~~ แต๋น แต๋น แต๋น ~~
รถอีแต๋นถูกขับเข้ามาจอดยังลานจอดรถบริเวณหน้าบ้านทรงไทยหลังใหญ่ ก่อนที่สองแม่ลูกจะเดินลงมาหยุดยืนอยู่ที่ท้ายรถของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสามคนตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใส
“ถึงแล้วจ้ะ...”
พอลเดินตามสองคนแม่ลูกเข้าไปภายในบ้านทรงไทยอย่างไม่วางใจ แต่เขาไม่ได้มีทางเลือกมากนักจะให้ลูกกับเมียของเขารออยู่ในรถที่จอดท่ามกลางสายฝนไปจนถึงเช้าก็คงจะไม่ปลอดภัย
“เชิญตามสบาย ขาดเหลืออะไรก็บอกน้ำหนึ่งได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” แม้นเอ่ยบอกกับทั้ง 3 คนตรงหน้า ก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งยังแคร่ไผ่ที่ประจำของเธอ
“เดี๋ยวหนูไปเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนนะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะ” แมรี่เอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้ากลับไปอย่างนอบน้อม ก่อนที่เธอจะอุ้มลูกชายวัย 5 ขวบเศษไปนั่งลงยังแคร่ไม้ใกล้ๆ กับแม้น ท่าทางที่เป็นมิตรของพวกเธอทำให้แมรี่รู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด ถึงจะพึ่งเคยพบกันเป็นครั้งแรก แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยกับทั้งสองคนอย่างบอกไม่ถูก
“พี่แม้นอยู่กับหนึ่งสองคนเหรอคะ?” แมรี่เอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ตั้งแต่เธอมาถึงที่นี่นอกจาก 2 คนแม่ลูกแล้วเธอก็ไม่พบใครอีก
แมรี่รู้สึกประหลาดใจตรงที่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้แต่กลับมีเพียงหญิงสาวอยู่ด้วยกัน 2 คนเท่านั้น
เรือนไทยหลังนี้ถูกรายล้อมไปด้วยทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา มองไปไกลๆ ถึงจะเห็นแสงไฟเป็นระยะ ทำให้รู้ว่าไม่ใกล้ไม่ไกลยังมีบ้านของชาวบ้านคนอื่นอาศัยอยู่ ถึงจะไม่ได้อยู่ติดกันอย่างกับบ้านเรือนในกรุงเทพก็ตาม
“ใช่แล้วล่ะ เรามีกันแค่สองคนแม่ลูก”
“อะ อ่อ...”
“พวกนี้คืออะไรเหรอครับ?” เสียงหมอพอลดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ในขณะที่ตาคมยังคงจับจ้องไปยังกระด้งไม้ไผ่ตรงหน้านิ่งๆ ก่อนที่เข้าจะเอ่ยถามเจ้าของบ้านออกมาด้วยความสงสัย
“เขาเรียกว่าสมุนไพร ตรงหน้าของคุณเขาเรียกว่าเมล็ดมะรุม”
“มีไว้รักรักษาโรคอะไรครับ?”
“รักษาโรคปวดตามข้อ โรคเก๊า เวลากินต้องเคี้ยวเมล็ดให้แตก หรือจะตำให้แหลกก็ได้”
“รักษาได้จริงเหรอครับ?”
หมอพอลเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกไปอีกครั้ง เขาทำอาชีพหมอมาหลายปีนี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เห็น และได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าสมุนไพรของจริงแบบนี้
ตั้งแต่เขาจำความได้เขาก็ถูกย้ายไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษแล้ว เขาไม่เคยมีเพื่อนเป็นคนไทยมาก่อน จนกระทั่งครอบครัวของเขาย้ายกลับมาประเทศไทย อย่างว่าแต่เรื่องของสมุนไพรเลย แม้แต่ภูมิปัญญา หรือวัฒนธรรมไทยเขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
“คนที่มารักษา...เขาก็หายกันนะ” แม้นวางสมุนไพรในมือลงก่อนจะเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้ากลับไป
“ผมอยากเรียนรู้ครับ” ด้วยนิสัยอยากรู้อยากลองชายหนุ่มจึงเอ่ยบอกกับพี่สาวตรงหน้ากลับไปเสียงดังฟังชัด พร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่ข้างภรรยาสาวของเขา มือหนาลูบลงที่ไหล่มนของเมียรักอย่างอ่อนโยน
“ไปอาบน้ำอาบท่ากันเสียก่อนเถอะ แล้วถ้าอยากรู้อะไรเดี๋ยวฉันจะบอกให้”
“เสื้อผ้ามาแล้วจ้ะ”
“ขอบคุณครับ / ขอบคุณครับ / ขอบคุณค่ะ” ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกเอ่ยขอบคุณหญิงสาวตรงหน้ากลับไปอย่างนอบน้อม ก่อนจะรับเสื้อผ้ามาถือเอาไว้
“พี่พอลอาบห้องน้ำข้างล่างก็ได้นะคะ”
“ครับ”
“ส่วนพี่แมรี่กับน้องเพิร์ชเดี๋ยวหนึ่งพาขึ้นไปอาบด้านบนค่ะ”
“ไปค่ะ”
-บนบ้านทรงไทย-
“เพิร์ชโตแล้วขออาบน้ำเองนะครับ” เพิร์ชเอ่ยบอกกับมารดาที่ยืนอยู่ไม่ไกล แต่สายตาของเด็กชายกลับมองเลยไปด้านหลังไม่ได้สนใจคุณแม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาเลยสักนิด มือน้อยยกขึ้นมาโบกเบาๆ สร้างความสงสัยให้กับแมรี่เป็นอย่างมาก...
“มองอะไรเหรอครับ?” แมรี่เอ่ยถามลูกชายออกมาด้วยความสงสัย พร้อมกับหันไปมองตามสายตาของเด็กชาย ก่อนที่คิ้วเรียวจะขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ ‘เธอไม่เห็นใครเลยสักคน แล้วลูกชายของเธอยิ้มและโบกมือให้ใครกัน...?’
“ครับ? เพิร์ชเข้าไปอาบน้ำก่อนนะครับแม่”
“คะ ครับ”
เพิร์ชเดินเข้าไปในห้องน้ำตรงหน้า ก่อนที่เด็กชายจะจัดการอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวของตัวเองโดยที่มีแม่และพี่น้ำหนึ่งยืนคอยอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำอย่างไม่ยอมห่างไปไหน
10 นาทีผ่านไป...
“ต่อไปตาคุณแม่แล้วครับ”
“นั่งรอแม่อยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่น้ำหนึ่งก็กลับมาแล้วค่ะ”
“ครับ”
เพิร์ชยกยิ้มออกมาก่อนที่เด็กชายจะเดินไปยังแคร่ไม้ไผ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ก่อนที่มือน้อยๆ ทั้งสองข้างของเขาจะถูกยกขึ้นมาไหว้คนตรงหน้าอย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับ...พี่ชายมายืนทำอะไรกันตรงนี้เหรอครับ?” เพิร์ชเอ่ยถามเด็กชายทั้งสองคนที่แต่งตัวแปลกๆ ออกไปเสียงอ่อน
‘พวกข้าก็มาเฝ้าเองน่ะสิวะ’
“เฝ้าผม...?” เพิร์ชชี้มาที่ตัวเองก่อนจะพึมพำออกมาอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เด็กชายตรงหน้าพูดออกมา
‘.../...’ ทั้งสองพยักหน้าเบาๆ เพื่อเป็นคำตอบให้กับเพิร์ช ก่อนที่ทั้งคู่จะขยับออกห่างจากกันเพื่อให้เพิร์ชนั่งลงตรงกลางได้สะดวก เด็กชายในวัย 5 ขวบยกยิ้มออกมาก่อนจะเดินไปนั่งยังที่ว่างอย่างว่าง่าย
“อ่อ ผมชื่อเพิร์ชนะครับ พวกพี่ชื่ออะไรกันบ้างเหรอ?”
‘ข้าชื่อใบเงิน’
‘ส่วนข้าชื่อใบทอง’
“ชื่อแปลกจัง แต่ก็เพราะดีนะครับ...”
‘.../...’
“ว่าแต่พวกพี่ไม่ใส่เสื้อไม่หนาวเหรอครับ วันนี้ฝนตกอากาศหนาวมากเลยนะครับ ดูสิขนเพิร์ชลุกด้วยนะ”
“เพิร์ชแบ่งเสื้อให้นะครับ”
‘หึหึ’
‘เองเก็บไว้ใส่เถอะ พวกข้าไม่หนาวหรอก’
‘ดีนะที่พ่อของเองตัดสินใจมาอยู่ที่นี่’ ใบเงินพูดขึ้นก่อนที่มือของเขาจะลูบลงที่หัวของเด็กชายตรงหน้าอย่างเอ็นดู
“ทำไมเหรอครับ?”
‘บ๊ะไอ้เด็กนี่!! ถ้าไม่ได้พวกข้าช่วยเอาไว้ ป่านี่...’
‘พอแล้วไอ้ทอง พูดไปเด็กมันก็ไม่เข้าใจเหรอ’ ใบเงินเอ็ดเพื่อนรักของตัวเองเบาๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะมองไปยังเด็กชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นตาเดียว
“เพิร์ชเข้าใจนะครับ”
‘หึหึ ต้องฉลาดแบบนี้สิวะหลานเขยกู’ ใบทองหัวเราะออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปยักคิ้วเล่นหูเล่นตากับใบเงินเพื่อนรักของเขาที่นั่งอยู่ไม่ไกล
“หลานเขยหมายถึงอะไรเหรอครับ?”
‘ก็หมายถึง...’
‘พอๆ เองยังเด็กยังไม่ต้องรีบเข้าใจตอนนี้หรอก’ ใบเงินยกมือของมาห้ามเพื่อนของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยบอกกับเด็กชายตรงหน้าอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู
“ครับ”
‘พวกข้าไปก่อนนะ’
“ครับ?”
“เพิร์ช!! นั่งคุยกับใครอยู่ครับ?” แมรี่เดินออกมาจากห้องน้ำก่อนที่เธอจะเอ่ยถามลูกชายออกมาด้วยความสงสัย ตั้งแต่เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอก็ได้ยินเสียงลูกชายพูดคุยกับใครสักคน แต่เธอไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย
“อ่อ เพิร์ชคุย...อ้าวไปไหนแล้ว” เพิร์ชกำลังจะแนะนำพี่ชายทั้งสองคนให้กับคุณแม่ของเขาได้รู้จัก แต่พอเขาหันกลับมาอีกทีเขาก็ไม่เจอใครเสียแล้ว
“เราลงไปหาคุณพ่อกันดีกว่านะครับ”
“ครับ ว่าแต่พี่หนึ่งไปไหนเหรอครับคุณแม่?”
“พี่น้ำหนึ่งไปเตรียมห้องพักให้กับพวกเราน่ะครับ”
“อ่อ”
“ไปกัน”
“ครับ”
เช้าวันต่อมา...
“ขอบคุณมากนะครับ นี่ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ สำหรับที่พัก อาหาร และความรู้เรื่องสมุนไพรครับ” พอลเดินเข้ามาหาแม้นและน้ำหนึ่งก่อนจะยื่นซองสีขาวให้กับทั้งสองคนตรงหน้า
“ไม่ต้องให้อะไรพวกเราหรอกจ๊ะ พวกเราเต็มใจช่วย” น้ำหนึ่งเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงใส พร้อมกับส่งยิ้มหวานออกมาให้กับทั้งสามคน
“แต่ว่า...”
“อย่าคิดมากในสักวันหนึ่งพวกเราคงมีโอกาสได้พบกันอีก”
“ก่อนเด็กคนนี้จะอายุครบ 37 ปี จะเกิดเคราะห์ใหญ่มีทางเดียวที่จะช่วยได้ก็คือ...(ต้องแต่งงานกับหลานสาวของฉัน) หลานสาวของพี่”
“ครับ? / คะ?” พอลและแมรี่ร้องออกมาอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองพึ่งจะได้ยิน
“หลานสาวของพี่แม้นจะช่วยเพิร์ชได้เหรอคะ แต่ว่า...” แมรี่เอ่ยขึ้นมาด้วยความสงสัย ตอนนี้น้ำหนึ่งพึ่งจะอายุ 18 ปี เธอยังไม่มีแฟนเลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมพี่แม้นถึงได้มั่นใจว่าเธอจะได้หลานสาว และหลานสาวของเธอจะช่วยเหลือลูกชายของเธอในวัย 37 ได้
“หึหึ รีบไปเถอะคุณหมอมีอีกหลายชีวิตที่กำลังรอคุณอยู่” แม้นเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน พร้อมกับเดินเข้าไปลูบลงที่หัวน้อยๆ ของเด็กชายอย่างเอ็นดู
“อยู่เย็นเป็นสุขนะลูก...ในอนาคตมือของหนูคู่นี้จะได้ช่วยเหลือคนอีกเยอะเลย”
“ครับคุณป้า”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอฝากสิ่งนี้ไว้นะครับ ไม่ว่าพี่แม้นกับน้ำหนึ่งจะมีเรื่องอะไรให้พวกเราช่วยส่งจดหมายมาตามที่อยู่นี้นะครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจนะครับ” แมรี่เอ่ยสมทบสามีของตัวเองด้วยอีกคน ก่อนที่ทั้งสามคนจะเอ่ยร่ำลา และเดินทางไปยังที่หมายของพวกเขาในทันทีด้วยรถหรูที่ทางโรงพยาบาลของเขาส่งมารับ
ห้องทำงานของนายอาจารย์แพทย์พีรดนย์ ธาดาศิริกุล (ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก)ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!“เชิญครับ”“มาอยู่กันที่นี่เองทั้งคุณพ่อ คุณลูกเลยนะคะ”“ยิ้มมาขนาดนี้มีเรื่องอะไรดีๆ เหรอครับ” หมอพอลยกยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกมาสีหวานต่อหน้าต่อตาลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขา“แมรี่จับจองหนูน้ำมนต์ให้กับตาเพิร์ชเรียบร้อยแล้วค่ะ”“ว่าอย่างไรนะครับแม่?” เพิร์ชลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับเอ่ยถามคุณแม่ของเขาออกไปอย่างอึ้ง ชายหนุ่มจ้องมองไปยังหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาพึ่งจะได้ยิน“เพิร์ชลูกต้องแต่งงานกับหนูน้ำมนต์”“ไม่มีทางครับ”“ทำไมล่ะ? น้องไม่ดีตรงไหน?”“ไม่ใช่ว่าน้องไม่ดีครับ แต่เราไม่ได้รักกัน และที่สำคัญเรารู้จักกันยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงเลยนะครับ” เพิร์ชพยายามอธิบายให้กับมารดาของเขาได้ฟัง“นั่นแหละที่แม่กำลังจะบอก...เพิร์ชต้องทำอย่างไรก็ได้ให้น้องตกหลุมรัก และลูกก็ต้องรักน้องด้วย”“อะไรนะครับ?”“เดี๋ยวนี้หูไม่ดีแล้วเหรอเรา” แมรี่ยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยแซวลูกชายเพียงคนเดียวของเธออย่างเอ็นดู“แม่ครับ”“ลูกอาจจะจำไม่ได้เมื่อ 30 ปีที่แล้วยายแม้นเคยบอ
“...” น้ำมนต์ยืนหลบมุมพร้อมกับแอบมองร่างสูงยืนคุยกับหมอหนุ่มอีกคนอย่างหวาดกลัว ก่อนที่เธอจะหันหน้าไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างหวาดระแวง น้ำมนต์เห็นเงาดำเต็มไปหมดจนไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี“อะ!!”น้ำมนต์ชะงักไปเล็กน้อยทันทีที่เธอเผลอหันกลับไปสบตาเข้ากับชายหนุ่มที่เธอพึ่งเดินชนเขา“เธอเป็นอะไรรึเปล่า?”“ญาติคนไข้น่ะไม่มีอะไรหรอก”“แต่เธอดูกลัวอาจารย์หมอนะครับ”“นั่นสิ...หน้าผมดูหน้ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” เพิร์ชพึมพำออกมาในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังลูกสาวของน้าน้ำหนึ่งอย่างไม่เข้าใจในท่าทางของเธอ“เราไปกันเลยไหมครับอาจารย์”“ครับ” “ฟู่!!! ไปได้สักที” น้ำมนต์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนที่เธอจะเดินกลับไปยังห้องรับรองเดิมที่มีแม่น้ำหนึ่งและป้าแมรี่นั่งรออยู่“น่าแปลกจริงๆ นะเนี่ย” ริมฝีปากบางพึมพำออกมาอย่างไม่เข้าใจ เพียงแค่หมอเพิร์ชลูกชายของป้าแมรี่เดินห่างออกไปเธอก็ไม่เห็นอะไรอีกแล้ว ‘อยู่ให้ห่างจากเขาเลยนะน้ำมนต์’ น้ำมนต์เอ่ยบอกกับตัวเองอยู่ภายในใจเช้าวันต่อมา...“ทำไมยายยังไม่ฟื้นอีกล่ะจ้ะแม่?”“ให้ยายพักผ่อนอีกหน่อยนะลูก”“แต่ยายนอนเยอะแล้วนะจ๊ะ”“คิดถึงยายรึไง หึหึ”
31 ปีต่อมา...ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!“คุณท่านคะ บัวเองคะ”“เชิญครับ”“มีจดหมายส่งมาถึงคุณท่านค่ะ” แม่บ้านคนเก่าคนแก่ประจำตระกูลเอ่ยขึ้นมาอย่างนอบน้อม ก่อนที่ร่างอ้วนท้วมจะเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นซองกระดาษสีขาวสะอาดตาให้กับร่างสูงตรงหน้า“ขอบคุณครับ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วบัวขอตัวก่อนนะคะ”“ครับ”“จดหมายจากใครเหรอคะ?” แมรี่ที่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกลลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างสามี ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย ปัจจุบันนี้การติดต่อสื่อสารทันสมัยขึ้นมากแล้ว ยังมีคนที่ใช้การติดต่อหากันทางจดหมายอยู่อีกอย่างนั้นหรือ...?“พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ?”พอลตอบภรรยาของเขากลับไปก่อนที่มือหนาจะค่อยๆ เปิดซองจดหมายตรงหน้าออก ตาคมค่อยๆ กวาดสายตาอ่านตัวหนังสือตรงหน้าไปทีละบรรทัดจนกระทั่ง...“.../...” ทั้งคู่หันมามองหน้ากันทันทีที่อ่านจดหมายตรงหน้าจนจบ ก่อนที่หมอพอลจะต่อสายประสานงานกับทางโรงพยาบาล ADA โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่เขาเป็นเจ้าของในทันที“เดี๋ยวแมรี่ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”“ครับ”พอลขานรับคำของภรรยาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะต่อสายหาลูกชายเพียงคนเดียวของเขาในทันที เขาวางมือจากอาชีพหมอมาเกือบปีแล้ว
~~ แต๋น แต๋น แต๋น ~~รถอีแต๋นถูกขับเข้ามาจอดยังลานจอดรถบริเวณหน้าบ้านทรงไทยหลังใหญ่ ก่อนที่สองแม่ลูกจะเดินลงมาหยุดยืนอยู่ที่ท้ายรถของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสามคนตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใส“ถึงแล้วจ้ะ...”พอลเดินตามสองคนแม่ลูกเข้าไปภายในบ้านทรงไทยอย่างไม่วางใจ แต่เขาไม่ได้มีทางเลือกมากนักจะให้ลูกกับเมียของเขารออยู่ในรถที่จอดท่ามกลางสายฝนไปจนถึงเช้าก็คงจะไม่ปลอดภัย“เชิญตามสบาย ขาดเหลืออะไรก็บอกน้ำหนึ่งได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” แม้นเอ่ยบอกกับทั้ง 3 คนตรงหน้า ก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งยังแคร่ไผ่ที่ประจำของเธอ“เดี๋ยวหนูไปเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนนะจ๊ะ”“ขอบคุณค่ะ” แมรี่เอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้ากลับไปอย่างนอบน้อม ก่อนที่เธอจะอุ้มลูกชายวัย 5 ขวบเศษไปนั่งลงยังแคร่ไม้ใกล้ๆ กับแม้น ท่าทางที่เป็นมิตรของพวกเธอทำให้แมรี่รู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด ถึงจะพึ่งเคยพบกันเป็นครั้งแรก แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยกับทั้งสองคนอย่างบอกไม่ถูก“พี่แม้นอยู่กับหนึ่งสองคนเหรอคะ?” แมรี่เอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ตั้งแต่เธอมาถึงที่นี่นอกจาก 2 คนแม่ลูกแล้วเธอก็ไม่พบใครอีกแมรี่รู้สึกประหลาดใจตรงที่บ้านหลังใ
“คุณแม่ครับเรากำลังจะไปไหนกันเหรอครับ?”เด็กชายพีรดนย์ ธาดาศิริกุล หรือน้องเพิร์ชในวัย 5 ขวบ ลูกเสี่ยวไทย จีน และอังกฤษเอ่ยถามมารดาที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นไปมองบิดาของเขาที่กำลังขับรถฝ่าสายฝนอย่างไม่เข้าใจ ทันทีที่เด็กชายลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่บนตักของคุณแม่ แทนที่จะนอนอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มของตัวเองที่คฤหาสน์หลังงามอย่างเช่นทุกวัน“เรากำลังไปอุบลราชธานีกันครับ”“ไปทำไมเหรอครับ?” เด็กชายลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอ่ยถามหมอพอลคุณพ่อของเขาออกไปด้วยความสงสัยอีกครั้ง“พ่อมีธุระด่วนต้องไปจัดการที่โรงพยาบาลของเราน่ะครับ”“...”“พ่อกับแม่จำเป็นต้องเอาลูกมาด้วย ขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกลูกก่อน” แมรี่แม่ของเด็กชายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอย่างเช่นทุกครั้ง มือบางลูบลงที่หัวน้อยของลูกชายอย่างเอ็นดู“ไม่เป็นไรครับแม่ เรื่องด่วนนี่นา...” เด็กชายเอ่ยบอกกับพ่อและแม่ของเขาออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้งเพิร์ชเหม่อมองออกไปยังนอกกระจกรถตามประสาของเด็ก สายฝนที่ยังคงตกกระหน่ำทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของเขาเต้นโครมครามราวกับว่ามันจะหลุดออกมาจากอกเสียให้ได้ ซ