LOGINณ คฤหาสน์หลังใหญ่ในอาณาเขตเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ลาวาเลนเต้ “คุณพ่อเรียกหนูเหรอคะ?” หญิงสาวตัวเล็กผอมเจ้าของเรือนผมบลอนด์ทองยาวสวยโดยกำเนิดแบบหาได้ยาก เดินเข้ามาหาผู้เป็นบิดาในห้องทำงานด้วยท่าทีตื่นเต้น นี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาโทรหาลูกสาวแบบเธอให้มาพบ “ฉันได้ยินข่าวมาว่านายเจมส์ผู้บริหารของบริษัทศิลาที่นาย อศิร ศิลาหัตร์ทัยเป็นเจ้าของ มันประสบอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาลทำกายภาพบำบัด….” กาเบรียลหัวหน้าแก๊งลาวาเลนเต้เอ่ย ทั้งที่ยังไม่ได้หันไปมองคนมาใหม่ ทำโซเฟียบุตรสาวที่ยืนฟังอยู่เกิดความฉงนสงสัย “คุณพ่อหมายถึงอะไรคะ?” กาเบรียลหันมาจ้องหน้าเธอพร้อมตอบกลับเสียงเข้ม “ฉันอนุญาตให้แกเรียกฉันว่าพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่” โซเฟียก้มหน้างุดในทันที เธอก็แค่ลูกนอกสมรสที่เขาไม่ต้องการ “เอาล่ะ แต่ฉันจะยอมรับแกเป็นลูกก็ได้หากแกทำงานนี้ให้ฉันสำเร็จ” โซเฟียเงยหน้าขึ้นมาจ้องบิดาทันที “นายอศิรส่งลูกชายของเขาที่อายุไล่เลี่ยกับแกมาบริหารงานแทนไอ้เจมส์ที่ต้องรักษาตัว” เขาพูดพร้อมเว้นช่วงเพื่อพิสูจน์ความหัวไวของคนตรงหน้า “คุณท่านจะให้หนูไปตีสนิทกับเขางั้นเหรอคะ” กาเบรียลเผยยิ้มอย่างชอบใจ “ไม่ใช่แค่ตีสนิท” เขาเอ่ยพลางเดินเข้ามาใกล้และสำรวจดูรูปลักษณ์ของลูกสาว “ฉันเคยยื่นข้อเสนอขอร่วมงานกับนายอศิรมาหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยตอบรับมา เพราะเห็นว่าฉันมีธุรกิจสีเทามากมาย แต่การที่เราได้ร่วมทำธุรกิจกับบริษัทนี้มันจะทำให้เรามีอำนาจมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นแกไม่ใช่แค่ต้องตีสนิท แต่แกต้องทำยังไงก็ได้ให้ได้แต่งงานกับลูกชายมัน” หญิงสาวชะงักงันยืนตัวแข็งทื่อ “ถ้าแกทำได้ฉันจะยอมรับแกกับแม่เข้ามาเป็นคนในครอบครัว ตอนนี้ฉันได้ให้ลูกน้องหาที่พักใหม่ให้แกได้อยู่ใกล้กับไอ้หมอนั่น ไว้ให้แล้ว” โซเฟียยืนฟังที่พ่อพูดด้วยใจสั่นๆ เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะว่าเธอกับแม่ต้องการ การยอมรับจากเขามา 26 ปีแล้ว “ค่ะ หนูจะทำให้ได้ตามที่ท่านต้องการค่ะ” หลังจากที่ถูกเรียกไปคุยกับพ่อเสร็จโซเฟียก็เดินทางออกมายังบ้านหลังใหม่ที่กาเบรียลสั่งให้ลูกน้องจดข้อมูลให้ หญิงสาวลงจากรถไฟประจำทางก็เดินมาเรื่อยๆ ตามริมถนน “นั่นไง หลังนั้น” เธอกำลังจะเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งแต่กลับถูกรถที่ไหนไม่รู้วิ่งด้วยความเร็วจนเกือบเฉี่ยวชนเธอ “ว้าย!” หญิงสาวถอยกลับ ขาสะดุดขอบฟุตบาทล้มก้มจ้ำลงกับพื้น “ขับรถรีบไปไหนกันหะ” เธอร้องตะโกนตามหลังรถคันนั้นที่ไม่แม้แต่จะหยุดลงมาดูเธอเลย “โอ้ย” “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มฟังแลอ่อนโยนดังแว่วมา หญิงสาวรีบเงยหน้ามองทำให้สบตาเข้ากับเขาที่กำลังนั่งย่อตัวอยู่ตรงหน้าเธอ วินาทีนั้นหัวใจของโซเฟียเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เอาแต่จ้องมองเขาตาไม่กระพริบ คนอะไรทำไมดูอบอุ่นจัง “ไหวไหมครับ?” คำถามของเขาทำให้เธอหลุดจากความคิด “เจ็บขาค่ะ พอดีฉันกำลังจะข้ามถนนแต่มีรถที่ไหนไม่รู้วิ่งมาตัดหน้านะ ทั้งที่ตอนจะข้ามไปฉันก็ดูดีแล้วน่ะว่ามันไม่มี” เธอก้มบ่นๆ กับข้อเท้าตัวเองเหมือนหลบเขินเพราะหน้าของเธอกำลังแดงก่ำ “งั้นให้ผมช่วยนะ คุณลุกไหวไหม” เขาพยายามช่วยเธอให้ลุกขึ้นยืน แต่เธอก็กึ่งยืนกึ่งจะล้มหน้าคว่ำ โชคดีที่คนตัวใหญ่นั้นมือไวคว้ารอบเอวเธอไว้ทันพร้อมกับหัวใจของโซเฟียที่เต้นดั่งจะระเบิดออกมาจากอก “คุณจะข้ามไปตรงนู้นใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมช่วยนะ” เขาถามพอเธอพยักหน้า เขาก็มองไปที่ถนน เห็นว่ารถบนถนนเริ่มบางลง ชายหนุ่มก็พาเธอเดินข้ามไป “โอ้ย!” วินาที ที่มายืนอยู่กลางถนนหญิงสาวก็สะดุดขาตัวเองอีกรอบจนร้องโอดโอย ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่มันง่ายขึ้น “ขอโทษนะครับ” เขาอุ้มร่างหญิงสาวขึ้นในท่าเจ้าหญิง พลางพาเดินข้ามถนนไป ความรู้สึกของโซเฟียในตอนนี้เหมือนกับว่าเวลาได้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ใบหน้าของเธอเอาแต่จ้องมองชื่นชมความหล่อของเขาพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงผิดจังหวะ หญิงสาวหลบหน้าทันทีเมื่อเขาก้มหน้าลงมามอง “ถึงแล้วครับ ตรงนี้ใช่ไหม” เขาเอ่ยทำให้เธอที่กำลังเคอะเขินมีสติแล้วรีบหันไปมองรอบๆ “ใช่ค่ะ ใช่” เขาค่อยๆ วางเธอลงยืนด้วยตัวเอง โดยไม่ลืมกางแขนไว้รอรับข้างหลัง เพราะกลัวว่าเธอจะล้ม “ขอบคุณนะคะ ถึงบ้านแล้วพอดี” เธอตอบออกมาอย่างไม่เป็นประโยคเท่าไหร่ ชายหนุ่มส่งยิ้มมาให้เพราะสังเกตเห็นจมูกแดงๆ ของคนตรงหน้า “นี่บ้านคุณเหรอครับ” หญิงสาวพยักหน้า “ใช่ค่ะ บ้านฉันเองฉันพึ่งจะย้ายมานะ” “อ๋อ” ชายหนุ่มแหงนคอมองบ้านสองชั้นตรงหน้า “มาอยู่คนเดียวสินะครับ” “คะ?” “พอดีว่าผมก็พึ่งย้ายมาอยู่บ้านหลังข้างๆ ได้สองวันแล้วนะ” หญิงสาวบางอ้อพลางชะงักงันมือสวยจิกเข้าที่เอกสารในมือซึ่งนั่นเป็นข้อมูลของคนที่กาเบรียลจะให้เธอมาหลอกให้เขารักแต่เธอแค่ยังไม่ได้เปิดดู หญิงสาวจ้องคนตรงหน้าด้วยใจเต้นรัว “แล้วคุณชื่ออะไรคะ” โซเฟียยืนลุ้นมองหนุ่มหล่อตรงหน้า หวังว่าเขาจะไม่ “คุณเรียกผมว่าคีรินก็ได้ครับ” ดั่งฟ้าผ่าลงกลางใจของโซเฟีย เธอควรดีใจที่เขาเป็นคนเดียวกับที่เธอต้องทำให้หลงรักและมาแต่งงานไหม? แต่เขาดูเป็นคนดี…. “แล้วคุณชื่ออะไรล่ะครับ” เขาเอ่ยพลางมองหน้าเธอที่เมื่อครู่ถูกเรือนผมสวยนั้นบดบังจนเห็นไม่ค่อยชัด แต่เหตุใดตอนเธอมองขึ้นมาเขากลับรู้สึกแปลกๆ “อ่า!” โซเฟียได้สติตอนที่เขาเรียก เธอเงยหน้าส่งยิ้มหวานให้ “ฉันโซเฟียค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ คุณเพื่อนบ้านใหม่!” เธอยื่นมือไปหาเขาซึ่งเขาก็ยื่นมือมาจับตามมารยาท “คุณเดินเข้าบ้านไหวไหม ให้ผมพาไปหาหมอหรือเปล่า ผมพาไปได้นะ” คีรินบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มและแววตาที่จริงใจ จนใจของโซเฟียแทบอ่อนระทวย “ไม่เป็นไรค่ะ ลองไปใส่ยาดูก่อน ถ้าไม่หายค่อยไปก็ได้” เธอก้มมองต่ำด้วยความรู้สึกร้อนๆ บนใบหน้า “งั้นผมขออนุญาตเข้าบ้านตัวเองก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรคุณเรียกผมได้นะ” เขาเอ่ยด้วยเป็นห่วงเพราะเห็นว่าหญิงสาวอยู่คนเดียว “ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอได้แต่มองตามหลังเขาที่เดินเข้าบ้าน เมื่อเขาลับตาไปมือเล็กที่จับซองเอกสารอยู่ก็ยกมันขึ้นมาปิดหน้า “นี่ถ้าเราได้แต่งงานกับเขาจริงๆ มันจะเป็นยังไงนะ โอ้ย” ระหว่างพูดเธอก็กำลังจะก้าวขาเข้าบ้านตัวเองแต่ดันลืมตัวว่าขาเจ็บ จนต้องรีบเอามือปิดปากเพราะเผลอร้องเสียงดัง ก่อนจะค่อยๆ พาร่างกายอันบอบช้ำเดินเขย่ง เข้าบ้านด้วยหัวใจที่พองโตกริ่งๆๆๆๆ คีรินที่กำลังจะเข้านอน เหลือบสายตามองมือถือบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะเห็นว่าคนที่แชทหาเขาคือใคร “โซเฟีย” เขาบ่นชื่อหญิงสาวออกมา ทีแรกเขาก็ว่าจะทำเป็นไม่สนใจ แต่พอเห็นเธอส่งรูปมาด้วย เขาเลยเผลอกดเข้าอ่านด้วยความอยากรู้ ข้อความทักทายแรกของเธอ เขามองดูด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนจะยิ้มให้กับรูปที่เธอส่งมาเพราะมันคือรูปที่เขาและเธอถ่ายด้วยกันในย่านอ็อกซ์ฟอร์ดตอนที่ไปเดินเล่นกัน คนดูหุบยิ้มเมื่อเจอข้อความถัดไป เขาจ้องมือถือแล้วหันมองซ้ายขวา ไม่ใช่ว่าเธอแอบยืนมองอยู่แถวนี้หรอกนะ แต่ความคิดนั้นมันก็ทำให้เขายิ้มไม่หุบ รอยยิ้มของเขาค่อยๆ จางลงเธอบอกว่าจะไปจากที่นี่งั้นเหรอ ข้อความของเธอที่ส่งมามีแค่นั้น คีรินมองมันด้วยใจที่เต้นแรงเขากดพิมพ์บนจอว่าเธอจะไปอยู่ที่ไหน ทำไมถึงจะย้าย แต่เขาก็ไม่มี
ณ คอนโดใจกลางเมืองใหญ่วันนี้หลังเลิกงานเจย่าตามชายหนุ่มมาถึงห้อง เพราะโชคดีที่พ่อกับพี่ชายไปต่างจังหวัด เธอเลยแค่บอกแม่แล้วก็ตามเขามาได้ “ทำไมมองพี่แบบนั้น” อนาคินจ้องตาแฟนสาวที่เอาแต่มองค้อนเขาตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องเมื่อกี้นี้แล้ว เขารู้ว่าเธอคงจะโกรธเขาเรื่องเมื่อเช้า “ยังโกรธพี่อยู่เหรอ” เขาปลดกระเป๋าสะพายออกให้เธอ “ก็พี่ไม่ชอบที่มีคนมาว่า นินทาให้คนที่พี่รักเสียหายนี่” เขาจับสองแก้มเธอพร้อมถูกับมือไปมา เจย่าเบือนหน้าหนี “แต่ตอนโดนนินทาเรื่องพวกนั้นเจยังดูสบายกว่าตอนโดนเซ้าซี้ถามเรื่องคบกันกับถูกแซวเรื่องลืมปิดไมค์เมื่อเช้าอีกนะคะ” เธออธิบายแต่ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจหรอก เขาคงถูกใจด้วยซ้ำที่ได้ป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ “ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย อย่างน้อยมันก็ดีกว่าให้นินทาสิ่งที่ไม่ถูกต้องนี้ อีกอย่างอาทิตย์หน้าพี่ต้องไปเชียงรายตั้งห้าวัน พี่ไม่อยากทิ้งเรื่องไว้ให้บานปลาย” เขาโอบเอวเธอแล้วพานั่งลงที่โซฟา เจย่าจ้องหน้าของเขา “แล้วให้เจไปด้วยไหมคะ พรุ่งนี้เจจะได้เก็บของ” เธอถามด้วยท่าทีตื่นเต้น นึกสนุกจะได้ไปทำงานนอกสถานที่กับเขาอีก “ไม่ต้องหรอกเจ อยู่ทำงานที่บริษัทนั่นแหละ” เขาเอ่ยเ
เช้าวันเสาร์ซึ่งวันนี้ก็บรรยากาศดีไม่น้อย เมื่อคืนมีฝนนิดหน่อย พอตื่นมาฝนหยุดตกแล้วบรรยากาศจึงสดชื่น คีรินนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ที่สวนตั้งแต่เช้า พลางนั่งมองคุณเจมส์ทำกายภาพบำบัดอยู่ที่มุมสวนไม่ไกลจากเขา ไม่นานแม่บ้านก็เดินเข้ามาหา “คุณคีรินคะ มีคนมาหาค่ะ” ชายหนุ่มมองแม่บ้านคิ้วขมวด “ใครครับ?” “ฉันถามชื่อเธอไปแล้วเธอบอกว่าไม่บอกค่ะ เธอฝากไว้ว่าถ้าคุณอยากรู้คุณคงจะไปดูเอง ฉันก็เลยไล่เธอกลับแต่เธอค้านว่าไม่กลับค่ะ บอกว่าจะนั่งอยู่ที่หน้าบ้านถ้าคุณคีรินไม่ยอมออกไปหา” คนฟังถอนหายใจยาว “งั้นพี่ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวผมไปไล่เอง” “ค่ะ” คีรินลุกพรวดเดินตรงไปที่ประตูบ้าน เขาเปิดประตูเดินออกไปก็เห็นว่าเธอยืนอยู่ข้างกำแพง “มาทำไมกลับบ้านไปซะ มายืนลับๆ ล่อๆ ตรงนี้เดี๋ยวคนอื่นเขาก็กลัวหมดหรอก” เขากอดอกเอ่ยกับเธออย่างไม่มีเยื่อใย “เห็นหน้าก็ไล่กันเลยเหรอคะ” เธอมองเขาด้วยตาสั่นๆ คีรินมองเธออย่างสำรวจ สาใจแล้วจึงหันหน้าหนีไปทางอื่น “ก็ฉันไม่อยากจะพูดหรือคุยอะไรกับเธอนี่” เขากำลังจะหมุนตัวกลับเข้าบ้านแต่ต้องชะงักเสียงที่เธอร้องห้ามไว้ “เดี๋ยวสิพี่! ให้ฉันได้คุยแค่ห้านาทีก็ได้” เขาหันกลับไป
หลายวันต่อมา ณ บริษัทศิลาที่ลอนดอน คีรินเดินลงมายังลานจอดรถเตรียมตัวจะกลับบ้าน “พี่คีริน!” เขาสะดุ้งให้เสียงคุ้นหูจนต้องหันไปมอง “เธอเข้ามาได้ยังไง!” เป็นโซเฟียที่ยืนยิ้มให้เขาอยู่ พร้อมพนักงานรักษาความปลอดภัยที่วิ่งตามมา “เข้ามาไม่ได้นะครับคุณ ผมขอโทษนะครับท่านประธาน” คีรินยกมือให้การ์ด “ไม่เป็นไร ปล่อยเธอเถอะ” เขาว่าเสียงเรียบนิ่งแต่สายตาแอบสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอสบายดีแล้วนี้ “รู้จักกันเหรอครับ?” การ์ดถามเพื่อความแน่ใจ คีรินยักคิ้วให้เป็นเชิงไล่ การ์ดจึงกลับไปทำหน้าที่ต่อ “พี่คีริน!” เธอเตรียมจะกระโจนเข้าไปกอดเขาด้วยความคิดถึง แต่เขาดีดตัวออก “จะทำอะไร!” โซเฟียชะงัก เธอลืมไปว่าเธอยังมีความผิด “ฉันจะมาขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกอย่างค่ะ!” เธอมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกผิด คีรินยังคงทำหน้านิ่งเฉยไม่ยิ้มให้เธอเหมือนเมื่อก่อน “แค่นี้ใช่ไหม” หญิงสาวขมวดคิ้ว ทำไมเขาถึงได้ตอบเธอห่างเหินแบบนี้ล่ะ “ฉันต้องกลับบ้านแล้ว” เขาหมุนตัว เธอรีบวิ่งไปดักหน้า “พี่คีรินย้ายบ้านแล้วเหรอ ฉันยังอยู่บ้านเดิมน่ะ ทำไมตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ฉันถึงยังไม่เห็นพี่สักครั้งเลยล่ะคะ” เธออ้าแขนออกเพราะก
โรงพยาบาล ณ ใจกลางลอนดอน “แม่~” โซเฟียมีสติตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนของโรงพยาบาล คนแรกที่เธอเห็นคือแม่นอนหมอบหน้าอยู่ข้างเตียง “โซเฟีย ลูกตื่นแล้ว เป็นยังไงบ้างลูก เลย์ เลย์!! ไปตามหมอ!!” นาตาเลียหันไปเรียกลูกชายที่หลับอยู่บนโซฟา เลย์ลุกงัวเงียก่อนจะเดินออกไปจากห้อง “เขาล่ะคะแม่?” เมื่อมองไปรอบข้างแล้วไม่เจอใครอีก เธอจึงถามหา “เขาคนไหนลูก ถ้าเป็นซาเวียร์เขาพึ่งจะกลับบ้านไป แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนนั้น”คนเป็นแม่เสียงอ่อนลง “เขายังไม่ได้มา เยี่ยมลูกเลยสักครั้งตั้งแต่ที่รู้ความจริง” โซเฟียน้ำตาคลอใบหน้าของเธอสั่นไหวไม่แพ้หัวใจ “เขารู้ความจริงแล้วเหรอคะ อึก” น้ำตาของเธออาบแก้มภายในไม่กี่วิ จนแม่ต้องรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตาให้ “ใช่ลูก วันนั้นซาเวียร์เขาโมโหก็เลยหลุดปากบอกไปหมดแล้ว” หญิงสาวมองหน้าแม่ของเธอน้ำตาไหลไม่หยุด “เขาโกรธมากไหม” นาตาเลียส่ายหน้าเบาๆ “แม่ไม่รู้แต่แม่ว่าเขาคงจะไม่โกรธหรอก เขาน่าจะแค่เสียใจ ลูกตั้งใจพักผ่อนให้หายดี แล้วค่อยไปง้อเขาก็คงไม่สายหรอกนะ” แม่ยกมือลูบหัวให้คนบนเตียง โซเฟียยังคงสะอื้นเธออยากจะลุกไปบอกเขาเดี๋ยวนี้ ลุกไปขอโทษเขา แต่ตอนนี้เนื้อตัวเธอ
“คนอื่นเลิกงานออกไปหมดแล้วนี่” เจย่าชะโงกหน้ามองดูพนักงานคนอื่นที่ทยอยกันกลับบ้าน ก่อนที่เธอจะหันมองไปที่ห้องทำงานของรองประธานบริษัทซึ่งตั้งแต่เมื่อกี้เขาก็ยังไม่ยอมออกมาจากห้องเลย หญิงสาวเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย เธอลุกเดินไปเปิดประตูหวังเข้าไปหาเขา ประตูที่ถูกแง้มออกเบาๆ นั้นไม่ได้ทำให้คนที่กำลังวุ่นอยู่กับกองเอกสารและจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้ารู้ตัวเลย เจย่าเผยยิ้มจางก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปหา “พี่คินกำลังเครียดอยู่เหรอคะ” เธอเดินเข้าไปยืนข้างๆ เขา พลางก้มลงไปกอดคอเขามองดูสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ “ครับ” เขาตอบแต่ไม่ได้หันมามองหน้า เจย่าขมวดคิ้ว หรือว่าเขาจะโกรธเธอที่ปฏิเสธไม่ไปนอนกับเขาที่คอนโด? “พี่คิน” อนาคินละสายตาจากโต๊ะทำงานและหันมาจ้องหน้าเธออย่างอ่อนโยน “ถ้าวันนี้เจไม่ไปค้างกับพี่ พี่จะขอเคลียร์งานตรงนี้ก่อนนะครับ พี่ว่ามันเยอะไปแล้วน่ะ” เขาบอก เจย่าพยักหน้าเข้าใจแม้จะตีกับความรู้สึกข้างในนิดๆ “เดี๋ยวค่ะ!” เธอจับเก้าอี้หมุนของเขาแล้วดันออกอย่างทุลักทุเล อนาคินมองดูอย่างแปลกใจจึงใช้แรงยันตัวเองเพื่อช่วยเธอก่อนจะเห็นว่าเธอเข้าไปนั่งใต้โต๊ะทำงานพลางดึงเก้าอี้กลับชิดขอบโต๊ะตามเดิม







