แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: โม่เสียวชี่
อีกด้านหนึ่ง เฉียวเนี่ยนประคองฮูหยินชราเพิ่งกลับห้อง ฮูหยินชราก็ป่วยแล้ว

ก็เหมือนกับที่ฮูหยินหลินกล่าวไว้ สุขภาพของฮูหยินชราไม่ดีเท่าเมื่อก่อนแล้วจริงๆ

แม้ว่าวันนี้จะตั้งใจควบคุมอารมณ์ของตัวเองแล้ว แต่ก็ยังตื่นเต้นเกินไป หลังจากนอนลงก็หอบหายใจอย่างหนัก

ดีที่ซูมามาที่ปรนนิบัติฮูหยินชราคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว จึงเรียกหมอมาเฝ้าอยู่นอกห้องของฮูหยินชรา รอจนฮูหยินชราล้มตัวลงนอนจึงฝังเข็มและนวดให้ ผ่านไปหนึ่งก้านธูป ฮูหยินชราถึงค่อยรู้สึกดีขึ้น

กระบวนการนี้ไม่ถือว่าน่าหวาดเสียวมากนัก แต่เฉียวเนี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยังตกใจจนทําอะไรไม่ถูกอยู่ดี

เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเฉียวเนี่ยน ฮูหยินชรานั่งพิงหัวเตียงและกวักมือเรียกนาง

จมูกของเฉียวเนี่ยนแดงเล็กน้อย แต่ก็กลัวว่าหากตัวเองมีอารมณ์รุนแรงจะทําให้ฮูหยินชราล้มป่วยอีก จึงฝืนกลั้นน้ำตาแล้วเดินไปที่ข้างเตียงของฮูหยินชรา

“ตกใจหมดเลย?” ฮูหยินชรายิ้มอย่างอบอุ่น

เฉียวเนี่ยนสูดจมูกฟุดฟิด จับมือของฮูหยินชราไว้แน่น “ท่านย่ารับปากว่าเนี่ยนเนี่ยนจะมีอายุยืนยาวเป็นร้อยปี”

นางเหลือแต่ท่านย่าแล้ว

ฮูหยินชรามองเฉียวเนี่ยนอย่างอ่อนโยน “ท่านย่าก็อยากมีชีวิตยืนยาว ปกป้องเนี่ยนเนี่ยนตลอดไป...”

แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่สามารถปกป้องได้นานนัก

คิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นฮูหยินชราก็ถามขึ้นว่า “เนี่ยนเนี่ยน ย่าช่วยหาคู่แต่งงานให้เจ้าดีหรือไม่?”

ในขณะที่ร่างกายของนางยังนับว่าแข็งแรงดี สามารถหาคู่แต่งงานที่ดีให้กับจวนโหวได้ในขณะที่ยังพูดคุยได้ไม่กี่คํา เช่นนี้จึงจะถือว่าปกป้องนางไปทั้งชีวิต

เฉียวเนี่ยนเข้าใจความหมายของท่านย่า แต่ยังคงส่ายหน้า หลุบตาลง “เนี่ยนเนี่ยนแค่อยากเฝ้าท่านย่าเท่านั้น”

สามปีที่ผ่านมาทําให้นางมองเห็นสิ่งต่างๆ มากเกินไป

แม้แต่ญาติสนิทที่อยู่กับตนมาสิบห้าปียังสามารถทอดทิ้งนางได้ในชั่วข้ามคืน นางจะฝากชีวิตทั้งชีวิตให้กับคนที่ไม่รู้จัก ที่เรียกว่าสามีได้อย่างไร?

นางคิดว่าชีวิตนี้จะอยู่กับท่านย่าเท่านั้น หลังจากท่านย่าถึงแก่กรรมแล้วนางก็จะย้ายออกจากจวนโหว ต่อไปไปออกบวชก็ยังดีกว่าไปพัวพันกับคนอื่นๆ ในจวนโหว

ฮูหยินรู้ว่าเฉียวเนี่ยนเป็นคนหัวแข็งตั้งแต่เด็ก เรื่องที่นางไม่เต็มใจก็ไม่มีใครสามารถโน้มน้าวใจนางได้ จึงทําได้เพียงถอนหายใจเล็กน้อยและไม่พูดอะไรอีก

เฉียวเนี่ยนอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินเฒ่าอีกครู่หนึ่ง รอจนฮูหยินเฒ่าหลับไปแล้วถึงจากไป

ใครจะรู้ว่านางเพิ่งกลับมาถึงเรือนฟางเหอได้ไม่นาน ก็ได้ยินหนิงซวงมารายงานว่า “คุณหนู คุณหนูรองมาเยี่ยมท่านแล้ว”

หลินยวน?

เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รอเอ่ยปากก็ได้ยินหนิงซวงพูดอีกว่า “คุณหนูรองมาคนเดียว”

ได้ยินคําพูดนี้ เฉียวเนี่ยนกลับหัวเราะอีก “นางให้เจ้าพูดแบบนี้หรือ?”

หนิงซวงกะพริบตาที่ไร้เดียงสาคู่นั้น แล้วพยักหน้า จากนั้นพูดว่า “หากคุณหนูไม่อยากพบ บ่าวจะไปปฏิเสธนางเดี๋ยวนี้”

ดูสิ แม้แต่สาวใช้คนหนึ่งก็รู้ว่านางไม่อยากพบหลินยวน

แต่นางหลินยวนกลับไม่รู้

ยังจงใจให้หนิงซวงบอกนางว่า หญิงรับใช้ที่ใส่ร้ายนางว่าทําถ้วยแตกไม่ได้ตามมาด้วย

ทําให้คนหัวเราะจริงๆ

ตอนนั้นคนที่ใส่ร้ายนางคือสาวใช้ของหลินยวนไม่ผิด แต่ทําถ้วยแตกกลับไม่กล้ายอมรับ ได้แต่มองสาวใช้ของตัวเองใส่ร้ายนางแต่กลับขดตัวอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรสักคํา ยอมรับโดยปริยายว่าคนที่ทําให้นางต้องรับผิดคือหลินยวน!

ดังนั้นเฉียวเนี่ยนจึงไม่เข้าใจว่าทําไมหลินยวนถึงคิดว่านางจะได้พบกับนาง

จากนั้นนางก็พูดอย่างเย็นชาว่า "แค่บอกว่าข้าหลับไปแล้วก็พอ"

“เจ้าค่ะ!” หนิงซวงรับคําแล้วออกไป ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงกลับมา

สีหน้าดูอ่อนเพลีย เหมือนไม่ค่อยกล้าเอ่ยปาก “คุณหนู คุณหนูรองบอกว่าวันนี้นางตั้งใจมาขอโทษท่าน หากท่านไม่พบนาง นางก็จะยืนอยู่ข้างนอกไม่ไปไหนตลอด บ่าวเห็นว่าวันนี้ หิมะใกล้จะตกแล้ว”

จริงๆ แล้วหนิงซวงก็ไม่รู้ว่าคุณหนูรองคนนี้ต้องการพบคุณหนูของนางเพราะเรื่องอะไร

แต่ถึงอย่างไรคุณหนูรองก็เป็นแก้วตาดวงใจของจวนโหว หากตากหิมะอยู่ข้างนอกจริง ก็ไม่รู้ว่าคนในจวนจะซุบซิบอะไรกัน

มันไม่ดีต่อคุณหนูของนาง

เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย แอบถอนหายใจ ในที่สุดก็เอ่ยปากอย่างเหนื่อยใจ “งั้นเจ้าให้นางเข้ามาเถอะ”

“เจ้าค่ะ” หนิงซวงรับคําแล้วเดินจากไป ไม่นานหลินยวนก็เดินเข้ามา

ในเวลานี้เฉียวเนี่ยนกําลังนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชาด้านนอกและทายารักษาอาการบวมเป็นน้ำเหลืองที่หลังมือ

หลินยวนเห็นนิ้วมือทั้งห้าของเฉียวเนี่ยนที่ช้ำช้ำทันที หัวใจก็เต้นตึกตักอย่างอดไม่ได้

จากนั้นนางก็ก้าวไปข้างหน้าและโค้งคํานับ "ยวนเอ๋อร์คารวะพี่หญิง"

เฉียวเนี่ยนไม่แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้น เพียงพูดว่า “นั่งลง”

น้ำเสียงนุ่มนวล แต่แฝงไปด้วยความเย็นชา

หลินยวนไม่ได้นั่ง แต่กลับเดินเข้ามา “ยวนเอ๋อร์ทายาให้พี่หญิงนะเจ้าคะ”

ระหว่างที่พูด นางก็หยิบยาขี้ผึ้งบนโต๊ะน้ำชาขึ้นมา ทําท่าจะเช็ดไปที่หลังมือของเฉียวเนี่ยน

แต่เฉียวเนี่ยนกลับซ่อนมือไว้ในแขนเสื้อ

ในที่สุดนางก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลินยวน มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ย “อากาศหนาวมาก คุณหนูหลินไม่อยู่ในห้องของตัวเอง มาหาข้าทําไมเจ้าคะ?”

อาจเป็นเพราะท่าทีที่เย็นชาของเฉียวเนี่ยนทําให้หลินยวนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ดวงตาของนางแดงก่ำเล็กน้อย ยืนอยู่ที่เดิม น้ำเสียงอ่อนโยน “ยวนเอ๋อร์มาขอโทษพี่หญิง เรื่องในตอนนั้นเป็นความผิดของยวนเอ๋อร์ ถ้าไม่ใช่เพราะยวนเอ๋อร์ทําถ้วยแตก พี่หญิงก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนี้หรอก” พี่หญิงจะตีหรือด่ายวนเอ๋อร์ก็ไม่มีคําบ่น ขอแค่พี่หญิงหายโกรธก็พอ”

ท่าทางของหลินยวนเหมือนอยากจะคุกเข่าลงตรงหน้านาง

พูดจากใจจริงจริงๆ

แต่เฉียวเนี่ยนกลับทําเพียงมองด้วยสายตาเย็นชา รอให้นางพูดจบจึงถามออกไปประโยคหนึ่ง “เจ้าคิดว่า ตอนนั้นเจ้าแค่ทําถ้วยแตกหรือ?”

ประโยคเดียวทําให้หลินยวนสําลัก

เฉียวเนี่ยนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปที่ข้างประตู มองดูกิ่งไม้ที่โดดเดี่ยวหลายกิ่งยืนตระหง่านอยู่บนสระบัวที่ถูกแช่แข็งมานานแล้วก็อดสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้

อากาศที่หนาวเย็นได้แทรกซึมเข้าไปในปอดของนางทันที ทําให้ออร่าของนางเย็นลงเล็กน้อย

“เจ้าต่างหากที่เป็นบุตรสาวของภรรยาเอกของจวนโหว สิบห้าปีข้างหน้า เป็นข้าที่แย่งชิงความมั่งคั่งและเกียรติยศของเจ้า ดังนั้นข้ารู้ว่าท่านโหวและฮูหยินควรดูแลเจ้า ท่านโหวน้อยควรปกป้องเจ้า แม้แต่เรือนลั่วเหมยที่ข้าชอบที่สุดก็ควรเป็นของเจ้า “หลินยวน ตอนนั้นหลังจากที่เจ้ากลับมา ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้านะ”

“ข้าเคยคิดอยากกลับไปหาพ่อแม่ผู้ให้กําเนิดของข้า ท่านโหวบอกว่าพ่อแม่ผู้ให้กําเนิดของข้าล้วนถึงแก่กรรมแล้ว ให้ข้าอยู่ในจวนอย่างสบายใจ สําหรับเรื่องนี้ ข้าซาบซึ้งใจมาก และแอบสาบานกับตัวเองว่าวันหลังจะคบค้าสมาคมกับเจ้าให้ดี แม้ว่าในใจจะมีความแตกต่าง แต่...”

พูดถึงตรงนี้ เฉียวเนี่ยนก็หันมามองหลินยวน “เจ้าลองถามใจตัวเองดู ข้าเคยทําร้ายเจ้าหรือไม่?”

ดวงตาของหลินยวนแดงก่ำ ราวกับจะหลั่งน้ำตาออกมาได้ทุกเวลา

ชั่วขณะหนึ่ง เฉียวเนี่ยนรู้สึกหมดแรงเล็กน้อย

หากถูกคนอื่นของจวนโหวเห็นเข้า เกรงว่าคงจะใส่ร้ายว่าเป็นนางรังแกนางอีก

ตอนนั้น หลินเย่ว์ไม่ได้เตะนางตกตึกเพราะท่าทางของหลินยวนหรอกหรือ?

แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่เคยทําอะไรเลย

เฉียวเนี่ยนใจหายวาบ มองดอกไม้สีขาวที่กําลังจะร้องไห้ดอกนั้นด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงยิ่งแข็งกระด้าง “แต่ทําไมเจ้าถึงทําร้ายข้า?”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Sita
ขอติดตามตอนต่อไปค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1428

    นางหวนนึกถึงสายตาของฉู่จืออี้ที่กวาดมองมาเมื่อครู่ ในใจยังคงรู้สึกหวาดหวั่นไม่หายอิ๋งชีหันหลังให้นาง เดินไปที่โต๊ะแล้วรินชาเย็นชืดมาจอกหนึ่ง ปลายนิ้วของเขาเย็นเฉียบเขาเงียบงันไปครู่ใหญ่จึงค่อยหันกลับมา สีหน้ากลับมาเรียบเฉยดังเดิม พลางย้ำคำพูดเดิมซ้ำอีกครั้ง “ไม่มีอะไร ข้าเพียงแต่คิดว่าในเมื่อเหยาวั่งซูผู้นั้นมาจากสำนักราชาโอสถ ของที่ทิ้งไว้ย่อมต้องไม่ธรรมดา อาจเป็นของวิเศษที่หลงเหลืออยู่ของหุบเขา ข้าก็แค่เกิดความสงสัยใคร่รู้ชั่ววูบเท่านั้น”หนิงซวงมองเขาด้วยสายตาคลางแคลงใจ เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้เชื่อน้ำคำเขาทั้งหมด แต่ยามนี้นางเป็นห่วงความรู้สึกของเฉียวเนี่ยนมากกว่านางลอบถอนหายใจ เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่ว่าจะยังไง ท่านอย่าเพิ่งพูดถึงมันตอนนี้เลย ตอนนี้... ในใจคุณหนูคงทุกข์ตรมจะแย่อยู่แล้ว หญ้าผลึกหยกม่วงที่เฝ้าคะนึงหาก็สูญหายไป ทางฝั่งแม่ทัพเซียวเองก็... เฮ้อ”นางเว้นจังหวะ น้ำเสียงเข้มขึ้นอีกหลายส่วน “ช่วงนี้ท่านก็ทำตัวให้สงบเสงี่ยมหน่อยเถิดอย่าได้ถามเรื่องสัพเพเหระให้คุณหนูต้องกลัดกลุ้มใจอีกเลย เมื่อครู่ดูสายตาของท่านผู้บัญชาการฉู่สิ หากเจ้ายังขืนมากความอีก ข้าล่ะกลั

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1427

    ฉู่จืออี้หยุดฝีเท้าลง ส่ายหน้าให้แก่ทุกคน น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือแววเหนื่อยล้าและหนักอึ้งราวกับฝุ่นละอองที่ร่วงหล่นสู่พื้นหลังพายุสงบลง “ไม่มีหญ้าผลึกหยกม่วง”ถ้อยคำสั้น ๆ นั้นประดุจคำพิพากษาอันเยือกเย็น ทำให้ใบหน้าของหนิงซวงและเกอซูอวิ๋นซีดเผือดลงในทันที ประกายความหวังสายสุดท้ายในแววตาดับวูบลงไม่มีหญ้าผลึกหยกม่วง นั่นมิเท่ากับยืนยันว่าเซียวเหิงต้องตายแน่แล้วหรือ?ฉู่จืออี้ไม่อยากเอ่ยความใดให้มากความ เขาเพียงต้องการพาเฉียวเนี่ยนกลับห้องไปพักผ่อนโดยเร็วที่สุดร่างสูงเบี่ยงกายเล็กน้อย เตรียมจะเดินเลี่ยงผ่านพวกเขาไป“เช่นนั้น…” เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอิ๋งชีก้าวออกมาข้างหน้า สายตาคมกริบกวาดมองฉู่จืออี้และเฉียวเนี่ยน น้ำเสียงเจือความร้อนรนและคาดคั้นผิดวิสัย “ในแดนต้องห้ามมีสิ่งใดอยู่กันแน่ขอรับ?”ฉู่จืออี้และเฉียวเนี่ยนเงยหน้ามองอิ๋งชีขึ้นพร้อมกันคำถามนี้ช่างดูไม่ถูกกาลเทศะอย่างยิ่งในเวลานี้ มิหนำซ้ำยังดูแปลกประหลาดพิกลนัยน์ตาของฉู่จืออี้ฉายแววพินิจพิเคราะห์พาดผ่านเพียงชั่ววูบฝ่ายเฉียวเนี่ยนแม้จะรู้สึกเหนื่อยล้าเจียนขาดใจ แต่ก็ยังฝืนรวบรวมสติ ตอบกลับด้วยน้ำเสียง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1426

    ฉู่จืออี้มิได้เอ่ยวาจาใดตลอดทาง เพียงใช้ท่อนแขนแกร่งประคองร่างที่แทบจะทรุดฮวบของเฉียวเนี่ยนเอาไว้ กึ่งประคองกึ่งโอบอุ้มพานางเดินกลับไปยังเรือนปีกข้างอย่างเงียบงันเหล่าองครักษ์พยัคฆ์ต่างรู้ใจ ทิ้งระยะห่างออกมาช่วงหนึ่ง ติดตามไปอย่างไม่ใกล้ไม่ไกลแสงโคมสลัวทอทาบลงเบื้องล่างเกิดเป็นวงแสงไหววูบตามจังหวะก้าวเดิน หากแต่ไม่อาจขจัดความสิ้นหวังอันหนักอึ้งที่แผ่ซ่านอยู่รอบกายเฉียวเนี่ยนออกไปได้เหล่าองครักษ์พยัคฆ์ที่รั้งท้ายมองเห็นสภาพของเฉียวเนี่ยนที่ดูราวกับคนวิญญาณหลุดลอย ฝีเท้าหนักเบาไม่เท่ากัน ก็พากันปวดใจจนหัวใจบีบเกร็งพี่ห้าขมวดคิ้วจนแทบผูกเป็นปม อดไม่ได้ที่จะกดเสียงต่ำเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดระคนสงสาร “เนี่ยนเนี่ยนเป็นเช่นนี้... เกรงว่าใจคงแตกสลายไปแล้ว การกระทบกระเทือนจิตใจครานี้ช่างหนักหนานัก”พี่รองพยักหน้าอย่างหนักใจ น้ำเสียงแฝงความเวทนา “นางมุ่งมั่นเพียงจะเอาหญ้าผลึกหยกม่วงไปช่วยชีวิตเซียวเหิง มาบัดนี้... เฮ้อ เจ้าเด็กนั่นเกรงว่าคง…”พี่สามแค่นเสียง เจือความขุ่นเคืองแทนเฉียวเนี่ยน “ให้ข้าพูดนะ เนี่ยนเนี่ยนใจอ่อนเกินไป! แต่ก่อนเจ้าเซียวเหิงทำกับนางไว้อย่างไร? มาวันนี้นางยังต้อ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1425

    อาจเพราะเสียงนั้นแผ่วเบาจนเกินไป มู่ซ่างเสวี่ยจึงเข้าใจว่าตนคงหูฝาด หรือมิเช่นนั้นก็เพราะไม่อยากจะปักใจเชื่อ เขาจึงเผลอไผลเอ่ยถามย้ำกลับไป น้ำเสียงแฝงแววตระหนกที่ยากจะสังเกตเห็น “อะ อะไรนะ?”ในยามนั้นเอง มู่หงเสวี่ยได้เดินโซซัดโซเซมาหยุดอยู่ข้างกายเฉียวเนี่ยนแล้วเขาไม่ได้มองเฉียวเนี่ยน ทว่าค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาดอกท้อที่แดงก่ำด้วยเส้นเลือดคู่นั้นจ้องมองมู่ซ่างเสวี่ยเพียงชั่วครู่ ก่อนจะค่อย ๆ เบนสายตาไปยังกลุ่มผู้อาวุโสตระกูลมู่ที่กำลังชะเง้อรอคอยอยู่ไกลออกไปท่ามกลางความเงียบงัน เสียงหัวเราะอันแหบพร่าและบ้าคลั่งของเขาก็ระเบิดดังขึ้น“ฮ่า ๆ ๆ ๆ! น่าขำ! น่าขำนัก! รากฐานนับร้อยปีของตระกูลมู่เรา สิ่งที่เฝ้ารักษามาทุกยุคทุกสมัย แท้จริงแล้วมัน... ช่างน่าขำสิ้นดี!”เสียงหัวเราะกึกก้องที่อัดแน่นด้วยความคับแค้น ความอัปยศ และความสิ้นหวังอันไร้ที่สิ้นสุด ประหนึ่งคมมีดอาบยาพิษที่กรีดผ่านความเงียบสงัดของราตรี และทิ่มแทงลงกลางดวงใจของคนตระกูลมู่ทุกคน ณ ที่แห่งนั้นอย่างโหดเหี้ยม!สีหน้าของผู้คนแปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เสียงกระซิบกระซาบด้วยความตกใจ ระแวง หวาดหวั่น และโกรธแค้น แผ่ขยายออกไปใน

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1424

    ในชั่วพริบตานั้นเอง นางพลันตระหนักรู้แจ้งแก่ใจอย่างถ่องแท้ขุมทรัพย์สะท้านโลกาที่ตระกูลมู่อ้างถึง ความลับที่แลกมาด้วยการพิทักษ์รักษาและการเสียสละชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนมาหลายชั่วคน แท้จริงแล้วเป็นเพียงหลุมพรางอันสมบูรณ์แบบที่เหยาวั่งซูทุ่มเทแรงกายแรงใจเฮือกสุดท้ายรังสรรค์ขึ้นก่อนสิ้นลมเท่านั้น!มิเคยมีทรัพย์สมบัติมหาศาลเทียมฟ้าอันใด สิ่งที่มี มีเพียงถ้อยคำจารึกบนผนังหินทั้งสี่ด้าน ที่ทุกอักขระล้วนหลั่งโลหิต ทุกประโยคล้วนอาบยาพิษ กรีดร้องฟ้องร้องความอยุติธรรม!เหยาวั่งซูเพียงใช้คำว่า “ขุมทรัพย์” อันเย้ายวนใจเพียงสองคำ ก็สามารถตอกตรึงลูกหลานตระกูลมู่ไว้บนเสาแห่งความอัปยศอดสูได้อย่างแน่นหนา ทำให้พวกเขายอมพลีเลือดเนื้อและชีวิตอย่างเต็มใจ ถมทับลงไปในกับดักนี้รุ่นแล้วรุ่นเล่า!ชั่วขณะนี้ เฉียวเนี่ยนราวกับมองทะลุผ่านฝุ่นธุลีแห่งกาลเวลานับร้อยปี เห็นภาพสตรีผู้นั้นในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต สตรีผู้ถูกคนรักที่ไว้ใจที่สุดหักหลัง ถูกช่วงชิงกิจการ และถูกพิษร้ายกัดกินร่างทีละน้อย นางลากสังขารอันบอบช้ำ ข่มกลั้นความเจ็บปวดแสนสาหัส รวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายจารึกอักษรเหล่านี้ลงบนผนังหินอันเย็นยะเยือก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1423

    ยังไม่ทันสิ้นเสียง เขาก็ชิงก้าวล่วงเข้าสู่หลังบานประตูหินอันลึกล้ำสุดหยั่ง ร่างสูงใหญ่พลันถูกความมืดมิดภายในกลืนหายไปในชั่วพริบตาทุกย่างก้าวเปี่ยมไปด้วยความระแวดระวัง แสงจากคบเพลิงไหววูบอยู่ภายใน สาดส่องให้เห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างที่เคร่งขรึมตึงเครียดของเขามู่หงเสวี่ยอดมิได้ที่จะชะเง้อมองฝ่าความมืด ด้วยใจที่ร้อนรนใคร่รู้ว่าภายในนั้นมีสิ่งใดซุกซ่อนอยู่กันแน่!เพียงครู่ต่อมา เสียงทุ้มต่ำอันหนักแน่นของฉู่จืออี้ก็ดังลอดออกมาจากด้านใน “เข้ามาเถิด ปลอดภัย”เมื่อได้ยินคำยืนยัน หัวใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของเฉียวเนี่ยนจึงคลายลง นางรีบสาวเท้าก้าวผ่านประตูหินเข้าไปด้วยความหวังที่เปี่ยมล้นมู่หงเสวี่ยและเหล่าองครักษ์พยัคฆ์ที่เหลือรีบติดตามเข้าไป คบเพลิงหลายด้ามถูกชูขึ้นสูง เปลวไฟสีส้มแดงที่เต้นระริกสาดแสงรุกล้ำเข้าไป หวังจะขับไล่ความมืดมิดที่ตกตะกอนมานับร้อยปีหลังบานประตูนั้น!ทว่า ยามที่แสงไฟสว่างวาบจนเผยให้เห็นทัศนียภาพภายในห้องลับจนหมดสิ้น ทุกคนกลับดูประหนึ่งถูกแช่แข็งด้วยไอเย็นที่มองไม่เห็น ร่างกายแข็งทื่อตะลึงงันอยู่กับที่!มิได้มีทองคำแท่งหรือภาชนะหยกกองพะเนินเทียมภูเขาที่ส่องประกายยั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status