หน้าหลัก / โรแมนติก / พันธการสายใยรัก / ตอนที่ 6 การเผชิญหน้าที่ไม่คาดคิด

แชร์

ตอนที่ 6 การเผชิญหน้าที่ไม่คาดคิด

ผู้เขียน: อัญชัญสีทอง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-27 18:44:00

 หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ นันทวัฒน์และเอมอรยังคงนั่งสนทนากันต่อที่โต๊ะในร้านอาหารหรู เอมอรยิ้มหวานและใช้เวลาสนทนากับนันทวัฒน์อย่างมีความสุข ขณะที่นลินีและคุณหญิงวิไลยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ไกลกัน นลินีพยายามทำใจให้สงบ แม้ว่าภาพของนันทวัฒน์และเอมอรจะยังคงฝังแน่นในหัวใจของเธอ

 เอมอรเหลือบมองดูนาฬิกาบนข้อมือของเธอ ก่อนจะหันมามองนันทวัฒน์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

 “พี่วัฒน์คะ... วันนี้เอมอยากได้กระเป๋าใบใหม่ค่ะ” เอมอรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเล็กน้อย “เพื่อนๆ เขาแนะนำกระเป๋าแบรนด์ที่เอมใช้อยู่คอลเลคชั่นใหม่มาแล้ว สวยมากเลย เอมว่ามันเหมาะกับเอมมากค่ะ พี่วัฒน์พาเอมไปดูหน่อยได้ไหมคะ”

 นันทวัฒน์มองเอมอรด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเอมอรชอบขอของจากเขาอยู่บ่อย ๆ แต่เขาก็อดใจไม่ไหวที่จะตามใจเธอ เอมอรเป็นคนที่เขารักและเขาก็อยากให้เธอมีความสุขเสมอ

 “ได้สิเอม เดี๋ยวพี่จะพาไปดู ตอนนี้เราไปกันเลยไหม” นันทวัฒน์ตอบตกลงโดยไม่ลังเล

 เอมอรยิ้มกว้างและลุกขึ้นยืนทันที “ค่ะ ไปกันเลยค่ะพี่วัฒน์” เธอตอบอย่างตื่นเต้น ก่อนจะก้าวไปใกล้เขาและจับแขนของเขาไว้แน่น นันทวัฒน์จ่ายเงินค่าอาหารเรียบร้อย จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกจากร้านอาหารไปด้วยกัน เอมอรจับแขนของนันทวัฒน์อย่างใกล้ชิด ขณะที่เขานำทางเธอไปยังโซนร้านค้าแบรนด์เนมในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้

 นลินีซึ่งยังคงนั่งอยู่ในร้านอาหาร เห็นทั้งคู่เดินผ่านไปในระยะสายตาของเธอโดยไม่ได้สังเกตเธอเลย ความรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจที่เธอพยายามกลั้นเอาไว้ตลอดมาพลันพุ่งกลับมาอีกครั้ง ภาพของเอมอรที่เดินเคียงข้างนันทวัฒน์อย่างสนิทสนมทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงเงาที่ไม่มีตัวตนในชีวิตของเขา

 คุณหญิงวิไลซึ่งสังเกตเห็นสีหน้าของนลินีที่เปลี่ยนไป ก็เอื้อมมือมากุมมือของนลินีไว้อย่างอ่อนโยน “หนูลิน... ลูกไม่ต้องไปสนใจหรอกนะ อย่าให้มันทำให้ลูกต้องทุกข์ใจ”

 นลินีพยักหน้าเบา ๆ แต่เธอรู้ดีว่าในใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าและความสิ้นหวัง เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนันทวัฒน์กับเอมอรนั้นเป็นเรื่องที่ยากจะลืมเลือน และแม้ว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหน นันทวัฒน์ก็ยังคงมองข้ามความรู้สึกของเธอไปทุกครั้ง

 หลังจากนันทวัฒน์และเอมอรเดินออกจากร้านอาหาร นันทวัฒน์และเอมอรเดินเข้าร้านกระเป๋าแบรนด์เนม เอมอรกำลังเลือกกระเป๋าใบที่เธอต้องการมาลองสะพายด้วยความดีใจ

 เอมอรยิ้มอย่างมีความสุขกับสิ่งที่ต้องการ เธอยิ้มให้นันทวัฒน์ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ขณะที่นันทวัฒน์เองก็รู้สึกดีใจที่สามารถทำให้คนที่เขารักมีความสุขได้ แต่ในความสุขนั้น เขาไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังนั่งร้องไห้อยู่ในความเงียบ เหมือนกับความพยายามทั้งหมดของเธอกำลังจางหายไปทีละน้อย

 หลังจากที่คุณหญิงวิไลและนลินีทานข้าวเสร็จและเตรียมตัวกลับบ้าน คุณหญิงวิไลเห็นว่านลินียังไม่สดใสขึ้นเท่าที่ควร เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนเล็กน้อย และชวนลูกสะใภ้ไปเดินดูของเพิ่มเติมเพื่อผ่อนคลายจิตใจ เพราะเธอรู้ว่าลูกสะใภ้ของเธอคงต้องการเวลาสำหรับตัวเองในการประมวลความรู้สึกที่เกิดขึ้น

 “หนูลินจ๊ะ แม่ว่าเราไปเดินดูร้านกระเป๋ากันหน่อยดีไหม แม่อยากได้กระเป๋าใบใหม่สักใบ” คุณหญิงวิไลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังดี

 “ได้ค่ะคุณแม่ ไปกันเถอะค่ะ” นลินีลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าตกลง แม้ว่าใจของเธอจะยังหนักอึ้ง แต่เธอก็ไม่อยากให้คุณหญิงวิไลต้องกังวลมากเกินไป

 ทั้งสองคนเดินไปยังร้านกระเป๋าแบรนด์เนมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารที่พวกเขาเพิ่งออกมา แต่ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในร้าน นลินีต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพที่เธอไม่คาดคิด

 นันทวัฒน์กำลังยืนอยู่กับเอมอรภายในร้าน เขากำลังช่วยเอมอรเลือกกระเป๋า ขณะที่เอมอรยิ้มแย้มอย่างมีความสุข นลินีรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอถูกบีบอีกครั้ง ภาพของสามีที่ยืนเคียงข้างผู้หญิงคนอื่นซึ่งไม่ใช่เธอ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตกอยู่ในความฝันที่เจ็บปวด

 คุณหญิงวิไลที่เห็นภาพนั้นก็รู้สึกสะท้อนใจ เธอรู้ดีว่าการเผชิญหน้าครั้งนี้จะทำให้นลินีต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่เธอเองก็รู้ว่าการเผชิญหน้ากับความจริงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

 “ตาวัฒน์” คุณหญิงวิไลเอ่ยเรียกชื่อของลูกชายด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

 นันทวัฒน์ที่กำลังสนใจอยู่กับการเลือกกระเป๋าให้เอมอรหันกลับมา เขาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นแม่ของเขายืนอยู่พร้อมกับนลินีที่มีสีหน้าหม่นหมอง

 “คุณแม่... ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ครับ” นันทวัฒน์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ยังมีความแปลกใจปนอยู่

 “แม่พานลินีมาเดินดูของน่ะ แล้วลูกล่ะ กำลังทำอะไรอยู่” คุณหญิงวิไลถามอย่างตรงไปตรงมา 

 “พี่วัฒน์ดูสิคะ ใบนี้สวยไหม” เอมอรหันมาถามพร้อมกับสะพายกระเป๋าให้เขาดู

 เอมอรที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นันทวัฒน์มองมาที่นลินีด้วยสายตาที่มีทั้งความสับสนและความหงุดหงิด เธอไม่ชอบที่ถูกขัดจังหวะในช่วงเวลาที่เธอกำลังมีความสุขกับนันทวัฒน์ แต่เธอเองก็รู้ว่าต้องทำใจดีสู้เสือ 

 “เอ่อ…” นันทวัฒน์ตอบอย่างลังเล แต่ในใจเขารู้สึกถึงความอึดอัดที่เริ่มก่อตัวขึ้น

 “สวัสดีค่ะคุณหญิงแม่ พวกเราแค่แวะมาดูกระเป๋าน่ะค่ะ” เอมอรบอกกับคุณหญิงวิไล

 คุณหญิงวิไลมองลูกชายและเอมอรด้วยสายตาที่เฉียบขาด ก่อนจะหันมาทางนลินีที่ยังคงยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ เธอรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ทำให้ลูกสะใภ้ของเธอต้องทนทุกข์ใจแค่ไหน

 “งั้นแม่ว่า... ให้ตาวัฒน์พาหนูลินกลับบ้านก่อนดีไหม ลูกคงอยากใช้เวลากับภรรยาของลูกบ้าง” คุณหญิงวิไลกล่าวอย่างใจเย็น แต่คำพูดนั้นกลับทำให้บรรยากาศในร้านตึงเครียดขึ้นทันที

 นันทวัฒน์ลังเล แต่เมื่อเห็นสายตาของแม่ที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ “ครับ ผมจะพานลินีกลับบ้านเอง แต่ผมขอแวะไปส่งเอมก่อน”

 เอมอรที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่เธอก็พยายามเก็บอาการไว้อีกทั้งนันทวัฒน์ยังไม่ได้จ่ายเงินซื้อกระเป๋าให้เธอเลย “เอมไม่เป็นไรค่ะพี่วัฒน์ เดี๋ยวเอมเดินดูต่อเองได้ พี่วัฒน์กลับเลยก็ได้ค่ะ”

 นันทวัฒน์พยักหน้าเล็กน้อย เขาหันมาทางนลินีที่ยังคงเงียบไม่พูดอะไร

 “เราไปกันเถอะ” เขากล่าวเรียบ ๆ แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับแฝงไปด้วยความไม่สบายใจ

 นลินีมองดูเอมอรที่ยิ้มอ่อนและพยายามทำตัวให้ดูไม่เป็นปัญหา แต่นลินีรู้ดีว่าเธอรู้สึกอย่างไร ความเจ็บปวดในใจของเธอยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง แต่เธอเลือกที่จะไม่พูดอะไร เธอเพียงพยักหน้าตอบรับและเดินตามนันทวัฒน์ออกจากร้านไปอย่างเงียบ ๆ

 ระหว่างทางกลับบ้าน รถของนันทวัฒน์เงียบสนิท ไม่มีบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้น นลินีนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ขณะที่นันทวัฒน์ขับรถโดยไม่หันมามองเธอเลย ความเงียบนี้เหมือนจะทำให้ทั้งสองยิ่งห่างเหินกันมากขึ้น หัวใจของนลินีเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่เธอไม่กล้าถามออกไป เธอรู้ดีว่าต่อให้ถาม คำตอบที่ได้อาจยิ่งทำให้เธอเจ็บปวดมากขึ้น

 เมื่อรถมาถึงบ้าน นันทวัฒน์จอดรถและหันมาทางนลินี “ถึงแล้ว ลงไปเถอะ” เขาพูดเสียงเรียบ ขณะที่มือของเขายังคงจับพวงมาลัยแน่น

 นลินีพยักหน้าและลงจากรถไปโดยไม่พูดอะไร เธอเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่หันกลับมามอง ขณะที่นันทวัฒน์ขับรถออกไปทันที ราวกับต้องการหนีจากความรู้สึกที่ยุ่งเหยิงในใจ

 นลินีเดินเข้าบ้านด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง น้ำตาที่พยายามกลั้นมาตลอดเริ่มไหลรินลงมาอีกครั้ง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกทิ้งไว้ในความเหงาและความเจ็บปวดที่ไม่มีทางออก แต่ถึงแม้จะเจ็บปวดเพียงใด เธอก็ยังคงรักนันทวัฒน์และหวังว่าสักวันหนึ่ง เขาจะหันมามองเห็นเธอและยอมรับความรักที่เธอมีให้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พันธการสายใยรัก   ตอนที่ 9 ชอบไหม NC

    “ซี๊ดดด มาต่ออีกรอบนะลิน วันนี้ลินโดนพี่เอาถึงเช้าแน่ทำใจไว้ได้เลย”“อือออ ตะ…แต่ ลินยังเจ็บอยู่นะคะ อูยยยย” ถึงแม้นลินีจะค้านแต่คนโดนยาปริมาณมากอย่างนันทวัฒน์หรือจะฟัง ร่างสูงเริ่มขยับโยกสะโพกเป็นจังหวะช้าๆ จนหญิงสาวเสียวสะท้านไปทั้งตัว แม้จะรู้สึกแน่นจุกจนแทบทนไม่ไหว แต่นลินีก็ต้องกัดฟันทนเอาเมื่อนึกถึงความเสียวที่รออยู่ข้างหน้า และความสัมพันธ์ที่จะดีขึ้นหลังจากค่ำคืนนี้ที่เธอตกเป็นของคนที่เธอรักทั้งกายและใจผ่านพ้นไป ยิ่งพอได้ยินเพียงเสียงครวญครางอย่างพึงใจของชายหนุ่ม เธอก็รู้สึกดีทุกครั้งที่นันทวัฒน์มีความสุขที่มีอะไรกับเธอนันทวัฒน์ประกบปากดูดลิ้นนลินีอย่างดูดดื่ม พร้อมกับส่ายสะโพกซ้ายขวาไปมาจนนลินีรู้สึกว่าเสียวซ่านขึ้นมาอีกครั้ง มันช่างเสียวเกินคำจะบรรยายได้จริงๆ“อูยยยย ซี๊ดดด พี่วัฒน์ ซี๊ดดดด"“หืมมมม ซี๊ด อ๊าาาาา เสียวเหรอ ทนหน่อยนะ พี่อยากจับกระแทกแรงๆ กว่านี้ ปล่อยขาก่อนเร็ว มีอะไรที่เสียวกว่านี้รออยู่” หลังจากที่นลินนีวางขาเรียวของตัวเองออกจากเอวของคนตัวสูง มือยาวของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีก็รวบขาทั้งสองข้างมาวางพาดไว้ที่บ่าแกร่งของตัวเอง และโย้ไปข้างหน้า ท่านี้เผยให้เป็น

  • พันธการสายใยรัก   ตอนที่ 8 ฤทธิ์ยาไม่อาจต้าน NC

    นลินีตกใจและไม่ทันตั้งตัวกับการกระทำของเขา เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เธอพยายามขัดขืนเล็กน้อยในตอนแรก แต่เมื่อเห็นว่านันทวัฒน์ดูจริงจังและไม่อยากให้เธอปฏิเสธ เธอก็ยอมให้เขาทำตามที่ต้องการ “พี่วัฒน์…” นลินีร้องด้วยความตกใจ และไม่ทันตั้งตัวกับการกระทำของเขา เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน แม้เธอจะพยายามขัดขืนเล็กน้อยในตอนแรก แต่เมื่อเห็นว่านันทวัฒน์ดูจริงจังและไม่อยากให้เธอปฏิเสธ เธอก็ยอมให้เขาทำตามที่ต้องการ นันทวัฒน์ผลักร่างบางของนลินีให้ล้มลงบนเตียงนอน พอหลังสัมผัสกับความเย็นของผ้าปูที่นอนสติสัมปชัญญะของนลินีก็กลับมา เธอคิดว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติไปเพราะนันทวัฒน์ปกติจะไม่ค่อยเฉียดเข้าใกล้เธอเลย ต่างจากครั้งนี้มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขามุ่งเข้ามาสัมผัสใกล้ชิดกับเธอ มือเรียวจึงดันหน้าคมที่กำลังซุกไซ้ซอกคอขาวของเธออยู่“พี่วัฒน์อย่าค่ะ อย่าทำแบบนี้”“ฟอดดดด ทำไมจะทำไม่ได้ เธออย่าลืมนะเราแต่งงานกันแล้ว ครอบครัวพี่ต้องเสียเงินไม่ใช่น้อยที่ต้องจ่ายค่าตัวเธอ มาทำหน้าที่เมียเลย อย่ามาทำเป็นห้ามเลย จะได้สมใจเธอไงที่อยากเป็นเมียพี่นักหนาไม่ใช่เหรอ” ร่างสูงพูดจบ ปากของนลินีก็โดนปิดด

  • พันธการสายใยรัก   ตอนที่ 7 ความผิดพลาดที่เกือบเกิดขึ้น

    หลังจากที่พานลินีกลับบ้านในช่วงบ่าย นันทวัฒน์ก็กลับไปที่ออฟฟิศเพื่อสะสางงานที่ยังค้างอยู่ แม้ว่าภายในใจของเขาจะรู้สึกว้าวุ่นเล็กน้อยจากการเผชิญหน้ากับคุณหญิงวิไลแม่ของเขากับนลินีผู้เป็นภรรยาในนามในร้านกระเป๋า แต่เขาพยายามบังคับตัวเองให้จดจ่อกับงานเพื่อที่จะได้ไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเมื่อถึงช่วงเย็น นันทวัฒน์ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงสังสรรค์ของนักธุรกิจซึ่งจัดขึ้นในโรงแรมหรู เขาคิดว่าอาจจะเป็นการดีที่จะใช้เวลาผ่อนคลายตัวเองและหลีกหนีจากความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวัน เขาโทรไปบอกคุณนิรันดร์ว่าเขาจะไปงานเลี้ยงให้กลับบ้านไปก่อนได้เลยที่งานเลี้ยง บรรยากาศเต็มไปด้วยความหรูหราตามแบบฉบับของนักธุรกิจมีเงินและผู้คนที่แต่งตัวอย่างดีมาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นันทวัฒน์เดินเข้ามาในงานโดยไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่าการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนในแวดวงธุรกิจอื่น ๆ แต่ทันทีที่เขาเข้าไปในงาน เขาก็เจอเข้ากับเอมอรที่กำลังยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนเอมอรเห็นนันทวัฒน์ทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง เธอยิ้มออกมาอย่างสดใสและเดินตรงเข้ามาหาเขา “พี่วัฒน์ มาเร็วช้าจังเลยนะคะ แต่เอมคิดไว้อยู่แล้วล่ะว่าพี่วัฒน์ต้อ

  • พันธการสายใยรัก   ตอนที่ 6 การเผชิญหน้าที่ไม่คาดคิด

    หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ นันทวัฒน์และเอมอรยังคงนั่งสนทนากันต่อที่โต๊ะในร้านอาหารหรู เอมอรยิ้มหวานและใช้เวลาสนทนากับนันทวัฒน์อย่างมีความสุข ขณะที่นลินีและคุณหญิงวิไลยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ไกลกัน นลินีพยายามทำใจให้สงบ แม้ว่าภาพของนันทวัฒน์และเอมอรจะยังคงฝังแน่นในหัวใจของเธอ เอมอรเหลือบมองดูนาฬิกาบนข้อมือของเธอ ก่อนจะหันมามองนันทวัฒน์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง “พี่วัฒน์คะ... วันนี้เอมอยากได้กระเป๋าใบใหม่ค่ะ” เอมอรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเล็กน้อย “เพื่อนๆ เขาแนะนำกระเป๋าแบรนด์ที่เอมใช้อยู่คอลเลคชั่นใหม่มาแล้ว สวยมากเลย เอมว่ามันเหมาะกับเอมมากค่ะ พี่วัฒน์พาเอมไปดูหน่อยได้ไหมคะ” นันทวัฒน์มองเอมอรด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเอมอรชอบขอของจากเขาอยู่บ่อย ๆ แต่เขาก็อดใจไม่ไหวที่จะตามใจเธอ เอมอรเป็นคนที่เขารักและเขาก็อยากให้เธอมีความสุขเสมอ “ได้สิเอม เดี๋ยวพี่จะพาไปดู ตอนนี้เราไปกันเลยไหม” นันทวัฒน์ตอบตกลงโดยไม่ลังเล เอมอรยิ้มกว้างและลุกขึ้นยืนทันที “ค่ะ ไปกันเลยค่ะพี่วัฒน์” เธอตอบอย่างตื่นเต้น ก่อนจะก้าวไปใกล้เขาและจับแขนของเขาไว้แน่น นันทวัฒน์จ่ายเงินค่าอาหารเรียบร้อย จาก

  • พันธการสายใยรัก   ตอนที่ 5 ความเสียใจของนลินี

    หลังจากที่คุณหญิงวิไลนำขนมชั้นไปให้นันทวัฒน์ นลินีก็รู้สึกตื่นเต้นและกังวลในใจปนเปกันไปหมด เธอหวังอย่างยิ่งว่าขนมที่เธอตั้งใจทำร่วมกับแม่สามีจะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนันทวัฒน์ดีขึ้น แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม หวังว่าเขาจะชอบขนมที่เธอเพิ่งหัดทำเพื่อเขาก็พอเวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็น นลินีอดใจไม่ไหวที่จะอยากรู้ว่านันทวัฒน์ได้ชิมขนมแล้วหรือยัง เธอจึงเดินไปที่ห้องทำงานของเขาอย่างเงียบ ๆ ประตูแง้มอยู่เล็กน้อย เธอแอบมองเข้าไปภายในห้องภายในห้องทำงานนั้น นันทวัฒน์ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ จดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย นลินีเหลือบไปเห็นถาดขนมชั้นที่ถูกวางไว้ข้าง ๆ เขา มันยังคงอยู่ในสภาพเดิม ไม่ได้ถูกแตะต้องเลยแม้แต่น้อย หัวใจของนลินีเจ็บแปลบ เธอพยายามกลั้นน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า ความหวังเล็ก ๆ ที่เธอมีว่าเขาจะสนใจสิ่งที่เธอทำกลับพังทลายลงอีกครั้งหญิงสาวเดินถอยหลังออกมาอย่างเงียบ ๆ และรีบหันกลับไปที่ห้องครัว น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไม่สามารถซ่อนอีกต่อไป มันไหลรินลงมาอย่างช้า ๆ ขณะที่เธอนั่งลงที่โต๊ะในครัวที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่นเมื่อช่วงบ่าย แต่ตอ

  • พันธการสายใยรัก   ตอนที่ 4 ความพยายามที่ไร้การตอบสนอง

    หลายวันหลังจากการแต่งงาน นลินีเริ่มปรับตัวให้เข้ากับบ้านหลังใหม่ แม้จะรู้สึกเหงาและว้าเหว่ แต่เธอก็ยังคงทำหน้าที่ของเธออย่างดีที่สุด เช้าวันหนึ่ง ขณะที่นลินีกำลังเก็บกวาดห้องรับแขก เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นที่ประตูห้องครัว“หนูลินจ๊ะ แม่ขอเข้าไปหน่อยได้ไหมลูก” เสียงนุ่มนวลของคุณหญิงวิไลแม่สามีดังขึ้นนลินียิ้มบาง ๆ ก่อนจะรีบวางมือจากงานที่ทำและเดินไปเปิดประตูให้ “สวัสดีค่ะคุณแม่ เชิญค่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามเก็บซ่อนความเหงาในใจคุณหญิงวิไลเดินเข้ามาในห้องครัว มองดูบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเงียบสงัด เธอสังเกตเห็นสีหน้าที่เหนื่อยล้าของนลินี ซึ่งทำให้เธอรู้สึกสะเทือนใจ“หนูลินจ๊ะ ลูกไม่เหงาใช่ไหม ”คุณหญิงวิไลถามด้วยความห่วงใยนลินียิ้มฝืน ๆ “หนู...ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”คุณหญิงวิไลสังเกตเห็นว่าคำตอบนั้นไม่ได้ออกมาจากใจจริง ๆ เธอจึงตัดสินใจที่จะไม่ถามซ้ำ แต่หาวิธีที่จะทำให้นลินีรู้สึกดีขึ้นแทน“วันนี้หนูว่างไหม”“ว่างค่ะ คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ”“งั้นวันนี้เรามาทำขนมกันดีไหมลูก คุณหญิงนวลแม่ของหนูลินบอกว่าหนูชอบทำขนมใช่ไหม” เธอชวนด้วยรอยยิ้มอบอุ่น นลินีเงยหน้าขึ้น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status