"แม่"
เสียงเล็กๆ ที่กรีดร้องดังขึ้นอย่างตื่นตระหนก ทำให้จื่ออิงเบิกตากว้าง เธอตกตะลึงจนลืมความเจ็บไปชั่วขณะ หัวใจของเธอสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพราะความเจ็บ แต่เพราะความตกใจและตื้นตัน
เหยียนเหยียนพูดได้แล้ว
เหยียนเหยียนเอ่ยเรียกเธอ
ร่างเล็กๆ ของเหยียนเหยียนสั่นเทา รีบวิ่งเข้ามาหามารดา น้ำตาไหลอาบแก้มหยดแล้วหยดเล่า ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร เธอทั้งรู้สึกหวาดกลัวและตกใจ เมื่อเห็นมารดาพลัดตกลงมาต่อหน้าต่อตา เด็กหญิงรีบทรุดตัวลงข้างๆ มือเล็กๆ จับชายเสื้อของมารดาแน่น
"ฮือ...แม่ แม่คะ"
เสียงเล็กๆ ร้องเรียกสั่นเครือ
"อาอิง"
หลี่เฉินที่เพิ่งก้าวเข้ามาในลานบ้าน ถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างของจื่ออิงร่วงลงมากระแทกพื้นต่อหน้าต่อตา
หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น ความตกใจแล่นพล่านไปทั่วร่าง โผเข้าไปหาภรรยาทันที นัยน์ตาคมเข้มฉายแววตื่นตระหนก
"คุณเจ็บตรงไหน บอกผมเร็วเข้า"
เสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน มือไม้สั่นเทา ไม่กล้าแตะต้องภรรยาเพราะกลัวจะทำให้เธอเจ็บหนักกว่าเดิม ยิ่งเห็นภรรยาหลั่งน้ำตาหัวใจยิ่งเหมือนถูกบีบแน่น เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและวิตกกังวล
จื่ออิงดวงตาร้อนผ่าว น้ำตานองเต็มหน้า แต่ไม่ใช่เพราะความเจ็บ หากแต่เป็นเพราะความดีใจ ตอนตกลงมาแม้จะรู้สึกเจ็บแต่ไม่ได้หนักหนา เธอที่พอจะตั้งสติได้บ้าง เมื่อรู้ตัวว่าต้องตกลงไปแน่ๆ จึงพยายามป้องกันตัวเองให้เจ็บน้อยที่สุด
"ไม่ค่ะ ฉันไม่เจ็บ"
จื่ออิงเอ่ยบอกเสียงสั่น ขณะเดียวกันก็มองสามีด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย เธอทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ แม้จะยังปวดระบมจากแรงกระแทกอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกเหล่านั้นกลับถูกแทนที่ด้วยความปีติยินดี
"เหยียนเหยียน ลูก ลูกพูดได้แล้วค่ะ คุณเฉิน เหยียนเหยียนเรียกฉัน เหยียนเหยียนพูดได้แล้วค่ะ"
เธอบอกสามีด้วยความยินดี หันไปมองบุตรสาวตัวน้อยที่ยังสะอึกสะอื้น มือเล็กๆ ยังคงกุมชายเสื้อของเธอแน่น ดวงตากลมโตแดงช้ำจากการร้องไห้ หญิงสาวค่อยๆ ยกมือที่สั่นเทาขึ้น ลูบแก้มนุ่มของสาวน้อยอย่างอ่อนโยน ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา แล้วโอบกอดลูกสาวแน่น หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความตื้นตัน
"แม่ แม่เจ็บมากไหมคะ"
เด็กน้อยสะอื้นซบลงที่อกมารดา เสียงร้องไห้ปนกับคำพูดแผ่วเบา แต่ชัดเจน
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจ้ะ แค่ได้ยินเสียงของเหยียนเหยียน แม่ก็หายเจ็บแล้ว"
จื่ออิงหลับตาแน่น กอดบุตรสาวไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม เสียงปลอบโยนของเธอนุ่มนวลอย่างที่สุด
หลี่เฉินชะงักงันไปทันที จ้องมองบุตรสาวอย่างตกตะลึง ดวงตาของเขาร้อนผ่าว แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง หัวใจพองโตไปด้วยความดีใจ มองบุตรสาวตัวน้อยที่น้ำตาไหลอาบแก้ม กอดมารดาไว้แน่น
"เหยียนเหยียน ลูก..."
หลี่เฉินพึมพำอย่างตกตะลึง
เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองบิดา ตาแดงๆ ยังมีน้ำตาคลอ ก่อนที่ปากเล็กๆ จะขยับแผ่วเบา
"พ่อคะ"
"เหยียนเหยียน"
ชายหนุ่มเรียกลูกสาวเสียงอ่อนโยน ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา แม้จะเป็นรอยยิ้มที่สั่นไหว แต่มันกลับอบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะอย่างตื้นตันดังขึ้น ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นลูบศีรษะเล็กเบาๆ
หลี่เฉินดึงภรรยาและบุตรสาวเข้ามากอดแน่น โอบกอดคนทั้งสองที่มีค่าที่สุดในชีวิตเอาไว้
ในที่สุด...
เหยียนเหยียนก็พูดได้แล้ว เขาดีใจจริงๆ ดีใจมากๆ
หลังจากนั้นหลี่เฉินก็ช้อนร่างภรรยาขึ้นอุ้มไว้แนบอก ก่อนจะพาเดินเข้าไปในบ้านอย่างระมัดระวัง โดยมีเหยียนเหยียนตัวน้อยเดินตามมาไม่ห่าง
เมื่อเข้ามาถึงห้องโถง เขาวางจื่ออิงลงบนตั่งริมหน้าต่างอย่างอ่อนโยน ค่อยๆ ประคองให้เธอนั่งอย่างสบายที่สุด
"อาอิง คุณรอผมก่อนนะ ผมจะไปตามหมอ"
เขาเอ่ยบอกภรรยา แล้วหันไปกำชับบุตรสาว
"เหยียนเหยียน เด็กดี ดูแลแม่ก่อนนะ เดี๋ยวพ่อกลับมา"
เหยียนเหยียนพยักหน้าหงึกๆ น้ำตายังคลอเต็มหน่วยตา ก่อนจะค่อยๆ ปีนขึ้นไปนั่งข้างมารดา ใช้แขนเล็กๆ กอดมารดาไว้แน่นราวกับกลัวว่ามารดาจะหายไป
ส่วนจื่ออิงแม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกเจ็บตรงข้อเท้ามากขึ้นทุกที แต่ก็ยังคงยิ้มให้บุตรสาวที่ยังตัวสั่นน้อยๆ จากเหตุการณ์เมื่อครู่ เธอไม่อยากให้แม่หนูน้อยต้องกังวลใจไปมากกว่านี้ ฝ่ามืออ่อนนุ่มยกขึ้นลูบแผ่นหลังเล็กๆ ของเหยียนเหยียนเบาๆ ปลอบโยนด้วยความอ่อนโยน
"ไม่เป็นไรนะคะ แม่อยู่ตรงนี้กับเหยียนเหยียนแล้วไม่ต้องกลัว ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ"
ในขณะเดียวกัน เจียงซินหยากับถังถังที่ราวกับไร้ตัวตนไปแล้ว ก็ยืนตัวแข็งทื่อ มองตามหลังของทั้งสามพ่อแม่ลูกไปด้วยใบหน้าซีดเผือด โดยเฉพาะถังถัง
ถังถังตัวสั่น ดวงตากลมโตสั่นระริกด้วยความตื่นกลัว
เมื่อครู่นี้ตนเป็นคนเซถลาไปชนบันได ทำให้แม่ของเหยียนเหยียนตกลงมา
แต่ว่า... เธอไม่ได้ตั้งใจ
เด็กหญิงเผลอกำชายกระโปรงแน่น หัวใจเต้นระรัว เธอมั่นใจว่าตัวเองยืนอยู่กับที่แท้ๆ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกถึงแรงผลักจากด้านหลัง ทำให้เธอเสียหลักพุ่งไปชนบันไดเข้าเต็มแรง
แต่ใครล่ะที่เป็นคนผลักเธอ
ดวงตาหวาดหวั่นของถังถังหันไปมองพี่สาว เจียงซินหยายังคงยืนนิ่ง ดวงหน้าแสดงออกถึงความเคร่งเครียด นัยน์ตาของพี่สาวดูไม่ปกติเลยสักนิด
หัวใจดวงน้อยของถังถังหล่นวูบ
พี่ซินหยา...เป็นคนทำหรือเปล่า
เด็กหญิงตัวสั่นเทา มองพี่สาวด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ ในใจเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
"ถังถังยืนเหม่ออะไรอยู่ รีบเข้าไปดูพี่สาวเร็วเข้า"
เสียงเจียงซินหยาดังขึ้น หลังจากเห็นว่าหลี่เฉินปั่นจักรยานออกไปอย่างรีบร้อน เธอจึงรีบหันไปสั่งน้องสาวทันที
ในใจรู้สึกกระวนกระวาย ไม่อยากอยู่ที่นี่นานเกินไป ยิ่งถ้าหลี่เฉินกลับมาแล้วเกิดสงสัยขึ้นมา เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาเลย คนอย่างหลี่เฉิน ฉลาดและเฉียบขาดเกินไป ถ้าเขาจับได้ว่าเธอทำเรื่องไม่ดีลงไป มีหวังได้ซวยแน่
ถังถังสะดุ้งเฮือกกับเสียงดุๆ ของพี่สาว รีบก้าวเท้าตามไปอย่างลนลาน แต่ในใจยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย
ดวงตากลมโตของเด็กหญิงเหลือบมองพี่สาวแวบหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เดินตามไปเงียบๆ สงสัยแค่ไหนก็ไม่กล้าถามออกไปอยู่ดี
จื่ออิงที่นั่งพิงตั่ง มองเจียงซินหยาและถังถังด้วยสายตาเรียบนิ่ง
"พี่สาวเป็นอย่างไรบ้างคะ เจ็บมากหรือไม่"
เจียงซินหยาถามเสียงอ่อน ท่าทางดูเป็นห่วงเป็นใย แต่จื่ออิงเพียงแค่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ฉันไม่เป็นอะไร ยังอยู่ดีเลยล่ะ"
ดวงตาของเธอไม่ได้พร่าเลือน ที่จะไม่เห็นว่าหลังจากเกิดเรื่อง เจียงซินหยาไม่ได้แสดงท่าทีตกใจหรือเป็นห่วงเลยสักนิด มิหนำซ้ำ ยังมีแววประหลาดวาบผ่านนัยน์ตา
แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาที แต่เธอก็สังเกตเห็น
รอยยิ้มของเจียงซินหยาแข็งค้างไปครู่หนึ่ง เธอฝืนยิ้มจืดเจื่อน พยายามบังคับตัวเองให้ดูเป็นปกติ
"พี่สาวไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ฉันตกใจแทบแย่"
เธอพูดพลางหัวเราะแห้งๆ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
"นี่ก็เย็นมากแล้ว ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน พี่สาวจะได้พักผ่อน ถังถัง เรากลับกันเถอะ"
"แต่ว่า..."
ถังถังอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ยังไม่ทันที่เสียงเล็กๆ จะหลุดออกมา เจียงซินหยาก็หันไปส่งสายตาดุๆ ให้ทันที
เด็กหญิงเม้มปากแน่น เหลือบมองจื่ออิงแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ แล้วเดินตามพี่สาวออกไปอย่างว่าง่าย
จื่ออิงมองตามแผ่นหลังของสองพี่น้อง ดวงตาฉายแววครุ่นคิด
เธอไม่คิดว่านี่เป็นเพียงอุบัติเหตุธรรมดา แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป เธอจะยอมปล่อยผ่านสักครั้ง
อย่างน้อย เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เหยียนเหยียนยอมเปล่งเสียงพูดออกมาอีกครั้ง
เมื่อกลับมาถึงบ้าน กลิ่นหอมของอาหารก็ลอยมาต้อนรับหลี่เฉินตั้งแต่หน้าประตู เขาก้าวเข้าไปในครัว เห็นจื่ออิงกำลังง่วนอยู่หน้าเตา ไอร้อนจากกระทะลอยขึ้นจางๆ เธอกำลังทำอาหารด้วยท่าทีตั้งอกตั้งใจ ขณะที่เหยียนเหยียนนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเล็ก กำลังเล่นตุ๊กตาอย่างเพลิดเพลิน"พ่อคะ"เสียงใสของบุตรสาวดังขึ้นทันทีที่เธอเห็นเขา ดวงตากลมโตเปล่งประกายด้วยความดีใจ รอยยิ้มไร้เดียงสาทำให้บรรยากาศในบ้านดูอบอุ่นขึ้นจื่ออิงหันมามองเขาตามเสียงของบุตรสาว ดวงตาของเธออ่อนโยนและอบอุ่น ริมฝีปากอิ่มเผยรอยยิ้มหวานส่งมาให้"กลับมาแล้วหรือคะ"เธอเอ่ยถามพลางวางมือจากงานตรงหน้า ก่อนเดินไปตักน้ำเย็นจากโอ่งหินแล้วยื่นส่งให้เขา"น้ำค่ะ"หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาอย่างเช่นทุกวัน ก่อนจะกลับไปจัดการกับอาหารที่เตา"อาหารใกล้จะเสร็จแล้ว คุณรออีกเดี๋ยวนะคะ"เพียงเท่านั้น ความเหนื่อยล้า อารมณ์โกรธ และความหงุดหงิดไม่พอใจทั้งหมดที่คั่งค้างอยู่ในใจของเขาก็ค่อยๆ คลายลง เขาดื่มน้ำจนหมดแก้ว สัมผัสเย็นชื่นใจช่วยบรรเทาความอ่อนล้า ขณะที่ความอบอุ่นอ่อนโยนของคนตรงหน้าค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในใจ ครอบครัวที่ทำให้หัวใจสงบลงได้เสมอหลี่เฉินทอดถอนหายใจเบาๆ
หลี่เฉินยังคงมาทำงานตามปกติ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเจียงซินหยากำลังล้ำเส้น พยายามเข้าหาเขามากขึ้นจนเขารู้สึกอึดอัด และยังแสดงท่าทีให้คนอื่นเข้าใจผิด วันนี้ก็เช่นกัน ขณะที่เขากำลังง่วนอยู่กับการซ่อมคันไถ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้"พี่เฉิน"หลี่เฉินไม่ต้องเงยหน้าขึ้นดูก็รู้ว่าเป็นใคร"มีอะไร" เขาถามเสียงเรียบโดยไม่ละมือจากงานที่ทำเจียงซินหยาลังเลเล็กน้อย สายตาเหลือบมองเหล่าชาวบ้านที่กำลังส่งสายตามาทางนี้ ก่อนจะพูดเสียงแผ่วเบา ใบหน้าของเธอดูหม่นเศร้าราวกับถูกรังแก ซึ่งระยะหลังมานี้เธอมักจะแสดงท่าทีเช่นนี้เสมอทุกครั้งที่เข้าหาหลี่เฉิน"ฉันแค่ อยากมาช่วยค่ะ"หลี่เฉินถอนหายใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเธอเต็มตา"เธอควรกลับไปทำงานในส่วนของเธอนะ"เจียงซินหยากัดริมฝีปากแน่น คล้ายมีเรื่องคับข้องใจ ไม่ยอมถอยกลับง่ายๆ จะอย่างไรวันนี้เธอก็จะต้องพูดกับเขาให้รู้เรื่อง ตลอดหลายวันมานี้ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามเว้นระยะห่างจากเธอ และที่ทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ก็คงเป็นเพราะหลินจื่ออิงคนเดียว "พี่เฉิน พี่ไม่รู้จริงๆ หรือคะ ว่าฉันรู้สึกยังไงกับพี่"เสียงของเจียงซินหยาสั่นไหว
หลังจากที่จื่ออิงหายดี หลี่เฉินก็กลับไปทำงานตามปกติ ท้องฟ้าของเช้าวันใหม่ดูสดใส แสงแดดส่องกระทบผืนนา แปลงข้าวสีเขียวชอุ่มทอดยาวสุดสายตา เสียงจอบกระทบดินและเสียงน้ำในร่องนาขยับไหลตามแรงดังเป็นจังหวะ หลี่เฉินก้มหน้าก้มตาเดินตรวจงานอย่างตั้งใจ แต่บรรยากาศรอบตัวกลับดูผิดแปลกไปจากปกติเขารู้สึกถึงสายตาหลายคู่ที่มองมาทางเขา บางคู่จับจ้องอย่างลังเล บางคู่มีแววสงสัย และบางคู่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น"อ้าว หลี่เฉิน กลับมาทำงานแล้วเหรอ"เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นจากสมุดจดบันทึกตรงหน้า เห็นป้าหวั่นที่ทำงานร่วมกันมาเนิ่นนานเดินเข้ามาหา และเป็นที่รู้กันดีว่าหญิงผู้นี้เป็นหญิงปากมาก ปากยื่นปากยาว เรื่องสั้นแค่คืบนางสามารถสร้างเรื่องราวให้ยาวมากกว่าศอก เรื่องราวที่ควรจบลงในไม่กี่คำ นางสามารถเล่าขยายให้ยาวราวกับเป็นนิทานหลายบท ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่แววตากลับมีประกายของความอยากรู้อยากเห็นอยู่เต็มเปี่ยม"ครับ" หลี่เฉินตอบสั้นๆป้าหวั่นพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น"ได้ข่าวว่าจื่ออิงเมียของเธอหายดีแล้วหรือ"คำถามนั้นดูเหมือนปกติ แต่ท่าทางของคนถามและสายตาของคนรอบข้า
หลี่เฉินกลับมาพร้อมหมอวัยกลางคนที่ประจำอยู่ที่สถานีอนามัยของหมู่บ้าน ชายหนุ่มรีบก้าวเข้ามาอย่างร้อนใจ เห็นภรรยายังคงนั่งนิ่งอยู่ที่ตั่ง ใบหน้าของเธอซีดเซียวแต่ยังมีรอยยิ้มละมุน เขารู้ว่าเธอกำลังเจ็บ แต่ไม่อยากให้เขาและบุตรสาวกังวลจึงได้อดทนไว้หลี่เฉินรีบตรงเข้าไปหา ก้มตัวลงมองสำรวจเธออย่างละเอียดอีกครั้ง พลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อเม็ดเล็กๆ บนหน้าผากมนที่เริ่มผุดซึมออกมา"อาอิง เจ็บตรงไหนบ้าง บอกหมอเร็วเข้า"จื่ออิงยิ้มบางๆ"ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ปวดที่ข้อเท้านิดหน่อยเท่านั้น"หมอพยักหน้ารับ ก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้าจื่ออิง แล้วเริ่มตรวจข้อเท้าของเธออย่างละเอียด"ข้อเท้าได้รับแรงกระแทกค่อนข้างรุนแรง ทำให้เกิดการอักเสบ โชคดีที่ไม่ได้หัก แค่ต้องระวังไม่ให้ขยับมากเกินไป เดี๋ยวหมอจะทายาและพันผ้าเอาไว้ให้"หมอพูดพลางเปิดกล่องพยาบาล จื่ออิงพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ ในใจรู้สึกโล่งอกที่ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง"ส่วนที่เหลือก็มีแค่รอยฟกช้ำเล็กน้อย ทายาวันละสองครั้งก็พอ หมอจะจัดยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบเอาไว้ให้กิน"หมอกล่าวต่อ ขณะใช้ผ้าพันข้อเท้า จื่ออิงเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกเจ็บ ทว่าเธอยังคงอดทน
"แม่"เสียงเล็กๆ ที่กรีดร้องดังขึ้นอย่างตื่นตระหนก ทำให้จื่ออิงเบิกตากว้าง เธอตกตะลึงจนลืมความเจ็บไปชั่วขณะ หัวใจของเธอสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพราะความเจ็บ แต่เพราะความตกใจและตื้นตันเหยียนเหยียนพูดได้แล้ว เหยียนเหยียนเอ่ยเรียกเธอร่างเล็กๆ ของเหยียนเหยียนสั่นเทา รีบวิ่งเข้ามาหามารดา น้ำตาไหลอาบแก้มหยดแล้วหยดเล่า ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร เธอทั้งรู้สึกหวาดกลัวและตกใจ เมื่อเห็นมารดาพลัดตกลงมาต่อหน้าต่อตา เด็กหญิงรีบทรุดตัวลงข้างๆ มือเล็กๆ จับชายเสื้อของมารดาแน่น "ฮือ...แม่ แม่คะ"เสียงเล็กๆ ร้องเรียกสั่นเครือ"อาอิง"หลี่เฉินที่เพิ่งก้าวเข้ามาในลานบ้าน ถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างของจื่ออิงร่วงลงมากระแทกพื้นต่อหน้าต่อตา หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น ความตกใจแล่นพล่านไปทั่วร่าง โผเข้าไปหาภรรยาทันที นัยน์ตาคมเข้มฉายแววตื่นตระหนก"คุณเจ็บตรงไหน บอกผมเร็วเข้า"เสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน มือไม้สั่นเทา ไม่กล้าแตะต้องภรรยาเพราะกลัวจะทำให้เธอเจ็บหนักกว่าเดิม ยิ่งเห็นภรรยาหลั่งน้ำตาหัวใจยิ่งเหมือนถูกบีบแน่น เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและวิตกกังวลจื่ออิงดวงตาร้อนผ่าว น้ำตานองเต็มหน้า แต่ไม่ใช่เพร
จื่ออิงกำลังจดจ่ออยู่กับการตัดเย็บชุดตัวใหม่ให้เหยียนเหยียน เสียงจักรเย็บผ้าดังกึกกักเป็นจังหวะ สายตาของเธอจับจ้องไปยังฝีเข็มที่กำลังเคลื่อนไหวไปตามเนื้อผ้าทันใดนั้น เสียงเรียกของใครบางคนก็ดังขึ้น"พี่สาว"จื่ออิงชะงักไปเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวในชุดกระโปรงสีหวานที่กำลังเดินเข้ามา เจียงซินหยาคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันที ไม่ใช่ว่าเธอปิดประตูรั้วแล้วหรอกหรือ แล้วอีกฝ่ายเข้ามาได้อย่างไรจื่ออิงวางผ้าในมือลง ลุกขึ้นยืนมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาราวกับเป็นบ้านตัวเอง"ฉันเห็นรั้วบ้านพี่ปิดไม่สนิท เลยถือวิสาสะเปิดเข้ามา" เจียงซินหยายิ้มบางๆ "ไม่ว่ากันใช่ไหมคะ"คำพูดนั้นทำให้จื่ออิงต้องเม้มริมฝีปาก รั้วปิดไม่สนิทงั้นหรือ เธอมั่นใจว่าปิดสนิทแล้วอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป"มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ" หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยิ่งมองคนตรงหน้ายิ่งรู้สึกขัดใจกับสถานะนางเอกของอีกฝ่าย นางเอกอะไรกันไร้มารยาทสิ้นดี"เปล่าหรอกค่ะ แค่วันนี้ฉันว่างเลยพาถังถังมาเยี่ยมเหยียนเหยียน" เจียงซินหยาเอ่ยยิ้มๆ พลางหันไปมองด้านนอก "เด็กๆ ไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว ถังถังแกบ่นคิดถึงเหยียนเหยียนน