน่นโดยไม่ต้องเปลืองเงินสักแดงเดียวลู่ผิงถิงขึ้นไปชั้นสามนางนั่งรออยู่ตรงระเบียง ฝั่งตรงข้ามกับห้องผกามาศ รอหมอเทวดาเหยียนมาถึงจะแสร้งวิ่งหนีอะไรบางอย่าง แล้วบังเอิญไปชนเขา พอได้รับบาดเจ็บจากนั้นเขาก็จะพานางไปรักษาในห้องเท่านี้ก็สามารถพูดคุยเรื่องการรักษาท่านแม่กับเขาได้แล้วสายลมอ่อน ๆ พัดมาพร้อมกลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้ ลู่ผิงถิงสูดดมกลิ่นหอมสดชื่นนั้น เนื่องด้วยเมื่อคืนนางอดหลับอดนอนดูแลมารดา เมื่อไ

  • พระชายาจำยอม   อดีตคนรัก (2)

    ครานี้ผู้ที่มารินสุราเป็นนางกำนัลตัวน้อย ไม่รู้ว่านางประหม่าหรืออย่างไร จึงทำสุราหกราดอาภรณ์ของมู่เซียวเซ่อจนเปียกปอน “ขออภัยท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ หม่อมฉันสมควรตายเพคะ ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วย”นางคุกเข่าคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซียวเซ่อคร้านจะใส่ใจนางกำนัลตัวเล็กจึงลุกขึ้นยืน “เสด็จพี่ กระหม่อมขอตัวไปเปลี่ยนอาภรณ์”“อืม เราก็จะไปสุขาเช่นกัน” ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยห้องจัดเลี้ยงกว้างขวาง เหลือเพียงจี้ฮองเฮานั่งอยู่ลำพัง จิตใจสั่นไหวเมื่อพบกับมู่เซียวเซ่ออีกครั้ง ความรักที่ถูกกดลึกไว้ในอก และความทรงจำเก่า ๆ ได้เอ่อล้นขึ้นมาวันนั้นนางจำได้ดี เป็นงานเลี้ยงต้อนรับชัยชนะของท่านพ่อ และเป็นวันที่นางพลาดพลั้งอย่างไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็มีฝ่าบาทนอนอยู่ด้านข้าง เราทั้งสองไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ ผู้คนจำนวนมากพบเห็นเรื่องนี้ทำให้จี้ฝู่หลิงไม่มีหน้าไปพบเจออดีตคนรักอีก ยอมอภิเษกกับฝ่าบาททั้งที่ใจไร้รักเริ่มแรกฝ่าบาทเอาอกเอาใจ ทำดีกับจี้ฝู่หลิงทุกอย่าง ทว่า...วันคืนดี ๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อบิดาของนางถูกสังหารในสนามรบ เขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เป็นเหมือนสัตว์ป่าดุร้าย ทรมานนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนนาง

  • พระชายาจำยอม   อดีตคนรัก (1)

    สามวันผ่านไป ลู่ผิงถิงยังดูแลมารดาอยู่จวนตระกูลลู่ พวกบิดายังไม่กลับมาได้ยินว่าพากันออกไปท่องเที่ยวทิศประจิม และดูทำเลการค้าเพื่อขยายกิจการร้านเสื้อผ้าลู่ผิงถิงเดินไปที่เรือนใหญ่พบกับบ่าวที่เฆี่ยนพี่เสี่ยวซีเข้าพอดี จึงเรียกให้เข้ามาช่วยทำความสะอาดในห้องโถง พอบ่าวคนนั้นทำเสร็จออกไป คุณหนูใหญ่อย่างนางก็โวยวายว่าปิ่นปักผมหาย บอกให้บ่าวในเรือนช่วยกันตามหา ปรากฏว่าอยู่ที่ห้องของบ่าวที่เฆี่ยนพี่เสี่ยวซีไม่ได้ใส่ร้ายบ่าวคนนั้น เพียงแต่ใช้ปิ่นราคาหนึ่งร้อยตำลึงล่อตาล่อใจ หากนางไม่หยิบไปลู่ผิงถิงก็ไม่อาจลงโทษได้ แต่ครั้งนี้นางหยิบไปจึงหนีไม่พ้น เฆี่ยนพี่เสี่ยวซีไปกี่ครั้งต้องถูกเอาคืนเป็นสองเท่า ไม่ยอมให้พี่เสี่ยวซีเจ็บปวดคนเดียวแน่ ส่วนลู่ไป๋อิง รอก่อนเถอะจะจับตีให้ก้นลายเลยหนึ่งปีมานี้คงเรียนรู้กับฮูหยินรองมาก จึงเปลี่ยนไปเช่นนี้เมื่อก่อนน่ารักเชื่อฟัง หลังจากนางย้ายมาเรือนท้ายจวนน้องสาวก็เปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาน้องสาวเสแสร้ง หรือเป็นแบบนี้มานานแล้วจัดการบ่าวคนนั้นเสร็จก็เข้าไปในห้องบิดา ค้นหาหลักฐานเกี่ยวกับคดีของพี่ชายใหญ่มีอยู่วันหนึ่ง ลู่ผิงถิงบังเอิญได้ยินบิดาคุยกับพี่ชายคนรอ

  • พระชายาจำยอม   อาลัยอาวรณ์ (2)

    คนมาใหม่สวมหน้ากากสีทองพาดเฉียงครึ่งหน้า อาภรณ์สีน้ำเงินโบกสะบัดยามลอยตัวลงมา ฝีเท้าแตะพื้นแผ่วเบาบ่งบอกว่าเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง“บาดเจ็บตรงไหนรึไม่” เขามองสำรวจเด็กน้อยตรงหน้า เมื่อเห็นว่ามีเพียงร่องรอยฟกช้ำก็ถอนสายตากลับ“นี่ท่าน” ลู่ผิงถิงจำเขาได้ นางเคยพบเจอคนผู้นี้ยามไปเก็บสมุนไพรที่หุบเขาหลังจวน ตอนนั้นเขาบาดเจ็บสาหัสนางช่วยใส่ยาให้เขา และพาเขาไปหลบในที่ปลอดภัย นางดูแลจนเขาฟื้น จำได้ว่าวันนั้นกลับจวนผิดเวลา ถูกบิดากักบริเวณให้อยู่แค่เรือนท้ายจวนถึงครึ่งเดือน“เจอกันอีกแล้วนะเด็กน้อย” ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากทักทายสตรีตัวเล็กตรงหน้า “ไปหาที่หลบให้ดี พี่ชายจะโชว์ความร้ายกาจให้เจ้าดู”เขาเริ่มต่อสู้กับคนชั่ว เพียงไม่กี่กระบวนท่าชายที่สวมหน้ากากก็กดบุรุษชุดดำไว้บนพื้น เขาใช้เชือกมัดมือมัดเท้าบุรุษชุดดำ แล้วลากออกไปทิ้งไว้ในห้องเก็บฟืน“ขอบคุณมาก” ลู่ผิงถิงเอ่ยขอบคุณเมื่อพี่ชายหน้ากากทองกลับเข้ามาในห้อง“ขอบคุณเพียงคำพูดจะนับอะไรได้ ไม่สู้เจ้า...ขอบคุณเป็นอย่างอื่น” ชายหนุ่มแย้มยิ้มอย่างมีเลศนัยลู่ผิงถิงไม่สนใจเขา ขอบคุณนางก็ขอบคุณไปแล้ว นางมองร่างไร้วิญญาณของพี่เสี่ยวซี ดวงตากลมโตแดงก่

  • พระชายาจำยอม   อาลัยอาวรณ์ (1)

    ลู่ผิงถิงมีน้ำตาซึมออกมาทางหางตา เสียดายที่ไม่อาจเอาคนผิดที่อยู่เบื้องหลัง การทำร้ายพี่ชายใหญ่มาลงโทษได้ กลับเป็นนางที่ต้องตายก่อนศัตรู ดวงตากลมโตหลับตารอรับความเจ็บปวดจากปลายมีด ทว่านางกลับไม่รับรู้ถึงความเจ็บนั้น ไหล่ทั้งสองถูกสองมือเล็กกำแน่น ลู่ผิงถิงลืมตาขึ้นมา เห็นพี่เสี่ยวซีที่ไม่รู้ว่ามาตอนไหน ยืนบังปลายมีดไว้ให้นาง ร่างของพี่เสี่ยวซีค่อย ๆ ทรุดลงพื้น ยามเสี่ยวซีรู้สึกตัวขึ้นมา ก็เห็นว่าคุณหนูของนางตกอยู่ในอันตรายพอดี จึงพยุงร่างที่เจ็บระบมลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก ตะเกียกตะกายมาขวางปลายมีดสั้น ที่กำลังแทงลงบนผิวหนังคุณหนูไว้ได้ ในวินาทีสุดท้าย นางไม่เสียดายชีวิต ขอเพียงคุณหนูมีชีวิตอยู่ ทำในสิ่งที่คุณหนูอยากทำ นางรู้ตัวเองดีว่าบาดเจ็บครั้งนี้ ตัวเองไม่อาจรอดพ้นความตายได้ จึงใช้ร่างกายที่เหลือลมหายใจสุดท้ายนี้ ช่วยชีวิตคุณหนูของนาง “คุณหนู” เสียงเรียกแผ่วเบาปานกระซิบ ลู่ผิงถิงรู้สึกหัวใจขาดเลือดไหลเวียน นางรีบย่อตัวลงประคองพี่เสี่ยวซีไว้ในอ้อมกอด มือที่ประคองแผ่นหลังเต็มไปด้วยของเหลวสีแดงเข้ม น้ำตาลู่ผิงถิงไหลพราก หัวใจราวกับถูกเข็มทิ่มแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า “พี่เสี่ยวซีข้า.

  • พระชายาจำยอม    หนีไม่พ้นจริงหรือ (2)

    ลู่ผิงถิงลูบไล้กายบุรุษชุดดำด้วยความรังเกียจ ใจของนางเต้นตึกตัก ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลัวจนฉี่แทบราด ทว่าต้องสู้เพื่อเอาตัวรอด เป้าหมายของนางคือมีดสั้นที่เอวของเจ้าหน้าเหี้ยมนั่น นิ้วเรียวยาวไล่วนจากแผงอกลงมาหน้าท้อง เมื่อมือนางเข้าใกล้เป้าหมาย บุรุษชุดดำก็คว้าจับไว้อย่างกับรู้ความคิดนาง บุรุษชุดดำหายใจติดขัดวาบหวิว เขาคว้ามือซุกซนของนางมาวางตรงเจ้าโลกของเขา คิดว่าที่นางอ้อยอิ่งอยู่หน้าท้องคงอยากจับ ก็ให้นางได้จับให้หนำใจ “อยากจับตรงนี้หรือข้าอนุญาต และข้าขอจับตรงนั้นของเจ้า” มือหนายื่นไปหวังบีบเคล้นก้อนกลมโตสองก้อน คะเนด้วยตาน่าจะเต็มไม้เต็มมือและนุ่มมาก แค่คิดอาวุธลับของเขาก็ผงาดขึ้น เขากำลังฝันหวานถึงเรือนร่างอ้อนแอ้นหอมหวาน โดยไม่รู้เลยว่ามีดสั้นได้ตกอยู่ในมือของสตรีตัวเล็กแล้ว ลู่ผิงถิงจ้วงมีดสั้นแทงฝ่ามือที่ยื่นมาหวังลวนลาม มีดปักคากลางฝ่ามือ “โอ๊ย” บุรุษชุดดำร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด เผลอเพียงนิดเดียว สตรีผู้นี้ก็แผงฤทธิ์เดชใส่จนเขาต้องเจ็บตัว บุรุษชุดดำโมโหมาก ยกฝ่ามือข้างไม่บาดเจ็บฟาดแก้มนุ่มขาวนวลของสตรีตรงหน้า คนงามล้มลงพื้นมุมปากมีเลือดซึมออกมา ร่างกำยำตามไปคว้าปลายคางมาบี

  • พระชายาจำยอม    หนีไม่พ้นจริงหรือ (1)

    อาหลี่มาถึงจวนตระกูลลู่แล้ว ทว่าประตูกลับปิดเงียบ นางพยายามเคาะหลายครั้งก็ไม่มีคนเปิดลางสังหรณ์ไม่ดีก่อเกิดขึ้นในใจของอาหลี่ พระชายาอยู่ในจวนเพียงลำพัง กลัวก็แต่จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในเรือนท้ายจวนอาหลี่เดินอ้อมกำแพงจวนลู่ เพื่อหาวิธีเข้าไปด้านในให้เร็วที่สุด และแล้วก็หาวิธีเข้าจวนลู่ได้ ใบหน้ากลมมนแหงนมอง ดอกกุ้ยฮวาที่บานเต็มต้น กิ่งของมันแผ่เข้าไปในจวนลู่พอดิบพอดี แบบนี้อาหลี่ก็สามารถปีนต้นไม้ แล้วกระโดดลงไปได้ ไม่รอช้ารีบปีนต้นไม้ขึ้นไปบนกำแพงทันทีทางด้านลู่ผิงถิงพลิกกายหลบปลายมีดแหลมคมไว้ได้ จากนั้นรีบวิ่งอ้อมไปหลังเตียงของเสี่ยวซี ทำให้ยามนี้มีเตียงกั้นกลางระหว่างนางกับบุรุษชุดดำผู้นั้น “ใครส่งเจ้ามา”“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”“เขาจ้างเจ้าเท่าใดข้าให้เจ้าสองเท่า” ลู่ผิงถิงเริ่มหว่านล้อม นางเห็นว่าบุรุษผู้นั้นทำท่าครุ่นคิดก็รีบเอ่ยเสริม “สังหารข้าที่เป็นพระชายาชินอ๋อง เจ้าคิดว่าจะหนีการจับกุมรอดหรือ ไม่สู้รับเงินจากข้าแล้วหนีไป”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ชินอ๋องเสเพลผู้นั้นจะมีปัญญามาทำอะไรข้าได้

  • พระชายาจำยอม   ถูกลอบสังหาร (2)

    อาหลี่เห็นพระชายาไม่เอ่ยคำใดก็ออกมาส่งหมอชาวบ้าน เดินกลับมาในห้องพี่สาวคนนั้น พระชายาก็ยังยืนนิ่งอยู่ท่าเดิม พระชายาต้องเสียพระทัยขั้นไหนจึงได้นิ่งงันไปเช่นนี้“พระชายาเพคะ” อาหลี่เรียกเบา ๆ แล้วเอาเสื้อคลุมไหล่ที่หยิบมาจากรถม้าสวมให้พระชายาอากาศหนาวมากแต่ยังเหน็บหนาวไม่เท่าใจของลู่ผิงถิง เสื้อคลุมที่อาหลี่ห่มให้ไม่ทำให้นางรู้สึกอุ่นขึ้นมาสักนิดพี่เสี่ยวซีเป็นดังพี่สาวที่ปกป้องดูแลนางมาตั้งแต่ยังเยาว์ คอยช่วยปิดบังความผิดยามหนีมารดาไปเที่ยวนอกจวน คอยให้คำปรึกษาแนะนำ หนึ่งปีที่มารดาหมดสติ ก็มีเพียงพี่เสี่ยวซีที่อยู่เป็นเพื่อนพูดคุยพี่ใหญ่จากนางไปคนหนึ่งแล้ว ตอนนี้พี่เสี่ยวซีจะจากนางไปอีกคนหรือไม่จริง ไม่จริง ใช่ มันต้องไม่จริง นางยังมีความหวังพี่เสี่ยวซีต้องไม่ตาย“อาหลี่เจ้าไปต้มยามาให้ข้า” ความมั่นใจเหลือน้อยเต็มทนเมื่อเห็นลมหายใจแผ่วเบาของพี่เสี่ยวซี สั่งการอาหลี่ไปน้ำตาไหลไปอย่างห้ามไม่อยู่“เพคะพระชายา”อาหลี่เห็นพระชายาเศร้าหมองเพราะบ่าวคนหนึ่ง ทำให้นางเศร้าใจตามไปด้วย ตั้งใจต้มยาให้พี่สาวคนนั้นและหวังว่าพี่สาวจะไม่จากพระชายาไปลู่ผิงถิงสั่งให้อาหลี่ดูแลเสี่ยวซี จากนั้นนางก็เ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status