“เจ้าชื่นชอบเหอซือซือในฐานะใด สหายหรือคนรัก?” คำถามของพี่ชายคนรองทำให้นางชะงักไปเล็กน้อย
นั่นสิ! นางชื่นชอบซือซือในฐานะใด หากไม่เพราะยามใกล้ชิดเกินพอดีกับเผยหลี่จุนแล้วนางรู้สึกแปลก ๆ นางคงสามารถตอบได้อย่างมั่นใจว่าพึงใจสหายในฐานะคนรัก
แต่ยามนี้นางกลับไม่มั่นใจในความรู้สึกของตนมากนัก หรือนางจะชื่นชอบเหอซือซือเพราะความน่ารักน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย ทั้งยังรู้สึกสบายใจยามได้สนทนาและชอบอีกฝ่ายในฐานะสหายจริง ๆ
“เรื่องนั้นท่านจะอยากทราบไปด้วยเหตุใด” ในเมื่อยังไม่มั่นใจนางก็จะไม่กล่าวมันออกไปเด็ดขาด
“เจ้าก็อยากจะทราบเรื่องพี่ไปด้วยเหตุใด”
“ข้าไม่ถามท่านแล้วก็ได้ แต่พี่รอง! ท่านอย่ามายุ่งเกี่ยวกับสหายของข้าได้หรือไม่ ซือซือนางเป็นสตรีที่ดี”
“แล้วพี่รองของเจ้าไม่ดีหรือ”
“สรุปแล้วท่านพึงใจนาง?”
“ก่อนจะย้อนถามพี่ เจ้าควรตอบก่อน”
“เอาล่ะ ท่านจะรู้สึกเช่นไรก็ตามให้เลิกคิดไปได้เลย เพราะซือซือไม่เหมาะสมกับท่าน” สหายของนางดีเกินกว่าจะตกอยู่ในอุ้งมือจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เช่นพี่ชาย
“มันคือวาจาที่เจ้าต้องบอกตนเองหรือไม่” เจียงเซวียนจ้องมองน้องสาวไม่วางตา
“แล้วพี่ชายเช่นท่าน มีเรื่องใดควรจะบอกข้าหรือไม่เจ้าคะ”
“เรื่องที่เจ้าว่าคือเรื่องใด”
“วันนี้จู่ ๆ สหายของท่านก็มาไล่ซือซือของข้าให้ไปหยิบขนมที่ห้องครัว เมื่อไล่สหายของข้าสำเร็จ สหายของท่านก็เอ่ยว่า ตัวข้านั้นมีเจ้าของจับจองแล้ว ข้าขอถามพี่รองว่าตัวข้ายังไม่มีคู่หมั้นหรือคู่หมายมิใช่หรือ หรือท่านเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ยอมบอกข้า”
“เรื่องที่เจ้าบอกว่าไม่มีคู่หมั้นเรื่องคู่หมายนั่นเป็นเรื่องจริง ส่วนคนที่จับจองเจ้าไว้ เรื่องนี้พี่ตอบแทนไม่ได้ ยามนี้เจ้าปักปิ่นแล้ว อีกไม่นานแม่สื่อก็คงมาเยือนจวนของเราไม่ขาดสาย” คุณหนูตระกูลแม่ทัพที่ใกล้ชิดกับฮ่องเต้ อย่างไรก็ย่อมมีคนหมายตามากมาย
ไม่รู้ว่าเจ้าไก่ป่าที่หมายตาอยากครองคู่กับข่งเชวีย[1]จะทำเช่นไรต่อไป
“พี่รอง ท่านต้องปฏิเสธไปให้หมดนะเจ้าคะ”
“ก่อนจะทำเช่นนั้น ย่อมต้องดูความเหมาะสม”
“อืม...กล่าวถึงความเหมาะสม จะว่าไปท่านก็เหมาะสมกับเหรินเสี่ยวเหยาเช่นที่ซือซือบอกจริง ๆ” ขอใส่ไคล้สหายหน่อยเถิด อยากรู้จริง ๆ ว่าพี่รองจะทำหน้าเช่นไร คิดจะมาแย่งสหายนางไปหรือ นางไม่ยอมง่าย ๆ หรอก
“ดูเหมือนสหายของเจ้าจะสายตาไม่ค่อยดี”
“แต่ข้าเห็นด้วยนะเจ้าคะ เห็นแก่คุณหนูเหรินที่พึงใจท่านมานาน ข้าจะช่วยส่งเสริมเอง”
“...”
“รีบ ๆ ลงเอยกับเหรินเสี่ยวเหยาไปเสีย จะได้ไม่ต้องมาแย่งสหายข้า” นางกล่าวเสียงเบาพลางยิ้มมุมปาก
“หึ!” เจียงเซวียนแค่นเสียงในลำคอ
“วันนี้ไม่มีอันใดแล้วข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” กล่าวจบเจียงเซียวเล่อก็หมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานของพี่ชายไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นสตรีตัวน้อยจากไป บุรุษที่หลบอยู่บริเวณเสาด้านข้างก็เผยตัวออกมาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของสหาย
“คนหนึ่งไป อีกคนหนึ่งมา ช่างน่าปวดหัว” คุณชายรองเจียงกล่าวกับตนเอง
“ยามนี้น้องสาวเจ้าปักปิ่นแล้ว ในฐานะที่เจ้าเป็นคนดูแลน้องสาวมาโดยตลอดทั้งยังเป็นดั่งมารดา ข้าจึงอยากจะมาแจ้งให้เจ้าทราบว่าต่อจากนี้ข้าจะเกี้ยวพาน้องสาวเจ้าอย่างจริงจัง” หลังแสร้งเป็นสหายของพี่ชายผู้แสนดีมานาน
“หึ!” เจียงเซวียนแค่นเสียงในลำคอ ที่หมายตาน้องสาวของเขามานานใช่ว่าเขาจะไม่รู้
“แต่ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้เลยว่าอย่าได้คิดขัดขวาง มิเช่นนั้นเจ้าก็จะไม่ได้เข้าใกล้คุณหนูเหอเช่นกัน”
“เหตุใดเจ้าจึงคิดเช่นนั้น”
“เพราะเซียวเล่อจะคอยขัดขวางพี่ชายเช่นเจ้าที่คิดจะมาแย่งคนที่นางพึงใจไปน่ะสิ”
“เจ้าคิดว่าน้องสาวข้าเป็นตุ้ยสือ?”
“หากนางไม่กล่าวว่าคุณหนูเหอเป็นคนสำคัญของนาง ข้าก็คงไม่รีบมาบอกกล่าวเจ้าไว้ว่าจะเกี้ยวพาน้องสาวของเจ้าอย่างรีบร้อนเช่นนี้หรอก”
“นางอาจจะแค่ชื่นชอบคุณหนูเหอเหมือนที่ชอบตุ๊กตากระเบื้องเคลือบตัวหนึ่งก็ได้”
“ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่เจ้ากับนางเคยยื้อแย่งกับเมื่อตอนเป็นเด็ก จนสุดท้ายมันหล่นแตกไม่มีใครได้ไปสักคนใช่หรือไม่” มุมปากของเผยหลี่จุนยกยิ้ม คงเพราะเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมากจึงมีความชื่นชอบเหมือนกันกระมัง
[1] นกยูง
“ตามใจท่านเจ้าค่ะ” นางโถมกายเข้าหาเขา บดเบียดอกอวบอิ่มลงบนอกเขาด้วยดวงหน้าที่แดงก่ำ ยามถูไถส่วนอ่อนไหวกับแท่งหยกของเขาไม่เพียงแต่ปลุกเร้าความปรารถนาของเขา แต่นางก็ถูกปลุกเร้าไปด้วยเช่นกัน บุรุษรูปร่างกำยำผิวสีเข้มเล็กน้อยโอบอุ้มฮูหยินของตนไปที่เตียง เขาวางนางลงบนเตียงอย่างรีบร้อนก่อนจะจับเรียวขางามแหวกออกเผยให้เห็นดอกเหมยที่ดูคับแน่น เขากดนิ้วแกร่งเคล้นคลึงหวังกระตุ้นน้ำหวาน “ดูเหมือนเจ้าจะปรารถนาในตัวพี่ไม่น้อย” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าเมื่อแตะนิ้วลงไปสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะลื่นไหลจึงยิ่งเคล้นคลึงปลุกเร้าน้ำหวานให้ซึมออกมามากขึ้น “ท่านเล่าเจ้าค่ะปรารถนาในตัวข้าเพียงใด” “มากล้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงตรงจุดอ่อนไหวลิ
“ฮูหยิน เจ้าเหนื่อยหรือไม่” “เล็กน้อยเจ้าค่ะ” เพราะชุดเจ้าสาวหนักเกินไปจึงทำให้นางเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าอาบน้ำดีหรือไม่” “ไม่ใช่ต้องเป็นข้าปรนนิบัติท่านอาบน้ำหรือเจ้าคะ” “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าก่อนดีกว่า” กล่าวจบเขาก็โอบอุ้มนางขึ้นแล้วพาไปที่ถังอาบน้ำซึ่งมีน้ำอุ่นอยู่เต็มถัง เขาวางนางลงยืนในถังก่อนจะรีบปลดเปลื้องอาภรณ์เผยให้เห็นแท่งหยกที่แข็งขึงใหญ่โต “ขะ ข้าคิดว่าข้ารีบอาบน้ำดีกว่าเจ้าค่ะ” แม้จะได้เรียนรู้จากพี่สาวนางโลมมาแล้ว ศึกษาตำราปกขาวมาก็ไม่น้อย แต่นางไม่คิดว่าแท่งหยกของบุรุษที่พี่สาวนางโลมบอกว่าสามารถทำให้สตรีทั้งเจ็บปวด
“ฮูหยินของข้าอยู่ที่ใด” เจ้าของเสียงเย็นชาตวาดใส่สาวใช้ “ดะ ด้านบนเจ้าค่ะ” “ผู้ดูแลอยู่ที่ใด” “ข้าอยู่ที่นี่เจ้าค่ะท่านประมุข” แท้จริงผู้ดูแลเช่นตนเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาทำท่าจะออกไปต้อนรับก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นประมุขแห่งปราสาทเมฆาจึงตั้งใจจะรีบหนีไปซ่อนตัว ใครบางในเมืองนี้ไม่รู้ว่าหากเขาได้ลงมือเขาจะไม่ไว้ไมตรีใด ๆ “พาข้าไปหาฮูหยินของข้า” “จะ เจ้าค่ะ” ผู้ดูแลนึกก่นด่าตนเองที่ไม่น่าเห็นเงินก้อนทองสีแวววาวแค่ไม่กี่ก้อนเลย ใครจะคิดว่าท่านประมุขจะมีโทสะรุนแรงเช่นนี้ เพียงแค่ฮูหยินแอบมาเรียนวิชาการเอาใ
‘ขนาดข้าบอกว่าตนป่วยยังจะกินเต้าหู้ข้าอยู่นะ’ นางคิด ผ่านไปไม่ถึงชั่วจิบชาเขาก็กลับเข้าห้องมาอีกครั้ง บุรุษรูปร่างกำยำยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียงก่อนจะจับมือของนางไปกุมไว้ “เซียวเล่อยามนี้ที่เรื่องราวที่เมืองหลวงถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เสี้ยนจู่ได้รับสมรสพระราชทานแต่งกับโหวซื่อจื่อแซ่หลวน” “ช่างดีจริงแล้ว ซือซือสหายข้าปลอดภัยหรือไม่” “คุณหนูเหอมีเจียงเซวียนอยู่ใกล้ ๆ เขาไม่ปล่อยให้นางเป็นอันตรายหรอก” รักปานดวงใจเช่นนั้นมีหรือจะปล่อยให้เป็นอันตราย “เซียวเล่อ เจียงเซวียนกับคุณหนูเหอมีใจให้กันอีกไม่นานก็คงหมั้นหมายและตบแต่ง พี่ที่ควรจะแต่งฮูหยินแล้วอยา
ฮูหยินของท่านประมุข (2) ทุ่งดอกหมู่ตานสีขาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาทำให้เจียงเซียวเล่อรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก “ถูกใจหรือไม่” “เจ้าค่ะข้าไม่คิดว่าจะมีใครปลูกดอกหมู่ตานเป็นทุ่งใหญ่ขนาดนี้” “เป็นพี่ลงมือปลูกมันเองทุกต้น เพื่อรอเจ้า” “จริงเจ้าคะ” “ตั้งแต่พี่รู
“พี่ย่อมกลับมาหาเจ้า พี่รักเจ้านะเซียวเล่อ” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกเข้าโพรงปากนุ่มอย่างง่ายดายก่อนจะกวาดต้อนความหวาน ตักตวงจนพอใจก่อนจะยอมผละออก “...” ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ต่างจากใบหูที่แดงก่ำ “เซียวเล่อ เจ้าทำให้พี่ไม่อยากจากไปเลย” กล่าวจบเขาก็กดจุมพิตลงบนหน้าผากมนอีกครั้งอย่างพยายามห้ามใจ “ค่ำคืนนี้ท่านต้องออกไปที่ใดหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่เลย” ในทุกวันหลังจากมากินเต้าหู้นางจนอิ่มเอมแล้ว เขาที่กลับเรือนไปก็นอนไม่หลับสุดท้ายจึงไปนั่งทำงานต่อ “เช่นนั้นท่านก็นอนที่เรือนนี้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าอนุญาตให้แค่นอนนะเจ้าคะไม่ให้ทำอย่างอื่น” นางกล่าวพลางหลุ