“โอ๊ะ! นั่นคุณหนูเหริน มิใช่หรือ พี่รองนางคงมารอท่านใช่หรือไม่” เจียงเซียวเล่อรีบเอื้อมมือไปเขย่าตัวพี่ชายให้ตื่นขึ้นเพื่อมองสตรีที่กำลังจะเดินเข้าจวน
“นางจะมารอข้าด้วยเหตุใด ไม่ได้สนิทสนมกันเสียหน่อย”
“ไม่ได้สนิทกันจริงหรือเจ้าคะ ข้าได้ยินว่านางไปหาท่านที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง”
“เซียวเล่อ เจ้าลืมแล้วหรือพี่ชายของเจ้าเปิดร้านเหวินจื้อเพื่อขายภาพวาดและของล้ำค่า ทั้งยังรับจ้างหาของหายากให้ผู้ว่าจ้าง คุณหนูผู้นั้นเป็นเพียงผู้ว่าจ้าง หาได้สนิทสนมกับพี่ไม่” เขากล่าวจบก็ลืมตาขึ้นหันไปจ้องมองน้องสาวแต่สายตากลับเลยไปมองสตรีที่นั่งนิ่งคล้ายกับไม่รับรู้บทสนทนาของสองพี่น้อง
“ข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้วสตรีผู้นั้นใช้ข้ออ้างเรื่องการว่าจ้างเพื่อเข้าหาท่าน แต่ท่านก็ไม่เชื่อมิแคล้วคงมีใจให้ ได้ทั้งเงินได้ทั้งสตรีช่างคุ้มค่า”
“พี่ทำงานให้นางตามค่าว่าจ้าง หาได้มีเรื่องเช่นที่เจ้าว่า หากไม่เชื่อให้สหายเจ้าไปนั่งเฝ้าพี่ที่ร้านเลยดีหรือไม่ จะได้เชื่อเสียทีว่าพี่ไม่ได้พึงใจสตรีผู้นั้น”
‘อ้าว! แล้วเกี่ยวอันใดกับข้า พวกท่านสองพี่น้องจะโต้เถียงกันก็ทำไปเถิด อย่าดึงข้าเข้าไปเกี่ยวได้หรือไม่’ คุณหนูเหอคิด
“ไม่มีทางหรอกเจ้าค่ะ พี่รองอย่ามายุ่งกับสหายของข้านะ” กล่าวจบก็กอดแขนนางเอาไว้
“เจ้าเป็นสตรี อย่าได้ทำเช่นนั้น ไม่เหมาะสม”
“ซือซือยังไม่ถือสาเลย ท่านจะเดือดร้อนไปด้วยเหตุใด”
“ข้าเป็นพี่ชายของเจ้า ลืมไปแล้วหรือ” คำเรียกขานที่เปลี่ยนไปทำให้คนนอกอย่างเหอซือซือรีบงัดมารยาของตนมาห้ามปราม
“ทั้งสองคนใจเย็น ๆ นะเจ้าคะ ข้าขอโทษที่ทำให้พวกท่านทั้งสองคนต้องโต้เถียงกัน แม้ข้าจะไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ แต่ยามนี้ข้ารู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก ที่เห็นพี่น้องที่รักใคร่กันต้องมาทะเลาะกันเพราะข้า” นางกล่าวเสียงสั่นเครือเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าลงคล้ายซ่อนสีหน้าโศกเศร้าเอาไว้
‘ทำอย่างไรดี น้ำตาข้าไม่ยอมไหล’ แม้มือข้างที่ว่างจะหยิกขาตนเองแรงเพียงใด แต่เพราะอาภรณ์ที่ไม่บางเลยทำให้นางแทบไม่รู้สึกเจ็บ
‘ใช่แล้ว หาว! ข้าต้องหาวออกมา’ เมื่อคิดได้นางก็พยายามเค้นความง่วงในทันที และมันก็ได้ผล นางกลั้นหาวได้อย่างแนบเนียน มีเพียงน้ำตาที่รื้นขึ้น
“ซือซือ ข้าขอโทษที่โต้เถียงกับพี่รอง เรื่องทั้งหมดหาใช่ความผิดของเจ้า” เจียงเซียวเล่อคล้ายอ่อนลง ก่อนจะซบใบหน้าลงบนไหล่ของสหายอย่างออดอ้อน
‘ถึงจวนแล้วขอรับคุณหนู’ เสียงบอกกล่าวของบ่าวรับใช้ทำให้คุณหนูเหอลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ข้าหาได้โกรธเคืองเจ้า เพียงไม่สบายใจที่เห็นเจ้าโต้เถียงกับพี่ชาย”
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว นี่เป็นบทสนทนาระหว่างพี่น้อง”
“จริงหรือ” นางแสร้งยกชายอาภรณ์ซับน้ำตาอันน้อยนิดก่อนจะเอ่ยถามด้วยท่าทางไร้เดียงสา
“จริงสิ ไหน ๆ ข้าก็ต้องรอกลับพร้อมพี่รองแล้ว เจ้าช่วยประคองข้าลงจากรถม้าไปนั่งที่เรือนเจ้ารอพี่รองสนทนากับท่านน้าดีหรือไม่”
“ได้สิ” นางยิ้มอย่างยินดี ก่อนจะช่วยประคองสหายให้เดินลงจากรถม้าแต่ทันทีที่เท้าแตะลงพื้น คุณชายรองเจียงก็ช้อนตัวน้องสาวขึ้นอุ้ม
“เรือนเจ้าอยู่ที่ใด พี่จะไปส่งเซียวเล่อเอง”
“เล่อเล่อ เราเปลี่ยนไปนั่งสนทนากันที่สวนดีหรือไม่” เรือนของสตรี บุรุษที่ไม่ใช่ญาติไม่ควรเข้าไป
“ตามใจเจ้า” แม้จะตกใจแต่เจียงเซียวเล่อก็ยอมให้พี่ชายโอบอุ้มแต่โดยดี
สวนในจวนตระกูลเหอไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่ากับสวนในตระกูลเจียง แต่ทว่ากลับมีดอกไม้นานาชนิด และต้นไม้ที่มีผลกินได้ คิดว่าหากถึงฤดูกาลที่ออกผล จวนเหอคงไม่ต้องซื้อผลไม้เข้าจวนนานนับเดือน
“นั่งสนทนากับสหายรอพี่ตรงนี้ ประเดี๋ยวพี่จะรีบกลับมารับเจ้าก่อนกลับจวน แล้วก็อย่าได้ใกล้ชิดซือซือเกินงาม ประเดี๋ยวคนในจวนเหอจะไม่ถูกใจเจ้าเอา” เจียงเซวียนกล่าวสองประโยคท้ายเสียงเบาให้น้องสาวพอได้ยิน
“เจ้าค่ะ” เจียงเซียวเล่อเข้าใจคำเตือนของพี่ชายดี
“ฝากเซียวเล่อด้วย”
“เจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะดูแลเซียวเล่อให้เป็นอย่างดี” เมื่อได้โอกาสเอาอกเอาใจลูกรักของสวรรค์ผู้นี้นางจึงรีบตอบรับอีกฝ่ายในทันที
สิ่งใดที่ควรกล่าวก็กล่าวไปหมดแล้ว คุณชายรองเจียงจึงเดินตามพ่อบ้านไปพบเหอฮูหยินตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้
“ตามใจท่านเจ้าค่ะ” นางโถมกายเข้าหาเขา บดเบียดอกอวบอิ่มลงบนอกเขาด้วยดวงหน้าที่แดงก่ำ ยามถูไถส่วนอ่อนไหวกับแท่งหยกของเขาไม่เพียงแต่ปลุกเร้าความปรารถนาของเขา แต่นางก็ถูกปลุกเร้าไปด้วยเช่นกัน บุรุษรูปร่างกำยำผิวสีเข้มเล็กน้อยโอบอุ้มฮูหยินของตนไปที่เตียง เขาวางนางลงบนเตียงอย่างรีบร้อนก่อนจะจับเรียวขางามแหวกออกเผยให้เห็นดอกเหมยที่ดูคับแน่น เขากดนิ้วแกร่งเคล้นคลึงหวังกระตุ้นน้ำหวาน “ดูเหมือนเจ้าจะปรารถนาในตัวพี่ไม่น้อย” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าเมื่อแตะนิ้วลงไปสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะลื่นไหลจึงยิ่งเคล้นคลึงปลุกเร้าน้ำหวานให้ซึมออกมามากขึ้น “ท่านเล่าเจ้าค่ะปรารถนาในตัวข้าเพียงใด” “มากล้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงตรงจุดอ่อนไหวลิ
“ฮูหยิน เจ้าเหนื่อยหรือไม่” “เล็กน้อยเจ้าค่ะ” เพราะชุดเจ้าสาวหนักเกินไปจึงทำให้นางเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าอาบน้ำดีหรือไม่” “ไม่ใช่ต้องเป็นข้าปรนนิบัติท่านอาบน้ำหรือเจ้าคะ” “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าก่อนดีกว่า” กล่าวจบเขาก็โอบอุ้มนางขึ้นแล้วพาไปที่ถังอาบน้ำซึ่งมีน้ำอุ่นอยู่เต็มถัง เขาวางนางลงยืนในถังก่อนจะรีบปลดเปลื้องอาภรณ์เผยให้เห็นแท่งหยกที่แข็งขึงใหญ่โต “ขะ ข้าคิดว่าข้ารีบอาบน้ำดีกว่าเจ้าค่ะ” แม้จะได้เรียนรู้จากพี่สาวนางโลมมาแล้ว ศึกษาตำราปกขาวมาก็ไม่น้อย แต่นางไม่คิดว่าแท่งหยกของบุรุษที่พี่สาวนางโลมบอกว่าสามารถทำให้สตรีทั้งเจ็บปวด
“ฮูหยินของข้าอยู่ที่ใด” เจ้าของเสียงเย็นชาตวาดใส่สาวใช้ “ดะ ด้านบนเจ้าค่ะ” “ผู้ดูแลอยู่ที่ใด” “ข้าอยู่ที่นี่เจ้าค่ะท่านประมุข” แท้จริงผู้ดูแลเช่นตนเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาทำท่าจะออกไปต้อนรับก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นประมุขแห่งปราสาทเมฆาจึงตั้งใจจะรีบหนีไปซ่อนตัว ใครบางในเมืองนี้ไม่รู้ว่าหากเขาได้ลงมือเขาจะไม่ไว้ไมตรีใด ๆ “พาข้าไปหาฮูหยินของข้า” “จะ เจ้าค่ะ” ผู้ดูแลนึกก่นด่าตนเองที่ไม่น่าเห็นเงินก้อนทองสีแวววาวแค่ไม่กี่ก้อนเลย ใครจะคิดว่าท่านประมุขจะมีโทสะรุนแรงเช่นนี้ เพียงแค่ฮูหยินแอบมาเรียนวิชาการเอาใ
‘ขนาดข้าบอกว่าตนป่วยยังจะกินเต้าหู้ข้าอยู่นะ’ นางคิด ผ่านไปไม่ถึงชั่วจิบชาเขาก็กลับเข้าห้องมาอีกครั้ง บุรุษรูปร่างกำยำยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียงก่อนจะจับมือของนางไปกุมไว้ “เซียวเล่อยามนี้ที่เรื่องราวที่เมืองหลวงถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เสี้ยนจู่ได้รับสมรสพระราชทานแต่งกับโหวซื่อจื่อแซ่หลวน” “ช่างดีจริงแล้ว ซือซือสหายข้าปลอดภัยหรือไม่” “คุณหนูเหอมีเจียงเซวียนอยู่ใกล้ ๆ เขาไม่ปล่อยให้นางเป็นอันตรายหรอก” รักปานดวงใจเช่นนั้นมีหรือจะปล่อยให้เป็นอันตราย “เซียวเล่อ เจียงเซวียนกับคุณหนูเหอมีใจให้กันอีกไม่นานก็คงหมั้นหมายและตบแต่ง พี่ที่ควรจะแต่งฮูหยินแล้วอยา
ฮูหยินของท่านประมุข (2) ทุ่งดอกหมู่ตานสีขาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาทำให้เจียงเซียวเล่อรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก “ถูกใจหรือไม่” “เจ้าค่ะข้าไม่คิดว่าจะมีใครปลูกดอกหมู่ตานเป็นทุ่งใหญ่ขนาดนี้” “เป็นพี่ลงมือปลูกมันเองทุกต้น เพื่อรอเจ้า” “จริงเจ้าคะ” “ตั้งแต่พี่รู
“พี่ย่อมกลับมาหาเจ้า พี่รักเจ้านะเซียวเล่อ” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกเข้าโพรงปากนุ่มอย่างง่ายดายก่อนจะกวาดต้อนความหวาน ตักตวงจนพอใจก่อนจะยอมผละออก “...” ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ต่างจากใบหูที่แดงก่ำ “เซียวเล่อ เจ้าทำให้พี่ไม่อยากจากไปเลย” กล่าวจบเขาก็กดจุมพิตลงบนหน้าผากมนอีกครั้งอย่างพยายามห้ามใจ “ค่ำคืนนี้ท่านต้องออกไปที่ใดหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่เลย” ในทุกวันหลังจากมากินเต้าหู้นางจนอิ่มเอมแล้ว เขาที่กลับเรือนไปก็นอนไม่หลับสุดท้ายจึงไปนั่งทำงานต่อ “เช่นนั้นท่านก็นอนที่เรือนนี้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าอนุญาตให้แค่นอนนะเจ้าคะไม่ให้ทำอย่างอื่น” นางกล่าวพลางหลุ