31 ปีต่อมา...
ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!
“คุณท่านคะ บัวเองคะ”
“เชิญครับ”
“มีจดหมายส่งมาถึงคุณท่านค่ะ” แม่บ้านคนเก่าคนแก่ประจำตระกูลเอ่ยขึ้นมาอย่างนอบน้อม ก่อนที่ร่างอ้วนท้วมจะเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นซองกระดาษสีขาวสะอาดตาให้กับร่างสูงตรงหน้า
“ขอบคุณครับ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วบัวขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ”
“จดหมายจากใครเหรอคะ?” แมรี่ที่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกลลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างสามี ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย ปัจจุบันนี้การติดต่อสื่อสารทันสมัยขึ้นมากแล้ว ยังมีคนที่ใช้การติดต่อหากันทางจดหมายอยู่อีกอย่างนั้นหรือ...?
“พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ?”
พอลตอบภรรยาของเขากลับไปก่อนที่มือหนาจะค่อยๆ เปิดซองจดหมายตรงหน้าออก ตาคมค่อยๆ กวาดสายตาอ่านตัวหนังสือตรงหน้าไปทีละบรรทัดจนกระทั่ง...
“.../...” ทั้งคู่หันมามองหน้ากันทันทีที่อ่านจดหมายตรงหน้าจนจบ ก่อนที่หมอพอลจะต่อสายประสานงานกับทางโรงพยาบาล ADA โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่เขาเป็นเจ้าของในทันที
“เดี๋ยวแมรี่ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”
“ครับ”
พอลขานรับคำของภรรยาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะต่อสายหาลูกชายเพียงคนเดียวของเขาในทันที เขาวางมือจากอาชีพหมอมาเกือบปีแล้วตั้งแต่ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาสามารถทำหน้าที่แทนเขาได้ทุกอย่าง
เพิร์ชประสบความสำเร็จในอาชีพแพทย์ตั้งแต่อายุยังน้อย และเขายังเป็นผู้บริหารที่มีไหวพริบและฉลาดหลังแหลม ภายในระยะเวลา 3 ปีที่เพิร์ชบริหารงานของโรงพยาบาล เขาสามารถสร้างผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เขาสามารถยกระดับโรงพยาบาลของเราให้มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้กันในวงกว้างไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่ชาวต่างชาติก็เดินทางเข้ามารักษากับทางโรงพยาบาลของเขาอย่างมากมาย
(ครับคุณพ่อ)
“ได้รับเรื่องแล้วใช่ไหมเพิร์ช”
(ครับพ่อ...ไม่ต้องห่วงครับผมส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับคนไข้แล้วอีกไม่เกิน 1 ชั่วโมงคนไข้จะเดินทางมาถึงครับ)
“ฝากด้วยนะลูก เดี๋ยวพ่อกับแม่จะรีบตามไปสมทบ”
(ครับพ่อ)
1 ชั่วโมงผ่านไป...
“ส่งซีทีเอรึยัง?”
“พึ่งส่งมาค่ะ...นี่ค่ะคุณหมอ”
หมอเพิร์ชรับเอกสารมาจากพยาบาลตรงหน้า ก่อนที่เขาจะก้มอ่านเอกสารในมือพร้อมกับคิ้วหนาที่ขมวดผูกกันจนเป็นปมอย่างเคร่งเครียด
“เตรียมห้องผ่าตัดให้พร้อม”
“ค่ะคุณหมอ”
อีกด้าน...
“สวัสดีค่ะน้องน้ำหนึ่ง” เสียงแมรี่ดังขึ้นมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวร่างเล็กที่เธอเคยพบเจอเมื่อ 31 ปีก่อน
แมรี่ในวัยเกือบ 60 ปี แต่ยังคงความสาว และความสวยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้เลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากบางยกยิ้มออกมาพร้อมกับเดินเข้าไปกอดหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
“พี่แมรี่เหรอคะ”
“ใช่ค่ะ”
“พี่แมรี่สวัสดีจ้ะ พี่พอลสวัสดีจ้ะ” น้ำหนึ่งไหว้ทั้งสองคนตรงหน้าอย่างนอบน้อม พร้อมกับยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดีที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับ” ทั้งสองคนรับไหว้หญิงสาวตรงหน้าอย่างอ่อนน้อมไม่ต่างกัน
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานพี่พอลกับพี่แมรี่ยังดูดีเหมือนสมัยหนุ่มๆ สาวๆ ไม่เปลี่ยนเลยนะจ๊ะ”
“จริงเหรอ? น้ำหนึ่งก็ดูไม่เปลี่ยนเลยนะเนี่ย”
“แต่แม่ของหนึ่ง...” น้ำหนึ่งเอ่ยเสียงหงอยก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองยังประตูห้องตรวจที่ยังคงปิดสนิดอยู่ตรงหน้า เธออยู่กลับแม่ของเธอมาทั้งชีวิตภาพที่เธอเห็นมาตลอดก็คือ แม่ของเธอมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อายุ 70 แล้วแต่ยังคงทำงานพร้อมกับรักษาคนไปด้วยทุกวัน ไม่มีวันไหนเลยที่แม่ของเธอจะบ่นว่าเหนื่อยจนกระทั่งเมื่อ 3 วันที่แล้ว...
“ขอบคุณนะหนึ่งที่ส่งจดหมายมาหาพี่”
“...?...” น้ำหนึ่งหันกลับมามองหน้าร่างสูงตรงหน้าอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
“ขอบคุณหนึ่งทำไมเหรอคะ? หนึ่งต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ ถ้าไม่ได้พี่พอลกับพี่แมรี่ไม่รู้ว่าป่านี้แม่จะ...”
“พี่แม้นจะต้องปลอดภัย เพิร์ชเป็นหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะพี่เชื่อว่าเขาจะต้องหาสาเหตุของโรค และรักษาได้อย่างแน่นอนไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“ใช่แล้วครับ และก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น พี่จะดูแลพี่แม้นและครอบครัวเอง”
“ขอบคุณพี่ๆ ทั้งสองคนมากนะคะ” น้ำหนึ่งยกมือขึ้นมาไหว้ทั้งสองคนอีกครั้ง ก่อนที่น้ำสีใสจะไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอ
“พวกเราคนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องขอบคุณอะไรให้มากความหรอกค่ะ”
“แม่จ๋า แม่...”
“.../.../...” ทั้งสามคนหันกลับไปมองตามเสียงเรียกเป็นตาเดียวก่อนที่เด็กสาวร่างบางจะวิ่งเข้ามาหาน้ำหนึ่งผู้เป็นแม่ของเธออย่างร้อนใจ
“ย ยายเป็นยังไงบ้างคะ?” ร่างบางเอ่ยถามมารดาออกไปเสียงสั่น เธอกลัวเหลือเกินกลัวว่ายายของเธอจะเป็นอะไรไป ภาพที่หญิงชราเป็นลมล้มลงไปต่อหน้าต่อตาของเธอยังคงติดตาเธออยู่เลย
“คุณหมอกำลังตรวจยายอยู่น่ะลูก”
“นี่น้ำมนต์”
“จ๋าแม่”
“ทักทายลุงพอลกับป้าแมรี่ก่อนสิลูก พวกเขาเป็นผู้มีพระคุณของเราถ้าไม่ได้ทั้งสองไม่รู้ว่าป่านี้ยายจะเป็นยังไง”
“สวัสดีค่ะคุณลุง สวัสดีค่ะคุณป้า”
“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะลูก”
“นี่คือน้ำมนต์ ลูกของหนึ่งเองจ้ะ” น้ำหนึ่งแนะนำลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอให้กับทั้งสองคนได้รู้จัก
“หนูน้ำมนต์ สวยจังเลยลูก สวยเหมือนแม่สมัยสาวๆ เลยลูก”
“...” น้ำมนต์ยกยิ้มออกมาอย่างเขินอาย พร้อมกับก้มหน้าลงเล็กน้อยให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองคนตรงหน้า
“น้องน้ำหนึ่งครับ” พอลเอ่ยเรียกน้ำหนึ่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่เข้มกว่าเดิม พร้อมกับมองไปยังหญิงสาวตรงหน้านิ่งๆ แต่สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเอ็นดูไม่เคยเปลี่ยน
“คะ?”
“เราสองครอบครัวไม่ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณกันหรอกนะครับ ถ้าวันนั้นไม่ได้หนึ่งกับพี่แม้นช่วยพวกเราเอาไว้ วันนี้พวกเราทุกคนคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้”
“จ้ะ...”
แอ๊ดดดดด!!! แอ๊ดดดดด!!!
“เพิร์ช...” แมรี่เอ่ยเรียกลูกชายของเธอออกมาก่อนที่ทุกคนจะรีบเดินเข้าไปหาหมอเพิร์ชที่พึ่งเดินออกมาจากห้องตรวจในทันที ยกเว้นเด็กสาวคนหนึ่งที่ยืนนิ่งอึ้งไม่กล้าขยับไปไหน เธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ
“ผลตรวจพบว่าหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง มีการแตกบางไปส่วน โชคดีที่มีลิ้มเลือดอุดอยู่”
“0.0/0.0”
“ผมแนะนำให้ผ่าตัดโดยด่วนครับ ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้อันตรายถึงชีวิตได้ครับ”
“ผ่าเลยจ้ะ ไม่ว่าจะใช้เงินเท่าไหร่น้าก็ยอมขอแค่ช่วยแม่น้าให้ได้ก็พอจ้ะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะทำให้เต็มที่” เพิร์ชเอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้าอย่างนอบน้อม ก่อนที่เขาจะขอตัวออกไปเตรียมตัวที่ห้องผ่าตัด ในขณะที่น้ำหนึ่งและน้ำมนต์ก็ต้องตามพยาบาลไปเซ็นเอกสารยินยอมให้ทำการรักษาที่ห้องรับรองของโรงพยาบาล
“ขอบคุณมากนะลูก”
“ครับ” เพิร์ชก้มหัวให้หญิงสาวตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเดินจากไปตาคมเหลือบมองไปยังเด็กสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล คิ้วหนาขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยในสายตาของเธอ สายตาที่มองมาอย่างหวาดกลัวจนไม่กล้าสู้หน้ากับเขา การกระทำของเธอมันทำให้ชายหนุ่มสงสัย ‘ฉันดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยรึไง?’
ในขณะที่พอลขอตัวออกไปคุยกับลูกชายของเขา โดยปล่อยให้ภรรยาคอยดูแลน้ำหนึ่งและน้ำมนต์อยู่ในห้องรับรอง
“ไม่ต้องห่วงนะหนึ่ง หนูน้ำมนต์ พี่แม้นจะต้องไม่เป็นไร” แมรี่เอ่ยบอกกับทั้งสองคนตรงหน้า พร้อมกับกุมมือของทั้งสองคนเอาไว้ไม่ยอมห่าง
“จ้ะ”
“ขอโทษนะคะ ทำไมยอดรวมตรงนี้ถึงเป็นศูนย์ล่ะคะ?” น้ำมนต์เงยหน้าขึ้นมาก่อนที่เธอจะถามพยาบาลสาวออกมาด้วยความสงสัย
“ชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“คะ?/ห๊ะ?”
“คุณท่านชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“.../...” น้ำหนึ่งและน้ำมนต์หันไปมองยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นตาเดียวอย่างรอคำตอบ
“ขอบคุณมาก เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเองจ้ะ”
แม่รี่เอ่ยบอกกับพยาบาลสาวตรงหน้า ก่อนที่เธอจะหันกลับมาส่งยิ้มหวานให้กับน้ำหนึ่งและน้ำมนต์อีกครั้ง
“หมายความว่ายังไงจ๊ะพี่แมรี่”
“ก็หมายความตามที่พยาบาลบอกนั่นแหละค่ะ”
“แต่ยอดรวมมันเป็นล้านเลยนะคะคุณป้า” น้ำมนต์ที่นั่งฟังอยู่นานตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ถึงแม้ว่าครอบครัวของเธอจะไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยอะไร แต่เธอก็มั่นใจว่าเธอจะสามารถหาเงินมารักษายายของเธอได้
น้ำมนต์มีพรสวรรค์ทางด้านการวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก และตอนนี้รูปที่วาดก็เริ่มจะสร้างรายได้ให้กับเธอได้แล้ว ถึงจะไม่มากแต่ถ้าเธอรับงานเพิ่มบวกกับพัฒนาฝีมือของตัวเองไปด้วยไม่ว่ายังไงเธอก็สามารถหาเงินล้านมาได้อย่างแน่นอน
“ไม่ว่ามูลค่าของเงินมันจะมากแค่ไหนก็เทียบกับชีวิตคุณยายของหนูไม่ได้หรอกนะจ๊ะ”
“.../...”
“ไม่ต้องคิดมาก ตอนนี้พวกเรามาเอาใจช่วยพี่แม้นกันดีกว่านะ”
“ขอบคุณมากนะจ้ะ ถ้าไม่ได้พวกพี่...”
“ไม่เอาไม่ต้องขอบคุณแล้ว ตั้งแต่มาที่นี่ไม่รู้ว่าหนึ่งกับหนูน้ำมนต์พูดคำนี้ออกมาจนป้านับไม่ถ้วนแล้วนะคะ” แมรี่เอ่ยบอกกับทั้งสองคนเสียงอ่อน พร้อมกับมือบางของเธอลูบลงที่หัวน้อยๆ ของหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอ็นดู เธอรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
“อะ เอ่อค่ะคุณแมรี่”
“เรียกป้าสิลูก เรียกคุณดูห่างเหินไป”
“ค่ะคุณป้า”
“หึหึ เด็กดี”
หลายชั่วโมงผ่านไปน้ำหนึ่งและน้ำมนต์ยังคงนั่งรออย่างมีความหวัง ถึงพอลกับแมรี่จะคอยพูดให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง แต่พวกเธอก็ไม่สามารถวางใจได้อยู่ดีตราบใดที่คุณหมอยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัด และบอกกับพวกเธอด้วยปากของเขาเอง
ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!
“ขออนุญาตค่ะคุณท่าน”
“เชิญจ้ะ”
“ตอนนี้คนไข้ผ่าตัดเรียบร้อยแล้วนะคะ อีกสักครู่อาจารย์หมอจะเข้ามาแจ้งอาการอีกทีค่ะ”
“จริงเหรอคะ!!!”
“จริงค่ะ...”
แอ๊ดดดดด!!!
พยาบาลยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมาน้ำมนต์ก็วิ่งออกไปจากห้องรับรองทันทีด้วยความดีใจ
น้ำมนต์รีบวิ่งไปยังห้องผ่าตัดทันทีโดยไม่ได้สนใจเสียงเรียกของผู้ใหญ่ในห้องเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าสวยหวานยกยิ้มออกมาด้วยความดีใจ พร้อมกับมือบางทั้งสองข้างของเธอถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบทั้งสองแก้มของตัวเอง ก่อนที่...
ปึกกกก!!!
“อะ โอ้ยยย!! ขอโทษค่ะ คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า...คะ?” น้ำมนต์รีบวิ่งจนไม่ทันได้ระวังชนเข้ากับร่างสูงใหญ่เข้าอย่างจัง เธอรีบยกมือขึ้นมาไหว้ขอโทษเขาในทันทีก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมามองร่างสูงที่กำลังจะก้มลงมาช่วยเธอ...
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
“0.0” ดวงตากลมโตเบิกโพลงขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าของเขา เธอรีบลุกขึ้นพร้อมกับขาเรียวค่อยๆ ก้าวถอยหลังห่างออกจากเขาอย่างอัตโนมัติ ก่อนที่ดวงตาเจ้ากรรมจะเหลือบไปเห็นเงาดำของผู้หญิงคนหนึ่งยืนเกาะอยู่ที่ด้านหลังของเขา
น้ำมนต์หันหน้าหลบไปอีกด้านทันทีด้วยความตกใจ ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิม เพราะรอบๆ บริเวณที่เธอกำลังยืนอยู่เต็มไปด้วยเงาดำของสิ่งที่ไม่มีชีวิต
“คุณครับ?”
“อะ อ่อไม่เป็นไรคะ ฉันไม่เป็นไร”
“...”
“ฉะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ” น้ำมนต์ก้มหน้าลงพร้อมกับพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะวิ่งกลับไปยังทางเดิมที่เธอพึ่งเดินผ่านมา
“ทำไมกัน?” หญิงสาวหยุดวิ่งพร้อมกับทิ้งตัวพิงเสาอย่างหมดแรง มือบางลูบลงที่อกข้างซ้ายของตัวเองเบาๆ น้ำมนต์สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอกำลังเต้นโครมครามราวกับว่ามันจำหลุดออกมาเสียให้ได้...
“วันนี้ก็ไม่ใช่วันพระสักหน่อยนี่...” ริมฝีปากบางเอ่ยออกมาในขณะที่เธอยังคงก้มหน้ามองพื้นอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่ที่เธอจำความได้ทุกวันพระเธอจะมีสัมผัสที่ 6 เธอจะเห็นสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น เธอสามารถเห็นวิญญาณ ทูต ผี และสิ่งที่หลายๆ คนเรียกมันว่าปีศาจ แต่เธอจะเห็นมันเฉพาะวันพระเท่านั้น แล้วนี่ทำไม...?
ห้องทำงานของนายอาจารย์แพทย์พีรดนย์ ธาดาศิริกุล (ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก)ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!“เชิญครับ”“มาอยู่กันที่นี่เองทั้งคุณพ่อ คุณลูกเลยนะคะ”“ยิ้มมาขนาดนี้มีเรื่องอะไรดีๆ เหรอครับ” หมอพอลยกยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกมาสีหวานต่อหน้าต่อตาลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขา“แมรี่จับจองหนูน้ำมนต์ให้กับตาเพิร์ชเรียบร้อยแล้วค่ะ”“ว่าอย่างไรนะครับแม่?” เพิร์ชลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับเอ่ยถามคุณแม่ของเขาออกไปอย่างอึ้ง ชายหนุ่มจ้องมองไปยังหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาพึ่งจะได้ยิน“เพิร์ชลูกต้องแต่งงานกับหนูน้ำมนต์”“ไม่มีทางครับ”“ทำไมล่ะ? น้องไม่ดีตรงไหน?”“ไม่ใช่ว่าน้องไม่ดีครับ แต่เราไม่ได้รักกัน และที่สำคัญเรารู้จักกันยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงเลยนะครับ” เพิร์ชพยายามอธิบายให้กับมารดาของเขาได้ฟัง“นั่นแหละที่แม่กำลังจะบอก...เพิร์ชต้องทำอย่างไรก็ได้ให้น้องตกหลุมรัก และลูกก็ต้องรักน้องด้วย”“อะไรนะครับ?”“เดี๋ยวนี้หูไม่ดีแล้วเหรอเรา” แมรี่ยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยแซวลูกชายเพียงคนเดียวของเธออย่างเอ็นดู“แม่ครับ”“ลูกอาจจะจำไม่ได้เมื่อ 30 ปีที่แล้วยายแม้นเคยบอ
“...” น้ำมนต์ยืนหลบมุมพร้อมกับแอบมองร่างสูงยืนคุยกับหมอหนุ่มอีกคนอย่างหวาดกลัว ก่อนที่เธอจะหันหน้าไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างหวาดระแวง น้ำมนต์เห็นเงาดำเต็มไปหมดจนไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี“อะ!!”น้ำมนต์ชะงักไปเล็กน้อยทันทีที่เธอเผลอหันกลับไปสบตาเข้ากับชายหนุ่มที่เธอพึ่งเดินชนเขา“เธอเป็นอะไรรึเปล่า?”“ญาติคนไข้น่ะไม่มีอะไรหรอก”“แต่เธอดูกลัวอาจารย์หมอนะครับ”“นั่นสิ...หน้าผมดูหน้ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” เพิร์ชพึมพำออกมาในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังลูกสาวของน้าน้ำหนึ่งอย่างไม่เข้าใจในท่าทางของเธอ“เราไปกันเลยไหมครับอาจารย์”“ครับ” “ฟู่!!! ไปได้สักที” น้ำมนต์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนที่เธอจะเดินกลับไปยังห้องรับรองเดิมที่มีแม่น้ำหนึ่งและป้าแมรี่นั่งรออยู่“น่าแปลกจริงๆ นะเนี่ย” ริมฝีปากบางพึมพำออกมาอย่างไม่เข้าใจ เพียงแค่หมอเพิร์ชลูกชายของป้าแมรี่เดินห่างออกไปเธอก็ไม่เห็นอะไรอีกแล้ว ‘อยู่ให้ห่างจากเขาเลยนะน้ำมนต์’ น้ำมนต์เอ่ยบอกกับตัวเองอยู่ภายในใจเช้าวันต่อมา...“ทำไมยายยังไม่ฟื้นอีกล่ะจ้ะแม่?”“ให้ยายพักผ่อนอีกหน่อยนะลูก”“แต่ยายนอนเยอะแล้วนะจ๊ะ”“คิดถึงยายรึไง หึหึ”
31 ปีต่อมา...ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!“คุณท่านคะ บัวเองคะ”“เชิญครับ”“มีจดหมายส่งมาถึงคุณท่านค่ะ” แม่บ้านคนเก่าคนแก่ประจำตระกูลเอ่ยขึ้นมาอย่างนอบน้อม ก่อนที่ร่างอ้วนท้วมจะเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นซองกระดาษสีขาวสะอาดตาให้กับร่างสูงตรงหน้า“ขอบคุณครับ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วบัวขอตัวก่อนนะคะ”“ครับ”“จดหมายจากใครเหรอคะ?” แมรี่ที่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกลลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างสามี ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย ปัจจุบันนี้การติดต่อสื่อสารทันสมัยขึ้นมากแล้ว ยังมีคนที่ใช้การติดต่อหากันทางจดหมายอยู่อีกอย่างนั้นหรือ...?“พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ?”พอลตอบภรรยาของเขากลับไปก่อนที่มือหนาจะค่อยๆ เปิดซองจดหมายตรงหน้าออก ตาคมค่อยๆ กวาดสายตาอ่านตัวหนังสือตรงหน้าไปทีละบรรทัดจนกระทั่ง...“.../...” ทั้งคู่หันมามองหน้ากันทันทีที่อ่านจดหมายตรงหน้าจนจบ ก่อนที่หมอพอลจะต่อสายประสานงานกับทางโรงพยาบาล ADA โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่เขาเป็นเจ้าของในทันที“เดี๋ยวแมรี่ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”“ครับ”พอลขานรับคำของภรรยาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะต่อสายหาลูกชายเพียงคนเดียวของเขาในทันที เขาวางมือจากอาชีพหมอมาเกือบปีแล้ว
~~ แต๋น แต๋น แต๋น ~~รถอีแต๋นถูกขับเข้ามาจอดยังลานจอดรถบริเวณหน้าบ้านทรงไทยหลังใหญ่ ก่อนที่สองแม่ลูกจะเดินลงมาหยุดยืนอยู่ที่ท้ายรถของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสามคนตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใส“ถึงแล้วจ้ะ...”พอลเดินตามสองคนแม่ลูกเข้าไปภายในบ้านทรงไทยอย่างไม่วางใจ แต่เขาไม่ได้มีทางเลือกมากนักจะให้ลูกกับเมียของเขารออยู่ในรถที่จอดท่ามกลางสายฝนไปจนถึงเช้าก็คงจะไม่ปลอดภัย“เชิญตามสบาย ขาดเหลืออะไรก็บอกน้ำหนึ่งได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” แม้นเอ่ยบอกกับทั้ง 3 คนตรงหน้า ก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งยังแคร่ไผ่ที่ประจำของเธอ“เดี๋ยวหนูไปเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนนะจ๊ะ”“ขอบคุณค่ะ” แมรี่เอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้ากลับไปอย่างนอบน้อม ก่อนที่เธอจะอุ้มลูกชายวัย 5 ขวบเศษไปนั่งลงยังแคร่ไม้ใกล้ๆ กับแม้น ท่าทางที่เป็นมิตรของพวกเธอทำให้แมรี่รู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด ถึงจะพึ่งเคยพบกันเป็นครั้งแรก แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยกับทั้งสองคนอย่างบอกไม่ถูก“พี่แม้นอยู่กับหนึ่งสองคนเหรอคะ?” แมรี่เอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ตั้งแต่เธอมาถึงที่นี่นอกจาก 2 คนแม่ลูกแล้วเธอก็ไม่พบใครอีกแมรี่รู้สึกประหลาดใจตรงที่บ้านหลังใ
“คุณแม่ครับเรากำลังจะไปไหนกันเหรอครับ?”เด็กชายพีรดนย์ ธาดาศิริกุล หรือน้องเพิร์ชในวัย 5 ขวบ ลูกเสี่ยวไทย จีน และอังกฤษเอ่ยถามมารดาที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นไปมองบิดาของเขาที่กำลังขับรถฝ่าสายฝนอย่างไม่เข้าใจ ทันทีที่เด็กชายลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่บนตักของคุณแม่ แทนที่จะนอนอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มของตัวเองที่คฤหาสน์หลังงามอย่างเช่นทุกวัน“เรากำลังไปอุบลราชธานีกันครับ”“ไปทำไมเหรอครับ?” เด็กชายลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอ่ยถามหมอพอลคุณพ่อของเขาออกไปด้วยความสงสัยอีกครั้ง“พ่อมีธุระด่วนต้องไปจัดการที่โรงพยาบาลของเราน่ะครับ”“...”“พ่อกับแม่จำเป็นต้องเอาลูกมาด้วย ขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกลูกก่อน” แมรี่แม่ของเด็กชายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอย่างเช่นทุกครั้ง มือบางลูบลงที่หัวน้อยของลูกชายอย่างเอ็นดู“ไม่เป็นไรครับแม่ เรื่องด่วนนี่นา...” เด็กชายเอ่ยบอกกับพ่อและแม่ของเขาออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้งเพิร์ชเหม่อมองออกไปยังนอกกระจกรถตามประสาของเด็ก สายฝนที่ยังคงตกกระหน่ำทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของเขาเต้นโครมครามราวกับว่ามันจะหลุดออกมาจากอกเสียให้ได้ ซ