ปหลังจากที่นันทวัฒน์และนลินีได้พูดคุยกันในสวนงานการกุศลและตกลงที่จะให้โอกาสตัวเองในการเริ่มต้นใหม่ ทั้งสองคนรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้น นันทวัฒน์เริ่มมองนลินีด้วยสายตาที่ต่างออกไป และนลินีเองก็เริ่มมีความหวังว่าชีวิตคู่ของพวกเขาอาจจะมีโอกาสที่จะดีขึ้น“ดึกแล้วพี่ว่าเรากลับกันเถอะลิน จะได้พักผ่อน หรือว่าลินอยากอยู่ต่อ” ร่างสูงถามคนเป็นภรรยาทันทีที่ลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะยื่นมือของตัวเองออกมาข้างหน้าให้หญิงสาวได้จับไว้ นลินีมอมองมือที่ยื่นมาก่อนที่จะยิ้มให้และวางมือเรียวไปทาบไว้ข้างบนให้อีกฝ่ายออกแรงช่วยดึงตัวเองขึ้น ทำให้หญิงสาวอดนึกถึงตอนเด็กไม่ได้ที่ พี่วัฒน์ก็จะคอยดึงน้องลินลุกขึ้นเสมอเวลาเด็กหญิงล้ม“ลินว่าเรากลับบ้านกันดีกว่าค่ะพี่วัฒน์ วันนี้พี่วัฒน์ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน พรุ่งนี้วันหยุดจะได้นอนพักยาวๆ”แล้วคู่สามีภรรยาก็พากันกลับมาถึงบ้านโดยที่ยังไม่ดึกมากนัก พอเปิดประตูห้องนอนเข้ามา เป็นครั้งแรกที่จะนอนพร้อมกันทำเอานลินีทำตัวไม่ถูก เธอถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอายทันทีเหมือนกับว่าคนตัวสูงจะรู้ว่าเธอเขิน นันทวัฒน์จึงบอกให้นลินีไปอาบน้ำก่อน“ลิน ลิน
หลังจากเหตุการณ์ทะเลาะกับนลินีครั้งนั้น นันทวัฒน์ก็เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไปในใจของเขา แม้ว่าเขาจะยังคงไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองอย่างถ่องแท้ แต่ความหึงหวงและความไม่พอใจที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่เห็นศตวรรษอยู่ใกล้นลินี ทำให้เขารู้ว่าเขาไม่ต้องการให้ใครมาแทนที่เขาในชีวิตของเธอในขณะที่นันทวัฒน์กำลังสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง คุณหญิงวิไลก็ได้ขอให้เขาและนลินีไปเข้าร่วมงานการกุศลที่จัดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ งานนี้เป็นงานใหญ่ที่มีผู้คนในแวดวงสังคมชั้นสูงเข้าร่วมมากมาย ซึ่งคุณหญิงวิไลเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่ทั้งคู่จะได้ออกงานด้วยกันนันทวัฒน์ลังเลอยู่สักพัก แต่เมื่อเห็นสายตาที่คาดหวังของแม่และความรู้สึกหวงที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ เขาจึงตัดสินใจพานลินีไปด้วย เพราะเขาไม่อยากปล่อยให้นลินีอยู่ห่างสายตาอีกต่อไป เขารู้ว่าถ้าเขาไม่พาไปแม่เขาอาจจะให้ศตวรรษพาไปแทนก็เป็นได้ในวันงานคุณหญิงวิไลแต่งตัวอย่างหรูหรา ส่วนนลินีก็สวมชุดเดรสยาวสีขาวที่เรียบง่ายแต่สง่างาม เมื่อนันทวัฒน์เห็นนลินีในชุดนี้ เขารู้สึกถึงความสวยงามที่เขาไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน นลินีดูสง่าและมีความมั่นใจอย่างที่เขาไม่เคยเห็น ซึ่ง
ช่วงนี้นันทวัฒน์เริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในตัวนลินี เธอดูสวยขึ้น ดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอกลับดูห่างเหินมากกว่าเดิม สิ่งนี้ทำให้นันทวัฒน์รู้สึกไม่สบายใจ แม้ว่าเขาจะไม่เคยใส่ใจนลินีมาก่อน แต่เมื่อเห็นเธอมีความสุขโดยที่เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในนั้น ความรู้สึกแปลก ๆ ก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเขา นันทวัฒน์สังเกตช่วงนี้ว่าศตวรรษมักจะแวะมาหานลินีที่บ้านบ่อยขึ้น ทั้งคู่ดูสนิทสนมและมีความสุขเมื่ออยู่ด้วยกัน สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ แม้ว่าเขาจะไม่เคยรักนลินี แต่การเห็นเธอสนิทกับผู้ชายคนอื่นกลับทำให้เขารู้สึกหวงอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ ถึงแม้เขาจะรู้ว่าทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกันก็ตาม วันนี้นันทวัฒน์กลับมาถึงบ้านเร็วกว่าปกติ เขาทันได้เห็นศตวรรษกำลังนั่งคุยกับนลินีอยู่ในห้องรับแขก ทั้งสองคนดูผ่อนคลายและหัวเราะด้วยกัน ซึ่งตอนที่อยู่กับเขา นันทวัฒน์ไม่มีโอกาสได้เห็นนลินีหัวเราะเลย เธอคอยแต่ทำหน้าเศร้าไม่ค่อยสดใส ทำตัวน่าเบื่อ นันทวัฒน์รู้สึกถึงความไม่พอใจที่เพิ่มมากขึ้นในใจเรื่อยๆ เขาตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาทั้งคู่ที่นั่งอยู่ “นี่ก
หลังจากที่ศตวรรษมาเยี่ยมนลินีที่บ้านและใช้เวลาพูดคุยกับเธอ คุณหญิงวิไลซึ่งรู้จักศตวรรษดีในฐานะลูกพี่ลูกน้องที่สนิทสนมกับนลินีมาตั้งแต่เด็ก ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า บางทีการเปลี่ยนบรรยากาศอาจช่วยให้นลินีรู้สึกดีขึ้น เธอจึงตัดสินใจที่จะขอให้ศตวรรษพานลินีออกไปเที่ยวบ้างคุณหญิงวิไลเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นหลังจากที่เธอได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของนลินีและศตวรรษ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกดีใจที่เห็นลูกสะใภ้ของเธอมีความสุขขึ้นมาบ้าง หลังจากที่เธอเห็นนลินีนั่งอยู่บนโซฟาอย่างผ่อนคลายกว่าที่เคย คุณหญิงวิไลก็เข้ามานั่งข้าง ๆ พวกเขา“ตาว่าน ป้าดีใจที่ว่านแวะมาเยี่ยมหนูลิน” คุณหญิงวิไลเริ่มต้นพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “แม่คิดว่าบางทีหนูลินอาจจะต้องการเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง หลังจากที่ต้องอยู่ในบ้านมาเป็นเวลานาน”นลินีหันไปมองคุณหญิงวิไลด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “คุณแม่หมายความว่าอย่างไรคะ”คุณหญิงวิไลยิ้ม “แม่คิดว่า หนูลินควรออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ออกไปเที่ยวพักผ่อนกับพี่ว่าน ให้ได้ผ่อนคลายจากสิ่งที่กังวลอยู่ หนูจะได้ไม่เครียดไงลูก”นลินีรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย “แต่ลิน ลินไม่อยากรบกวนพี่ว่านน่ะค่ะ”ศตวรรษยิ้มหัวเรา
เช้าวันรุ่งขึ้น นลินีตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ แม้ว่าหัวใจของเธอยังคงหนักอึ้งจากความเจ็บปวดและความผิดหวังที่ได้รับเมื่อวานนี้ แต่เธอก็ยังคงพยายามทำหน้าที่ของภรรยาต่อไป เธอเชื่อว่าการทำสิ่งดี ๆ ให้กับนันทวัฒน์อาจช่วยเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้ แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม นลินีลุกขึ้นจากเตียงและเริ่มเตรียมชุดทำงานสำหรับนันทวัฒน์ เธอเลือกชุดสูทสีเข้มที่เขาชอบใส่และเตรียมทุกอย่างไว้อย่างเรียบร้อย จากนั้นเธอจึงลงไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า เธอตั้งใจทำอาหารที่เขาชอบเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นข้าวต้มไก่หอมกรุ่น ไข่ต้มสุกพอดี และผลไม้สด พร้อมด้วยกาแฟดำที่เธอรู้ว่าเขาชอบ ขณะที่นลินีกำลังจัดอาหารเช้าอยู่บนโต๊ะ เธอรู้สึกได้ถึงความอ่อนแอที่เกิดขึ้นในใจ แต่ก็พยายามยิ้มให้กับตัวเอง เธอยังไม่อยากยอมแพ้ต่อความรู้สึกเหนื่อยล้าที่ถาโถมเข้ามา เธอหวังว่าสักวันหนึ่ง ความพยายามของเธอจะได้รับการยอมรับจากสามี ไม่นานนักนันทวัฒน์ก็ลงมาจากห้องนอน เขาดูสดชื่นและเตรียมพร้อมสำหรับวันทำงาน นลินีมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังและเอ่ยขึ้นเบา ๆ “พี่วัฒน์คะ ลินเตรียมชุดทำงานไว้ให้แล้ว และอาหารเช้าก็พร้อมแล้วค่ะ” เธอกล
“แม่ครับ ผมเข้าใจว่านลินีเป็นภรรยาของผม และผมก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ผมไม่ได้รักเธอ ผมแต่งงานกับเธอเพราะโดนบังคับ ผมมีเอมอรเป็นคนรักอยู่แล้วคุณแม่หรือแม้แต่นลินีก็รู้นี่ครับ”คุณหญิงวิไลรู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากลูกชาย เธอรู้ว่าความรู้สึกของนันทวัฒน์ต่อการแต่งงานนี้ไม่เคยเปลี่ยนไป แต่เธอก็หวังว่าเวลาจะช่วยให้เขาเปิดใจมากขึ้น“แม่เข้าใจว่าลูกไม่ได้รักหนูลินในตอนแรก และแม่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะรักเธอทันทีหลังจากแต่งงาน แต่ลูกต้องให้โอกาสเธอ ให้โอกาสตัวเองในการเรียนรู้ที่จะรักและยอมรับเธอ ความรักมันไม่ได้เกิดขึ้นได้ในทันที แต่ถ้าลูกไม่เปิดใจ มันก็ไม่มีวันที่จะเกิดขึ้นได้เลย” คุณหญิงวิไลพยายามพูดอย่างใจเย็น แต่คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความหวังดีและห่วงใย“แม่ครับ ผมไม่ได้ขอให้ใครมาบังคับให้ผมแต่งงานกับนลินี แต่ที่ผมยอมทำตามที่พวกผู้ใหญ่ต้องการเพราะผมรู้ว่ามันสำคัญต่อครอบครัว แต่ผมไม่สามารถฝืนใจตัวเองให้รักเธอได้ ผมพยายามแล้ว แต่ความรู้สึกมันไม่ได้เกิดขึ้น และผมไม่สามารถเลิกกับเอมอรได้ เพราะผมรักเธอ ผมรักเอมอรครับและไม่มีวันเลิกรักเธอ” นันทวัฒน์ตอบโต้อย่างจริงจัง เขารู้สึกว่าเข