 LOGIN
LOGINเพราะเห็นขาเธอเริ่มแดง ขยับนิดหน่อยก็เจ็บเลยไม่แน่ใจว่าเป็นอะไรมากไหม ไปให้หมอตรวจเช็กจะดีกว่า
พรีมลังเล จะโทรหาเพื่อน กว่าเพื่อนจะมาอย่างน้อย ๆ ก็ครึ่งชั่วโมง จะเรียกรถกลับก็เกิดความกลัวขึ้นมา ก่อนหน้านี้เธอมัวแต่เสียใจจึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่น
“ไปก็ได้ค่ะ แต่เราคงปีนข้ามไปไม่ไหว”
“ไม่ใช่ปัญหา”
ชายหนุ่มยื่นแขนมาให้เธอจับ แม้จะลังเลบ้างแต่เธอก็ยอมจับในที่สุด เขาช่วยประคองให้ขยับไปใกล้กำแพง วาดขายาวก้าวข้ามไป
“โทษทีนะ” หันมาจับเอว ยกร่างบางลอยข้ามไปหาเขาอย่างง่ายดาย
การแนบชิดชั่วขณะนั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกแปลก ๆ เธอไม่ได้ไว้ใจเขาร้อยเปอร์เซ็นต์ หากในสถานการณ์ตรงหน้าจำต้องรับความช่วยเหลือ เขาช่วยให้เธอขึ้นไปนั่งบนรถหรูราคาแพงก่อนจะพารถออกจากบริเวณนั้น เลี้ยวไปอีกทางที่เธอพอจำได้ว่าเป็นโรงพยาบาลของมหา’ลัย D นั่นเอง
ในยามกลางคืนแบบนี้ ไม่ค่อยมีผู้มาใช้บริการ พรีมจึงได้รับการตรวจรักษาทันที สรุปว่าข้อเท้าเธอแพลงจริง ๆ ต้องพักอย่างน้อยสามวัน
“เดี๋ยวเราไปส่ง”
“เราเรียกรถกลับเองดีกว่า” เธอเดาว่าเขาน่าจะอายุพอ ๆ กันจึงใช้คำแทนตัวง่าย ๆ อย่างเช่นที่เขาทำ
“ดึกแล้วรถหายาก ไปเถอะ ”
เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวถูกช้อนอุ้มจากหนุ่มแปลกหน้า ท่าทางสุภาพกับสีหน้าแววตาจริงจังทำให้เธอปฏิเสธไม่เต็มปาก
“ให้ไปส่งที่ไหน”
“เจซีอพาร์ตเมนต์”
อพาร์ตเมนต์ดังกล่าวอยู่แถวมหาวิทยาลัย K
“แล้วมาทำอะไรแถวนี้คนเดียว”
มหา’ลัย K อยู่ในละแวกเดียวกับมหา’ลัย D ก็จริง หากไม่ได้ใกล้กันมากมาย โซ่นึกแปลกใจที่เจอเธออยู่ตามลำพังตั้งแต่บนสะพานแล้ว
“มาหาแฟน” พรีมตอบไปตามความจริง แม้ว่าพอพูดออกไปจะทำให้ความเจ็บหน่วงรุมเร้าหัวใจขึ้นมาอีก
“อ้าว แล้วแฟนไปไหน เธอถึงอยู่คนเดียว”
“เลิกกันแล้ว”
“...”
“เพิ่งเลิกวันนี้”
“...”
“เราไปเจอเขากำลังเอากับผู้หญิง”
“เหี้ย!!” ชายหนุ่มหลุดสบถ ครั้นเห็นตาแดง ๆ ของคนนั่งข้างก็เสียงอ่อน “อ่า โทษที ๆ”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนในกลุ่มเขา เราเคยเห็นหน้าประจำ”
โซ่นึกอยากก่นด่าไอ้ผู้ชายเฮงซวยพรรค์นั้น ถ้ามันรักสนุก มั่วไม่เลือกจะมีแฟนทำสากกะเบืออะไรวะ แล้วยังปล่อยให้แฟนออกมาเดิมท่อม ๆ ดึกดื่นจนบาดเจ็บอีก ถึงแถวนี้จะไม่เปลี่ยวก็เถอะ
คนข้างกายเริ่มสูดน้ำมูก เขาจึงหยิบกล่องทิชชูยื่นให้ เธออุบอิบขอบคุณ
“ถ้ามันเจ็บมากก็ร้องได้นะ เราไม่เอาไปเมาท์หรอก”
“อือ...ฮึก ฮึก...ฮือๆ”
พรีมไม่อยากร้อง หากไม่รู้อะไรทำให้เธอเก็บกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ยกมือกุมหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา เจ้าของรถทำตัวเงียบเชียบเสมือนว่าไม่ได้อยู่ในรถด้วย เขาไม่ได้ปลอบ หากก็ไม่ได้เอ่ยขัดหรือซ้ำเติม
เธอร้องไห้จนสร่างซาเหลือเพียงอาการสะอึกสะอื้นเป็นบางครั้ง ประจวบเหมาะกับเสียงมือถือของอีกฝ่ายดัง
เขาหันมามองเธอ เหมือนจะขออนุญาต ทั้งที่ไม่จำเป็น เพราะนี่มันรถของเขา
“ตาม...สบาย...”
ทันทีที่เขากดรับ เสียงจากปลายสายดังขึ้นในรถ เนื่องจากโซ่ต่อโฟนกับรถเอาไว้แบบอัตโนมัติ
[“มึงอยู่ไหน”]
“มึงมีไร กูอยู่ข้างนอก”
[“ทำเหี้ยไรอยู่วะ กูเข้าบ้านไม่ได้”]
“ทำไม”
[“ลืมกุญแจบ้านมั้ง หรือทำหายที่ไหนก็ไม่รู้ ถ้ารู้กูต้องโทรหามึงมั้ยไอ้สัส”]
“อ้าว ด่ากูเฉย มึงเสือกโง่เอง นอนหน้าบ้านไปเหอะ”
[“ไอ้โซ่ มึงอย่าลีลา กูกลับมาเอางาน เพื่อนกูรออยู่ให้ไว”]
“เรื่องของมึง กูมีธุระ”
[“พาธุระมึงมาด้วย ให้ไว ไม่งั้นกูฟ้องแม่ว่ามึงออกเที่ยวทุกคืน”]
“สัสเอ๊ย รอ!”
โซ่เสียงเข้มใส่คนในสาย ก่อนจะหันมาคุยกับคนที่ติดรถมาด้วย
“ขอแวะบ้านแป๊บนะ พี่เรามันลืมกุญแจบ้าน”
“เมื่อกี้พี่ชายเหรอ”
“อือ มันเรียนปีสี่วิศวะ ช่วงนี้กำลังทำโครงงานโปรเจคจบน่ะ บ้านเราอยู่ทางเดียวกับหอเธอนั่นแหละ”
“อื้อ ตามสบาย”
“ขอบใจมาก”
พรีมละสายตาจากใบหน้าเปื้อนยิ้มละไม จู่ ๆ ความรู้สึกเขินก็อาบไล้ผิวแก้ม หากไม่มัววุ่นวายกับเธอ ป่านนี้เขาคงถึงบ้านตั้งนานแล้ว
ใช้เวลาไม่นาน รถคันสวยปราดมาจอดหน้าบ้านสองชั้นหลังหนึ่งในโครงการที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก คนที่รออยู่พุ่งตัวออกมาจากบริเวณหน้าบ้านด้านใน เขาลดกระจกลง โยนกุญแจให้
“ฝากกุญแจไว้ป้อมให้กูด้วย”
“เออ แต้งไอ้น้องชาย”
“ทีงี้ทำเป็นพี่น้องนะไอ้สัส”
โซ่โยนคำใส่หน้าคนเป็นพี่ก่อนจะพารถออกเพราะขี้เกียจฟังคำด่าจากอีกฝ่าย ซึ่งมีมาแน่นอน
เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นทำให้คนมองอย่างพรีมนึกไปถึงพี่สาวทั้งสองของตัวเองเช่นกัน เธอกับ พลอยชนันท์ และ พัณณ์ชิตา สนิทสนมกันมาก พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง พี่สาวทั้งสองยังเห็นดีเห็นงามเรื่องที่เธอกับโปรดคบกัน หากว่าพี่ ๆ รู้ว่าเขาทำยังไงกับเธอ คงโกรธเกลียดถึงขั้นไม่เผาผีกันแน่
ใจหนึ่งอยากโทรไปปรับทุกข์กับพี่สาว อีกใจก็ไม่อยากให้ทั้งสองเป็นกังวลไปด้วย
“ทำไมเงียบ”
“เราไม่รู้จะคุยอะไร”
“นึกว่ากำลังตกใจที่เห็นเรากับพี่คุยกัน ผู้ชายอะนะ ฮาร์ดคอกันนิดหน่อย”
“ไม่ตกใจหรอก เราก็มีพี่เหมือนกัน พี่สาวสองคนน่ะ สนิทกันมากเหมือนกัน”
“ดี ๆ ไว้แนะนำให้เรารู้จักด้วยดิ”
“ไม่เอาหรอก พี่เราสวย เดี๋ยวนายจีบ”
“เป็นงั้นไป”
พรีมหัวเราะออกมาเบา ๆ รถกลับจอดลงหน้าหอพักของเธอแล้ว ช่วงเวลาที่ได้ต่อปากต่อคำกับเขาทำให้ลืมความเศร้าใจ จนอดคิดไม่ได้ว่า บางทีผู้ชายใจดีคนนี้คงชวนเธอคุยเพื่อให้ลืมเรื่องแย่
“เดินไหวไหม”
“ไหว เราแชตหาเพื่อนให้ลงมารับแล้ว นั่นไง” เธอบุ้ยหน้าไปตรงประตูตึก ซึ่งตอนนี้มีผู้หญิงสองคนเดินออกมา “ขอบคุณนายมากนะที่ช่วย”
“ไม่เป็นไร ไว้เจอกันใหม่”
หญิงสาวไม่ได้ตอบกลับ เพราะในใจคิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วเพราะเธอจะไม่ไปแถว มหา’ลัย D อีกแล้ว หรือหากวันหนึ่งจะเจอกัน บางทีต่างคนต่างอาจจะลืมหน้ากันไปแล้วก็ได้
โซ่มองตามร่างบางระหงกระทั่งเธอถูกเพื่อนประคองเข้าไปในตึกเขาถึงพารถเคลื่อนออก หวนนึกถึงเรื่องราวตลอดชั่วโมงที่ผ่านมาแล้วหัวเราะ
“นึกไปได้ไงวะว่าเธอเป็นผี”
ผีที่ไหนจะสวยน่ารักขนาดนี้ พลันนั้น ชายหนุ่มชะงัก ดวงตาคมกล้าขุนมัวเมื่อนึกถึง ไอ้หน้าตัวเมียแฟนเธอ มีแฟนสวยขนาดนี้ยังจะไปมั่วกับคนอื่นอีก

แผนการอันนั้นทำให้โซ่ต้องมายืนอยู่หน้าโต๊ะกระจกสำหรับแต่งหน้าและเก็บของของเมียรักในห้องวอล์กอินโคเซต ตามองขวดยาคุมเขม็ง พรีมเปลี่ยนมากินยาได้หนึ่งปีแล้ว เขาจะคุมเองเธอก็ไม่ยอม บอกกลัวพลาดท้องทั้งที่แต่งงานกันแล้วนี่แหละ“ยืนทำอะไรตรงนี้ ไม่เข้าไปนอนสักทีล่ะ”เสียงทักถามจากเมียรักมาพร้อมกับอ้อมกอดที่ทำให้ใจอุ่นได้ทุกครั้งพรีมเบี่ยงหน้ามาสบตากันผ่านกระจกเงา ก่อนสายตาจะหลุบมองเห็นบางอย่างในมือสามี“นั่นอะไร”“ยาบำรุง”“โซ่ป่วยเหรอ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”“เปล่า เราไม่ได้เป็นอะไร”สุ้มเสียงห่วงใยของเมียรักทำให้โซ่โยนขวดยาลงไปบนโต๊ะ หันมาอุ้มร่างนุ่มเข้าห้องนอน ตามขึ้นไปนอนกอด เริ่มอธิบายกับสายตาเป็นคำถามที่มองมา“ยาบำรุง ไอ้ฟีมมันแนะนำให้เรานำมาเปลี่ยนกับยาคุมของตัวเอง”ใส่ความออดอ้อนลงไปในคำท้ายเมื่อตาเมียไหวระริก ด้วยกลัวเมียจะโกรธ“ทำแบบนั้นเพื่อ”หญิงสาวกลั้นยิ้มวางหน้าขึงขัง เข้าใจดีว่าสามีที่รักต้องการอะไร“เราอยากมีตัวเล็ก ๆ แล้ว”“ทำไมรีบล่ะ”หน้าคมขยับเข้ามาซุกบ่าเล็ก ฉวยเม้มต้นคอขาว“ถ้ามีตอนนี้ เลี้ยงไม่กี่ปีลูก ๆ ก็โตแล้ว เค้าจะได้สวีตกับตัวเองได้เต็มที่ไง ไม่ต้องไปวิ่งตามลูก
“ตกลงปะล่ะ”“ตกลง”พรีมตอบโดยไม่ลังเล ความรักที่มีต่อคนตรงหน้าไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แม้ตลอดสองปีมานี้จะอยู่ด้วยกันทุกวัน ใกล้ชิดกันยิ่งกว่าคนในครอบครัว หากเธอก็รู้สึกเหมือนเขา คือยังอยากใกล้ชิดกันให้มากขึ้นไปอีกร่างนุ่มถูกยกหมุนท่ามกลางเสียงหัวเราะทุ้มนุ่ม เธอเองก็ยิ้มกว้างก่อนหัวเราะไปด้วยกัน สองมือกอดรอบลำคอหนาอย่างไว้เนื้อเชื่อใจริมฝีปากต่างพานพบประกบกันหลังชายหนุ่มหยุดหมุน โอบอุ้มร่างนุ่มไว้อย่างนั้น จูบแสนหวานที่หวามไปทั้งหัวใจถูกมอบให้แก่กันและกันอย่างลึกซึ้งตรึงอารมณ์ “กลับห้องกันเถอะ”หญิงสาวเอ่ยชวนหลังจูบแสนหวานจบลง“ไม่อยากเดินเที่ยวต่ออีกหน่อยเหรอ”“ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ เราอยากอยู่กับโซ่” ท้ายประโยคกระซิบอย่างมีความหมายชายหนุ่มอมยิ้ม โอบเอวเล็กพาเดินกลับที่พักทันที แต่เส้นทางที่เลือกใช้นั้นก็ยังประดับด้วยแสงไฟที่ให้ความงดงามและแสนโรแมนติก บ่อยครั้งที่เขากดจูบขมับบางด้วยความรัก ชี้ชวนให้ดูสิ่งต่าง ๆ“เหนื่อยมั้ย”“ไม่เหนื่อยหรอก ดูไฟเพลิน ๆ”แม้หญิงสาวจะตอบไปอย่างนั้น กายแกร่งยังเดินมาย่อตัวลงข้างหน้า วาดแขนไปด้านหลังเพื่อรั้งร่างเล็กขึ้นหลัง“แบบนี้นายเหนื่อยแย่เลย”เ
“นึกถึงวันแรกที่เราช่วยเธอหิ้วของขึ้นห้องน่ะ”“ทำไม มีอะไรพิเศษเหรอ”“เรามีเรื่องจะสารภาพแหละ”“ว่า”“วันนั้นของมันไม่ได้หล่นจากถุงหรอก เราหยิบออกเอง”“ทำไมล่ะ”หญิงสาวมองคนรักอย่างไม่อยากเชื่อ นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นขึ้นมา เธอแปลกใจตั้งแต่ตอนนั้นเหมือนกัน ถุงที่เธอผูกปากถุงอย่างดีทำไมถึงเปิดได้“เราจะได้มีเหตุผลไปหาเธออีกไง”“เจ้าเล่ห์จริง ๆ”โซ่หัวเราะ “ยอมรับว่าเจ้าเล่ห์ ตอนนั้นอะไรที่จะทำให้เราได้คบกับเธอ เราทำหมดแหละ”พรีมมองค้อน หมั่นไส้คนเจ้าเล่ห์มากกว่าจะโกรธคนโดนค้อนหัวเราะร่าท่าทางเบิกบานใจ ยักคิ้วหลิ่วตาให้สาวคนรัก“ทำไงได้เนอะ ชอบมากเลยคนนี้”วางของที่ถือมาไว้บนโต๊ะในครัวเสร็จ ชายหนุ่มยกร่างนุ่มขึ้นนั่งบนโต๊ะ โอบกอดไว้หลวม ๆ ส่งสายตารักใคร่มองสบตาคู่งามที่เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน“ใกล้ปีใหม่แล้ว ปีนี้อยากไปเที่ยวไหน อ๊ะ ๆ ไม่เอาเขาใหญ่แล้วนะ”“ไม่หรอก ปีนี้เราตามใจนาย อยากไปไหนล่ะ”“น่ารักฝุด ๆ แฟนใครน้อ...”“แฟนโซ่ไงคะ”โซ่คลี่ยิ้ม มอบจูบหวาน ๆ ซ่านซึ้งทรวง ถูกอกถูกใจในคำตอบ“ปีนี้เราไปเที่ยวญี่ปุ่นกันนะ ไปดูหิมะสวย ๆ หนาว ๆ แล้วลงแช่อนเซ็นอุ่น ๆ คงฟินดี”“ฮื่อ”หลั
โซ่พรมจูบไปทั่วหน้าปลั่งอย่างแสนรักขณะซึมซับความรู้สึกสุดพิเศษ ทั้งกอดรัดร่างนุ่มแน่นอย่างแสนหวงแหน หญิงสาวอิงแอบแนบซบไม่คิดผละห่าง แล้วก็รู้สึกถึงความต้องการของเขาผ่านความผ่าวร้อนที่คึกแข็งขึ้นมารวดเร็ว“มันใหญ่อีกแล้ว” เสียวหวานกระซิบ“มันอยากซุกพรีมอีก” โซ่เอ่ยยิ้ม ๆ หอมแก้มนุ่มแรง ๆ ก่อนทำท่าจะลุกจากโซฟา“ไปไหน”“หยิบถุงก่อน เราไม่อยากให้พรีมเสี่ยงถึงเราพร้อมรับผิดชอบทุกอย่างก็เถอะ” ถึงจะชอบที่ได้สัมผัสกันแบบไม่มีสิ่งขวางกั้นมากจับใจ ถึงแม้สถานะระหว่างกันคือคู่หมั้นที่ผ่านการเข้าพิธีหมั้นหมายด้วยความเห็นชอบของผู้ใหญ่แล้ว โซ่ไม่คิดจะให้มีเรื่องใดมาทำให้พรีมต้องหยุดชะงักการใช้ชีวิตในวัยนี้พรีมยึดต้นแขนใหญ่ไม่ยอมให้ลุก ซุกหน้ากับซอกคอหนา พึมพำเสียงเบา“ไม่เสี่ยงหรอก” ไม่ปล่อยให้คนรักนิ่วหน้าสงสัยนาน “เราไปฝังยาคุมมา”“พรีม! ตั้งแต่เมื่อไหร่” ได้ยินแบบนั้น ชายหนุ่มรีบจับแขนเรียวมาสำรวจ ก่อนจะเห็นรอยเล็ก ๆ ตรงแขนข้างหนึ่ง ช่วงก่อนหยุดยาวสิ้นปี ต่างคนต่างยุ่งเรื่องสอบและติวกับเพื่อน เขาถึงพลาดเรื่องนี้ หน้าเข้มขึ้น ลูบรอยเล็กแผ่วเบา“เจ็บหรือเปล่า เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบเลยนะ”ท่าทางห่วง
ตลอดหลายเดือน บิดามารดาเดินทางกลับไทยเมื่อไหร่มักจะเรียกหาพรีมเข้าไปเล่นด้วย พวกท่านเอ็นดูพรีมมากกว่าเขาที่เป็นลูกชายซะอีก เหตุเพราะพรีมเป็นคนขี้อ้อนน่ารัก แม่ที่มีแต่ลูกชายจะไม่หลงยังไงไหวตัวเขายังหลงเธอจะตาย“ไว้ปิดเทอมใหญ่ค่อยไป จะได้อยู่กับท่านหลาย ๆ วันให้หายคิดถึงไปเลยดีไหม”“เธอว่าดี เราก็ว่าดี”“นายน่ารักที่สุดเลย”หญิงสาวแนบหน้าเข้าจูบแก้มขาวหนัก ๆ เป็นการให้รางวัลในความน่ารัก ก่อนจะเกาะกอดกายหนากระชับ เอนหน้าวางคางบนบ่ากว้าง ปล่อยให้เขาแบกเธอไปเรื่อย ๆครั้งนี้โซ่เลือกบ้านหลังใหม่อยู่ห่างจากหลังอื่นพอควรจึงมีความเป็นส่วนตัวและมองเห็นวิวสวยได้ทุกองศา“หนักหรือเปล่า เหนื่อยมั้ยให้เราลงเดินดีไหม”“ตัวเบายังกะนุ่น เอาตรงไหนมาหนัก”ชายหนุ่มยังยืนยันว่าไม่หนัก ไม่เหนื่อยด้วยการวิ่งขึ้นเขาโดยมีแฟนสาวเกาะหลัง“เกินไปแล้ว เดี๋ยวก็หัวใจวายหรอก”“ถ้าจะวายขอวายบนอกเธอดีกว่า”“นายนี่”โซ่หัวเราะร่วน ยอมหยุดวิ่ง เปลี่ยนมาก้าวเดินแทน ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็ถึงบ้านพักหลังงาม“ว่าไม่เหนื่อยแต่ได้เรื่องเหมือนกันนะเนี่ย มาปั๊มหัวใจหน่อยเร็ว”หน้าระรื่นยิ้มกรุ้มกริ่มไร้ร่องรอยความเหนื่อยล้า ถึงอย่
หลังจากคบหาดูใจกันมาพักใหญ่ โซ่ร่ำร้องอยากเปิดตัวกับครอบครัวของเธอบ้าง ทั้งที่เขาเองก็ได้รู้จักพี่สาวทั้งสองของเธอแล้ว แม้จะผ่านทางการคอลล์วิดีโอตอนที่เธอคุยกับพี่ ๆ บางครั้งเขาร่วมคุยด้วย แต่โซ่ให้เหตุผลว่ายังไม่เคยเจอตัวจริงกันอย่างเป็นทางการสักครั้ง ส่วนทางบิดามารดาเธอนั้น เขาเจอบ่อยเพราะพาเธอกลับบ้านทุกเดือนดังนั้นในวันหยุดสงกรานต์พรีมจึงได้พาชายหนุ่มมาบ้านที่นนทบุรีด้วย ซึ่งวันนี้พี่สาวทั้งสองพร้อมกับคนรักกลับมาบ้านเช่นกันโซ่หอบของฝากมากมายมาด้วยและไม่ลืมหิ้วกล้วยไม้ต้นใหญ่กำลังออกดอกสะพรั่งโดยมีช่อดอกยาวเฟื้อยเต็มต้น พอเธอถาม เขาบอกเล่าคร่าว ๆ ว่าเป็นกล้วยไม้ตระกูลช้างคนรับถูกอกถูกใจมาก ยิ้มกว้างหน้าบาน รีบบอกให้นำไปไว้ในเรือนกล้วยไม้ทันที“หนุ่มคนนี้นี่รู้ใจพ่อเราจริง ๆ” พัชรีเย้าลูกสาว“นั่นก็ขยันหาของมาเอาใจกันค่ะ พรีมห้ามก็ไม่ฟัง” กล้วยไม้บางต้นราคาแพงจนเธอตกใจ“แล้วพี่พลอยกับพี่เพลงมาถึงนานยังคะ พากันไปไหนแล้วล่ะ”ในบ้านไม่มีพี่สาวทั้งสอง พรีมรู้ว่าพวกเขามาถึงจากรถยนต์หรูสองคันที่จอดอยู่หน้าบ้าน“สักพักแล้วล่ะ ตอนนี้นั่งเล่นกันอยู่ในสวนหลังบ้าน”“งั้นเราไปสมทบกับพี่ ๆ กั








