แชร์

บทที่ 4 บุรุษผู้ช่วยเหลือ 2/2

ผู้เขียน: กะปอมพ่นไฟ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-24 20:15:54

หย่งหมิ่นที่เพิ่งจัดการเก็บกวาดพวกโจรข้างนอกได้เดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังของผู้เป็นนาย ก่อนจะเดินไปตรวจสอบศพที่คาดว่าเป็นหัวหน้าโจรป่าที่พวกเขากำลังไล่ล่าอยู่

"ตายแล้วขอรับนายท่าน"

"พูด!!"

คิ้วกระบี่เลิกขึ้นเป็นคำถาม จางเสี่ยวมี่ที่เพิ่งจะได้สติจึงได้เอ่ยตอบไขข้อข้องใจให้แก่ผู้ที่มาใหม่

"ข้าถูกพวกมันจับตัวมาเจ้าค่ะ และเป็นข้าที่ใช้ปิ่นนี่สังหารมันด้วยตัวเอง สาวใช้ของข้าหลบหนีไปได้กำลังตามคนให้มาช่วยข้าเจ้าค่ะ"

"เอ่อ...เช่นนั้นแม่นางเป็นผู้ใดหรือขอรับ"

หย่งหมิ่นเอ่ยถามแทนผู้เป็นนายที่ปากหนักเหลือเกิน ดูจากสายตาก็รู้ได้ทันทีว่าเบื้องหลังของสตรีผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่

จางเสี่ยวมี่ลังเลเล็กน้อย แต่เพราะเห็นท่าทางของหย่งหมิ่นจึงคิดว่าเขาน่าจะเป็นทหาร และเมื่อกวาดสายตาไปทางด้านหลังก็เห็นว่ามีกลุ่มคนสวมใส่ชุดเกราะดั่งทหารชาญศึกที่นางเคยพบเมื่อชาติก่อน

"ข้ามีนามว่าจางเสี่ยวมี่เป็นบุตรสาวคนโตของท่านเสนาบดีกรมคลัง จางอี้อิน!"

"ฮ้า...ข้าน้อยเสียมารยาทแล้วต้องขออภัยคุณหนูจางด้วยขอรับ ข้าน้อยมีนามว่าหย่งหมิ่นขอรับ"

จางเสี่ยวมี่พยักหน้ารับ ก่อนที่สายตาจะหันไปมองบุรุษที่ยังถือดาบจ่อที่คอของนางอยู่เช่นนี้

"ท่านไม่คิดจะลดดาบลงก่อนหรือเจ้าคะ"

เขาลดดาบลงตามคำขอของนาง ก่อนจะส่งดาบคืนไปให้กับหย่งหมิ่น

"เซียวจ้าน"

"...?"

นี่คือเขาบอกชื่อนางเช่นนั้นหรือ ตระกูลเซียว ตระกูลแม่ทัพแห่งทิศอุดร หรือว่าเขาจะเป็นบุตรชายของท่านแม่ทัพใหญ่เซียว เช่นนั้นนางก็ควรจะผูกมิตรกับเขาไว้จะดีกว่า

"ที่แท้ท่านก็คือคุณชายเซียว ข้าขอบคุณคุณชายเซียวมากที่ให้การช่วยเหลือข้าในวันนี้เจ้าค่ะ"

จางเสี่ยวมี่ยอบกายคารวะเป็นการขอบคุณอีกฝ่าย หากว่านางหันไปมองหย่งหมิ่นสักน้อยคงจะต้องนึกประหลาดใจกับท่าทีของเขาเป็นแน่ เพราะตั้งแต่หย่งหมิ่นได้ยินคำว่าเจ้านายเอ่ยบอกนามนั้นออกไป เขาก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้านายของเขาจะเอ่ยนามนี้ออกมา สายตาที่หย่งหมิ่นมองไปทางจางเสี่ยวมี่จึงมีประกายแปลกประหลาดขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนจะเลือนหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

"เรื่องเล็กน้อย" เซียวจ้านเอ่ยตอบอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก

เมื่อทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดจึงคิดจะเดินทางไปพักแรมยังที่อื่น ส่วนตรงนี้ก็ให้ทหารจัดการกันไป

ในตอนนี้เองจางเสี่ยวมี่ได้มาขอร้องเซียวจ้าน นางนึกเป็นห่วงจื่อลู่ยิ่งนัก มิรู้ว่าสาวใช้ตัวน้อยของนางจะเป็นอย่างไรบ้าง จะตามอาซ่งมาช่วยได้หรือไม่ หรือว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับนางอีกเพราะป่าแห่งนี้ก็ไม่น่าไว้ใจนัก

"เอ่อ...คุณชายเซียวเจ้าคะ ข้ามีเรื่องอยากจะรบกวนท่านสักเล็กน้อยเจ้าค่ะ คือว่าสาวใช้ของข้าเจ้าค่ะ"

เซียวจ้านหันไปมองหย่งหมิ่นแล้วพยักหน้า ทันทีที่หย่งหมิ่นเห็นสัญญาณนั่นจึงได้เอ่ยกับจางเสี่ยวมี่ ด้วยเขารู้ดีว่าเจ้านายของเขานั้นประหยัดถ้อยคำยิ่งนัก ต้องเป็นเขาอยู่ร่ำไปที่ต้องมาเป็นปากให้แก่เจ้านาย

"เรื่องนี้คุณหนูจางอย่าได้เป็นกังวลไปเลยขอรับ คุณชายของข้าจะส่งคนไปแจ้งเรื่องของท่านว่าตอนนี้ท่านปลอดภัยแล้ว แต่เพราะว่านี่เป็นยามกลางคืนไม่สะดวกในการเดินทางไกล และคุณหนูจางเองก็บาดเจ็บ ด้วย คุณชายจึงคิดจะเชิญคุณหนูจางไปพักด้วยกันยังป่าฝั่งโน้น โดยพรุ่งนี้เช้าคุณชายจะเป็นคนไปส่งคุณหนูจางเองขอรับ"

"ขอบคุณคุณชายเซียวมากเจ้าค่ะ"

จางเสี่ยวมี่หันไปเอ่ยคำขอบคุณ แต่กลับได้รับแค่การพยักหน้าตอบกลับมาเท่านั้น

"ไป!"

"เจ้าค่ะ"

นางรู้แล้วว่าเขาเป็นบุรุษประเภทไม่ชอบพูดสิ่งใดให้มากความ เขาจะเอ่ยแค่คำสั้น ๆ เท่านั้น นางต้องมาตีความหมายเอาเองว่าหมายความว่าสิ่งใด การที่เขาเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะนางเองก็ไม่อยากเอ่ยสิ่งใดออกไปนัก

ทั้งหมดเดินออกมาหน้าวัดร้าง ในตอนที่จางเสี่ยวมี่กะเผลกขาเดินไปอย่างเชื่องช้านั้น นางหยุดมองศพของพวกโจรที่คิดจะย่ำยีนางด้วยสายตาเรียบเฉยเย็นชา ในเมื่อมุ่งหวังจะทำร้ายผู้อื่นก็ต้องเตรียมใจถูกทำร้ายเช่นเดียวกัน

"ช้าจริง"

เซียวจ้านหันกลับมามองด้วยความรำคาญใจ จากนั้นจึงเดินเข้ามาช้อนร่างอันบอบบางของจางเสี่ยวมี่เข้ามาในอ้อมแขนแข็งแรง แล้วพานางเดินไปยังม้าที่ถูกผูกเอาไว้ไม่ไกลนัก

คราแรกนางขัดขืนเล็กน้อย แต่เพราะเห็นสีหน้าหงุดหงิดของเขาและตอนนี้นางยังต้องพึ่งพาเขาอีกมากจึงได้นิ่งเสีย ปล่อยให้เขาอุ้มนางไปยังม้าตัวโตสีดำ

เซียวจ้านไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเลยแม้แต่คำเดียว เขาจัดการวางร่างของจางเสี่ยวมี่ให้ขึ้นไปนั่งบนหลังม้า ส่วนตัวเขาเองก็กระโดดขึ้นมาซ้อนหลังนาง ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเอื้อมมาจับสายบังเหียนด้านหน้า ก่อนจะกระตุกสายบังเหียนแล้วพุ่งทะยานไปด้านหน้าตามเส้นทางที่กำหนดไว้

หย่งหมิ่นอมยิ้มกับท่าทางของผู้เป็นนาย แล้วจึงหันมาสั่งการทหารยศน้อยให้จัดการที่นี่ให้เรียบร้อย ส่วนตัวเขาก็ได้ควบม้าติดตามผู้เป็นนายพร้อมด้วยทหารคนสนิทอีกสี่คน

ทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก หากควบม้าด้วยความเร็วปกติก็จะใช้เวลาราวหนึ่งเค่อ แต่ไม่รู้ทำไมไยทุกอย่างจึงดูเชื่องช้านัก กว่าทุกคนจะมาถึงยังที่หมายก็ใช้เวลาไปกว่าครึ่งชั่วยาม...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 5 นอนละเมอ 2/2

    เซียวจ้านอดจะรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ เขาพยายามแกะมือของตัวเองออกแต่เหมือนว่าหญิงสาวจะไม่ง่ายนัก สุดท้ายเขาจึงได้ขึ้นมานั่งบนเตียงเดียวกับนาง กายสูงพิงกับเตียงแล้วมองดูหญิงสาวข้างกายนอนหลับอย่างเป็นสุขนางช่างเป็นสตรีที่แปลกประหลาดนัก ทั้งที่อยู่กับคนแปลกหน้าเช่นเขานางยังกล้าหลับลงได้อีก ทั้งยังจับมือเขาเอาไปแนบกับแก้มของนางด้วย ช่างเป็นสตรีที่น่าพิลึกนัก"อื้อ...ลูลู่ อย่า อื้อ..."จางเสี่ยวมี่นอนละเมอโดยฝันถึงลูลู่ เจ้าแมวน้อยตัวสีขาวที่เคยเลี้ยงเมื่อครั้งยังเป็นลูกหว้า เจ้าลูลู่นั้นชอบให้กอดเป็นอย่างมาก ทั้งยังชอบเข้ามาออเซาะออดอ้อนด้วย และนางก็จะชอบดึงเจ้าลูลู่มานอนกอดทุกค่ำคืนไป"เจ้า!"เซียวจ้านถึงกับเอ่ยสิ่งใดไม่ออก จู่ ๆ จางเสี่ยวมี่ก็ปีนขึ้นมานอนบนตัวของเขา แล้วมือของนางยังไม่อยู่นิ่งด้วย ทั้งลูบทั้งกอดหน้าอกของเขาเป็นพัลวัน เขาพยายามจะจับมือของนางให้ออกไป แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมปล่อยโดยง่าย เมื่อถูกเซียวจ้านขัดขวางนางก็ยิ่งกอดคอเขาแน่นขึ้น และในความฝันนั้นกำลังนั่งทานขนมกับลูลู่ จางเสี่ยวมี่จึงได้ตรงเข้ามางับที่ลำคอของเซียวจ้านอย่างแรงริมฝีปากเล็กกัดเข้าที่คอของเซียวจ้านอย่างแรงจนข

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 5 นอนละเมอ 1/2

    บทที่ 5นอนละเมอขณะที่จางเสี่ยวมี่นั่งอยู่บนหลังม้าโดยตกอยู่ในอ้อมกอดของเซียวจ้าน นางนั้นรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก แผ่นหลังเล็กเกร็งจนรู้สึกเมื่อยขบเพราะการที่นั่งไม่สบายบนหลังม้า หากนับจากชาติก่อนจนถึงชาตินี้นี่เป็นครั้งแรกที่นางใกล้ชิดกับบุรุษถึงเพียงนี้ ในชาติก่อนก็มุ่งแต่ทำงานโดยไม่ได้สนใจมองบุรุษใดเลย ส่วนในชาตินี้นางกับหวังหมิงผู้เป็นอดีตคู่หมั้นนั้น แม้แต่มือยังไม่เคยได้จับเลยสักครั้ง แต่ในตอนนี้เซียวจ้านผู้ที่นางเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกกำลังกักขังนางในอ้อมกอดของเขาเสียงหัวใจอันหนักแน่นมั่นคงของเซียวจ้านเต้นแรงจนแม้แต่จางเสี่ยวมี่ยังได้ยิน หญิงสาวยืดแผ่นหลังเล็กนั่งหลังตรงพยายามไม่ให้ตัวเองโดนตัวเขามากนัก แต่เหมือนว่าสวรรค์จะไม่เป็นใจนักเพราะเวลานี้ร่างกายของทั้งสองมันแนบชิดจนแทบจะหลอมรวมเข้าด้วยกันอยู่แล้ว"อย่าเกร็ง"น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นเบา ๆ ข้างใบหูเล็ก ลมหายใจกรุ่นร้อนถูกพ่น มาถูกใบหูเล็กจนจางเสี่ยวมี่รู้สึกขนลุกซู่ "ข้าไม่ได้เกร็งเจ้าค่ะ""อืม..."เซียวจ้านจับสายบังเหียนม้าข้างเดียวแล้วบังคับม้าให้ผ่อนแรงวิ่งช้าลงกว่าปกติมาก ก่อนที่เขาจะถือวิสาสะเอื้อมมือมาจับเอวเล็กคอ

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 4 บุรุษผู้ช่วยเหลือ 2/2

    หย่งหมิ่นที่เพิ่งจัดการเก็บกวาดพวกโจรข้างนอกได้เดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังของผู้เป็นนาย ก่อนจะเดินไปตรวจสอบศพที่คาดว่าเป็นหัวหน้าโจรป่าที่พวกเขากำลังไล่ล่าอยู่"ตายแล้วขอรับนายท่าน""พูด!!"คิ้วกระบี่เลิกขึ้นเป็นคำถาม จางเสี่ยวมี่ที่เพิ่งจะได้สติจึงได้เอ่ยตอบไขข้อข้องใจให้แก่ผู้ที่มาใหม่"ข้าถูกพวกมันจับตัวมาเจ้าค่ะ และเป็นข้าที่ใช้ปิ่นนี่สังหารมันด้วยตัวเอง สาวใช้ของข้าหลบหนีไปได้กำลังตามคนให้มาช่วยข้าเจ้าค่ะ""เอ่อ...เช่นนั้นแม่นางเป็นผู้ใดหรือขอรับ"หย่งหมิ่นเอ่ยถามแทนผู้เป็นนายที่ปากหนักเหลือเกิน ดูจากสายตาก็รู้ได้ทันทีว่าเบื้องหลังของสตรีผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่จางเสี่ยวมี่ลังเลเล็กน้อย แต่เพราะเห็นท่าทางของหย่งหมิ่นจึงคิดว่าเขาน่าจะเป็นทหาร และเมื่อกวาดสายตาไปทางด้านหลังก็เห็นว่ามีกลุ่มคนสวมใส่ชุดเกราะดั่งทหารชาญศึกที่นางเคยพบเมื่อชาติก่อน"ข้ามีนามว่าจางเสี่ยวมี่เป็นบุตรสาวคนโตของท่านเสนาบดีกรมคลัง จางอี้อิน!""ฮ้า...ข้าน้อยเสียมารยาทแล้วต้องขออภัยคุณหนูจางด้วยขอรับ ข้าน้อยมีนามว่าหย่งหมิ่นขอรับ"จางเสี่ยวมี่พยักหน้ารับ ก่อนที่สายตาจะหันไปมองบุรุษที่ยังถือดาบจ่อที่คอของนางอย

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 4 บุรุษผู้ช่วยเหลือ 1/2

    บทที่ 4บุรุษผู้ช่วยเหลือจางเสี่ยวมี่ที่เห็นว่าลูกน้องทั้งสองออกไปหมดแล้ว นางจึงได้คิดใช้โอกาสนี้ทำให้จื่อลู่หนีออกไปเพื่อตามคนมาช่วย และนางจะเป็นผู้ที่ถ่วงเวลาพวกมันไว้ที่นี่เอง เพราะหากจะหนีออกไปพร้อมกันทั้งสองก็เกรงว่าจะถูกจับได้ขึ้นมาเสียก่อนทันทีที่ไม่มีคนมาขวางทางแล้ว ชายผู้เป็นหัวหน้าก็ผลักร่างของจางเสี่ยวมี่ล้มตัวนอนกับเสื่อผืนเก่าทันที ตามด้วยร่างกายกำยำที่ทาบทับลงมาไม่ห่าง จมูกโด่งสูงซุกไซ้ดอมดมที่ลำคอระหงด้วยความหลงใหล ในจังหวะที่มันกำลังมัวเมาเพราะกลิ่นกายสาวอยู่นั้นมันกลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดตรงบริเวณลำคอ"โอ๊ย!!"มันค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองก่อนจะฟุบลงแน่นิ่งไป ปิ่นทองในมือที่ถูกดึงออกมาจากมวยผมปักเข้าไปที่ลำคอหนาของมันอย่างแรง เลือดสีแดงสดไหลกระฉูดออกมาเป็นสาย ตรงตำแหน่งที่จางเสี่ยวมี่แทงไปนั้นคือเส้นเลือดใหญ่พอดี ทำให้มันแน่นิ่งไปในบัดดลไม่ทันได้ทำร้ายนางได้อีก จางเสี่ยวมี่รีบผลักร่างที่ไร้วิญญาณของมันล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างรังเกียจ ทั้งยังเอาผ้าเช็ดหน้าที่เก็บไว้เช็ดคราบน้ำลายอันน่าขยะแขยงที่ลำคอขาวจนแดงเถือกด้วย สีหน้าของนางนั้นสงบนิ่งราวกับไม่รับรู้สิ่งใดจื่อลู่

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 3 คนร้ายในเงามืด 2/2

    "ระ เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ"จื่อลู่พยายามขยับข้อมือของตน แต่ยิ่งนางขยับมากเท่าใดเชือกก็ยิ่งบาดลึกเข้าไปในผิวเนื้อบอบบางนั่น"เจ้าอย่าเพิ่งได้ร้อนใจไป ที่พวกมันจับพวกเรามาโดยยังไม่สังหารคงต้องการสิ่งใดเป็นแน่ ข้าจะลองเจรจากับพวกมันดูก่อนและถ้ามีโอกาสเจ้ารีบวิ่งหนีออกไปเลยนะจื่อลู่"นางบุ้ยหน้าไปทางบานหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกลนัก คาดคะเนจากสายตาคิดว่าจื่อลู่คงจะกระโดดหนีออกจากทางหน้าต่างได้โดยง่าย"บ่าวจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ บ่าวไม่มีวันทิ้งคุณหนูเป็นอันขาดเจ้าค่ะ""ข้าให้เจ้าไปตามคนมาช่วยต่างหากเล่า เจ้าวิ่งไวกว่าข้ามากนัก และหากข้าคิดไม่ผิดพวกมันคงต้องการตัวข้ามากกว่าเจ้าที่เป็นสาวใช้เป็นแน่""คุณหนู...""นี่คือคำสั่ง! เข้าใจหรือไม่"จางเสี่ยวมี่จ้องเขม็งด้วยสายตาคมดุ นางไม่หวั่นหากจะต้องตายอีกครั้ง แต่กับจื่อลู่นั้นไม่เหมือนกัน...ราวกับพวกโจรมันรู้ว่าพวกนางฟื้นขึ้นมาแล้วจึงได้พากันเดินเข้ามาสองคน ชายผู้เป็นหัวหน้าย่างกรายเข้ามาใกล้จางเสี่ยวมี่กับจื่อลู่ที่นั่งอยู่มุมห้องโถงของวัดร้าง มันแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมด้วยความชั่วร้าย พร้อมกับใช้สายตาโลมเลียกวาดตามองไปทั่วเรือนร่างของจางเสี่

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 3 คนร้ายในเงามืด 1/2

    บทที่ 3คนร้ายในเงามืดรถม้าของจวนตระกูลจางเคลื่อนไปยังปลายทางอย่างไม่เร่งรีบนัก ถนนหนทางก็สะดวกสบายค่ำไหนก็นอนพักที่เมืองนั้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งเข้าสู่วันที่สิบของการเดินทาง ในตอนที่พระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าและขบวนรถม้ายังไม่ได้ออกจากป่าไผ่ ผู้คุ้มกันจึงเล็งเห็นว่าควรหยุดพักที่จุดหยุดพักที่นี่ก่อน หากจะเดินทางต่อในยามกลางคืนก็อันตรายนัก เกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายก็เป็นได้"คุณหนูขอรับ คืนนี้เราคงต้องหยุดพักกันที่นี่ก่อนคงต้องรบกวนคุณหนูนอนในรถม้าสักหนึ่งคืนแล้วล่ะขอรับ"อาซ่งเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ เขาเกรงว่าคุณหนูอาจจะไม่พอใจแล้วพาลบันดาลโทสะเฉกเช่นคุณหนูในห้องหอผู้อื่น"เข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็ก่อไฟกองใหญ่ ๆ ไว้ด้วยเล่า แล้วผลัดเปลี่ยนเวรยามกันเฝ้ายามในตอนกลางคืนด้วย""ขอรับคุณหนู"อาซ่งพลันรู้สึกโล่งใจที่คุณหนูของเขาว่าง่ายกว่าที่คิดเอาไว้มากนัก ทั้งยังรอบคอบในเรื่องเวรยามเสียด้วย เช่นนี้การเดินทางไปเมืองอู่เฉิงเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากเสียงของฟืนดังปะทุเป็นระยะเพราะโดนไฟกิน กองไฟกองใหญ่ถูกก่อขึ้นกลางที่พักที่ให้ทั้งแสงสว่างและความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน เสียงนกร้องและเสียง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status