 LOGIN
LOGINรถยนต์จีทีอาร์สีดำสุดหรูหล่อเฟี้ยวฟ้าวไม่ต่างอะไรผู้เป็นเจ้าของโฉบเฉี่ยวอยู่บนถนนในช่วงเวลาเกือบห้าทุ่ม เจ้าของที่เป็นคนขับฮัมเพลงในคออย่างอารมณ์ดีหลังกลับจากนัดตี้กับสาวสวยคนหนึ่ง เธอทำให้เขารื่นรมย์มากถึงมากที่สุด
ผู้ชายอย่าง พีรวิชญ์ ทัตธนัชชนม์ อารมณ์ดีเป็นนิจอยู่แล้ว ถ้าเพียงแต่ช่วงหลายเดือนมานี้เพื่อนรักจะไม่ทำตัวเงียบขรึมเพราะมีปัญหาเรื่องความรักพลอยทำให้เขาและ ฟีม หรือ นิติ ภพนิพิฐ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทอีกคนพลอยหลอนไปด้วย
ลม หรือ พระพาย อธิปัตย์ มีปัญหากับแฟนตั้งแต่ปีหนึ่ง ตอนนี้ก็ยังปรับความเข้าใจกันไม่ได้ วัน ๆ เพื่อนเอาแต่เงียบขรึม ปากบอกไม่สนใจแต่ก็แอบไปนั่งเฝ้ามองสาวทุกครั้งที่มีโอกาส
คืนนี้ได้ผ่อนคลายบ้าง เขาจึงอารมณ์ดี ผิวปาก ฮัมเพลงที่ชอบมาตลอดทาง ขณะสอดส่ายสายตามองท้องถนนที่โล่งมาก เขากำลังจะกลับบ้านพักซึ่งอยู่อีกด้านของมหาวิทยาลัย
แต่แล้ว เมื่อสายตากวาดผ่านไปด้านข้างตอนที่รถพุ่งขึ้นสะพาน ใจพลันกระตุกไหว
“เชี่ยอะไรวะ!”
อุทานไปแล้ว ชายหนุ่มยกมือตีปากตัวเอง นึกถึงคำโบราณที่ว่าไม่ให้ทักอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าตอนกลางคืน บางทีคงแค่ตาฝาดถึงเห็นเหมือนจะมีหน้าขาว ๆ อยู่ตรงทางเดินราวกั้นของสะพานข้ามแม่น้ำ
“สงสัยคืนนี้มึงหักโหมไปหน่อยนะไอ้โซ่นะ ตาลายเลย”
ทว่า ความสงสัยใคร่รู้ไม่หมดไปจากใจหนุ่มยุคสองพันยี่สิบสี่แบบเขา ตอนที่รถวิ่งไปใกล้จุดนั้นจึงหันมองอีกครั้ง และครั้งนี้ หัวใจลั่นโครม ๆ เมื่อได้เห็นหน้าขาววอกของผู้หญิงผมยาวคนหนึ่ง เผลออุทานออกมา พร้อมขยี้ตา
“เหี้ย!!! อะ-ไร-วะ-นั่น”
ภาพนั้นก็หายไปเหมือนไม่เคยมีใครยืนอยู่ตรงนั้น ขนอ่อนบนกายแกร่งเหมือนจะลุกตั้งเช่นกัน
“โดนแล้วกู”
ใจหนึ่งคิดไพล่ไปว่า คงเพราะเขาใช้แรงมากไปร่างกายอ่อนเพลียจึงเห็นภาพหลอน เท้าตบคันเร่งเพิ่มความเร็ว หากด้วยนิสัยลุย ๆ ของเจ้าตัวสายตาตวัดไปมองกระจกมองข้างอีกครั้ง พบว่า เธอหน้าขาวคนนั้นใช้มือเกาะเกี่ยวราวสะพานหันหน้ามาทางเขา คล้ายรู้ตัวว่าถูกจ้อง วินาทีต่อมาพลันใบหน้านั้นก็หายไป ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นระรัว วินาทีถัดมาก็มองเห็นหน้าขาว ๆ นั่นอีก
“แม่งเหอะ” จู่ ๆ โซ่เกิดความคิดประหลาดทั้งที่กลัวแทบฉี่ราด เท้าไวเท่าความคิด ตบเกียร์ว่องไว ไม่รู้ว่าเป็นจังหวะที่ขอบกำแพงสะพานด้านในบังหรือเธอคนนั้นไม่มีอยู่จริง เขาถึงเห็นหน้านั้นผลุบโผล่
จะเป็นคนหรือผีหน้าขาวเขาจะพิสูจน์ให้รู้ดำรู้แดง!
เอี๊ยด!!!
เมื่อพารถขึ้นไปถึงบริเวณที่มองเห็นผู้หญิงหน้าขาว โซ่ตบเบรกจนเสียงล้อเสียดสีพื้นถนนดังลั่น เปิดช่องเก็บของคว้าเอาหลวงปู่ที่ร่ำลือกันถึงความขลังมาพนมมือขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนจะเอาคล้องคอ
“เป็นไงเป็นกัน”
จากนั้นมือหนาผลักประตูออกไป โดยที่มืออีกข้างกำหลวงปู่แนบอก ปราดไปชะโงกมองตรงช่องทางเดินเท้าของสะพาน พลันนั้น ใบหน้าที่เขาเห็นไกล ๆ ว่าขาวสว่างหันขวับมามอง ตาต่อตามองจ้องสบตา เขาอึ้งงัน ระยะห่างไม่ถึงหนึ่งเมตรทำให้เขาพบว่านอกจากหน้าเธอจะขาวแล้ว ดวงตายังเรื่อแดง แดงทั้งปลายจมูกและริมฝีปากอิ่ม
“เธอ!”
“มะ... มีอะไร... เหรอคะ”
สุ้มเสียงตะกุกตะกักฟังเป็นปกติสำหรับคนธรรมดาพูดกัน ไม่ได้ยานคางหรือโหยหวนเหมือนในหนัง
เจ้าของร่างบางยังตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน โดยใช้มือคว้าราวกั้นเป็นการเหนี่ยวตัวเองให้ลุก โซ่ถึงกับพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่
“เธอต่างหากที่มายืนเป็นผีหน้าขาวอะไรตรงนี้”
“ว่ะ ว่าไงนะ ผีอะไร ผีที่ไหน”
หน้าขาว ๆ นั่นก็หันซ้ายหันขวาท่าทางระแวดระวัง พร้อมกับขยับตัว ตอนนี้เองที่เขาได้เห็นว่าทำไมเธอถึงผลุบ ๆ โผล่ ๆ เพราะเจ้าตัวเจ็บข้อเท้า ขยับนิดเดียวก็ร้อง ทำท่าจะทรุดลงไปนั่งบนพื้น เขาเลยปีนข้ามไปหา
โซ่ไม่รู้จะหัวเราะหรืออะไรดี ที่แน่ ๆ คือโล่งใจมาก ใจเต้นระรัวพลันผ่อนเบาลง
“เจ็บเท้าเหรอ”
จู่ ๆ ผู้ชายหน้าตาดีตรงหน้าก็ข้ามมาหา พรีมทำท่าจะถอย ติดที่หลังเธอติดราวกั้นแล้ว แม้อีกฝ่ายจะหน้าตาดีมาก หล่อมาก แต่เธอที่เพิ่งโดนคนหล่อทำเลวใส่จึงไม่ไว้ใจ
“อย่าเข้ามานะ”
“จะดูเท้าให้ ไม่ทำอะไรหรอกน่า” เขาหยุดชะงัก เหมือนนึกอะไรได้จึงล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา หยิบบัตรนักศึกษาออกมายื่นให้
“ก่อนกลัวคนอื่น เธอคิดมั่งมั้ยว่าตัวเองกำลังหลอกชาวบ้านชาวช่อง เราเกือบหัวใจวาย”
“หลอกอะไร ฉันเปล่า” เธอดึงบัตรจากมือเขามากวาดตาดู ที่จริงแค่เห็นตราสัญลักษณ์ ม.D ใจพลันเศร้า น้ำตาพานจะไหลออกมาอีกจึงกำบัตรแน่นไม่ได้มองรายละเอียดอื่นอีกต่อไป
“น้อยไปสิ หน้าขาว ๆ ผมยาว ๆ เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ ถ้าเราเป็นคนขวัญอ่อนกว่านี้ ช็อกไปแล้ว”
“ขอโทษ...”
“นี่ ๆ ร้องทำไม เรายังไม่ได้เข้าใกล้เธอเลยนะ เดี๋ยวใครผ่านไปผ่านมาก็คิดว่าเรารังแกเธอพอดี”
“ก็...เราเจ็บขา เมื่อกี้ล้ม เท้ามันพลิก” เธอปาดหลังมือเช็ดน้ำตา
“ขอดูหน่อย”
โซ่เสียงอ่อน นั่งลงพลางจับข้อเท้าของผีสาวหน้าขาว กดน้ำหนักลงนิดหน่อยเจ้าตัวก็สูดปาก จะดึงเท้าหนี “อาจจะแพลง”
“อือ”
อย่างน้อยเขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเธอเป็นคนไม่ใช่ผี ผีอะไรจะสวยแล้วก็ขี้แยแบบนี้
“ไปหาหมอไหม เดี๋ยวเราพาไป มีโรงพยาบาลอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง ถ้าเธอกลัวก็ถ่ายรูปเราถ่ายทะเบียนรถส่งให้เพื่อนให้ญาติพี่น้องก่อนก็ได้”

แผนการอันนั้นทำให้โซ่ต้องมายืนอยู่หน้าโต๊ะกระจกสำหรับแต่งหน้าและเก็บของของเมียรักในห้องวอล์กอินโคเซต ตามองขวดยาคุมเขม็ง พรีมเปลี่ยนมากินยาได้หนึ่งปีแล้ว เขาจะคุมเองเธอก็ไม่ยอม บอกกลัวพลาดท้องทั้งที่แต่งงานกันแล้วนี่แหละ“ยืนทำอะไรตรงนี้ ไม่เข้าไปนอนสักทีล่ะ”เสียงทักถามจากเมียรักมาพร้อมกับอ้อมกอดที่ทำให้ใจอุ่นได้ทุกครั้งพรีมเบี่ยงหน้ามาสบตากันผ่านกระจกเงา ก่อนสายตาจะหลุบมองเห็นบางอย่างในมือสามี“นั่นอะไร”“ยาบำรุง”“โซ่ป่วยเหรอ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”“เปล่า เราไม่ได้เป็นอะไร”สุ้มเสียงห่วงใยของเมียรักทำให้โซ่โยนขวดยาลงไปบนโต๊ะ หันมาอุ้มร่างนุ่มเข้าห้องนอน ตามขึ้นไปนอนกอด เริ่มอธิบายกับสายตาเป็นคำถามที่มองมา“ยาบำรุง ไอ้ฟีมมันแนะนำให้เรานำมาเปลี่ยนกับยาคุมของตัวเอง”ใส่ความออดอ้อนลงไปในคำท้ายเมื่อตาเมียไหวระริก ด้วยกลัวเมียจะโกรธ“ทำแบบนั้นเพื่อ”หญิงสาวกลั้นยิ้มวางหน้าขึงขัง เข้าใจดีว่าสามีที่รักต้องการอะไร“เราอยากมีตัวเล็ก ๆ แล้ว”“ทำไมรีบล่ะ”หน้าคมขยับเข้ามาซุกบ่าเล็ก ฉวยเม้มต้นคอขาว“ถ้ามีตอนนี้ เลี้ยงไม่กี่ปีลูก ๆ ก็โตแล้ว เค้าจะได้สวีตกับตัวเองได้เต็มที่ไง ไม่ต้องไปวิ่งตามลูก
“ตกลงปะล่ะ”“ตกลง”พรีมตอบโดยไม่ลังเล ความรักที่มีต่อคนตรงหน้าไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แม้ตลอดสองปีมานี้จะอยู่ด้วยกันทุกวัน ใกล้ชิดกันยิ่งกว่าคนในครอบครัว หากเธอก็รู้สึกเหมือนเขา คือยังอยากใกล้ชิดกันให้มากขึ้นไปอีกร่างนุ่มถูกยกหมุนท่ามกลางเสียงหัวเราะทุ้มนุ่ม เธอเองก็ยิ้มกว้างก่อนหัวเราะไปด้วยกัน สองมือกอดรอบลำคอหนาอย่างไว้เนื้อเชื่อใจริมฝีปากต่างพานพบประกบกันหลังชายหนุ่มหยุดหมุน โอบอุ้มร่างนุ่มไว้อย่างนั้น จูบแสนหวานที่หวามไปทั้งหัวใจถูกมอบให้แก่กันและกันอย่างลึกซึ้งตรึงอารมณ์ “กลับห้องกันเถอะ”หญิงสาวเอ่ยชวนหลังจูบแสนหวานจบลง“ไม่อยากเดินเที่ยวต่ออีกหน่อยเหรอ”“ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ เราอยากอยู่กับโซ่” ท้ายประโยคกระซิบอย่างมีความหมายชายหนุ่มอมยิ้ม โอบเอวเล็กพาเดินกลับที่พักทันที แต่เส้นทางที่เลือกใช้นั้นก็ยังประดับด้วยแสงไฟที่ให้ความงดงามและแสนโรแมนติก บ่อยครั้งที่เขากดจูบขมับบางด้วยความรัก ชี้ชวนให้ดูสิ่งต่าง ๆ“เหนื่อยมั้ย”“ไม่เหนื่อยหรอก ดูไฟเพลิน ๆ”แม้หญิงสาวจะตอบไปอย่างนั้น กายแกร่งยังเดินมาย่อตัวลงข้างหน้า วาดแขนไปด้านหลังเพื่อรั้งร่างเล็กขึ้นหลัง“แบบนี้นายเหนื่อยแย่เลย”เ
“นึกถึงวันแรกที่เราช่วยเธอหิ้วของขึ้นห้องน่ะ”“ทำไม มีอะไรพิเศษเหรอ”“เรามีเรื่องจะสารภาพแหละ”“ว่า”“วันนั้นของมันไม่ได้หล่นจากถุงหรอก เราหยิบออกเอง”“ทำไมล่ะ”หญิงสาวมองคนรักอย่างไม่อยากเชื่อ นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นขึ้นมา เธอแปลกใจตั้งแต่ตอนนั้นเหมือนกัน ถุงที่เธอผูกปากถุงอย่างดีทำไมถึงเปิดได้“เราจะได้มีเหตุผลไปหาเธออีกไง”“เจ้าเล่ห์จริง ๆ”โซ่หัวเราะ “ยอมรับว่าเจ้าเล่ห์ ตอนนั้นอะไรที่จะทำให้เราได้คบกับเธอ เราทำหมดแหละ”พรีมมองค้อน หมั่นไส้คนเจ้าเล่ห์มากกว่าจะโกรธคนโดนค้อนหัวเราะร่าท่าทางเบิกบานใจ ยักคิ้วหลิ่วตาให้สาวคนรัก“ทำไงได้เนอะ ชอบมากเลยคนนี้”วางของที่ถือมาไว้บนโต๊ะในครัวเสร็จ ชายหนุ่มยกร่างนุ่มขึ้นนั่งบนโต๊ะ โอบกอดไว้หลวม ๆ ส่งสายตารักใคร่มองสบตาคู่งามที่เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน“ใกล้ปีใหม่แล้ว ปีนี้อยากไปเที่ยวไหน อ๊ะ ๆ ไม่เอาเขาใหญ่แล้วนะ”“ไม่หรอก ปีนี้เราตามใจนาย อยากไปไหนล่ะ”“น่ารักฝุด ๆ แฟนใครน้อ...”“แฟนโซ่ไงคะ”โซ่คลี่ยิ้ม มอบจูบหวาน ๆ ซ่านซึ้งทรวง ถูกอกถูกใจในคำตอบ“ปีนี้เราไปเที่ยวญี่ปุ่นกันนะ ไปดูหิมะสวย ๆ หนาว ๆ แล้วลงแช่อนเซ็นอุ่น ๆ คงฟินดี”“ฮื่อ”หลั
โซ่พรมจูบไปทั่วหน้าปลั่งอย่างแสนรักขณะซึมซับความรู้สึกสุดพิเศษ ทั้งกอดรัดร่างนุ่มแน่นอย่างแสนหวงแหน หญิงสาวอิงแอบแนบซบไม่คิดผละห่าง แล้วก็รู้สึกถึงความต้องการของเขาผ่านความผ่าวร้อนที่คึกแข็งขึ้นมารวดเร็ว“มันใหญ่อีกแล้ว” เสียวหวานกระซิบ“มันอยากซุกพรีมอีก” โซ่เอ่ยยิ้ม ๆ หอมแก้มนุ่มแรง ๆ ก่อนทำท่าจะลุกจากโซฟา“ไปไหน”“หยิบถุงก่อน เราไม่อยากให้พรีมเสี่ยงถึงเราพร้อมรับผิดชอบทุกอย่างก็เถอะ” ถึงจะชอบที่ได้สัมผัสกันแบบไม่มีสิ่งขวางกั้นมากจับใจ ถึงแม้สถานะระหว่างกันคือคู่หมั้นที่ผ่านการเข้าพิธีหมั้นหมายด้วยความเห็นชอบของผู้ใหญ่แล้ว โซ่ไม่คิดจะให้มีเรื่องใดมาทำให้พรีมต้องหยุดชะงักการใช้ชีวิตในวัยนี้พรีมยึดต้นแขนใหญ่ไม่ยอมให้ลุก ซุกหน้ากับซอกคอหนา พึมพำเสียงเบา“ไม่เสี่ยงหรอก” ไม่ปล่อยให้คนรักนิ่วหน้าสงสัยนาน “เราไปฝังยาคุมมา”“พรีม! ตั้งแต่เมื่อไหร่” ได้ยินแบบนั้น ชายหนุ่มรีบจับแขนเรียวมาสำรวจ ก่อนจะเห็นรอยเล็ก ๆ ตรงแขนข้างหนึ่ง ช่วงก่อนหยุดยาวสิ้นปี ต่างคนต่างยุ่งเรื่องสอบและติวกับเพื่อน เขาถึงพลาดเรื่องนี้ หน้าเข้มขึ้น ลูบรอยเล็กแผ่วเบา“เจ็บหรือเปล่า เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบเลยนะ”ท่าทางห่วง
ตลอดหลายเดือน บิดามารดาเดินทางกลับไทยเมื่อไหร่มักจะเรียกหาพรีมเข้าไปเล่นด้วย พวกท่านเอ็นดูพรีมมากกว่าเขาที่เป็นลูกชายซะอีก เหตุเพราะพรีมเป็นคนขี้อ้อนน่ารัก แม่ที่มีแต่ลูกชายจะไม่หลงยังไงไหวตัวเขายังหลงเธอจะตาย“ไว้ปิดเทอมใหญ่ค่อยไป จะได้อยู่กับท่านหลาย ๆ วันให้หายคิดถึงไปเลยดีไหม”“เธอว่าดี เราก็ว่าดี”“นายน่ารักที่สุดเลย”หญิงสาวแนบหน้าเข้าจูบแก้มขาวหนัก ๆ เป็นการให้รางวัลในความน่ารัก ก่อนจะเกาะกอดกายหนากระชับ เอนหน้าวางคางบนบ่ากว้าง ปล่อยให้เขาแบกเธอไปเรื่อย ๆครั้งนี้โซ่เลือกบ้านหลังใหม่อยู่ห่างจากหลังอื่นพอควรจึงมีความเป็นส่วนตัวและมองเห็นวิวสวยได้ทุกองศา“หนักหรือเปล่า เหนื่อยมั้ยให้เราลงเดินดีไหม”“ตัวเบายังกะนุ่น เอาตรงไหนมาหนัก”ชายหนุ่มยังยืนยันว่าไม่หนัก ไม่เหนื่อยด้วยการวิ่งขึ้นเขาโดยมีแฟนสาวเกาะหลัง“เกินไปแล้ว เดี๋ยวก็หัวใจวายหรอก”“ถ้าจะวายขอวายบนอกเธอดีกว่า”“นายนี่”โซ่หัวเราะร่วน ยอมหยุดวิ่ง เปลี่ยนมาก้าวเดินแทน ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็ถึงบ้านพักหลังงาม“ว่าไม่เหนื่อยแต่ได้เรื่องเหมือนกันนะเนี่ย มาปั๊มหัวใจหน่อยเร็ว”หน้าระรื่นยิ้มกรุ้มกริ่มไร้ร่องรอยความเหนื่อยล้า ถึงอย่
หลังจากคบหาดูใจกันมาพักใหญ่ โซ่ร่ำร้องอยากเปิดตัวกับครอบครัวของเธอบ้าง ทั้งที่เขาเองก็ได้รู้จักพี่สาวทั้งสองของเธอแล้ว แม้จะผ่านทางการคอลล์วิดีโอตอนที่เธอคุยกับพี่ ๆ บางครั้งเขาร่วมคุยด้วย แต่โซ่ให้เหตุผลว่ายังไม่เคยเจอตัวจริงกันอย่างเป็นทางการสักครั้ง ส่วนทางบิดามารดาเธอนั้น เขาเจอบ่อยเพราะพาเธอกลับบ้านทุกเดือนดังนั้นในวันหยุดสงกรานต์พรีมจึงได้พาชายหนุ่มมาบ้านที่นนทบุรีด้วย ซึ่งวันนี้พี่สาวทั้งสองพร้อมกับคนรักกลับมาบ้านเช่นกันโซ่หอบของฝากมากมายมาด้วยและไม่ลืมหิ้วกล้วยไม้ต้นใหญ่กำลังออกดอกสะพรั่งโดยมีช่อดอกยาวเฟื้อยเต็มต้น พอเธอถาม เขาบอกเล่าคร่าว ๆ ว่าเป็นกล้วยไม้ตระกูลช้างคนรับถูกอกถูกใจมาก ยิ้มกว้างหน้าบาน รีบบอกให้นำไปไว้ในเรือนกล้วยไม้ทันที“หนุ่มคนนี้นี่รู้ใจพ่อเราจริง ๆ” พัชรีเย้าลูกสาว“นั่นก็ขยันหาของมาเอาใจกันค่ะ พรีมห้ามก็ไม่ฟัง” กล้วยไม้บางต้นราคาแพงจนเธอตกใจ“แล้วพี่พลอยกับพี่เพลงมาถึงนานยังคะ พากันไปไหนแล้วล่ะ”ในบ้านไม่มีพี่สาวทั้งสอง พรีมรู้ว่าพวกเขามาถึงจากรถยนต์หรูสองคันที่จอดอยู่หน้าบ้าน“สักพักแล้วล่ะ ตอนนี้นั่งเล่นกันอยู่ในสวนหลังบ้าน”“งั้นเราไปสมทบกับพี่ ๆ กั








