Home / โรแมนติก / พันธการสายใยรัก / ตอนที่ 5 ความเสียใจของนลินี

Share

ตอนที่ 5 ความเสียใจของนลินี

last update Last Updated: 2025-08-26 18:46:38

หลังจากที่คุณหญิงวิไลนำขนมชั้นไปให้นันทวัฒน์ นลินีก็รู้สึกตื่นเต้นและกังวลในใจปนเปกันไปหมด เธอหวังอย่างยิ่งว่าขนมที่เธอตั้งใจทำร่วมกับแม่สามีจะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนันทวัฒน์ดีขึ้น แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม หวังว่าเขาจะชอบขนมที่เธอเพิ่งหัดทำเพื่อเขาก็พอ

เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็น นลินีอดใจไม่ไหวที่จะอยากรู้ว่านันทวัฒน์ได้ชิมขนมแล้วหรือยัง เธอจึงเดินไปที่ห้องทำงานของเขาอย่างเงียบ ๆ ประตูแง้มอยู่เล็กน้อย เธอแอบมองเข้าไปภายในห้อง

ภายในห้องทำงานนั้น นันทวัฒน์ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ จดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย นลินีเหลือบไปเห็นถาดขนมชั้นที่ถูกวางไว้ข้าง ๆ เขา มันยังคงอยู่ในสภาพเดิม ไม่ได้ถูกแตะต้องเลยแม้แต่น้อย หัวใจของนลินีเจ็บแปลบ เธอพยายามกลั้นน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า ความหวังเล็ก ๆ ที่เธอมีว่าเขาจะสนใจสิ่งที่เธอทำกลับพังทลายลงอีกครั้ง

หญิงสาวเดินถอยหลังออกมาอย่างเงียบ ๆ และรีบหันกลับไปที่ห้องครัว น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไม่สามารถซ่อนอีกต่อไป มันไหลรินลงมาอย่างช้า ๆ ขณะที่เธอนั่งลงที่โต๊ะในครัวที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่นเมื่อช่วงบ่าย แต่ตอนนี้กลับมีเพียงความเงียบงัน

“ทำไม ทำไมพี่วัฒน์เขาไม่เห็นความพยายามของเราบ้างเลย” นลินีพึมพำกับตัวเอง เบาๆ น้ำเสียงสั่นไหวด้วยความเศร้า เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงเงาที่ไร้ตัวตนในสายตาของเขา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่สามารถเข้าถึงหัวใจของเขาได้

แม้จะรู้ดีว่านันทวัฒน์ยังไม่สามารถลืมเอมอรได้ แต่ในใจลึก ๆ นลินีก็หวังว่าเขาจะยอมรับเธอสักวันหนึ่ง และความสัมพันธ์ของพวกเขาจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ทุกครั้งที่เธอพยายาม ความพยายามนั้นกลับดูไร้ผล นันทวัฒน์ยังคงเย็นชาและเฉยเมยต่อความรักที่เธอมีให้

ขณะที่เธอนั่งอยู่คนเดียวในครัว เสียงประตูห้องครัวเปิดออกอย่างเบา ๆ คุณหญิงวิไลเดินเข้ามาและเห็นสภาพของนลินี เธอไม่ต้องถามก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำตาของนลินีบอกทุกอย่างแล้ว

“หนูลิน... ลูก ”คุณหญิงวิไลเรียกเบา ๆ ขณะที่เธอเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ และโอบกอดนลินีอย่างอ่อนโยน “เป็นอะไรไปลูก ไม่ต้องร้องไห้นะคะ นิ่งซะ โอ๋ โอ๋ ไม่เป็นไรนะคะ ทุกอย่างต้องใช้เวลา แม่รู้ว่าลูกพยายามมากแล้ว”

นลินีซบหน้าลงกับไหล่ของคุณหญิงวิไล น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของแม่สามี แต่มันก็ไม่สามารถลบความเจ็บปวดในใจได้

“ลิน... ลินไม่รู้ว่าต้องทำยังไงแล้วค่ะคุณแม่ ไม่ว่าลินจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่เคยสนใจลินเลย” นลินีพูดออกมาทั้งน้ำตา น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

คุณหญิงวิไลลูบหลังนลินีเบา ๆ พลางปลอบโยน “แม่เข้าใจจ้ะลูก แม่รู้ว่ามันยากมาก แต่หนูลินต้องเชื่อว่า วันหนึ่งเขาจะต้องเห็นความพยายามและความรักที่ลูกมีให้ แม่จะอยู่ข้างลูกเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

คำพูดของคุณหญิงวิไลทำให้นลินีรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แม้ความเจ็บปวดจะยังคงอยู่ แต่การได้รับการปลอบโยนและความรักจากคุณหญิงวิไลก็ช่วยให้เธอรู้สึกไม่โดดเดี่ยว

“ขอบคุณค่ะคุณแม่ ลิน...ลินจะพยายามต่อไปค่ะ” นลินีกล่าวทั้งน้ำตา ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย แม้มันจะเป็นยิ้มที่เศร้า แต่ก็เต็มไปด้วยความตั้งใจที่จะไม่ยอมแพ้

ในคืนนั้น นลินีกลับไปที่ห้องนอนด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง แต่ก็ยังมีความหวังเล็ก ๆ อยู่ในใจ แม้เธอจะยังคงเผชิญกับความเหงาและความเย็นชาจากสามี แต่เธอก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องเผชิญกับมันเพียงลำพัง อย่างน้อยเธอก็ยังมีคุณหญิงวิไลที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจเธอเสมอ

เช้าวันต่อมา คุณหญิงวิไลตัดสินใจชวนนลินีออกไปซื้อของและแวะทานข้าวกลางวันในร้านอาหารดังในร้านหรูใจกลางเมือง เธอหวังว่าการได้ออกไปข้างนอกบ้างจะช่วยให้จิตใจของนลินีดีขึ้นจากความกังวลและความเศร้าที่เธอกำลังเผชิญ

นลินีรับคำเชิญของคุณหญิงวิไลอย่างเต็มใจ แม้ว่าความเจ็บปวดจากการที่นันทวัฒน์ไม่สนใจขนมที่เธอทำยังคงอยู่ในใจ แต่เธอก็พยายามที่จะไม่ให้มันมารบกวนจิตใจของเธอในวันนี้

ทั้งคู่เดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าหรูหราที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มาเดินช้อปปิ้งและใช้เวลาว่างในวันหยุด นลินีเดินเคียงข้างคุณหญิงวิไลไปตามร้านค้า หัวใจเริ่มรู้สึกเบาขึ้นเล็กน้อยจากการได้เปลี่ยนบรรยากาศ

หลังจากที่ทั้งคู่ซื้อของกันเสร็จ คุณหญิงวิไลจึงชวนไปนั่งทานข้าวกลางวันในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในห้างฯ ร้านนี้ตกแต่งด้วยสไตล์คลาสสิกและบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนและทานอาหารในบรรยากาศที่สบาย ๆ

ขณะที่พนักงานพาทั้งคู่ไปยังโต๊ะที่จองไว้ สายตาของนลินีก็สะดุดกับภาพบางอย่างที่ไม่คาดคิด เธอเห็นนันทวัฒน์นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของร้านอาหาร เขากำลังทานข้าวอยู่กับผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่ง เอมอร หญิงสาวที่เธอรู้ดีว่าเป็นคนรักของเขา หัวใจของนลินีหยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อเห็นภาพนั้น เอมอรยิ้มอย่างมีความสุข ขณะที่นันทวัฒน์เองก็ดูผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่นลินีไม่เคยได้รับจากเขา

นลินีรู้สึกเหมือนถูกแทงด้วยความจริงที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นเขาอยู่กับเอมอรด้วยตาตัวเอง แม้ว่าเธอจะรู้ถึงความสัมพันธ์นี้ แต่การได้เห็นภาพนั้นในชีวิตจริงทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม คุณหญิงวิไลที่เดินตามหลังนลินีมา สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในท่าทางของลูกสะใภ้ เธอจึงมองตามสายตาของนลินี และเมื่อเห็นภาพนั้น เธอก็เข้าใจทันทีว่าอะไรที่ทำให้นลินีรู้สึกเช่นนี้

“หนูลิน..” คุณหญิงวิไลเรียกเธอเบา ๆ ด้วยความห่วงใย “หนูลิน...ไม่เป็นไรนะลูก อย่าเก็บมันมาใส่ใจเลย”

นลินีหันกลับมามองหน้าคุณหญิงวิไล น้ำตาคลอเบ้า แต่เธอพยายามฝืนยิ้ม “ลิน..ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ เรามาทานข้าวกันเถอะค่ะ” คุณหญิงวิไลรู้สึกเจ็บปวดไปกับนลินี แต่ก็ไม่อยากทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากขึ้น เธอจึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการชวนคุยเรื่องอื่น เมื่อทั้งคู่ได้นั่งที่โต๊ะที่พนักงานจัดไว้ นลินีก็พยายามหันหลังให้กับโต๊ะของนันทวัฒน์ เธอพยายามไม่มองไปที่เขาและเอมอร แต่ภาพที่เห็นเมื่อครู่ยังคงติดอยู่ในใจของเธอ เสียงหัวเราะเบา ๆ ของเอมอรและบทสนทนาที่อบอุ่นระหว่างนันทวัฒน์กับเอมอร ทำให้นลินีรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้ในมุมมืดอย่างโดดเดี่ยว

แม้ว่าเธอจะพยายามสนใจการสนทนากับคุณหญิงวิไล แต่ในใจลึก ๆ ของเธอกลับเต็มไปด้วยคำถามว่า ทำไมเธอถึงไม่สามารถทำให้นันทวัฒน์มีความสุขเหมือนที่เอมอรทำได้ ความรู้สึกนั้นทำให้หัวใจของเธอหนักอึ้ง และยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่า ความรักที่เธอมีให้นันทวัฒน์อาจไม่มีทางที่จะได้รับการตอบสนอง

ขณะที่นลินีพยายามก้มหน้าก้มตาทานอาหารด้วยความรู้สึกเจ็บปวด นันทวัฒน์เองก็ยังไม่ทันสังเกตเห็นว่าภรรยาของเขาอยู่ในร้านเดียวกันกับเขา สายตาของเขาจดจ่ออยู่ที่เอมอร ไม่ใช่เพราะเขาไม่สนใจคนอื่น แต่เพราะเขาไม่เคยคิดว่านลินีจะมาอยู่ในที่แบบนี้

ในขณะที่คุณหญิงวิไลมองดูนลินีที่พยายามฝืนความรู้สึกเพื่อไม่ให้มันแสดงออกมา เธอก็ได้แต่ภาวนาให้ลูกสะใภ้ของเธอมีความเข้มแข็งและผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ แม้ว่าเธอจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับนลินี และในช่วงเวลาที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นลินีก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า อย่างน้อยเธอก็ยังมีคุณหญิงวิไลที่คอยอยู่เคียงข้างและสนับสนุนเธอเสมอ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรในชีวิตนี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พันธการสายใยรัก   ตอนที่ 38 การมาถึงของชีวิตใหม่

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วหลังจากนันทวัฒน์ฟื้นฟูร่างกายและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ครอบครัวของเขาและนลินีได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เตรียมพร้อมสำหรับการมาถึงของสมาชิกใหม่ที่จะเติมเต็มครอบครัวนี้อย่างสมบูรณ์ วันนี้ขณะที่นลินีและนันทวัฒน์กำลังนั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน นลินีรู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกาย เธอรู้สึกเจ็บที่ท้องเป็นระยะ ๆ ซึ่งต่างจากอาการเจ็บปวดธรรมดาที่เธอเคยเจอมาก่อน ครั้งนี้มันรู้สึกแตกต่างออกไปอย่างชัดเจน เธอพยายามที่จะสงบสติและไม่ทำให้นันทวัฒน์เป็นกังวล แต่ความเจ็บปวดกลับรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ “พี่วัฒน์ ลินคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว” นลินีพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ขณะที่มือของเธอกุมท้องแน่น นันทวัฒน์รีบลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้นและกังวลในเวลาเดียวกัน “ลิน ลินเจ็บท้องแล้วใช่ไหม เราต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้” เขารีบไปหยิบกระเป๋าที่เตรียมไว้ล่วงหน้าซึ่งบรรจุสิ่งของจำเป็นสำหรับการไปคลอด นลินีพยายามลุกขึ้นยืน แต่ความเจ็บปวดทำให้เธอรู้สึกไม่มีแรงก้าวเดิน นันทวัฒน์จึงเข้ามาพยุงเธออย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องห่วงนะลิน พี่อยู่ตรงนี้ เราจะไปโรงพยาบาลทันที” นันทวัฒน์พูดพร้อมกับพยายามให้กำลังใ

  • พันธการสายใยรัก   ตอนที่ 37 สัญญาณแห่งความหวัง

    เวลาผ่านไปหลายวัน ในขณะที่ครอบครัวของนันทวัฒน์เฝ้าดูแลและรอคอยอย่างอดทน ในที่สุดก็มีสัญญาณของการฟื้นตัวที่ทุกคนรอคอย นันทวัฒน์เริ่มแสดงการตอบสนองเล็กน้อย เช่น การขยับนิ้วมือหรือกะพริบตาเบา ๆ ทุกครั้งที่เห็นการตอบสนองนี้ ความหวังในใจของนลินีและครอบครัวก็ท่วมท้นขึ้นอีกครั้ง ในวันหนึ่ง ขณะที่นลินีนั่งอยู่ข้างเตียงของนันทวัฒน์เหมือนที่เธอทำทุกวัน เธอสังเกตเห็นว่ามือของเขาขยับเล็กน้อย เธอรีบกุมมือเขาไว้แน่นและพูดด้วยความตื่นเต้นและความหวัง “พี่วัฒน์ พี่ได้ยินลินไหม ถ้าพี่ได้ยิน ลองขยับนิ้วอีกครั้งนะคะ” นลินีพูดเบา ๆ แต่น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความหวังและความตื่นเต้น ทันใดนั้นเองนลินีรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอเต้นรัว เมื่อนันทวัฒน์ก็ค่อย ๆ ขยับนิ้วมือของเขาเล็กน้อย เธอรีบลุกขึ้นและเรียกพยาบาลเข้ามาดูอาการของเขา พยาบาลที่เข้ามาตรวจดูอาการของนันทวัฒน์ยิ้มเล็ก ๆ และพยักหน้าให้กับนลินี “ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มฟื้นตัวแล้วนะคะ นี่เป็นสัญญาณที่ดีมากๆ เลยค่ะ” นลินีรู้สึกโล่งใจและตื้นตันใจจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอมองดูนันทวัฒน์ที่เริ่มมีการตอบสนองมากขึ้นและรู้สึกถึงความหวังที่เริ่มกลับมา เธอรู

  • พันธการสายใยรัก   ตอนที่ 36 รอคอยด้วยความหวัง

    หลังจากที่ตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาเนื้องอกในสมอง นันทวัฒน์เตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการรักษาที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล เขารู้ว่าการผ่าตัดครั้งนี้มีความเสี่ยงสูง แต่เพื่ออนาคตของครอบครัวและความหวังที่จะได้อยู่เคียงข้างนลินีและลูก เขาจึงเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมัน วันผ่าตัดมาถึง นลินี คุณหญิงวิไล และคุณนิรันดร์ รวมทั้งพ่อกับแม่ของนลินีมารวมตัวกันที่โรงพยาบาลเพื่อรออยู่ที่ห้องพักญาติ ความเงียบงันที่ปกคลุมรอบตัวทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความตึงเครียดและความกังวล นลินีจับมือของคุณหญิงวิไลไว้แน่นเพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ขณะที่นิรันดร์นั่งนิ่งอยู่ใกล้ ๆ ใบหน้าของเขาแสดงถึงความหนักใจและกังวลใจ เมื่อถึงเวลาที่นันทวัฒน์ถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัด นลินีมองดูเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ประตูจะปิดลง น้ำตาที่เธอพยายามกลั้นไว้เริ่มไหลออกมาอย่างช้า ๆ ความกลัวที่อยู่ลึก ๆ ในใจทำให้เธอรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบคั้น แต่เธอก็พยายามคุมสติและหวังว่าเขาจะผ่านการผ่าตัดครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย การผ่าตัดกินเวลาหลายชั่วโมง นลินีและครอบครัวรอคอยอย่างจดจ่อ ทุกนาทีที่ผ่านไปทำให้ความกังวลทวีคูณมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้

  • พันธการสายใยรัก   ตอนที่ 35 กำลังใจสำคัญ

    หลังจากที่ได้รับข่าวร้ายจากแพทย์เกี่ยวกับอาการของนันทวัฒน์ นลินีรู้ว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ครอบครัวของเขารับรู้ถึงสถานการณ์นี้ เธอรู้ดีว่าคุณหญิงวิไลและพ่อของนันทวัฒน์รักลูกชายของพวกเขามากเพียงใด และพวกเขาควรอยู่เคียงข้างนันทวัฒน์ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้นลินีตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาคุณหญิงวิไล เธอสูดหายใจลึกก่อนจะกดหมายเลข เธอรู้ว่าการแจ้งข่าวร้ายนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องทำ เสียงของคุณหญิงวิไลดังขึ้นเมื่อรับสาย “สวัสดีจ้ะ หนูลิน ลูกสบายดีไหม” น้ำเสียงที่อ่อนโยนและห่วงใยของคุณหญิงวิไลทำให้นลินีรู้สึกถึงความอบอุ่น แต่เธอต้องเจ็บปวดเมื่อคิดถึงสิ่งที่ต้องบอกออกไป “คุณแม่คะ” นลินีพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “หนูมีเรื่องสำคัญต้องบอกค่ะ เอ่อ คือว่า พี่วัฒน์” “ตาวัฒน์ทำไมลูก” “พี่วัฒน์ พี่วัฒน์ล้มหมดสติลงเมื่อเช้านี้ และตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าเขามีเนื้องอกในสมอง” คำพูดของนลินีทำให้คุณหญิงวิไลนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจและความหวาดกลัว “อะ

  • พันธการสายใยรัก   ตอนที่ 34 ความพยายามที่ไม่ได้รับการยอมรับ

    หลังจากที่ได้รับโอกาสในการดูแลนลินีและลูกในท้อง นันทวัฒน์รู้สึกว่าตัวเองต้องทำมากกว่านี้ เขาใส่ใจต่ออนาคตของลูกน้อยเพื่อการเตรียมพร้อมที่จะทำหน้าที่ของพ่อที่ดีนันทวัฒน์จึงออกไปซื้อของใช้สำหรับเด็กอ่อน ทั้งเสื้อผ้า ผ้าอ้อม และของเล่นเด็ก เขาเลือกทุกอย่างอย่างพิถีพิถันโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและความสบายของลูก เขาพยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เพราะเขารู้ดีว่านี่คือการแสดงออกถึงความรักและความใส่ใจที่เขามีต่อลูก และหวังว่านลินีจะเห็นถึงความตั้งใจของเขาเมื่อกลับมาถึงบ้าน เขานำของที่ซื้อมาออกจากถุงและจัดเรียงไว้อย่างสวยงามในห้องนั่งเล่น เขาตื่นเต้นที่จะได้เห็นปฏิกิริยาของนลินีเมื่อเธอเห็นสิ่งที่เขาเตรียมไว้ เขาหวังว่านี่จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและความเข้าใจระหว่างพวกเขาอีกครั้งแต่เมื่อถึงเวลาที่นลินีเดินเข้ามาในห้อง เธอกลับมีท่าทีที่ต่างออกไป สายตาของเธอแสดงถึงและความอึดอัด เมื่อเธอเห็นของใช้สำหรับเด็กที่นันทวัฒน์เตรียมไว้ เธอไม่ได้แสดงความดีใจหรือความตื่นเต้นอย่างที่เขาคาดหวังไว้“พี่ซื้อของพวกนี้มาทำไม” นลินีถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง และเย็นชา คำถามของเธอทำให้นันทวั

  • พันธการสายใยรัก   ตอนที่ 33 ความพยายามที่ล้มเหลว

    หลังจากที่ได้รับโอกาสจากพ่อแม่ของนลินีในการพิสูจน์ตัวเอง นันทวัฒน์รู้ว่าต้องเริ่มต้นทำอะไรบางอย่างเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจและความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาตัดสินใจที่จะลองทำบางสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน เช่นทำอาหารให้นลินี นันทวัฒน์รู้ว่าการที่เขาทำอาหารให้เธออาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เขาอยากดูแลและเอาใจใส่เธอและลูก และทดแทนสิ่งที่เขาเคยละเลยอาหารของเธอในอดีตเขาเริ่มต้นด้วยการหาสูตรอาหารที่นลินีเคยชอบกินสมัยก่อน นั่นคือ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ซึ่งเป็นเมนูที่ไม่ซับซ้อนแต่เต็มไปด้วยความอร่อย นันทวัฒน์จำได้ว่านลินีเคยทำเมนูนี้ให้เขากินบ่อย ๆ ในวันที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน และเขาก็หวังว่าเมนูนี้จะทำให้นลินีรู้สึกถึงความห่วงใยที่เขามีต่อเธอ เขาไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาดด้วยตัวเอง และพยายามทำตามสูตรอย่างพิถีพิถัน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ชอบทำอาหาร แต่เขาก็พยายามเต็มที่เพื่อให้อาหารออกมาอร่อยและมีคุณค่าอาหารที่สุด หลังจากที่ใช้เวลาทำอาหารสักพัก แกงจืดเต้าหู้หมูสับก็เสร็จเรียบร้อย กลิ่นหอมของซุปที่ต้มเข้ากันกับเต้าหู้และหมูสับลอยไปทั่วห้องครัว เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว นันทวัฒน์ก็ตักแกงจืดใส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status