แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: โม่เสียวชี่
อีกด้านหนึ่ง เฉียวเนี่ยนประคองฮูหยินชราเพิ่งกลับห้อง ฮูหยินชราก็ป่วยแล้ว

ก็เหมือนกับที่ฮูหยินหลินกล่าวไว้ สุขภาพของฮูหยินชราไม่ดีเท่าเมื่อก่อนแล้วจริงๆ

แม้ว่าวันนี้จะตั้งใจควบคุมอารมณ์ของตัวเองแล้ว แต่ก็ยังตื่นเต้นเกินไป หลังจากนอนลงก็หอบหายใจอย่างหนัก

ดีที่ซูมามาที่ปรนนิบัติฮูหยินชราคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว จึงเรียกหมอมาเฝ้าอยู่นอกห้องของฮูหยินชรา รอจนฮูหยินชราล้มตัวลงนอนจึงฝังเข็มและนวดให้ ผ่านไปหนึ่งก้านธูป ฮูหยินชราถึงค่อยรู้สึกดีขึ้น

กระบวนการนี้ไม่ถือว่าน่าหวาดเสียวมากนัก แต่เฉียวเนี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยังตกใจจนทําอะไรไม่ถูกอยู่ดี

เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเฉียวเนี่ยน ฮูหยินชรานั่งพิงหัวเตียงและกวักมือเรียกนาง

จมูกของเฉียวเนี่ยนแดงเล็กน้อย แต่ก็กลัวว่าหากตัวเองมีอารมณ์รุนแรงจะทําให้ฮูหยินชราล้มป่วยอีก จึงฝืนกลั้นน้ำตาแล้วเดินไปที่ข้างเตียงของฮูหยินชรา

“ตกใจหมดเลย?” ฮูหยินชรายิ้มอย่างอบอุ่น

เฉียวเนี่ยนสูดจมูกฟุดฟิด จับมือของฮูหยินชราไว้แน่น “ท่านย่ารับปากว่าเนี่ยนเนี่ยนจะมีอายุยืนยาวเป็นร้อยปี”

นางเหลือแต่ท่านย่าแล้ว

ฮูหยินชรามองเฉียวเนี่ยนอย่างอ่อนโยน “ท่านย่าก็อยากมีชีวิตยืนยาว ปกป้องเนี่ยนเนี่ยนตลอดไป...”

แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่สามารถปกป้องได้นานนัก

คิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นฮูหยินชราก็ถามขึ้นว่า “เนี่ยนเนี่ยน ย่าช่วยหาคู่แต่งงานให้เจ้าดีหรือไม่?”

ในขณะที่ร่างกายของนางยังนับว่าแข็งแรงดี สามารถหาคู่แต่งงานที่ดีให้กับจวนโหวได้ในขณะที่ยังพูดคุยได้ไม่กี่คํา เช่นนี้จึงจะถือว่าปกป้องนางไปทั้งชีวิต

เฉียวเนี่ยนเข้าใจความหมายของท่านย่า แต่ยังคงส่ายหน้า หลุบตาลง “เนี่ยนเนี่ยนแค่อยากเฝ้าท่านย่าเท่านั้น”

สามปีที่ผ่านมาทําให้นางมองเห็นสิ่งต่างๆ มากเกินไป

แม้แต่ญาติสนิทที่อยู่กับตนมาสิบห้าปียังสามารถทอดทิ้งนางได้ในชั่วข้ามคืน นางจะฝากชีวิตทั้งชีวิตให้กับคนที่ไม่รู้จัก ที่เรียกว่าสามีได้อย่างไร?

นางคิดว่าชีวิตนี้จะอยู่กับท่านย่าเท่านั้น หลังจากท่านย่าถึงแก่กรรมแล้วนางก็จะย้ายออกจากจวนโหว ต่อไปไปออกบวชก็ยังดีกว่าไปพัวพันกับคนอื่นๆ ในจวนโหว

ฮูหยินรู้ว่าเฉียวเนี่ยนเป็นคนหัวแข็งตั้งแต่เด็ก เรื่องที่นางไม่เต็มใจก็ไม่มีใครสามารถโน้มน้าวใจนางได้ จึงทําได้เพียงถอนหายใจเล็กน้อยและไม่พูดอะไรอีก

เฉียวเนี่ยนอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินเฒ่าอีกครู่หนึ่ง รอจนฮูหยินเฒ่าหลับไปแล้วถึงจากไป

ใครจะรู้ว่านางเพิ่งกลับมาถึงเรือนฟางเหอได้ไม่นาน ก็ได้ยินหนิงซวงมารายงานว่า “คุณหนู คุณหนูรองมาเยี่ยมท่านแล้ว”

หลินยวน?

เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รอเอ่ยปากก็ได้ยินหนิงซวงพูดอีกว่า “คุณหนูรองมาคนเดียว”

ได้ยินคําพูดนี้ เฉียวเนี่ยนกลับหัวเราะอีก “นางให้เจ้าพูดแบบนี้หรือ?”

หนิงซวงกะพริบตาที่ไร้เดียงสาคู่นั้น แล้วพยักหน้า จากนั้นพูดว่า “หากคุณหนูไม่อยากพบ บ่าวจะไปปฏิเสธนางเดี๋ยวนี้”

ดูสิ แม้แต่สาวใช้คนหนึ่งก็รู้ว่านางไม่อยากพบหลินยวน

แต่นางหลินยวนกลับไม่รู้

ยังจงใจให้หนิงซวงบอกนางว่า หญิงรับใช้ที่ใส่ร้ายนางว่าทําถ้วยแตกไม่ได้ตามมาด้วย

ทําให้คนหัวเราะจริงๆ

ตอนนั้นคนที่ใส่ร้ายนางคือสาวใช้ของหลินยวนไม่ผิด แต่ทําถ้วยแตกกลับไม่กล้ายอมรับ ได้แต่มองสาวใช้ของตัวเองใส่ร้ายนางแต่กลับขดตัวอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรสักคํา ยอมรับโดยปริยายว่าคนที่ทําให้นางต้องรับผิดคือหลินยวน!

ดังนั้นเฉียวเนี่ยนจึงไม่เข้าใจว่าทําไมหลินยวนถึงคิดว่านางจะได้พบกับนาง

จากนั้นนางก็พูดอย่างเย็นชาว่า "แค่บอกว่าข้าหลับไปแล้วก็พอ"

“เจ้าค่ะ!” หนิงซวงรับคําแล้วออกไป ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงกลับมา

สีหน้าดูอ่อนเพลีย เหมือนไม่ค่อยกล้าเอ่ยปาก “คุณหนู คุณหนูรองบอกว่าวันนี้นางตั้งใจมาขอโทษท่าน หากท่านไม่พบนาง นางก็จะยืนอยู่ข้างนอกไม่ไปไหนตลอด บ่าวเห็นว่าวันนี้ หิมะใกล้จะตกแล้ว”

จริงๆ แล้วหนิงซวงก็ไม่รู้ว่าคุณหนูรองคนนี้ต้องการพบคุณหนูของนางเพราะเรื่องอะไร

แต่ถึงอย่างไรคุณหนูรองก็เป็นแก้วตาดวงใจของจวนโหว หากตากหิมะอยู่ข้างนอกจริง ก็ไม่รู้ว่าคนในจวนจะซุบซิบอะไรกัน

มันไม่ดีต่อคุณหนูของนาง

เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย แอบถอนหายใจ ในที่สุดก็เอ่ยปากอย่างเหนื่อยใจ “งั้นเจ้าให้นางเข้ามาเถอะ”

“เจ้าค่ะ” หนิงซวงรับคําแล้วเดินจากไป ไม่นานหลินยวนก็เดินเข้ามา

ในเวลานี้เฉียวเนี่ยนกําลังนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชาด้านนอกและทายารักษาอาการบวมเป็นน้ำเหลืองที่หลังมือ

หลินยวนเห็นนิ้วมือทั้งห้าของเฉียวเนี่ยนที่ช้ำช้ำทันที หัวใจก็เต้นตึกตักอย่างอดไม่ได้

จากนั้นนางก็ก้าวไปข้างหน้าและโค้งคํานับ "ยวนเอ๋อร์คารวะพี่หญิง"

เฉียวเนี่ยนไม่แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้น เพียงพูดว่า “นั่งลง”

น้ำเสียงนุ่มนวล แต่แฝงไปด้วยความเย็นชา

หลินยวนไม่ได้นั่ง แต่กลับเดินเข้ามา “ยวนเอ๋อร์ทายาให้พี่หญิงนะเจ้าคะ”

ระหว่างที่พูด นางก็หยิบยาขี้ผึ้งบนโต๊ะน้ำชาขึ้นมา ทําท่าจะเช็ดไปที่หลังมือของเฉียวเนี่ยน

แต่เฉียวเนี่ยนกลับซ่อนมือไว้ในแขนเสื้อ

ในที่สุดนางก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลินยวน มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ย “อากาศหนาวมาก คุณหนูหลินไม่อยู่ในห้องของตัวเอง มาหาข้าทําไมเจ้าคะ?”

อาจเป็นเพราะท่าทีที่เย็นชาของเฉียวเนี่ยนทําให้หลินยวนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ดวงตาของนางแดงก่ำเล็กน้อย ยืนอยู่ที่เดิม น้ำเสียงอ่อนโยน “ยวนเอ๋อร์มาขอโทษพี่หญิง เรื่องในตอนนั้นเป็นความผิดของยวนเอ๋อร์ ถ้าไม่ใช่เพราะยวนเอ๋อร์ทําถ้วยแตก พี่หญิงก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนี้หรอก” พี่หญิงจะตีหรือด่ายวนเอ๋อร์ก็ไม่มีคําบ่น ขอแค่พี่หญิงหายโกรธก็พอ”

ท่าทางของหลินยวนเหมือนอยากจะคุกเข่าลงตรงหน้านาง

พูดจากใจจริงจริงๆ

แต่เฉียวเนี่ยนกลับทําเพียงมองด้วยสายตาเย็นชา รอให้นางพูดจบจึงถามออกไปประโยคหนึ่ง “เจ้าคิดว่า ตอนนั้นเจ้าแค่ทําถ้วยแตกหรือ?”

ประโยคเดียวทําให้หลินยวนสําลัก

เฉียวเนี่ยนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปที่ข้างประตู มองดูกิ่งไม้ที่โดดเดี่ยวหลายกิ่งยืนตระหง่านอยู่บนสระบัวที่ถูกแช่แข็งมานานแล้วก็อดสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้

อากาศที่หนาวเย็นได้แทรกซึมเข้าไปในปอดของนางทันที ทําให้ออร่าของนางเย็นลงเล็กน้อย

“เจ้าต่างหากที่เป็นบุตรสาวของภรรยาเอกของจวนโหว สิบห้าปีข้างหน้า เป็นข้าที่แย่งชิงความมั่งคั่งและเกียรติยศของเจ้า ดังนั้นข้ารู้ว่าท่านโหวและฮูหยินควรดูแลเจ้า ท่านโหวน้อยควรปกป้องเจ้า แม้แต่เรือนลั่วเหมยที่ข้าชอบที่สุดก็ควรเป็นของเจ้า “หลินยวน ตอนนั้นหลังจากที่เจ้ากลับมา ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้านะ”

“ข้าเคยคิดอยากกลับไปหาพ่อแม่ผู้ให้กําเนิดของข้า ท่านโหวบอกว่าพ่อแม่ผู้ให้กําเนิดของข้าล้วนถึงแก่กรรมแล้ว ให้ข้าอยู่ในจวนอย่างสบายใจ สําหรับเรื่องนี้ ข้าซาบซึ้งใจมาก และแอบสาบานกับตัวเองว่าวันหลังจะคบค้าสมาคมกับเจ้าให้ดี แม้ว่าในใจจะมีความแตกต่าง แต่...”

พูดถึงตรงนี้ เฉียวเนี่ยนก็หันมามองหลินยวน “เจ้าลองถามใจตัวเองดู ข้าเคยทําร้ายเจ้าหรือไม่?”

ดวงตาของหลินยวนแดงก่ำ ราวกับจะหลั่งน้ำตาออกมาได้ทุกเวลา

ชั่วขณะหนึ่ง เฉียวเนี่ยนรู้สึกหมดแรงเล็กน้อย

หากถูกคนอื่นของจวนโหวเห็นเข้า เกรงว่าคงจะใส่ร้ายว่าเป็นนางรังแกนางอีก

ตอนนั้น หลินเย่ว์ไม่ได้เตะนางตกตึกเพราะท่าทางของหลินยวนหรอกหรือ?

แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่เคยทําอะไรเลย

เฉียวเนี่ยนใจหายวาบ มองดอกไม้สีขาวที่กําลังจะร้องไห้ดอกนั้นด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงยิ่งแข็งกระด้าง “แต่ทําไมเจ้าถึงทําร้ายข้า?”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Sita
ขอติดตามตอนต่อไปค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 948

    พระพุทธรูปหยก!เฉียวเนี่ยนรู้จักดีเมื่อคราวนั้นฮูหยินหลินยังเคยมาขอร้องนางเพื่อหลินยวน ขอพระพุทธรูปหยกหนึ่งองค์ไปเป็นสินเดิมให้หลินยวนเมื่อมู่คังเซิ่งพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวเนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัยว่า “พระพุทธรูปหยกมีอะไรหรือเจ้าคะ?”มู่คังเซิ่งสูดหายใจลึก สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ในพระพุทธรูปหยกนั้น ซ่อนเศษแผนที่สมบัติไว้สองชิ้น ซึ่งสามารถช่วยพวกเราตามหาขุมสมบัติที่บรรพชนของตระกูลมู่ทิ้งไว้ และช่วยให้ตระกูลมู่รอดพ้นจากวิกฤตในตอนนี้ได้”เมื่อได้ยินคำว่า ‘แผนที่สมบัติ’ หลินเย่ว์ก็โกรธขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ “ข้าว่าพวกเจ้าจะเล่นละครมากเกินไปแล้วล่ะ! แผนที่สมบัติรึ! หากมีแผนที่สมบัติจริง เหตุใดต้องซ่อนอยู่ในพระพุทธรูปหยก? แล้วเหตุใดในปีนั้นถึงกลายเป็นสินสมรสของท่านย่าเราตอนแต่งงานที่แคว้นจิ้ง? หากมีแผนที่สมบัติจริง แต่ละปีที่ผ่านมา ด้วยกำลังของพวกตระกูลมู่ เจ้าก็ต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อตามหาท่านย่าแล้วสิ ไยต้องรอจนกว่าน้องสาวข้าจะเอาเครื่องรางหยกออกมาให้เห็น เจ้าถึงจะรู้ว่าท่านย่าแต่งเข้ามาอยู่ที่แคว้นจิ้ง?”แม้หลินเย่ว์จะมุทะลุไปหน่อย แต่คำถามเหล่านี้ ก็ล้วนเป็นส

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 947

    ความรู้สึกนี้ แปลกประหลาดอยู่บ้างมู่คังเซิ่งถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ท่านปู่ของมู่ซ่างเสวี่ยกับมู่หงเสวี่ยตอนยังมีชีวิตอยู่ เคยพยายามอย่างหนักเพื่อจะตามหาท่านย่าของเจ้า ไม่คิดว่ากว่าจะหาเจอ ทั้งสองก็... เฮ้อ!”เฉียวเนี่ยนก้มหน้าลง ไม่กล่าวอะไรภายในใจเกิดคลื่นแห่งความโศกเศร้าอ่อนจางบางคนไม่ว่าจะจากไปนานแค่ไหน เพียงหวนระลึกถึงอีกครั้ง ใจก็ยังคงปวดร้าวอยู่ดีพอเห็นเฉียวเนี่ยนมีปฏิกิริยาเช่นนี้ มู่คังเซิ่งก็กล่าวอีกว่า “แต่ว่าโชคดีที่ตอนนี้หาเจ้าพบแล้ว! สวรรค์ช่างไม่ใจร้ายต่อตระกูลมู่เลยจริงๆ!”พอคำพูดนี้สิ้นสุดลง สีหน้าของเฉียวเนี่ยนกับหลินเย่ว์ก็พลันเปลี่ยนไปหลินเย่ว์ก้าวเข้ามา แววตามีความไม่พอใจปนอยู่ แต่ทว่าน้ำเสียงยังคงรักษาความสุภาพขั้นพื้นฐาน “ขอเรียนถามท่านผู้นำตระกูลตระกูลมู่ ว่าคำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?”มู่คังเซิ่งเงยหน้ามองหลินเย่ว์แวบหนึ่ง แววตาธรรมดาไร้ความรู้สึก แต่กลับให้ความรู้สึกเย้ยหยันอย่างประหลาดเขาไม่ได้หันไปมองหลินเย่ว์ แต่กลับหันไปทางเฉียวเนี่ยนแล้วเอ่ยว่า “เด็กน้อย เจ้าจะกลับไปเยือนตระกูลมู่กับเราสักครั้งเมื่อไรดีล่ะ?”เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้ว “ท่านผู้นำตร

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 946

    เฉียวเนี่ยนชะงักไปครู่หนึ่งก็เห็นชายชราผู้หนึ่งยืนอยู่กลางโถงชั้นล่างสวมเสื้อคลุมผ้าไหมสีดำ ปักลายด้วยดิ้นทอง คาดผ้าคาดเอวสีดำเข้มที่ดูเก่าเล็กน้อย บนผ้านั้นห้อยจี้หยกชิ้นหนึ่งบนจี้หยกนั้นแกะสลักไว้ด้วยอักษร ‘มู่’มู่ซ่างเสวี่ยกับมู่หงเสวี่ยยืนอยู่คนละข้างของชายชราทั้งที่คนหนึ่งสุขุม อีกคนหนึ่งองอาจเปี่ยมชีวิตชีวา ทว่าเมื่อยืนข้างชายชราผู้นั้น กลับดูราวกับเด็กรับใช้ไปถนัดตาไม่ต้องบอก เฉียวเนี่ยนก็รู้ได้ทันทีว่าชายชราคือผู้นำตระกูลมู่เวลานั้น สายตาของผู้นำตระกูลมู่เปล่งประกายเป็นประกายจ้า จ้องมองเฉียวเนี่ยนแน่นิ่งเหมือนกำลังจ้องมองสมบัติล้ำค่าเฉียวเนี่ยนไม่ชอบสายตาเช่นนี้นักนางรู้สึกว่าตนเองกลายเป็นสิ่งของอะไรบางอย่างสิ่งของที่สำคัญยิ่งต่อตระกูลมู่มู่ซ่างเสวี่ยกล่าวแนะนำว่า “ท่านอา นางก็คือเนี่ยนเนี่ยน หลานสาวแท้ๆ ของป้าทวด อีกท่านหนึ่งนามว่าหลินเย่ว์ เป็นหลานชายแท้ๆ ของป้าทวดเช่นกันขอรับ”ขณะกล่าว เฉียวเนี่ยนก็ลงบันไดมาแล้ว นางก้าวเข้ามากล่าวคำนับต่อผู้นำตระกูลมู่ “คารวะท่านผู้นำตระกูลเจ้าค่ะ”ผู้นำตระกูลมู่มีนามว่ามู่คังเซิ่ง ปีนี้อายุหกสิบห้า เป็นพี่ใหญ่แท้ๆ ขอ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 945

    แต่นางกลับนึกถึงฉู่จืออี้ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยหากวันนี้ฉู่จืออี้อยู่ละก็ ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ไอ้หัวหงอกนั่นพาตัวนางไปได้แน่ถึงแม้จะถูกพาตัวไปจริงๆ ก็คงจะหานางเจออย่างรวดเร็วถึงแม้จะไม่รวดเร็ว อย่างน้อยในตอนนี้ เขาก็จะต้องบอกนางว่า อย่าคิดมากคิดถึงตรงนี้ ใจของนางก็สงบลงอย่างไม่มีเหตุผลเฉียวเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลง แล้วในที่สุดก็ค่อยๆ หลับไปเช้าวันถัดมา นางก็นอนเต็มอิ่มจริงๆเมื่อลุกออกจากห้องก็ล่วงเลยถึงช่วงสายด้านล่างของโรงแรมมีคนนั่งอยู่ไม่น้อย เฉียวเนี่ยนกวาดตามอง ส่วนมากเป็นคนของตระกูลมู่แต่มู่ซ่างเสวี่ยกับมู่หงเสวี่ยกลับไม่อยู่นางก็ไม่ได้ถามมากความ หันไปที่ห้องของพี่ห้าแทนวันนี้พี่ห้าดูดีกว่าเมื่อวานมากพอเห็นเฉียวเนี่ยน เขาก็อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ว่า “เมื่อวานไอ้แก่นั่นได้ทำอะไรให้เจ้าลำบากใจหรือไม่?”เฉียวเนี่ยนเดินไปตรวจชีพจรให้พี่ห้า แล้วจึงพูดว่า “ไม่ เขาบอกว่าอยากรับข้าเป็นศิษย์ ข้าปฏิเสธ เขาก็เลยปล่อยข้าไว้บนดาดฟ้า”พอนึกถึงเรื่องนี้ ใจเฉียวเนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะเดือดดาลเจ้าเฒ่านั่นเจ้าเล่ห์เสียจริงพี่ห้าก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกั

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 944

    โชคดีที่หลังจากนั้นไม่นาน คนตระกูลมู่ก็มาถึง รับตัวคนทั้งสองลงมาได้มู่ซ่างเสวี่ยถอดผ้าคลุมของตนออก คลุมร่างเฉียวเนี่ยนเอาไว้ทั้งตัว พอเห็นใบหน้าซีดเซียวของเฉียวเนี่ยนที่หนาวจนแทบไม่มีสีเลือด ก็คิ้วขมวดแน่น “เร็วเข้า! พาคุณหนูกลับไป! เตรียมน้ำอุ่นกับน้ำขิงไว้!”"เจ้าค่ะ!"สาวใช้ก็เข้ามาพยุงเฉียวเนี่ยนมุ่งหน้าไปยังรถม้าที่จอดอยู่ไม่ไกลในทันทีตลอดทาง เฉียวเนี่ยนไม่ได้หันกลับไปมองเพราะนางรู้ดีว่าหลินเย่ว์อยู่ด้านหลังของนางสายตานั้นร้อนแรง ราวกับจะเจาะทะลุแผ่นหลังของนางให้เป็นรูเพียงแต่ ตอนก้าวขึ้นรถม้า นางก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางหลินเย่ว์ก็เห็นว่าหลินเย่ว์ยังคงยืนจ้องมองนางอยู่ที่เดิม พอเห็นนางหันมา ก็มอบรอยยิ้มให้นางหนึ่งที ประหนึ่งบอกให้นางไม่ต้องเป็นห่วงใจเฉียวเนี่ยนพลันสะดุด ใบหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที สุดท้ายนางก็ขึ้นรถม้าไปสาวใช้ของตระกูลมู่พูดเสียงนุ่มจากนอกรถม้า “คุณหนู มีเตาอุ่นมืออยู่ในรถม้า ท่านถือไว้ให้มืออบอุ่นขึ้นนะเจ้าคะ”เฉียวเนี่ยนเพิ่งเห็นว่าบนโต๊ะเล็กข้างๆ มีเตาอุ่นมือวางอยู่จริงๆนางหยิบเตาอุ่นมือขึ้นมา แล้วกดแนบไว้ตรงอก เพียงหวังว่าไออุ่นจากมันจ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 943

    น่าเสียดาย นางกลับไปอดีตไม่ได้อีกแล้วทุกคนไม่มีวันหวนกลับไปยังอดีตได้อีก...“เนี่ยนเนี่ยน! เนี่ยนเนี่ยน!”หลินเย่ว์ยังคงตะโกนเรียก ร่ำร้องด้วยความร้อนใจ“เนี่ยนเนี่ยน เจ้าหาอยู่ที่ไหน! เจ้าอย่าทำให้พี่ใหญ่ตกใจสิ!”“เนี่ยนเนี่ยน! ออกมาเถอะ! พี่ใหญ่มารับเจ้าแล้ว!”“ขอโทษนะเนี่ยนเนี่ยน พี่ใหญ่มาช้าเกินไป พี่ใหญ่ไม่ควรมาช้าอย่างนี้เลย!”“เนี่ยนเนี่ยน เจ้าอย่าทำให้พี่ใหญ่ตกใจ เจ้าอยู่ที่ไหน ตอบพี่ใหญ่มาสักคำเถอะ!”เสียงของหลินเย่ว์เริ่มปนเสียงสะอื้นบางทีอาจเพราะถูกความรู้สึกนั้นส่งผ่านมา เฉียวเนี่ยนที่พยายามกลั้นน้ำตาไว้ก็สุดจะกลั้น สุดท้ายน้ำตาก็ไหลลงมาใช่แล้ว มาช้าเกินไปจริงๆทำไมถึงมาช้าได้เพียงนี้?เจ้ารู้ไหมว่าสามปีนั้น ขอแค่เจ้าปรากฏตัวขึ้นสักครั้ง แค่ครั้งเดียว...ตอนนี้ นางก็ยังจะมีพี่ใหญ่อยู่...“ข้างบนนั่นมีคน!”ไม่รู้ว่าใครร้องขึ้นมาหลินเย่ว์เงยหน้าขึ้นมองในที่สุดท้องฟ้ายามค่ำมืดมิดเกินไปเขามองไม่เห็นใบหน้าของเฉียวเนี่ยน แต่เพียงแวบเดียวก็จำได้ว่าเงาร่างนั้นคือเฉียวเนี่ยนเขาจึงโบกมือให้เฉียวเนี่ยน “เนี่ยนเนี่ยน! เจ้าอย่ากลัว! พี่ใหญ่มาแล้ว! เจ้าอย่าขยับ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status