สิ่งใดที่ควรกล่าวก็กล่าวไปหมดแล้ว คุณชายรองเจียงจึงเดินตามพ่อบ้านไปพบเหอฮูหยินตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้
คล้อยหลังพี่ชายรูปงามของสหายได้ไม่นาน นางก็เริ่มเปิดปากเอ่ยถามเรื่องของเหรินเซียวเหยาทันที
“เมื่อครู่ที่เจ้าสนทนากับพี่ชายในรถม้า เรื่องคุณหนูเหริน แท้จริงนางยังไม่ได้เป็นคนรักของพี่ชายเจ้าหรือ”
“ก็ยังน่ะสิ แม้จะพยายามเข้าหาเพียงใด พี่ชายข้าก็ยังไม่หลวมตัวเสียที ข้าจึงกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะพลาดพลั้งให้กับมารยาของเหรินเสี่ยวเหยา”
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่ค่อยชอบนางนะ”
“ข้าไม่ชอบสตรีที่ทั่วทั้งตัวมีแต่วาจาโกหก ทั้งยังเสแสร้งเช่นสตรีดอกบัวขาว แสร้งทำตนเองงดงามและสูงส่ง แต่แท้จริงก็เป็นเพียงดอกบัวที่แปดเปื้อนเพราะฝีมือตนเอง”
‘น้องสามีกับว่าที่พี่สะใภ้ไม่ถูกกัน’ ในจวนเจียงคงครึกครื้นไม่น้อย
“เล่อเล่อ แต่หากพี่ชายของเจ้าพึงใจนางขึ้นมาจริง ๆ เจ้าก็ต้องยอมรับมันนะ”
“ไม่มีทาง ข้าไม่มีทางยอมรับสตรีผู้นั้นเข้ามาในตระกูลเจียงเด็ดขาด เจ้าอย่าได้คิดเข้าข้างนางเพียงเพราะจวนอยู่ใกล้กัน” พูดแล้วก็รู้สึกโมโห สตรีผู้นั้นต่อหน้าเอ่ยชมนางอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอนางลุกไปได้ไม่นานก็เอ่ยวาจาหวานหูให้คนอื่นเข้าใจว่านางเป็นตัวปัญหา พี่รองจึงฝากฝังให้ดูแล
ช่างเป็นสตรีที่น่ารังเกียจยิ่ง...
“เล่อเล่อ เจ้าใจเย็น ๆ แล้วฟังข้านะ ที่ข้าเอ่ยนะ ข้าไม่ได้จะเข้าข้างเหรินเสี่ยวเหยา แต่ข้าเพียงอยากให้เจ้าเห็นใจพี่รองของเจ้า หากเขารักใคร่และเลือกนางเป็นฮูหยินแล้ว เจ้าก็ต้องเปิดใจรับ เพราะนางจะเป็นคนที่อยู่กับเขาไปตลอดชีวิต” ตอนนี้ยังไม่รักอีกไม่นานก็คงรัก
“แต่ข้าไม่อยากได้สตรีร้ายกาจเช่นนั้นมาเป็นพี่สะใภ้”
“หากพี่ชายเจ้ารักนาง เจ้าก็ต้องยอมเพื่อความสุขของเขา ลองเปิดใจมองนางเถิดนะเล่อเล่อ” นางกล่าวพลางจับมืออีกฝ่ายขึ้นมากุมแล้วลูบเบา ๆ คล้ายปลอบประโลมให้อีกฝ่ายใจเย็น “หากเจ้าเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็จะลองดูก็แล้วกัน เจ้าเอ่ยแทนนางมากขนาดนี้ เหรินเสี่ยวเหยาคงมิใช่สหายในวัยเด็กของเจ้าหรอกนะ เห็นจวนอยู่ใกล้กันด้วย”
“แม้จวนจะอยู่ใกล้กัน แต่วางใจเถิดข้ามิได้เป็นสหายกับนาง มิเช่นนั้นข้าคงไม่มีเจ้าเป็นสหายเพียงคนเดียวหรอก”
“เจ้าดีเช่นนี้ เหตุใดข้าไม่เจอเจ้าให้เร็วกว่านี้กันนะ”
“ตั้งแต่ตกน้ำตอนสิบหนาว ข้าก็ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเลยไม่อยากออกจากจวน งานเลี้ยงแรกที่เข้าร่วมก็คืองานเลี้ยงที่ได้เจอกับเจ้า และเราก็ได้เป็นสหายกันจนวันนี้”
“เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณตนเองที่วันนั้นเดินเข้าไปทักทายเจ้า ข้าจึงได้เป็นสหายกับเจ้า แล้วร่างกายเป็นเช่นไรบ้างดีขึ้นแล้วหรือ ต้องกินยาใดหรือไม่ ข้าจะให้พี่ชายสรรหายาพวกนั้นมาให้เจ้า”
“ไม่แล้ว หลังจากเข้าร่วมงานเลี้ยงที่จวนเหว่ยครานั้นข้าก็ล้มป่วยหนักเกือบเอาชีวิตไม่รอด ก่อนจะได้นักพรตผู้หนึ่งมาช่วยเหลือ หลังจากนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้งคล้ายไม่เคยป่วยมาก่อน”
“ช่างดีจริง ๆ แต่หากร่างกายยังป่วยอยู่หรือรู้สึกไม่ดียามที่อยู่กับข้า เจ้าสามารถบอกกล่าวข้าได้ทันที”
“ขอบคุณเจ้า เจ้าช่างใจดีกับข้าเสียจริงเล่อเล่อ”
“ข้าก็ต้องขอบคุณตัวเองที่วันนั้นเดินเข้าไปสนทนากับเจ้า” เจียงเซียวเล่อกล่าวก่อนจะยิ้มออกมา
คุณหนูทั้งสองนั่งสนทนากันในสวนเกือบครึ่งชั่วยามกว่าคุณชายรองเจียงจะมาพาน้องสาวกลับจวน
เพราะยามรับสำรับมีสหายของพี่ชายอยู่ด้วย นางจึงไม่ได้เอ่ยถามถึงเรื่องที่ประมุขปราสาทเมฆาเอ่ยวาจาแปลก ๆ กับนาง ยามนี้เจียงเซียวเล่อจึงตั้งใจมาหาพี่ชายคนรองที่ห้องทำงาน
“พี่รอง ข้าขอสนทนากับท่านสักเล็กน้อยได้หรือไม่”
“อืม ว่ามา” เจียงเซวียนตอบก่อนจะปิดบัญชีร้านค้าที่กำลังดูอยู่
“ท่านพึงใจสหายของข้าหรือเจ้าคะ”
“ก่อนที่พี่จะตอบคำถามเจ้า เจ้าควรตอบคำถามของพี่ก่อน”
“เชิญถามมาได้เลยเจ้าค่ะ”
“เจ้าชื่นชอบเหอซือซือในฐานะใด สหายหรือคนรัก?” คำถามของพี่ชายคนรองทำให้นางชะงักไปเล็กน้อย
นั่นสิ! นางชื่นชอบซือซือในฐานะใด หากไม่เพราะยามใกล้ชิดเกินพอดีกับเผยหลี่จุนแล้วนางรู้สึกแปลก ๆ นางคงสามารถตอบได้อย่างมั่นใจว่าพึงใจสหายในฐานะคนรัก
“ตามใจท่านเจ้าค่ะ” นางโถมกายเข้าหาเขา บดเบียดอกอวบอิ่มลงบนอกเขาด้วยดวงหน้าที่แดงก่ำ ยามถูไถส่วนอ่อนไหวกับแท่งหยกของเขาไม่เพียงแต่ปลุกเร้าความปรารถนาของเขา แต่นางก็ถูกปลุกเร้าไปด้วยเช่นกัน บุรุษรูปร่างกำยำผิวสีเข้มเล็กน้อยโอบอุ้มฮูหยินของตนไปที่เตียง เขาวางนางลงบนเตียงอย่างรีบร้อนก่อนจะจับเรียวขางามแหวกออกเผยให้เห็นดอกเหมยที่ดูคับแน่น เขากดนิ้วแกร่งเคล้นคลึงหวังกระตุ้นน้ำหวาน “ดูเหมือนเจ้าจะปรารถนาในตัวพี่ไม่น้อย” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าเมื่อแตะนิ้วลงไปสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะลื่นไหลจึงยิ่งเคล้นคลึงปลุกเร้าน้ำหวานให้ซึมออกมามากขึ้น “ท่านเล่าเจ้าค่ะปรารถนาในตัวข้าเพียงใด” “มากล้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงตรงจุดอ่อนไหวลิ
“ฮูหยิน เจ้าเหนื่อยหรือไม่” “เล็กน้อยเจ้าค่ะ” เพราะชุดเจ้าสาวหนักเกินไปจึงทำให้นางเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าอาบน้ำดีหรือไม่” “ไม่ใช่ต้องเป็นข้าปรนนิบัติท่านอาบน้ำหรือเจ้าคะ” “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าก่อนดีกว่า” กล่าวจบเขาก็โอบอุ้มนางขึ้นแล้วพาไปที่ถังอาบน้ำซึ่งมีน้ำอุ่นอยู่เต็มถัง เขาวางนางลงยืนในถังก่อนจะรีบปลดเปลื้องอาภรณ์เผยให้เห็นแท่งหยกที่แข็งขึงใหญ่โต “ขะ ข้าคิดว่าข้ารีบอาบน้ำดีกว่าเจ้าค่ะ” แม้จะได้เรียนรู้จากพี่สาวนางโลมมาแล้ว ศึกษาตำราปกขาวมาก็ไม่น้อย แต่นางไม่คิดว่าแท่งหยกของบุรุษที่พี่สาวนางโลมบอกว่าสามารถทำให้สตรีทั้งเจ็บปวด
“ฮูหยินของข้าอยู่ที่ใด” เจ้าของเสียงเย็นชาตวาดใส่สาวใช้ “ดะ ด้านบนเจ้าค่ะ” “ผู้ดูแลอยู่ที่ใด” “ข้าอยู่ที่นี่เจ้าค่ะท่านประมุข” แท้จริงผู้ดูแลเช่นตนเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาทำท่าจะออกไปต้อนรับก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นประมุขแห่งปราสาทเมฆาจึงตั้งใจจะรีบหนีไปซ่อนตัว ใครบางในเมืองนี้ไม่รู้ว่าหากเขาได้ลงมือเขาจะไม่ไว้ไมตรีใด ๆ “พาข้าไปหาฮูหยินของข้า” “จะ เจ้าค่ะ” ผู้ดูแลนึกก่นด่าตนเองที่ไม่น่าเห็นเงินก้อนทองสีแวววาวแค่ไม่กี่ก้อนเลย ใครจะคิดว่าท่านประมุขจะมีโทสะรุนแรงเช่นนี้ เพียงแค่ฮูหยินแอบมาเรียนวิชาการเอาใ
‘ขนาดข้าบอกว่าตนป่วยยังจะกินเต้าหู้ข้าอยู่นะ’ นางคิด ผ่านไปไม่ถึงชั่วจิบชาเขาก็กลับเข้าห้องมาอีกครั้ง บุรุษรูปร่างกำยำยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียงก่อนจะจับมือของนางไปกุมไว้ “เซียวเล่อยามนี้ที่เรื่องราวที่เมืองหลวงถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เสี้ยนจู่ได้รับสมรสพระราชทานแต่งกับโหวซื่อจื่อแซ่หลวน” “ช่างดีจริงแล้ว ซือซือสหายข้าปลอดภัยหรือไม่” “คุณหนูเหอมีเจียงเซวียนอยู่ใกล้ ๆ เขาไม่ปล่อยให้นางเป็นอันตรายหรอก” รักปานดวงใจเช่นนั้นมีหรือจะปล่อยให้เป็นอันตราย “เซียวเล่อ เจียงเซวียนกับคุณหนูเหอมีใจให้กันอีกไม่นานก็คงหมั้นหมายและตบแต่ง พี่ที่ควรจะแต่งฮูหยินแล้วอยา
ฮูหยินของท่านประมุข (2) ทุ่งดอกหมู่ตานสีขาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาทำให้เจียงเซียวเล่อรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก “ถูกใจหรือไม่” “เจ้าค่ะข้าไม่คิดว่าจะมีใครปลูกดอกหมู่ตานเป็นทุ่งใหญ่ขนาดนี้” “เป็นพี่ลงมือปลูกมันเองทุกต้น เพื่อรอเจ้า” “จริงเจ้าคะ” “ตั้งแต่พี่รู
“พี่ย่อมกลับมาหาเจ้า พี่รักเจ้านะเซียวเล่อ” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกเข้าโพรงปากนุ่มอย่างง่ายดายก่อนจะกวาดต้อนความหวาน ตักตวงจนพอใจก่อนจะยอมผละออก “...” ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ต่างจากใบหูที่แดงก่ำ “เซียวเล่อ เจ้าทำให้พี่ไม่อยากจากไปเลย” กล่าวจบเขาก็กดจุมพิตลงบนหน้าผากมนอีกครั้งอย่างพยายามห้ามใจ “ค่ำคืนนี้ท่านต้องออกไปที่ใดหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่เลย” ในทุกวันหลังจากมากินเต้าหู้นางจนอิ่มเอมแล้ว เขาที่กลับเรือนไปก็นอนไม่หลับสุดท้ายจึงไปนั่งทำงานต่อ “เช่นนั้นท่านก็นอนที่เรือนนี้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าอนุญาตให้แค่นอนนะเจ้าคะไม่ให้ทำอย่างอื่น” นางกล่าวพลางหลุ