Home / รักโบราณ / พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก / บทที่12 ความปรารถนาของหวงเชียนเล่อ

Share

บทที่12 ความปรารถนาของหวงเชียนเล่อ

last update Last Updated: 2025-08-15 12:13:25

ในที่สุดก็มาถึงวันที่กัวรั่วชิงนัดกับแม่ทัพฉีหลิงไว้ที่ร้านเครื่องหอมของนาง ภายในร้านจื่อชิงถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความสง่า มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสมุนไพรและดอกไม้อบอวลไปทั่ว เป็นสถานที่ที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวจนแทบไม่น่าเชื่อว่าตั้งอยู่ในย่านการค้าที่พลุกพล่านของเมืองหลวง

กัวรั่วชิงในชุดสีฟ้าอ่อน ใบหน้าอันงดงามราวกับถูกสลักเสลามาอย่างประณีต ขนตางอนยาวทอดตัวเป็นเงาบนพวงแก้ม นางกำลังนั่งตรวจสมุดบัญชีอยู่ที่โต๊ะทำงานด้านหลัง ในขณะที่ลูกจ้างหญิงของร้านสองคนยืนจัดเครื่องหอมและเครื่องประทินผิวอยู่หน้าร้าน การที่นางเห็นตัวเลขในบัญชีมีแต่ผลกำไรทำให้ดวงตาหงส์ที่เคยหม่นหมองยามอยู่ในจวนของสามี บัดนี้กลับสุกใสมีประกาย

นางมีความสุขเสมอเมื่อได้มาตรวจตรากิจการ ที่นี่เปรียบเสมือนโลกส่วนตัว เป็นที่ที่นางสามารถเป็นตัวเองได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องสวมบทบาทภรรยาที่สามีคอยวางท่าห่างเหินเย็นชาให้ผู้อื่นนึกสงสารหรือหัวเราะเยาะนางเวลาที่เขามาหาเรื่อง

ยามอู่[1]ของวันนั้น แม่ทัพฉีหลิงในชุดผ้าไหมสีเข้มที่ตัดเย็บอย่างประณีตก็มาถึงตามนัดหมาย ไม่มีการแห่แหนหรือผู้ติดตามใดๆ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่เดินเข้ามาในร้าน กัวรั่วชิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย นางคิดว่าเขาจะต้องมาอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะแม่ทัพ แต่เขากลับเลือกที่จะมาเพียงลำพัง

“ท่านแม่ทัพ” กัวรั่วชิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับยอบกายคำนับด้วยความเคารพ

หวงเชียนเล่อมองนางด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน รูปหน้าอันคมเข้มราวกับดาบที่ถูกตีขึ้นจากเหล็กชั้นดี มีสันกรามที่เด่นชัดและนัยน์ตาที่ทอประกายแข็งกร้าว แต่ในยามนี้กลับถูกประดับด้วยรอยยิ้มบางเบาที่ชวนให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่น ซึ่งแตกต่างจากท่าทางที่ดุดันของแม่ทัพในตำนานที่ผู้คนต่างล่ำลือ เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ไม่ต้องมากพิธีหรอกฮูหยิน ข้ามาในฐานะลูกค้าทั่วไป”

“เชิญท่านแม่ทัพทางนี้เจ้าค่ะ” กัวรั่วชิงผายมือเชื้อเชิญให้เขาเข้าไปในส่วนที่จัดไว้เป็นห้องรับรองเล็กๆ ที่มีโต๊ะน้ำชาและเก้าอี้ให้นั่งพูดคุยกันอย่างสบายๆ ครั้นหวงเชียนเล่อนั่งลง นางดูแลรินชาให้ผู้มีพระคุณด้วยตนเอง เขามองเห็นข้อมือขาวที่โผล่พ้นชายแขนเสื้อก็ให้หายใจสะดุด แต่ยังคงรักษาท่าทางเคร่งขรึมเอาไว้ได้

“ท่านรอสักครู่” กัวรั่วชิงตบมือสองสามครั้ง ก็มีคนนำกล่องไม้ที่บรรจุเครื่องประทินผิวชุดหนึ่งเข้ามา นางหยิบกล่องสลักลายดอกโบตั๋นใบนั้นส่งให้แม่ทัพหนุ่ม “นี่คือเครื่องประทินผิวที่ดีที่สุดของร้าน ข้าจัดเตรียมไว้ให้แล้วตามที่ท่านต้องการ”

หวงเชียนเล่อเปิดกล่องออกดู เขามองดูเครื่องประทินผิวแต่ละชิ้นอย่างสนใจ “ไม่ว่าจะกล่อง หรือขวดบรรจุล้วนเป็นของชั้นเลิศ แล้วก็...กลิ่นหอมดีจริงๆ” เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะปิดฝากล่องแล้ววางไว้บนโต๊ะ

“เท่านี้คำขอข้อที่หนึ่งของท่านก็สำเร็จแล้ว แต่ยังเหลืออีกสองข้อ ไม่ทราบว่าท่านต้องการบอกความปรารถนานั้นวันนี้เลยหรือไม่” กัวรั่วชิงไม่อ้อมค้อม เพราะมั่นใจว่าที่เขานัดนางมาในที่ส่วนตัวเช่นนี้ย่อมมีเป้าหมายมากกว่าเครื่องประทินผิวเพียงชุดเดียว

“ถูกต้อง ที่ข้านัดเจ้ามาที่นี่...ไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องเครื่องหอมจริงๆ นั่นแหละ” หวงเชียนเล่อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นเล็กน้อย กัวรั่วชิงเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความไม่แน่ใจ

“เช่นนั้น... ก็บอกความประสงค์ของท่านมาเถิด”

“สิ่งที่ข้าจะพูดอาจจะล่วงเกินไปบ้าง แต่ข้าอยากให้เจ้าตอบข้าอย่างตรงไปตรงมาได้หรือไม่”

กัวรั่วชิงเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ

“สิ่งที่ข้าเห็นก็คือ ไม่ว่าฉินหวางเฟยกับฮูหยินเจิ้นหนิงโหวจะให้ความเมตตากับเจ้า แต่เจ้าไม่เชื่อว่าจะมีใครที่อยากจะช่วยเหลือเจ้าจริงๆ ใช่หรือไม่” หวงเชียนเล่อถามตรงไปตรงมาจนทำให้กัวรั่วชิงรู้สึกประหลาดใจ นางไม่คิดว่าจู่ๆ เขาจะยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูด

“รั่วชิงโง่เขลา ไม่เข้าใจความหมายของท่านแม่ทัพ”

“ขนาดสหายเก่าของมารดาเจ้ายังมิเชื่อใจ หากเป็นข้าเจ้าคงยิ่งไม่เชื่อถือ”

“มิได้ ท่านคือผู้มีพระคุณของรั่วชิง ข้าย่อมไม่มีทางไม่เชื่อถือท่าน”

“เช่นนั้นก็ดี เพราะความปรารถนาที่สองของข้า คือการทำให้เจ้าสมประสงค์ในเรื่องที่เจ้ากำลังคิดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน”

“เหตุใดท่านถึง...”

“เพราะข้าแค่อยากจะช่วยเหลือเจ้า” หวงเชียนเล่อเอ่ยแทรกขึ้นมาในทันที ดวงตาของเขาจ้องมองนางด้วยสายตาที่จริงใจจนทำให้กัวรั่วชิงต้องหลบตาลงด้วยความประหม่า “ข้าอาจจะดูเป็นคนน่ากลัวในสายตาของเจ้า แต่เจ้าตระหนักแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าไม่ใช่คนโง่เขลาที่มองคนไม่ออก ข้าต้องการให้เจ้าได้หลุดพ้นจากพันธะที่เจ้าไม่ต้องการ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนน่าประหลาดใจ

“หากเราเคยพบกันมาก่อน ข้าอาจจะไม่สงสัยในความหวังดีของท่าน” กัวรั่วชิงเอ่ยขึ้นด้วยความสับสนใจ มีใครบ้างเล่าอยากช่วยคนที่ให้ประโยชน์ใดกับตนไม่ได้

หวงเชียนเล่อได้แต่ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก เขาไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่กลับถามเรื่องอื่นแทน

“ข้าเคยบอกไงว่าข้าจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้า และข้าก็ยังยึดมั่นในคำพูดนั้น” หวงเชียนเล่อเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่ว่าเจ้าอยากจะหย่า หรืออยากทวงศักดิ์ศรีคืนมา ข้าจะช่วยเจ้าในเรื่องนี้เอง”

กัวรั่วชิงตกใจกับสิ่งที่เขาพูด นางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “ทะ...ท่านรู้ได้อย่างไร”

“ลืมแล้วหรือว่าสายตาข้าเฉียบคมปานใด” เขายิ้มตอบ ก่อนจะถามย้ำ “แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือตอนนี้เจ้าอยากจะทำมันจริงๆ หรือไม่ต่างหาก”

กัวรั่วชิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความลังเล “ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ท่านจะได้อะไรจากการช่วยเหลือข้ากัน”

หวงเชียนเล่อหัวเราะเบาๆ “อาจจะเป็นเพราะนิสัยเสียของข้า เมื่อเห็นผู้ใดเดือดร้อน ข้าต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือ” เขาพูดทีเล่นทีจริง แต่แววตากลับแน่วแน่ยิ่ง “ข้าเพียงแต่ทนไม่ได้ที่ต้องเห็นสตรีที่งดงามและจิตใจเข้มแข็งต้องทนทุกข์ทรมานอย่างเงียบๆ เพราะการกระทำที่ผู้อื่นไม่เห็นคุณค่าของเจ้า”

คำพูดของหวงเชียนเล่อทำให้กัวรั่วชิงน้ำตาคลอด้วยความตื้นตัน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินใครพูดเช่นนี้หลังจากนางถูกยัดเยียดบทตัวร้ายให้ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจแค่เพียงข่าวลือที่ได้ยิน หรือรูปลักษณ์ภายนอก แต่เขากลับแสดงออกว่าสนใจตัวตนที่แท้จริงและความรู้สึกลึกๆ ของนางด้วย

“ข้า...ข้าอยากได้อิสระ” นางเอ่ยออกมาในที่สุดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“ในเมื่อเจ้ายอมรับความปรารถนาที่สองของข้าแล้ว เราก็มาเป็นพันธมิตรเพื่อเป้าหมายนี้เถิด”

หวงเชียนเล่อได้ยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาที่หางตานางอย่างแผ่วเบา กัวรั่วชิงมิได้หลบเลี่ยง แต่มองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นว่าคนผู้นี้จะช่วยให้นางหลุดพ้นจากพันธะที่ไร้ค่านี้เสียที

“รั่วชิงรบกวนท่านแม่ทัพแล้ว” นางยกมือที่สั่นน้อยๆ ไปจับมือของเขาไว้ สัมผัสแผ่วเบาทว่าสามารถสั่นสะเทือนหัวใจหวงเชียนเล่อจนเต้นแรง ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่านี่เป็นการเริ่มต้นของพันธะใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและความเชื่อใจซึ่งกันและกัน และยังเป็นโอกาสที่เขาจะได้เข้าใกล้หัวใจของนางมากขึ้นไปอีก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่15 โจวจื่อหมิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? (1/2)

    ภายในห้องหนังสือที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่สง่างามของจวนจวงเซียงป๋อ โจวจื่อหมิงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม มือเรียวยาวที่ถือพู่กันนิ่งสนิท ดวงตาเหม่อลอยคล้ายกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่รบกวนจิตใจเขามาตลอดทั้งวัน“ซื่อจื่อขอรับ” เสียงจากคนสนิทหน้าประตูทำให้เขากลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง“มีอะไร”“คนขับรถม้าที่พาฮูหยินไปข้างนอกวันนี้ มาขอพบขอรับ”“ให้เขาเข้ามา” โจวจื่อหมิงตอบโดยไม่ลังเล เขารู้ดีว่าหากคนขับรถม้ามาหาถึงที่เช่นนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญที่เขาต้องรับรู้พอเข้ามาด้านในคนขับรถม้าก็รีบโค้งคำนับอย่างนอบน้อม “คารวะซื่อจื่อขอรับ”“ไม่ต้องมัวโอ้เอ้ รีบรายงานมา”“ขอรับ” คนขับรถม้ารับคำ แล้วรีบเล่าทุกอย่างที่ตนเองเห็นในวันนี้ “ฮูหยินไปที่ร้านเครื่องหอมตามปกติ แต่แทนที่จะรีบกลับจวน นางกลับสั่งให้ข้าไปส่งที่ร้านหอชมจันทร์ ข้าเห็นกับตาว่าแม่ทัพฉีหลิง รอนางอยู่ที่นั่นขอรับ”ดวงตาของโจวจื่อหมิงเบิกกว้างด้วยความไม่พอใจ ความจริงเขาไม่เคยสนใจว่ากัวรั่วชิงจะไปที่ใด แต่เขาสนใจว่ายามนี้นางถึงกลับกล้าไปกับชายอื่นที่ไม่ใช่เขา“ฮูหยินกับแม่ทัพฉีหลิงดูเหมือนจะสน

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่14 ข้าแค่เห็นดอกชิ่งกำลังยื่นออกนอกกำแพง

    ในขณะที่หวงเชียนเล่อออกไปข้างนอกอย่างเร่งรีบ กัวลี่ลี่สาวใช้คนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็รีบเข้ามาปรนนิบัติรินน้ำชาให้เจ้านาย“ฮูหยิน ท่านก็จิบน้ำชาสักนิดนะเจ้าคะ เดี๋ยวท่านแม่ทัพก็คงจะกลับมาในไม่ช้า” กัวลี่ลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกัวรั่วพยักหน้าพลางรับถ้วยชามา แล้วหันไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างอย่างสบายอารมณ์ “ดูสิ ลี่ลี่ ทำเลที่ตั้งของที่นี่ช่างดียิ่ง มองเห็นลำธารและภูเขา ยามเย็นก็จะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินอีกด้วย” “บ่าวก็ว่าสวยเจ้าค่ะ” กัวลี่ลี่ตอบรับในขณะแกะกางปลาใส่จานให้นายหญิงในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เสียงประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง ทว่าผู้มากลับไม่ใช่หวงเชียนเล่อ แต่เป็นหวังหลิง เหมยซิน รวมถึงหลินซูก็เดินเข้ามา ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด“หึ ไม่น่าเชื่อเลยว่าฮูหยินน้อยตระกูลโจวจะแอบนัดพบผู้ชายกลางวันแสกๆ” หวังหลิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความดูแคลน “ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าใบหน้าหน้าจิ้งจอกของเจ้ามียางอายอยู่บ้างหรือไม่”กัวรั่วชิงวางถ้วยชาในมือลงอย่างแผ่วเบา แล้วหันมามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าแววตาสงบนิ่ง ไร้ซึ่งความหวาดห

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่13 ข้าแค่อยากเลี้ยงข้าวเจ้า

    หลังจากที่พันธมิตรของหวงเชียนเล่อและกัวรั่วชิงก่อตัวขึ้นแล้ว เพียงสามวัน เขาก็ได้ส่งสาส์นเชิญนางมาพบที่ร้านอาหาร 'หอชมจันทร์' ซึ่งเป็นร้านที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง ตัวร้านตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำที่กว้างใหญ่ สายน้ำทอประกายระยิบระยับรับแสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆ มีเรือน้อยใหญ่ล่องผ่านไปมาอย่างเนิบช้า ริมสองฝั่งน้ำมีต้นหลิวที่ทอดกิ่งก้านพลิ้วไหวตามสายลม เป็นภาพทิวทัศน์อันงดงามที่ทำให้รู้สึกสงบใจอย่างยิ่งในยามเซิน[1]ของวัน กัวรั่วชิงพร้อมกัวลี่ลี่มาถึงหอชมจันทร์ตามนัดหมาย นางในชุดสีชมพูกลีบบัวอ่อนที่ตัดเย็บอย่างประณีต แต่ยังคงความเรียบง่ายสง่างาม รถม้าของนางเพิ่งจะหยุดลงที่หน้าประตูร้าน และเมื่อนางก้าวลงมา หวงเชียนเล่อในชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มที่ดูสุขุมสง่างามก็ยืนรอต้อนรับอยู่แล้ว เขาผายมือเชื้อเชิญนางให้เดินเข้าไปในร้านด้วยสีหน้าอ่อนโยนที่พวกคุณหนูไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้หวังหลิงและเพื่อนๆ ซึ่งกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่บนโต๊ะริมหน้าต่างชั้นสองพากันกระซิบกระซาบด้วยความอิจฉาในความงามของนางและในท่าทางของเขา“สตรีผู้นั้นเป็นใครกัน” เหมยซินเอ่ยถามขึ้นและชี้ชวนให้สหายทั้งสองมอง “เหมือนว่านั่นจะเ

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่12 ความปรารถนาของหวงเชียนเล่อ

    ในที่สุดก็มาถึงวันที่กัวรั่วชิงนัดกับแม่ทัพฉีหลิงไว้ที่ร้านเครื่องหอมของนาง ภายในร้านจื่อชิงถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความสง่า มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสมุนไพรและดอกไม้อบอวลไปทั่ว เป็นสถานที่ที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวจนแทบไม่น่าเชื่อว่าตั้งอยู่ในย่านการค้าที่พลุกพล่านของเมืองหลวงกัวรั่วชิงในชุดสีฟ้าอ่อน ใบหน้าอันงดงามราวกับถูกสลักเสลามาอย่างประณีต ขนตางอนยาวทอดตัวเป็นเงาบนพวงแก้ม นางกำลังนั่งตรวจสมุดบัญชีอยู่ที่โต๊ะทำงานด้านหลัง ในขณะที่ลูกจ้างหญิงของร้านสองคนยืนจัดเครื่องหอมและเครื่องประทินผิวอยู่หน้าร้าน การที่นางเห็นตัวเลขในบัญชีมีแต่ผลกำไรทำให้ดวงตาหงส์ที่เคยหม่นหมองยามอยู่ในจวนของสามี บัดนี้กลับสุกใสมีประกายนางมีความสุขเสมอเมื่อได้มาตรวจตรากิจการ ที่นี่เปรียบเสมือนโลกส่วนตัว เป็นที่ที่นางสามารถเป็นตัวเองได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องสวมบทบาทภรรยาที่สามีคอยวางท่าห่างเหินเย็นชาให้ผู้อื่นนึกสงสารหรือหัวเราะเยาะนางเวลาที่เขามาหาเรื่องยามอู่[1]ของวันนั้น แม่ทัพฉีหลิงในชุดผ้าไหมสีเข้มที่ตัดเย็บอย่างประณีตก็มาถึงตามนัดหมาย ไม่มีการแห่แหนหรือผู้ติดตามใดๆ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่เดินเข

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่11 นางเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใด

    ยามรุ่งสาง โจวจื่อหมิงตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ ภาพของกัวรั่วชิงในศาลบรรพชนยังคงติดอยู่ในหัวของเขา การโต้ตอบที่แข็งกร้าวของนางเมื่อวานนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกท้าทายตลอดเวลา หลังจากจัดการธุระยามเช้าเสร็จ เขาก็เดินทอดน่องไปตามทางเดินอันเงียบสงบ มุ่งหน้าไปยังเรือนของกัวรั่วชิงอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเดินมาถึงเรือนของนาง โจวจื่อหมิงไม่ได้ก้าวเข้าไปด้านใน เขาเดินไปยังทางเดินเชื่อมที่ทอดยาวเลียบสวน และเลือกที่จะหลบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ ที่สามารถมองเห็นสวนด้านในได้อย่างชัดเจน ในใจนึกว่าตนเองจะได้เห็นภาพฮูหยินกำลังร้องไห้หรือเศร้าซึมอย่างที่ควรจะเป็นแต่ภาพที่โจวจื่อหมิงเห็นกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างรุนแรง กัวรั่วชิงในชุดสีชมพูอ่อนที่ดูสดใส กำลังนั่งจิบชาอยู่บนศาลา นางมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังออกมาอย่างร่าเริงขณะพูดคุยกับสาวใช้ โจวจื่อหมิงมองเห็นภาพที่นางยื่นมือไปเด็ดดอกไม้ที่บานสะพรั่งอยู่ในสวนมาดมด้วยความเพลิดเพลิน ใบหน้าที่เคยบูดบึ้งของนางในความทรงจำของเขาถูกแทนที่ด้วยความสดใส และแววตาที่เคยหม่นหมองก็เต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข“ฮูหยินเจ้า

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่10 เผชิญหน้ากับโจวจื่อหมิงอีกครั้ง

    โจวจื่อหมิงกำลังนั่งจิบชาและดูตำราพิชัยสงครามอยู่ในเรือนอย่างสงบ แต่แล้วประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรง หลิวซิ่วเหยาในชุดที่ดูยับยู่ยี่เล็กน้อยวิ่งเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เปียกชื้นด้วยน้ำตา นางทำตัวน่าสงสารจนสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าห้องยังรู้สึกเห็นใจ“นายท่านเจ้าขา... ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วยนะเจ้าคะ” หลิวซิ่วเหยาเข้าไปเกาะแขนโจวจื่อหมิงไว้ด้วยความน่าสงสาร “ข้าแค่เป็นห่วงท่านที่ต้องเผชิญหน้ากับฮูหยินที่น่ากลัว... ข้าจึงไปเยี่ยมฮูหยินที่ศาลบรรพชน แต่กลับถูกดุด่าอย่างรุนแรง ทั้งฮูหยินและบ่าวรับใช้ของนางไม่ไว้หน้าข้าเลยเจ้าค่ะ”โจวจื่อหมิงขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ เขาปัดมือของหลิวซิ่วเหยาออกอย่างไม่ใยดี “ไปร้องไห้ที่อื่นเถอะ ข้ากำลังดูตำราอยู่”หลิวซิ่วเหยาเบะปาก ทำท่าจะร้องไห้หนักกว่าเดิม “แต่ฮูหยิน... ฮูหยินถึงขั้นขู่จะลงโทษข้าเจ้าค่ะ ทั้งๆ ที่ข้าเป็นคนโปรดของท่าน”โจวจื่อหมิงที่ได้ยินดังนั้นดวงตาก็พลันเย็นชาลง เขาแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมในใจ 'ช่างกล้าดียิ่งนัก... เจ้ากำลังเรียกร้องความตายจากข้า' เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วมองหลิวซิ่วเหยาด้วยสายตาที่เย็นชา “เจ้ากลับไปรอที่เรือนของเจ้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status