Share

บทที่ 129

Author: โม่เสียวชี่
วันต่อมา เฉียวเนี่ยนเข้าวังพร้อมกับฮูหยินหลิน

เต๋อกุ้ยเฟยรออยู่ก่อนหน้าแล้ว

เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยน เต๋อกุ้ยเฟยก็รีบเข้ามารับ น้ำตาร้อนผ่าวคลอเบ้า "เนี่ยนเนี่ยนเจ้ามาแล้วหรือ! ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาพบข้าอีกแล้วเสียอีก!"

"เป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ" เฉียวเนี่ยนตอบกลับ ราวกับคนสุขสบายดี

เต๋อกุ้ยเฟยดีใจยิ่ง เหลือบตามองฮูหยินหลินอย่างอดไม่ได้

จากนั้นก็ได้ยินเสียงฮูหยินหลินเอ่ย "ข้าบอกท่านแล้ว เนี่ยนเนี่ยนไม่ได้เก็บเรื่องนั้นมาใส่ใจ ท่านดันไม่เชื่อ"

เมื่อได้ยินดังนั้น เต๋อกุ้ยเฟยก็พยักหน้ารัว "นั่นสิ ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ... โธ่ เข้ามาข้างในก่อนเถิด!"

เต๋อกุ้ยเฟยพูดพลางจูงเฉียวเนี่ยนเดินเข้าไป

ทว่าครั้นก้าวเข้าประตูมา ฝีเท้าของเฉียวเนี่ยนก็พลันหยุดลง

นั่นเป็นเพราะว่าภายในห้องนั้นมีคนคุกเข่าอยู่

เห็๋นเพียงแค่แผ่นหลังก็รู้ว่านั่นคือหมิงอ๋อง

สีหน้าของเฉียวเนี่ยนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เต๋อกุ้ยเฟยรีบเอ่ยแก้ต่าง "เจ้าเด็กคนนี้สารเลว วันนี้ข้าจะสั่งสอนเขาต่อหน้าเนี่ยนเนี่ยนเอง ดูซิว่าวันหน้าเขาจะกล้ารังแกเจ้าอีกหรือไม่!"

เต๋อกุ้ยเฟยว่าพลางรับไม้เรียวจากนางบ่าว ก่อนจะฟาดลงบนหลังของหมิงอ๋องอย่างแรง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Sopawan Buranasawettham
เนื้อเรื่องสนุกดี แต่บางทีก็รู้สึกเสียดายเงิน เพราะคำผิดเยอะมาก ไม่รู้ผู้เขียนเป็นนักเขียนใหม่รึเปล่า
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1268

    สำหรับคำพูดของมู่ซ่างเสวี่ย ฉู่จืออี้ไม่ได้ใส่ใจมากนักในสายตาของเขา คนตระกูลมู่ไม่น่าไว้วางใจ รวมถึงมู่ซ่างเสวี่ยด้วยท้ายที่สุดแล้ว ตอนนั้นเซียวเหิงก็จากไปพร้อมกับคนตระกูลมู่ แต่ตอนนี้กลับโยนความผิดทั้งหมดให้แก่องค์ชายสอง เรื่องราวเบื้องหลังทั้งหมดนี้จะมีความลับมากน้อยเพียงใด ยังไม่อาจทราบได้ศพสองร่างในห้องถูกยกออกไปแล้ว คราบเลือดก็ถูกเช็ดจนสะอาด แต่ในอากาศยังคงอบอวลด้วยกลิ่นคาวเลือดจางๆทุกหยาดทุกหยด ล้วนกระตุ้นประสาทของฉู่จืออี้อย่างรุนแรงฉู่จืออี้เก็บซ่อนความเย็นชาในดวงตา หันไปทางมู่ซ่างเสวี่ย แล้วเอ่ยว่า “คุณชายใหญ่พักผ่อนเถิด คืนนี้เหล่านักลอบสังหารคงไม่กลับมาอีกแล้ว”มู่ซ่างเสวี่ยได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ขอบคุณฉู่จืออี้อีกครั้ง “เรื่องคืนนี้ ขอบคุณท่านอ๋องมาก”ฉู่จืออี้แย้มยิ้มมุมปาก แล้วหมุนกายกลับเข้าห้องของตนไปรุ่งขึ้นขบวนออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่เห็นได้ชัดว่าภายในแถวมีคนหายไปหลายคน เป็นพวกที่ออกไปตามล่านักลอบสังหารเมื่อคืนคงไปแล้วไปลับสินะ?ดวงตาของฉู่จืออี้มืดครึ้ม แต่เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ขึ้นรถม้าตามเดิมขณะเดียวกัน ที่เมืองอู้ในแคว้นจิ้ง ฝนโปรยปราย

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1267

    คืนนี้ เกรงว่าจะไม่สงบแล้วยามดึกสงัด สถานีพักม้าทั้งแห่งจมอยู่ในความเงียบงันฉู่จืออี้นอนบนเตียงโดยยังไม่ถอดเสื้อผ้า ข้างมือวางดาบสั้นที่ชักออกจากฝักแล้วแสงจันทร์ลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้ สาดเงาระยับลงบนพื้นทันใดนั้น เสียง "แคร้ก" เบาๆ ดังขึ้นจากบนหลังคา คล้ายกระเบื้องที่ถูกเหยียบฉู่จืออี้ลืมตาขึ้นทันที กลั้นลมหายใจ พลิกตัวลงจากเตียงอย่างไร้เสียงขณะเดียวกัน ห้องของมู่ซ่างเสวี่ยที่อยู่ติดกันดังเสียงทึบขึ้นหนึ่งครั้ง แล้วตามด้วยเสียงการต่อสู้!ฉู่จืออี้ไม่ลังเลแม้แต่น้อย พุ่งออกจากห้องถีบประตูห้องมู่ซ่างเสวี่ยเปิดออกทันทีในห้อง มีชายชุดดำสามคนกำลังรุมโจมตีมู่ซ่างเสวี่ย หนึ่งในนั้นฟันดาบยาวเฉียดแขนเสื้อของมู่ซ่างเสวี่ยจนขาด เลือดสดไหลรินลงตามแขนฉู่จืออี้พุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ดั่งสายฟ้าฟาดแทงเข้าหานักลอบสังหารที่อยู่ใกล้ที่สุดนักลอบสังหารคนนั้นตอบสนองไว หมุนตัวขึ้นมาป้องกัน แต่ไม่ทันเห็นว่าดาบของฉู่จืออี้เปลี่ยนทิศกลางคัน แทงทะลุคออีกคนที่แอบจู่โจมอยู่ด้านข้างเลือดพุ่งกระเซ็นเปื้อนกระดาษหน้าต่าง ราวดอกเหมยสีแดงผลิบานมู่ซ่างเสวี่ยฉวยโอกาสตอบโต้ ดาบอ่อนในมือพลิ้วดั่งงู

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1266

    ครึ่งเดือนต่อมาฤดูหนาวของแคว้นถังมาถึงเร็วกว่าของแคว้นจิ้งเล็กน้อยเมื่อคืนเมืองอวี๋โจวมีหิมะตกโปรยปรายตลอดทั้งคืน ราวกับตั้งใจจะกลบเมืองทั้งเมืองให้จมหายไปใต้หิมะสีขาวนั้นฉู่จืออี้ยืนอยู่ริมหน้าต่างของโรงแรม มือคีบจดหมายที่เพิ่งได้รับจากนกพิราบสื่อสารลายมือบนกระดาษนั้น เขาคุ้นเคยยิ่งกว่าใคร เป็นลายมือของเจ้าสิบปลายนิ้วเขาลูบไปตามขอบกระดาษเพื่อยืนยันรอยสัญลักษณ์ลับที่แทบมองไม่เห็นดูท่า เจ้าสิบคงปลอดภัยจริงๆ แล้วด้านหลังมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น มู่ซ่างเสวี่ยในอาภรณ์ไหมสีน้ำเงินเข้มก้าวเข้ามาในห้อง ป้ายเหล็กนิลที่คาดเอวแกว่งเบาๆ ตามจังหวะก้าว “ท่านอ๋องวางใจได้ เดินทางเข้าเมืองหลวงกับข้าเถอะ”ฉู่จืออี้จุดไฟเผาจดหมายในมือ มองมันกลายเป็นขี้เถ้า “คุณชายมู่รักษาคำสัญญาดีจริง”“ตระกูลมู่ของเรามีวาจาเป็นสัญญาเสมอ” มู่ซ่างเสวี่ยยืนอยู่ตรงประตู แสงอาทิตย์สาดจากด้านหลังเขาทอดเงายาวลงบนพื้น “รถม้าเตรียมพร้อมแล้ว ท่านอ๋องจะออกเดินทางเมื่อใดก็ได้”ฉู่จืออี้ยกห่อสัมภาระที่เก็บไว้เรียบร้อยขึ้น สายตาเข้มขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากยกยิ้มบางๆ “เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”นอกโรงแรม เหล่าองครักษ์ชุดหนึ่งยืน

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1265

    ฉู่จืออี้แววตาสว่างวาบขึ้นมาที่ซ่อนของเจ้าสิบถูกอีกฝ่ายรู้ตำแหน่งอยู่แล้ว!ไม่อาจมองข้ามตระกูลมู่ได้เลยจริงๆ"เช่นนั้นที่คุณชายใหญ่มู่มาวันนี้ มีเรื่องอันใด?" เสียงของฉู่จืออี้อ่อนลงเล็กน้อย แต่ยังคงแฝงด้วยความระแวดระวังมู่ซ่างเสวี่ยเก็บผ้าไหมกลับเข้าแขนเสื้อ "พาท่านอ๋องเข้าสู่เมืองหลวง""อ้อ?" ฉู่จืออี้เลิกคิ้ว "ในฐานะนักโทษงั้นหรือ?""ในฐานะแขก" มู่ซ่างเสวี่ยแก้ "ท่านเจ้าตระกูลอยากพบท่าน"สิ้นเสียงนั้น ก็ได้ยินเจ้าสิบเอ่ยอย่างร้อนรน “พี่ใหญ่ ไปไม่ได้นะขอรับ!”ตระกูลมู่มีอำนาจล้นฟ้าในแคว้นถัง หากฉู่จืออี้ตามมู่ซ่างเสวี่ยเข้าเมืองหลวงไป ก็ไม่ต่างอะไรกับเดินเข้าสู่ถ้ำเสือ!แต่ฉู่จืออี้ต้องไปในเมื่อพวกพ้องของเขาทุกคนอยู่ในเงื้อมมือตระกูลมู่ เช่นนั้นแม้ในเมืองหลวงของแคว้นถังจะเต็มไปด้วยคมดาบเพลิงไฟรออยู่ เขาก็ต้องไป!ดังนั้น เขาจึงมองมู่ซ่างเสวี่ยแล้วกล่าวเสียงทุ้ม “ข้าต้องแน่ใจว่าเจ้าสิบจะกลับไปถึงเมืองอู้โดยปลอดภัย”“พี่ใหญ่!” เจ้าสิบอุทาน “ข้าไม่ไป!”ฉู่จืออี้ขมวดคิ้ว มองเขา “เจ้าไม่ไป แล้วใครจะส่งข่าวให้ข้า?”องครักษ์พยัคฆ์ไม่อาจพินาศทั้งหมดในแคว้นถังได้เจ้าสิบอ้าปา

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1264

    ในที่สุดฉู่จืออี้ก็เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากยกยิ้มอย่างมีนัยยะ "เจ้าแค่ไปเคาะประตูเสีย"เด็กรับใช้เดินออกไปด้วยความงุนงงเจ้าสิบทำหน้าฉงน "พี่ใหญ่ ข้างห้องคือ?"ฉู่จืออี้ไม่ตอบ รินเหล้าให้ตัวเองหนึ่งจอก เหล้าในจอกกระเพื่อมเป็นระลอกสะท้อนดวงตาลึกล้ำของเขาบริเวณบันไดมีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้น หากไม่ตั้งใจฟังก็แทบจะถูกเสียงเอะอะด้านล่างกลบจนหมดปลายนิ้วของฉู่จืออี้หยุดอยู่ตรงขอบจอกชั่วขณะ แล้วก็เคาะต่อไปอย่างมีจังหวะเสียง "เอี๊ยด" ดังขึ้น ประตูห้องส่วนตัวถูกผลักเปิดออกร่างหนึ่งในเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาวยืนอยู่หน้าประตู ยืนต้านแสงจนมองไม่เห็นใบหน้า เห็นเพียงเหรียญเหล็กนิลที่เอวสะท้อนแสงเย็นวาบในแสงโคม"ท่านอ๋อง" น้ำเสียงของผู้มาเยือนเย็นเยียบดุจน้ำแข็งแตกกระทบกัน "ไม่ได้พบกันเสียนานเลยขอรับ"ฉู่จืออี้เหลือบตามองออกไป ก็เห็นว่าเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลมู่ มู่ซ่างเสวี่ยทันใดนั้นจึงผายมือเชิญให้นั่ง "คุณชายใหญ่มู่มาด้วยตนเอง ข้าน้อยฉู่รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก"มู่ซ่างเสวี่ยยังไม่ได้นั่งลงทันที แต่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ มองฉู่จืออี้จากที่สูง "เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไร?""ตั้งแต่ข้ากับเจ้าสิบก้าวเข้

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1263

    ลมกรรโชกนอกห้องแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบกับขอบหน้าต่างอันบางเบาฉู่จืออี้ทอดสายตาลงยังแผงอกของเจ้าสิบ “ข้าดูแผลเจ้าหน่อย”เจ้าสิบหน้าซีดลงเล็กน้อย สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะคลายเสื้อออก เผยให้เห็นผ้าพันแผลสีขาวที่ถูกเลือดสดซึมจนแดงไปทั้งผืน“หนึ่งเดือนก่อน ข้าถูกลอบโจมตีตอนสืบหาที่ที่เจ้าสามปรากฏตัวครั้งสุดท้าย” เจ้าสิบกัดฟันแกะผ้าพันแผลออก เผยให้เห็นบาดแผลอันเหี้ยมโหดที่ลากจากกระดูกไหปลาร้าถึงซี่โครง เนื้อหนังแหวกแยกยังไม่สมานดี “อีกฝ่ายลงมืออำมหิตนัก ทุกกระบวนท่าล้วนหมายเอาชีวิต หากมิใช่เพราะคืนนั้นฝนตกถนนลื่น ข้าคงไม่พลัดตกน้ำจนรอดมาได้...”ฉู่จืออี้จ้องมองบาดแผลนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แววตาเริ่มเย็นชา “แนวคมดาบเฉียงขึ้น เป็นคนถนัดซ้าย เจ้าพอมองเห็นหน้ามันหรือไม่?”“ไม่เห็นขอรับ” เจ้าสิบขมวดคิ้ว “ฟ้ามืด พวกมันสวมชุดพรางยามราตรี มีกันอย่างน้อยสิบคน ฝึกฝนมาดี ทำงานสอดประสานกัน ไม่ใช่โจรภูเขาธรรมดา”ฉู่จืออี้หยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นจิบหนึ่งคำ แล้วเอ่ยต่อ “ทางเซียวเหิงเป็นเช่นไร?”“ข่าวคราวสุดท้ายจากเซียวเหิงก็เมื่อห้าเดือนก่อน เขาบอกว่าจะติดตามองค์ชายสองแห่งแคว้นถังไปล่าสัตว์ที่แดนเหนือ” เจ้าสิบ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status