ห้องทำงานของนายอาจารย์แพทย์พีรดนย์ ธาดาศิริกุล (ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก)
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!
“เชิญครับ”
“มาอยู่กันที่นี่เองทั้งคุณพ่อ คุณลูกเลยนะคะ”
“ยิ้มมาขนาดนี้มีเรื่องอะไรดีๆ เหรอครับ” หมอพอลยกยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกมาสีหวานต่อหน้าต่อตาลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขา
“แมรี่จับจองหนูน้ำมนต์ให้กับตาเพิร์ชเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ว่าอย่างไรนะครับแม่?” เพิร์ชลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับเอ่ยถามคุณแม่ของเขาออกไปอย่างอึ้ง ชายหนุ่มจ้องมองไปยังหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาพึ่งจะได้ยิน
“เพิร์ชลูกต้องแต่งงานกับหนูน้ำมนต์”
“ไม่มีทางครับ”
“ทำไมล่ะ? น้องไม่ดีตรงไหน?”
“ไม่ใช่ว่าน้องไม่ดีครับ แต่เราไม่ได้รักกัน และที่สำคัญเรารู้จักกันยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงเลยนะครับ” เพิร์ชพยายามอธิบายให้กับมารดาของเขาได้ฟัง
“นั่นแหละที่แม่กำลังจะบอก...เพิร์ชต้องทำอย่างไรก็ได้ให้น้องตกหลุมรัก และลูกก็ต้องรักน้องด้วย”
“อะไรนะครับ?”
“เดี๋ยวนี้หูไม่ดีแล้วเหรอเรา” แมรี่ยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยแซวลูกชายเพียงคนเดียวของเธออย่างเอ็นดู
“แม่ครับ”
“ลูกอาจจะจำไม่ได้เมื่อ 30 ปีที่แล้วยายแม้นเคยบอกพ่อกับแม่ไว้ว่าก่อนลูกจะอายุคบ 37 ปีลูกจะเจอกับเคราะห์ใหญ่ และตอนนี้มันก็เป็นอย่างที่ท่านพูดจริงๆ”
“...”
“ยายแม้นยังบอกอีกว่าลูกต้องแต่งงานกับหลานสาวของแก แม่เชื่อว่าถ้าท่านไม่เห็นอะไรท่านคงไม่พูดแบบนั้นออกมา เพราะตอนนั้นน้ำหนึ่งพึ่งจะอายุ 18 ปีเองใครจะรู้ว่าเธอจะมีลูกสาว...จริงไหมคะคุณ?”
“จะ จริงครับ”
“พ่อครับ”
“เพื่อความสบายใจของแม่น่ะเพิร์ช ตั้งแต่ลูกเกิดมาแม่ไม่เคยขออะไรลูกเลย แต่ครั้งนี้ถือว่าแม่ขอเธอนะ ทำให้แม่สักครั้งเถอะนะลูก”
“...”
“ถ้าในอนาคตลูกไม่ได้รักน้องจริงๆ แม่ก็จะไม่บังคับลูกทั้งสองคน แต่ขอให้ได้รองศึกษากันและกันก่อนเถอะนะคะ”
“ก็ได้ครับแม่...ถ้าเด็กคนนั้นปฏิเสธเพิร์ชขึ้นมาวันไหน แม่ต้องหยุดทันทีนะครับ”
“ก็ได้ค่ะ แม่จะหยุด”
แมรี่ตอบรับคำขอของลูกชายเสียงอ่อน ก่อนที่เธอจะหันไปส่งยิ้มให้กับสามีของเธออย่างมีเลศนัย ร่างบางเดินไปนั่งลงข้างกายของสามี ก่อนที่เธอจะเอ่ยบอกกับลูกชายอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สดใสเช่นเดิม
“แม่ให้ทุนหนูน้ำมนต์เรียนต่อจนจบปริญญา แม่จะจัดการทุกเรื่องให้น้องเอง ส่วนเรื่องที่พัก...”
“แม่ครับ?”
“มหาลัยของน้องอยู่แถวบ้านของลูกพอดี ลูกอาศัยอยู่คนเดียวในคฤหาสน์หลังใหญ่ มีห้องนอนก็ตั้งหลายห้องแบ่งให้กับน้องสักห้องไม่ได้เหรอคะ”
“...”
“หรือว่าลูกซ่อนใครไว้?”
“ไม่ได้ซ่อนใครทั้งนั้นแหละครับ แต่น้องเป็นผู้หญิงมาอยู่บ้านผู้ชายแบบนี้จะดูไม่ดีเอานะครับ”
“เป็นห่วงน้องเหรอคะ แบบนี้แม่ก็มีหวังน่ะสิ”
“แม่ครับ”
“แม่แค่หยอกเล่น แต่ก็แอบหวังจริงๆ นะ”
“...”
“ทุกคนจะรู้ว่าลูกกับน้องก็คู่หมั้นกัน ทีนี้อยู่ด้วยกันก็คงไม่แปลกแล้วใช่ไหม?”
“ไม่ว่ายังไงน้องก็เสียหายนะครับคุณแม่”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องคนอื่น เพราะถ้าสุดท้ายลูกไม่ต้องการน้อง หรือน้องไม่ต้องการลูกจริงๆ แม่จะเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างเอง” แมรี่เอ่ยบอกกับลูกชายเสียงเรียบ พร้อมกับจ้องมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มตรงหน้านิ่งๆ เพื่อแสดงให้เขารู้ว่าเธอไม่ได้พูดเล่นๆ เพราะแค่ต้องการให้เค้าตอบตกลง
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงครับ...เพิร์ชขอตัวก่อนนะครับมีตรวจคนไข้ครับ”
“ค่ะ / ไปเถอะลูก”
ปึง!!!
“ทำแบบนี้จะดีเหรอคุณ?” หมอพอลเอ่ยถามภรรยาของเขาออกมาทันทีที่ลูกชายของเขาเดินออกไปจากห้อง ลึกๆ แล้วเขาก็ไม่ได้เห็นด้วยสักเท่าไหร่กับสิ่งที่ภรรยาของเขาทำ แต่เขาก็ไม่อยากขัดเพราะมันเป็นทางออกเดียวที่จะทำให้เธอสบายในเรื่องลูก
“แมรี่คิดเอาไว้แล้วค่ะ ถ้าสุดท้ายเด็กทั้งสองคนไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ แมรี่จะเป็นคนยุติเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเองค่ะ”
หลายวันต่อมา...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
“ขออนุญาตตรวจคนไข้ครับ” หมอเพิร์ชเดินเข้ามาพร้อมกับนางพยาบาล ชายหนุ่มเอ่ยบอกกับญาติคนไข้อย่างนอบน้อมก่อนที่เขาจะหยุดยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้ของเขา
น้ำมนต์มองไปยังร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาก่อนที่เธอจะก้มหน้าลงมองพื้นทันที เพราะทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา ดวงวิญญาณก็จะปรากฏขึ้นมาให้เธอได้เห็นทุกครั้งไป
ในเมื่อยายแม้นก็ไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง เธอก็คงหมดปัญญาจะจัดการกับมันแล้วล่ะ ทำได้เพียงแค่หลบสายตาจากดวงวิญญาณพวกนั้น ไม่ให้พวกมันรู้ว่าเธอมองเห็นซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีปัญหาน้ำมนต์ทำแบบนั้นมาตั้งแต่จำความได้
“อาการโดยรวมดีขึ้นมากแล้วนะครับ คุณยายยังรู้สึกปวดบริเวณแผลที่พึ่งผ่าตัดอยู่ไหมครับ?”
“ยายไม่ค่อยเจ็บแล้วหมอ เมื่อไหร่ยายถึงจะได้ออกจากโรงพยาบาลสักที อยู่ที่นี่นานๆ ยายชักจะเบื่อแล้วสิ”
“ผมอยู่อาการขอคุณยายอีกสัก 3-4 วันนะครับ ผมอยากให้คุณยายพักผ่อนให้เพียงพอ”
“นั่นสิอยู่ด้วยกันก่อนนะคะพี่แม้น” แมรี่เอ่ยออกมาเสียงอ่อนพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับหญิงชราตรงหน้า
“เฮ้ออออ!!! ยายเบื่อห้องสี่เหลี่ยมนี่จะแย่อยู่แล้ว”
“อีกไม่กี่วันเองค่ะ”
“จ้ะ...”
“ว่าแต่เพิร์ชหลังจากตรวจเสร็จลูกว่างแล้วใช่ไหมคะ?”
“ครับ”
“พอดีเลยหนูน้ำมนต์ยังไม่ได้ทานอะไร เพิร์ชพาน้องออกไปทานสิ...?”
“...ครับ” เพิร์ชมองหน้าแม่ของตัวเองอย่างรู้ทัน ก่อนที่เขาจะตอบตกลงกลับไปอย่างจำยอม
“หนูน้ำมนต์ไปทานข้าวกับพี่เขาสิลูก”
“คะ? อ่อค่ะ” น้ำมนต์ตอบรับคำของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างงงๆ แต่เธอก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“เชิญครับ”
น้ำมนต์ก้มหัวให้ชายหนุ่มตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินนำเขาออกไปจากห้องพักฟื้น
“อยากทานอะไร?” เพิร์ชเอ่ยถามร่างบางที่เดินนำหน้าออกไปเสียงเรียบ
“แล้วแต่พี่เพิร์ชเลยค่ะ”
“หิวไม่ใช่รึไง?”
“อะ เอ่อค่ะ” น้ำมนต์อึกอักไม่กล้าตอบอะไรเขากลับไป เธอจะบอกว่าเธอพึ่งทานก็ไม่ได้เดี๋ยวจะพูดไม่ตรงกับป้าแมรี่ จะให้โกหกเขากลับไปก็ไม่กล้าอีก พอได้อยู่กับเขาสองต่อสองทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่าอาจารย์หมอหนุ่มคนนี้ดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
“ว่าไง?”
“คะ คือว่า...”
“ตามฉันมานี่” เพิร์ชเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงเรียบ ก่อนที่เขาจะเดินนำเธอยังห้องพักของเขาที่อยู่ไม่ไกล
“ค่ะ”
ห้องทำงานของนายแพทย์พีรดนย์ ธาดาศิริกุล (ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก)
“...อึก...” น้ำมนต์เงยหน้าขึ้นไปอ่านป้ายชื่อตรงหน้าก่อนที่เธอจะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ‘น้ำมนต์เธอจะช่วยเขาได้จริงๆ น่ะเหรอ’
“เข้ามาสิ”
“อะ อ่อขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มตรงหน้าที่เปิดประตูห้องรอเธออยู่ก่อนแล้ว
น้ำมนต์เดินเข้าไปยังห้องพักของอาจารย์หมอเพิร์ชทามกลางสายตาของบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลที่พากันจับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียวด้วยความสงสัย
ตั้งแต่หมอเพิร์ชเข้ามาทำงานที่นี่พวกเขาไม่เคยเห็นคุณหมอควงใครเลยสักคน นั่นก็แสดงว่ากับสาวน้อยคนนี้ต้องมีอะไรที่พิเศษอย่างแน่นอน
“...” น้ำมนต์ชะงักนิ่งงันไปทันทีที่เธอสบตาเข้ากับดวงวิญญาณของผู้หญิงคนหนึ่ง น้ำมนต์จำเธอได้ดีเธอมันจะติดตามและวงเวียนอยู่รอบตัวของคุณหมอ เรียวยังคงก้าวต่อไปข้างหน้าแต่สายตายังคงจับจ้องไปยังดวงวิญญาณตรงหน้า
‘กรี๊ดดดดด~ ออกไป ออกไปจากชีวิต...’
“อ๊ะ!!!” น้ำมนต์สะดุดขาตัวเอง แต่ก่อนที่เธอจะเสียหลักล้มลงไปแขนแกร่งของเจ้าของห้องก็คว้าร่างบางของเธอเอาไว้ได้ทัน และทันทีที่ชายหนุ่มสัมผัสโดนตัวของน้ำมนต์ ดวงวิญญาณตรงหน้าก็สลายหายไปในทันทีต่อหน้าต่อตาของเธอ
“หายไปแล้ว?” น้ำมนต์พึมพำออกมาพร้อมกับมองไปรอบห้อง เธอไม่เห็นดวงวิญญาณเลย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างกำลังใช้ความคิดจนกระทั่ง...
“เธอพูดว่าอะไรนะ?”
“อะ อ่อเปล่าค่ะ” น้ำมนต์กับเพิร์ชผละออกจากกัน ก่อนที่ร่างบางจะหันไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างทำตัวไม่ถูก
“นั่งก่อนสิ”
“ขอบคุณค่ะ”
น้ำมนต์นั่งลงยังโซฟาตรงหน้าตามที่ชายหนุ่มเอ่ยบอกกับเธออย่างว่างง่าย ในขณะที่สายตายังคงสอดส่องหาดวงวิญญาณที่เธอเห็นก่อนหน้านี้ แต่ก็ไร้วี่แววของดวงวิญญาณพวกนั้น
‘น่าแปลกจัง?’
“ฉันต้องทำยังไงเธอถึงจะออกไปจากชีวิตฉัน”
“คะ?”
“หูเธอคงไม่ได้หนวกหรอกนะ...”
“ค่ะ...หูของหนูไม่ได้หนวก” น้ำมนต์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับร่างสูงตรงหน้า ก่อนที่เธอจะเอ่ยบอกกับชายตรงหน้าเสียงดังฟังชัด ในขณะที่ใบหน้าสวยหวานยังคงแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
น้ำมนต์พอจะรู้จักนิสัยของอาจารย์หมอเพิร์ชมาจากป้าแมรี่ ซึ่งเป็นคุณแม่ของเขามาบ้างแล้ว
‘พี่เขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างปากร้าย แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนใจดีมากจ้ะ’
‘ถึงภายนอกเขาจะดูเป็นคนเย็นชา แต่พี่เขามีหัวใจนะลูก แต่อาจจะยังไม่เคยได้ใช่มันกับใครก็เท่านั้นเอง’
‘ยังไงป้าก็ขอฝากหนูน้ำมนต์ด้วยนะลูก’
“หนูได้ยินคำที่พี่เพิร์ชพูดออกมาทุกคำเลยค่ะ”
“...”
“ถ้าพี่เพิร์ชอยากให้หนูออกไปจากชีวิต หนูคงทำให้ไม่ได้ เพราะรับปากกับคุณป้าไปแล้ว แต่ถ้าพี่ต้องการแบบนั้นจริงๆ”
“พี่เพิร์ชก็ต้องรักษาตัวให้ปลอดภัย เรามีเวลาแค่ 8 เดือนเองค่ะ”
“เธอหมายความว่าอะไร?”
“ถ้าพี่เพิร์ชดูแลตัวเองให้ปลอดภัยไปจนถึงอายุ 37 ปี พี่เพิร์ชกับหนูก็จะเป็นอิสระค่ะ”
“เรื่องไร้สาระ เธอเชื่อเรื่องพวกนี้จริงๆ งั้นเหรอ?”
“ค่ะ หนูเชื่อ”
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ...ที่ฉันประสบอุบัติเหตุเพราะฉันพักผ่อนไม่เพียงพอ มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเคราะห์อะไรนั่นหรอก”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง พี่เพิร์ชเคยฝันถึงผู้หญิงบ้างรึเปล่าคะ?”
“...”
“เคยรู้สึกบ้างไหมคะว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว?” น้ำมนต์จ้องหน้าหมอหนุ่มต้องหน้านิ่งๆ ก่อนที่มุมปากของเธอจะกระตุกยิ้มออกมา ปฏิกิริยาที่เขาแสดงออกมันทำให้น้ำมนต์มั่นใจได้ในทันที ‘เข้าฝันเขาด้วยสินะคะ’ น้ำมนต์ได้แต่บอกตัวเองอยู่ภายในใจ
“เพ้อเจ้อ!! เธอพูดอะไรของเธอ ฉันไม่เข้าใจ?”
“ค่ะ พี่เพิร์ชจะคิดแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะพี่ไม่ได้เห็นอย่างที่หนูเห็น”
“เห็น?”
“พี่เพิร์ชอาจจะไม่เข้าใจในสิ่งที่หนูพูด แต่หนูอยากขอให้พี่อดทนแค่ 8 เดือนเองค่ะ เพื่อความสบายใจของคุณป้า”
“หึหึ ฉันน่ะอดทนได้อยู่แล้ว เธอบอกกับตัวเองเถอะว่าจะอดทนกับคนอย่างฉันได้นานแค่ไหน”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ น่ากลัวกว่าพี่เพิร์ชหนูก็เคยเจอมาแล้ว...แค่นี้จิบๆ ค่ะ” น้ำมนต์ยกยิ้มหวานออกมา พร้อมกับเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง
“...”
คิ้วหน้าของชายหนุ่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาเธอดูไม่เหมือนกับผู้หญิงที่เขาเคยเจอมาเลยสักคน ไม่เคยมีใครกล้ายืนเผชิญหน้า และพูดต่อปากต่อคำกับเขาได้แบบเธอ ‘น่าสนใจดีนี่...’
“ไปทานข้าวกันเลยไหมคะ?”
“...”
“อยู่ดีๆ หนูก็รู้สึกหิวขึ้นมาเลยค่ะ แต่ว่ามื้อนี้หนูขอเป็นคนเลี้ยงเองนะคะ”
“...”
ห้องทำงานของนายอาจารย์แพทย์พีรดนย์ ธาดาศิริกุล (ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก)ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!“เชิญครับ”“มาอยู่กันที่นี่เองทั้งคุณพ่อ คุณลูกเลยนะคะ”“ยิ้มมาขนาดนี้มีเรื่องอะไรดีๆ เหรอครับ” หมอพอลยกยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกมาสีหวานต่อหน้าต่อตาลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขา“แมรี่จับจองหนูน้ำมนต์ให้กับตาเพิร์ชเรียบร้อยแล้วค่ะ”“ว่าอย่างไรนะครับแม่?” เพิร์ชลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับเอ่ยถามคุณแม่ของเขาออกไปอย่างอึ้ง ชายหนุ่มจ้องมองไปยังหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาพึ่งจะได้ยิน“เพิร์ชลูกต้องแต่งงานกับหนูน้ำมนต์”“ไม่มีทางครับ”“ทำไมล่ะ? น้องไม่ดีตรงไหน?”“ไม่ใช่ว่าน้องไม่ดีครับ แต่เราไม่ได้รักกัน และที่สำคัญเรารู้จักกันยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงเลยนะครับ” เพิร์ชพยายามอธิบายให้กับมารดาของเขาได้ฟัง“นั่นแหละที่แม่กำลังจะบอก...เพิร์ชต้องทำอย่างไรก็ได้ให้น้องตกหลุมรัก และลูกก็ต้องรักน้องด้วย”“อะไรนะครับ?”“เดี๋ยวนี้หูไม่ดีแล้วเหรอเรา” แมรี่ยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยแซวลูกชายเพียงคนเดียวของเธออย่างเอ็นดู“แม่ครับ”“ลูกอาจจะจำไม่ได้เมื่อ 30 ปีที่แล้วยายแม้นเคยบอ
“...” น้ำมนต์ยืนหลบมุมพร้อมกับแอบมองร่างสูงยืนคุยกับหมอหนุ่มอีกคนอย่างหวาดกลัว ก่อนที่เธอจะหันหน้าไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างหวาดระแวง น้ำมนต์เห็นเงาดำเต็มไปหมดจนไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี“อะ!!”น้ำมนต์ชะงักไปเล็กน้อยทันทีที่เธอเผลอหันกลับไปสบตาเข้ากับชายหนุ่มที่เธอพึ่งเดินชนเขา“เธอเป็นอะไรรึเปล่า?”“ญาติคนไข้น่ะไม่มีอะไรหรอก”“แต่เธอดูกลัวอาจารย์หมอนะครับ”“นั่นสิ...หน้าผมดูหน้ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” เพิร์ชพึมพำออกมาในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังลูกสาวของน้าน้ำหนึ่งอย่างไม่เข้าใจในท่าทางของเธอ“เราไปกันเลยไหมครับอาจารย์”“ครับ” “ฟู่!!! ไปได้สักที” น้ำมนต์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนที่เธอจะเดินกลับไปยังห้องรับรองเดิมที่มีแม่น้ำหนึ่งและป้าแมรี่นั่งรออยู่“น่าแปลกจริงๆ นะเนี่ย” ริมฝีปากบางพึมพำออกมาอย่างไม่เข้าใจ เพียงแค่หมอเพิร์ชลูกชายของป้าแมรี่เดินห่างออกไปเธอก็ไม่เห็นอะไรอีกแล้ว ‘อยู่ให้ห่างจากเขาเลยนะน้ำมนต์’ น้ำมนต์เอ่ยบอกกับตัวเองอยู่ภายในใจเช้าวันต่อมา...“ทำไมยายยังไม่ฟื้นอีกล่ะจ้ะแม่?”“ให้ยายพักผ่อนอีกหน่อยนะลูก”“แต่ยายนอนเยอะแล้วนะจ๊ะ”“คิดถึงยายรึไง หึหึ”
31 ปีต่อมา...ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!“คุณท่านคะ บัวเองคะ”“เชิญครับ”“มีจดหมายส่งมาถึงคุณท่านค่ะ” แม่บ้านคนเก่าคนแก่ประจำตระกูลเอ่ยขึ้นมาอย่างนอบน้อม ก่อนที่ร่างอ้วนท้วมจะเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นซองกระดาษสีขาวสะอาดตาให้กับร่างสูงตรงหน้า“ขอบคุณครับ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วบัวขอตัวก่อนนะคะ”“ครับ”“จดหมายจากใครเหรอคะ?” แมรี่ที่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกลลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างสามี ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย ปัจจุบันนี้การติดต่อสื่อสารทันสมัยขึ้นมากแล้ว ยังมีคนที่ใช้การติดต่อหากันทางจดหมายอยู่อีกอย่างนั้นหรือ...?“พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ?”พอลตอบภรรยาของเขากลับไปก่อนที่มือหนาจะค่อยๆ เปิดซองจดหมายตรงหน้าออก ตาคมค่อยๆ กวาดสายตาอ่านตัวหนังสือตรงหน้าไปทีละบรรทัดจนกระทั่ง...“.../...” ทั้งคู่หันมามองหน้ากันทันทีที่อ่านจดหมายตรงหน้าจนจบ ก่อนที่หมอพอลจะต่อสายประสานงานกับทางโรงพยาบาล ADA โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่เขาเป็นเจ้าของในทันที“เดี๋ยวแมรี่ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”“ครับ”พอลขานรับคำของภรรยาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะต่อสายหาลูกชายเพียงคนเดียวของเขาในทันที เขาวางมือจากอาชีพหมอมาเกือบปีแล้ว
~~ แต๋น แต๋น แต๋น ~~รถอีแต๋นถูกขับเข้ามาจอดยังลานจอดรถบริเวณหน้าบ้านทรงไทยหลังใหญ่ ก่อนที่สองแม่ลูกจะเดินลงมาหยุดยืนอยู่ที่ท้ายรถของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสามคนตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใส“ถึงแล้วจ้ะ...”พอลเดินตามสองคนแม่ลูกเข้าไปภายในบ้านทรงไทยอย่างไม่วางใจ แต่เขาไม่ได้มีทางเลือกมากนักจะให้ลูกกับเมียของเขารออยู่ในรถที่จอดท่ามกลางสายฝนไปจนถึงเช้าก็คงจะไม่ปลอดภัย“เชิญตามสบาย ขาดเหลืออะไรก็บอกน้ำหนึ่งได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” แม้นเอ่ยบอกกับทั้ง 3 คนตรงหน้า ก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งยังแคร่ไผ่ที่ประจำของเธอ“เดี๋ยวหนูไปเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนนะจ๊ะ”“ขอบคุณค่ะ” แมรี่เอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้ากลับไปอย่างนอบน้อม ก่อนที่เธอจะอุ้มลูกชายวัย 5 ขวบเศษไปนั่งลงยังแคร่ไม้ใกล้ๆ กับแม้น ท่าทางที่เป็นมิตรของพวกเธอทำให้แมรี่รู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด ถึงจะพึ่งเคยพบกันเป็นครั้งแรก แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยกับทั้งสองคนอย่างบอกไม่ถูก“พี่แม้นอยู่กับหนึ่งสองคนเหรอคะ?” แมรี่เอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ตั้งแต่เธอมาถึงที่นี่นอกจาก 2 คนแม่ลูกแล้วเธอก็ไม่พบใครอีกแมรี่รู้สึกประหลาดใจตรงที่บ้านหลังใ
“คุณแม่ครับเรากำลังจะไปไหนกันเหรอครับ?”เด็กชายพีรดนย์ ธาดาศิริกุล หรือน้องเพิร์ชในวัย 5 ขวบ ลูกเสี่ยวไทย จีน และอังกฤษเอ่ยถามมารดาที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นไปมองบิดาของเขาที่กำลังขับรถฝ่าสายฝนอย่างไม่เข้าใจ ทันทีที่เด็กชายลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่บนตักของคุณแม่ แทนที่จะนอนอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มของตัวเองที่คฤหาสน์หลังงามอย่างเช่นทุกวัน“เรากำลังไปอุบลราชธานีกันครับ”“ไปทำไมเหรอครับ?” เด็กชายลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอ่ยถามหมอพอลคุณพ่อของเขาออกไปด้วยความสงสัยอีกครั้ง“พ่อมีธุระด่วนต้องไปจัดการที่โรงพยาบาลของเราน่ะครับ”“...”“พ่อกับแม่จำเป็นต้องเอาลูกมาด้วย ขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกลูกก่อน” แมรี่แม่ของเด็กชายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอย่างเช่นทุกครั้ง มือบางลูบลงที่หัวน้อยของลูกชายอย่างเอ็นดู“ไม่เป็นไรครับแม่ เรื่องด่วนนี่นา...” เด็กชายเอ่ยบอกกับพ่อและแม่ของเขาออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้งเพิร์ชเหม่อมองออกไปยังนอกกระจกรถตามประสาของเด็ก สายฝนที่ยังคงตกกระหน่ำทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของเขาเต้นโครมครามราวกับว่ามันจะหลุดออกมาจากอกเสียให้ได้ ซ