“...” น้ำมนต์ยืนหลบมุมพร้อมกับแอบมองร่างสูงยืนคุยกับหมอหนุ่มอีกคนอย่างหวาดกลัว ก่อนที่เธอจะหันหน้าไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างหวาดระแวง น้ำมนต์เห็นเงาดำเต็มไปหมดจนไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี
“อะ!!”
น้ำมนต์ชะงักไปเล็กน้อยทันทีที่เธอเผลอหันกลับไปสบตาเข้ากับชายหนุ่มที่เธอพึ่งเดินชนเขา
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า?”
“ญาติคนไข้น่ะไม่มีอะไรหรอก”
“แต่เธอดูกลัวอาจารย์หมอนะครับ”
“นั่นสิ...หน้าผมดูหน้ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” เพิร์ชพึมพำออกมาในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังลูกสาวของน้าน้ำหนึ่งอย่างไม่เข้าใจในท่าทางของเธอ
“เราไปกันเลยไหมครับอาจารย์”
“ครับ”
“ฟู่!!! ไปได้สักที” น้ำมนต์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนที่เธอจะเดินกลับไปยังห้องรับรองเดิมที่มีแม่น้ำหนึ่งและป้าแมรี่นั่งรออยู่
“น่าแปลกจริงๆ นะเนี่ย” ริมฝีปากบางพึมพำออกมาอย่างไม่เข้าใจ เพียงแค่หมอเพิร์ชลูกชายของป้าแมรี่เดินห่างออกไปเธอก็ไม่เห็นอะไรอีกแล้ว ‘อยู่ให้ห่างจากเขาเลยนะน้ำมนต์’ น้ำมนต์เอ่ยบอกกับตัวเองอยู่ภายในใจ
เช้าวันต่อมา...
“ทำไมยายยังไม่ฟื้นอีกล่ะจ้ะแม่?”
“ให้ยายพักผ่อนอีกหน่อยนะลูก”
“แต่ยายนอนเยอะแล้วนะจ๊ะ”
“คิดถึงยายรึไง หึหึ” เสียงของหญิงชราที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงเอ่ยขึ้นมา ก่อนที่เธอจะลืมตาตื่นขึ้นมามองหลานสาวเพียงคนเดียวก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ ให้กับความน่าเอ็นดูของน้ำมนต์
“ยาย!! / แม่!!”
น้ำหนึ่งกับน้ำมนต์รีบวิ่งเข้ามาหาคนป่วยที่นอนอยู่ตรงหน้าในทันที ใบหน้าสวยหวานของเด็กสาวยกยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ก่อนที่เธอจะพุ่งตัวเข้าไปกระโดดกอดหญิงชราตรงหน้าอย่างลืมตัว
“อะ โอ้ย ลูก!!”
“มนต์เบาๆ สิลูก”
“ขอโทษจ้ะยาย” น้ำมนต์รีบขยับถอยห่างออกไปทันที ใบหน้าของเด็กสาวที่บ่งบอกถึงความรู้สึกผิด
หญิงชราลูบแขนเรียวของหลานสาวเพียงคนเดียวของเธออย่างเอ็นดู แม้นเลี้ยงน้ำมนต์มาเองกับมือเธอรู้ดีว่าหลานสาวคนนี้ของเธอมีนิสัยอย่างไร ถึงภายนอกน้ำมนต์จะดูสดใส ร่าเริง เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แต่ความเป็นจริงแล้วใครจะรู้ว่าหลานสาวคนนี้ของเธอเป็นเด็กที่ดื้อเงียบ ฉลาดหลักแหลม และเด็ดเดี่ยวเป็นที่สุด
“หึหึ ยายไม่เจ็บหรอกลูก”
“ผ่าตัดหัวใจเลยนะจ๊ะ ยังจะบอกว่าไม่เจ็บอีกเหรอ?”
“หึหึ”
“ยังจะหัวเราะอีก”
“พอแล้วน้ำมนต์ไม่ต้องแกล้งยายแล้ว”
ก๊อก ก๊อก!!!
“ป้าแมรี่มาแน่ๆ เลยเดี๋ยวน้ำมนต์ไปเปิดประตูให้เองจ้ะ” น้ำมนต์เอ่ยขึ้นมาเสียงดังฟังชัด ก่อนที่ร่างบางจะวิ่งตรงไปยังประตูบานใหญ่ตรงหน้า
“คุณป้าสวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะลูก”
“คุณลุงสวัสดีค่ะ เชิญด้านในค่ะ”
“คุณ...!!” น้ำมนต์ชะงักนิ่งงันไปทันทีที่เห็นร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มอีกคนเดินตามคุณลุงกับคุณป้ามาด้วย น้ำมนต์ยกมือขึ้นไหว้เขาอย่างนอบน้อมก่อนจะถอยให้ห่างเขามากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ ซึ่งการกระทำทุกอย่างของเด็กสาวอยู่ในสายของหญิงชราทั้งหมด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอย และความเหี่ยวย่นกระตุกยิ้มออกมาราวกับว่าเธอรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง...
“สวัสดีครับคุณยาย เช้านี้รู้สึกเป็นอย่างไงบ้างครับ?” เพิร์ชยกมือไหว้ผู้หญิงทั้งสองคนอย่างนอบน้อม ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหญิงชราที่นอนอยู่ตรงหน้าเสียงอ่อน ลิ้มฝีปากบางยกยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างอ่อนโยน
“ยายรู้สึกเจ็บแผนนิดหน่อย”
“เดี๋ยวผมฉีดยาแก้ปวดให้นะครับ”
“ขอบคุณมากนะหนุ่ม...ไม่ได้เจอกันนานโตขึ้นเยอะจนยายจำแทบไม่ได้”
“ครับ”
“หึหึ”
“เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการเลยนะคะ...หนูน้ำมนต์” แมรี่เอ่ยขึ้นมาทามกลางความเงียบ ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่ข้างกายของเด็กสาวด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
“อะ อ่อคะ?”
“หมอคนนี้คือพี่เพิร์ชลูกชายของป้าเองค่ะ”
“อ่อ สวัสดีค่ะ หนูชื่อน้ำมนต์นะคะ” น้ำมนต์ยกมือไหว้ร่างสูงตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยแนะนำตัวออกไปเสียงสั่น ก่อนที่ดวงตากลมโตค่อยเบิกโพลงขึ้นมาอย่างลืมตัวทันทีที่เธอเห็นเงาดำของผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังของเขา
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องน้ำมนต์”
“ชะ เช่นกันค่ะ”
“หนูน้ำมนต์น่ารักเนอะเพิร์ชเนอะ”
“ครับ?” หมอเพิร์ชหันไปมองคุณแม่คนสวยของเขา ก่อนที่มุมปากของเขาจะกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างรู้ทันในความคิดของกันและกัน
หมอเพิร์ชได้แต่แปลกใจก็ตรงที่เขาอายุเกือบจะ 37 ปีอยู่แม่ของเขาไม่เคยจับคู่เขากับผู้หญิงคนไหนเลยสักคน แต่ทำไมกับเด็กผู้หญิงคนนี้คุณแม่ของเขาถึงได้ออกตัวแรงแบบนี้
“...?...”
“ผมขอตัวไปตรวจคนไข้ก่อนนะครับ”
หลังจากที่หมอเพิร์ชและพ่อของเขาเดินออกไปจากห้องพัก แมรี่ก็ขยับเข้ามายืนอยู่ที่ข้างเตียงของยายแม้น มือบางเอื้อมมากุมมือเหี่ยวย่นของหญิงชราตรงหน้าเอาไว้ ก่อนที่เธอจะเอ่ยถาม
“มีอะไรรึเปล่า?” ยายแม้นเห็นสีหน้าของหญิงสาวตรงหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลจึงเอ่ยถามเธอออกมาด้วยความเป็นห่วง
“พี่แม้นจำที่เคยบอกกับแมรี่เมื่อ 30 ปีก่อนได้ไหมคะ?”
“เรื่องของคุณหมอน่ะเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
“พี่แม้นบอกว่าก่อนเพิร์ชอายุคบ 37 ปี เขาจะเจอกับเคราะห์ใหญ่จนอาจจะถึงแก่ชีวิต พี่แม้นรู้ไหมคะหลังจากวันเกิดอายุคบ 36 ของลูก...เขาก็เกิดอุบัติเหตุแทบจะทุกเดือนเลยค่ะ”
“.../...”
“ครั้งล่าสุดเขาก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด รถพังยับโชคดีที่คนไม่เป็นอะไรมาก”
“แมรี่ไม่สบายใจเลยค่ะ ต่อให้ลูกบอกว่าไม่เป็นอะไรก็เถอะ...”
“พี่เข้าใจ...”
“ที่พี่แม้นเคยบอก ...ก่อนหน้านี้แมรี่ก็ไม่เข้าใจจนกระทั่งแมรี่เจอหนูน้ำมนต์”
“.../...”
“พี่แม้น น้ำหนึ่ง เพิร์ชเป็นคนไม่พูด ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมา แมรี่ก็ไม่รู้ว่าลูกกำลังเผชิญอยู่กับอะไร ถ้าหนูน้ำมนต์เป็นคนเดียวที่จะช่วยเหลือตาเพิร์ชได้จริง...”
“0.0”
“พี่แม้นกับน้ำหนึ่งจะว่าอะไรไหมถ้า...?”
“พี่กับหนึ่งไม่ว่าอะไรหรอก รองถามเจ้าตัวเขาเองเถอะจ้ะ” หญิงชรายกยิ้มออกมาก่อนที่เธอจะเอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้าเสียงอ่อน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ในสายตาของแม้น แมรี่ก็ยังคงเป็นคนที่น่าเอ็นดูเสมอ
“หนูน้ำมนต์จ๊ะ”
“คะ ค่ะ...?”
แมรี่หันกลับมามองหน้าเด็กหญิงอีกครั้งก่อนที่เธอจะเดินเข้ามากุมมือบางของร่างบางตรงหน้าเอาไว้
“ถ้าหนูน้ำมนต์จะไม่ว่าอะไร ป้าอยากจะขอร้องหนู ป้าขอให้หนูช่วยลูกชายของป้าสักครั้ง...”
“...?...” หนูชี้มาที่ตัวเองอย่างไม่เข้าใจในสิ่งหญิงสาวตรงหน้าเอ่ยออกมา เธอคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเด็กผู้หญิงบ้านนอกอย่างเธอจะสามารถช่วยอาจารย์หมออย่างเขาได้
“ไม่ว่าหนูอยากได้อะไรป้า...”
“อะ เอ่อ คือว่าหนูไม่ได้อยากได้อะไรหรอกค่ะ”
“หนูหมายความว่า...?”
“ถ้าพอมีอะไรที่หนูช่วยได้ หนูก็ยินดีช่วยค่ะ” น้ำมนต์เอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้าเสียงอ่อน พร้อมกับยกยิ้มหวานออกมา ถึงเธอจะไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถช่วยเหลือเขาได้อย่างไรก็ตาม
‘ในเมื่อป้าแมรี่เป็นคนเอ่ยปากขอร้องเองแบบนี้คงจะมีอะไรที่น้ำมนต์พอจะทำได้บ้างไม่มากก็น้อย’ น้ำมนต์ได้แต่บอกกับตัวเองอยู่ภายในใจ
“จริงเหรอจ๊ะ? หนูจะไม่เปลี่ยนใจที่หลังใช่ไหมลูก?”
“ค่ะ ไม่เปลี่ยนใจค่ะ”
“ป้าดีใจมากนะลูก ลูกชายเพียงคนเดียวของป้าจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาสักที”
‘เป็นฝั่งเป็นฝา?’
‘ทำไมฟังดูแปลกๆ’
น้ำมนต์ถามตัวเองอยู่ภายในใจพร้อมกับเกาหัวเบาๆ อย่างไม่ค่อยจะแน่ใจในสิ่งที่ป้าแมรี่เอ่ยออกมา ‘คงจะไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดหรอกนะ’
“ป้าแมรี่หมายความว่ายังไงเหรอคะ?” น้ำมนต์เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหวเธอจึงเลือกที่จะหญิงวัยกลางคนออกไป พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับเธออย่างรอคำตอบ
“หนูตกลงแต่งงานกับพี่เพิร์ชไงลูก”
“แต่งงาน...!!!” น้ำมนต์อุทานออกมาเสียงดังลั่นห้องด้วยความตกใจ หญิงสาวอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นอย่างลืมตัวจนกระทั่ง
“หนูน้ำมนต์”
“อะ เอ่อคุณป้าค่ะ หนูคิดว่าหนูกับพี่เพิร์ชแต่งงานกันไม่ได้หรอกค่ะ”
“...”
“เราสองคนต่างกันเกินไปค่ะ และอีกอย่างนะคะน้ำมนต์พึ่งจะอายุ 19 เองนะที่เรียนต่อก็ยังไม่มีจะแต่งงานกับอาจารย์หมออนาคตไกลอย่างพี่เพิร์ชไม่ได้หรอกค่ะ”
“ทำไมหนูดูถูกตัวเองอย่างนั้นล่ะจ๊ะหนูน้ำมนต์”
“...”
“เอาเข้าจริงเรื่องแต่งงานไม่มีใครบังคับใครได้ทั้งนั้นแหละลูก ป้าแค่หวังว่าอย่างน้อยให้หนูกับพี่เขาได้มีโอกาสทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ ส่วนจะลงเอยอย่างไรก็ให้เป็นเรื่องของหนูกับพี่เพิร์ชตัดสินใจกันเอาเอง”
“...”
“จำคำป้าไว้นะลูก...หนูมีค่าไม่ว่าหนูจะเป็นใครมาจากไหนหนูก็เป็นคนที่มีคุณค่าเสมอ คุณค่าของหนูอยู่ที่หนูปฏิบัติตัวกับตัวเองอย่างไร เข้าใจที่ป้าพูดไหมลูก?”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“เด็กดีของป้า อุ๊ย! ไม่สิ เด็กดีของแม่”
“...!!...”
“แมรี่ขอตัวไปบอกข่าวดีกับพี่พอลก่อนนะคะ”
“จ้ะ...”
ทั้งสามคนมองตามแผ่นหลังบางที่กำลังเดินออกจากห้องไปจนลับตา ก่อนที่น้ำมนต์จะหันกลับมามองหน้าของยายและแม่ของเธออย่างต้องการคำอธิบาย
“รับปากเขาแล้วต้องรักษาคำพูดนะลูก”
“เรื่องจริงเหรอคะ? หนูต้องแต่งงานกับเขาจริงๆ เหรอคะ?”
“อย่างที่ป้าเขาบอกนั่นแหละลูก เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคน” น้ำหนึ่งเอ่ยบอกกับลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอเสียงอ่อน พร้อมกับลูบลงที่หัวของเด็กสาวอย่างเอ็นดู
“หึหึ แต่ยายคิดว่าคู่กันแล้วยังไงก็ไม่แคล้วกันหรอก”
“เฮ้อ!! หนูจะช่วยเขาได้จริงๆ เหรอจ๊ะยาย? เขาดูน่ากลัว...สิ่งที่อยู่รอบตัวของเขาก็น่ากลัว” น้ำมนต์ทั้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงก่อนที่เธอจะเอ่ยถามหญิงชราตรงหน้าออกมาอย่างหนักใจ สิ่งที่ติดตามอยู่รอบตัวของเขาไม่ใช่ดวงวิญญาณที่เข้ามาเกาะใบบุญของเขาอย่างแน่นอน แต่น้ำมนต์สัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตและก็ความรู้สึกโหยหาไปพร้อมๆ กัน
“ข้างบนเขาลิขิตมาแล้วไม่ว่าหนูอยากจะหนียังไงก็หนีไม่พ้นหรอกลูก”
“...”
“หนูแค่ทำตามสัญชาตญาณของหนูก็พอลูก”
“แต่ว่าแม่กับยายอนุญาตให้หนูอยู่ใกล้กับผู้ชายได้เหรอจ๊ะ?” น้ำมนต์เอ่ยถามหญิงชราและแม่ของเธอออกไปด้วยความสงสัย ตั้งแต่เล็กจนโตเท่าที่เธอจำความได้เธอแทบจะไม่ได้ออกไปเล่นกับเพื่อนๆ เลย ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเธอไม่ชอบที่เด็กพวกนั้นล่อเรื่องพ่อของเธอที่จากไปแล้ว
“ลูกโตเป็นสาวแล้วน้ำมนต์ หนูคิดเองได้ว่าอะไรควรไม่ควร”
“จ้ะแม่”
“และการที่หนูอยู่ใกล้ และต้องคอยเชื่อเหลือพี่เขาก็ไม่ได้หมายความว่าหนูจะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยง หรือทำให้ตัวเองเสียชื่อ เราคอยช่วยเหลือเขาอยู่ห่างก็ได้ลูก”
“หึหึ นึกหวงลูกสาวขึ้นมารึไง?” หญิงชราหันไปมองลูกสาวของตัวเอง ก่อนที่เธอจะแกล้งถามออกมาเสียงใส
“หวงจ้ะ แต่ถ้าเป็นหมอเพิร์ชหนึ่งก็พอวางใจได้บ้าง”
“เข้าใจหัวอกของแม่แล้วใช่ไหม?” ยายแม้นเอ่ยถามลูกสาวออกไปอีกครั้ง
“เข้าใจแล้วจ้ะ”
“เรื่องหวงหนูเอาไว้ก่อนเถอะนะจ๊ะ หนูมีเรื่องที่ใหญ่กว่าจะบอก...”
“.../...”
“หนูเห็นวิญญาณทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา”
“ปกติหนูจะเห็นเฉพาะวันพระไม่ใช่เหรอลูก?”
“ใช่จ้ะแม่ หนูก็ไม่รู้ทำไม…?”
“แรงดึงดูด ทุกอย่างที่เกินขึ้นล้วนแล้วแต่มีที่มาที่ไปทั้งนั้นแหละลูก”
“มีวิธีทำให้หนูไม่เห็นไหมจ๊ะยาย?” น้ำมนต์ถามหญิงชราตรงหน้าอย่างมีความหวัง ก่อนที่ความหวังของเธอจะหมดลงทันทีที่ยายแม้นส่ายหัวไปมาเบาๆ
“เรื่องนี้ยายก็ไม่รู้เหมือนกันลูก”
ชีวิตที่เคยสงบสุขของน้ำมนต์เปลี่ยนไปตั้งแต่วินาทีที่เธอตบปากรับคำว่าจะช่วยหมอเพิร์ชลูกชายเพียงคนเดียวของป้าแมรี่ ท่านยื่นข้อเสนอให้ทุนเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยแก่น้ำมนต์ แมรี่พร้อมที่จะสนับสนุนทุกค่าใช้จ่ายโดยมีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว นั่นก็คือขอให้น้ำมนต์คอยดูแลหมอเพิร์ชอย่างใกล้ชิด
“เฮ้อออ!!!”
ห้องทำงานของนายอาจารย์แพทย์พีรดนย์ ธาดาศิริกุล (ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก)ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!“เชิญครับ”“มาอยู่กันที่นี่เองทั้งคุณพ่อ คุณลูกเลยนะคะ”“ยิ้มมาขนาดนี้มีเรื่องอะไรดีๆ เหรอครับ” หมอพอลยกยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกมาสีหวานต่อหน้าต่อตาลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขา“แมรี่จับจองหนูน้ำมนต์ให้กับตาเพิร์ชเรียบร้อยแล้วค่ะ”“ว่าอย่างไรนะครับแม่?” เพิร์ชลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับเอ่ยถามคุณแม่ของเขาออกไปอย่างอึ้ง ชายหนุ่มจ้องมองไปยังหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาพึ่งจะได้ยิน“เพิร์ชลูกต้องแต่งงานกับหนูน้ำมนต์”“ไม่มีทางครับ”“ทำไมล่ะ? น้องไม่ดีตรงไหน?”“ไม่ใช่ว่าน้องไม่ดีครับ แต่เราไม่ได้รักกัน และที่สำคัญเรารู้จักกันยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงเลยนะครับ” เพิร์ชพยายามอธิบายให้กับมารดาของเขาได้ฟัง“นั่นแหละที่แม่กำลังจะบอก...เพิร์ชต้องทำอย่างไรก็ได้ให้น้องตกหลุมรัก และลูกก็ต้องรักน้องด้วย”“อะไรนะครับ?”“เดี๋ยวนี้หูไม่ดีแล้วเหรอเรา” แมรี่ยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยแซวลูกชายเพียงคนเดียวของเธออย่างเอ็นดู“แม่ครับ”“ลูกอาจจะจำไม่ได้เมื่อ 30 ปีที่แล้วยายแม้นเคยบอ
“...” น้ำมนต์ยืนหลบมุมพร้อมกับแอบมองร่างสูงยืนคุยกับหมอหนุ่มอีกคนอย่างหวาดกลัว ก่อนที่เธอจะหันหน้าไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างหวาดระแวง น้ำมนต์เห็นเงาดำเต็มไปหมดจนไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี“อะ!!”น้ำมนต์ชะงักไปเล็กน้อยทันทีที่เธอเผลอหันกลับไปสบตาเข้ากับชายหนุ่มที่เธอพึ่งเดินชนเขา“เธอเป็นอะไรรึเปล่า?”“ญาติคนไข้น่ะไม่มีอะไรหรอก”“แต่เธอดูกลัวอาจารย์หมอนะครับ”“นั่นสิ...หน้าผมดูหน้ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” เพิร์ชพึมพำออกมาในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังลูกสาวของน้าน้ำหนึ่งอย่างไม่เข้าใจในท่าทางของเธอ“เราไปกันเลยไหมครับอาจารย์”“ครับ” “ฟู่!!! ไปได้สักที” น้ำมนต์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนที่เธอจะเดินกลับไปยังห้องรับรองเดิมที่มีแม่น้ำหนึ่งและป้าแมรี่นั่งรออยู่“น่าแปลกจริงๆ นะเนี่ย” ริมฝีปากบางพึมพำออกมาอย่างไม่เข้าใจ เพียงแค่หมอเพิร์ชลูกชายของป้าแมรี่เดินห่างออกไปเธอก็ไม่เห็นอะไรอีกแล้ว ‘อยู่ให้ห่างจากเขาเลยนะน้ำมนต์’ น้ำมนต์เอ่ยบอกกับตัวเองอยู่ภายในใจเช้าวันต่อมา...“ทำไมยายยังไม่ฟื้นอีกล่ะจ้ะแม่?”“ให้ยายพักผ่อนอีกหน่อยนะลูก”“แต่ยายนอนเยอะแล้วนะจ๊ะ”“คิดถึงยายรึไง หึหึ”
31 ปีต่อมา...ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!“คุณท่านคะ บัวเองคะ”“เชิญครับ”“มีจดหมายส่งมาถึงคุณท่านค่ะ” แม่บ้านคนเก่าคนแก่ประจำตระกูลเอ่ยขึ้นมาอย่างนอบน้อม ก่อนที่ร่างอ้วนท้วมจะเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นซองกระดาษสีขาวสะอาดตาให้กับร่างสูงตรงหน้า“ขอบคุณครับ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วบัวขอตัวก่อนนะคะ”“ครับ”“จดหมายจากใครเหรอคะ?” แมรี่ที่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกลลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างสามี ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย ปัจจุบันนี้การติดต่อสื่อสารทันสมัยขึ้นมากแล้ว ยังมีคนที่ใช้การติดต่อหากันทางจดหมายอยู่อีกอย่างนั้นหรือ...?“พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ?”พอลตอบภรรยาของเขากลับไปก่อนที่มือหนาจะค่อยๆ เปิดซองจดหมายตรงหน้าออก ตาคมค่อยๆ กวาดสายตาอ่านตัวหนังสือตรงหน้าไปทีละบรรทัดจนกระทั่ง...“.../...” ทั้งคู่หันมามองหน้ากันทันทีที่อ่านจดหมายตรงหน้าจนจบ ก่อนที่หมอพอลจะต่อสายประสานงานกับทางโรงพยาบาล ADA โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่เขาเป็นเจ้าของในทันที“เดี๋ยวแมรี่ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”“ครับ”พอลขานรับคำของภรรยาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะต่อสายหาลูกชายเพียงคนเดียวของเขาในทันที เขาวางมือจากอาชีพหมอมาเกือบปีแล้ว
~~ แต๋น แต๋น แต๋น ~~รถอีแต๋นถูกขับเข้ามาจอดยังลานจอดรถบริเวณหน้าบ้านทรงไทยหลังใหญ่ ก่อนที่สองแม่ลูกจะเดินลงมาหยุดยืนอยู่ที่ท้ายรถของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสามคนตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใส“ถึงแล้วจ้ะ...”พอลเดินตามสองคนแม่ลูกเข้าไปภายในบ้านทรงไทยอย่างไม่วางใจ แต่เขาไม่ได้มีทางเลือกมากนักจะให้ลูกกับเมียของเขารออยู่ในรถที่จอดท่ามกลางสายฝนไปจนถึงเช้าก็คงจะไม่ปลอดภัย“เชิญตามสบาย ขาดเหลืออะไรก็บอกน้ำหนึ่งได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” แม้นเอ่ยบอกกับทั้ง 3 คนตรงหน้า ก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งยังแคร่ไผ่ที่ประจำของเธอ“เดี๋ยวหนูไปเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนนะจ๊ะ”“ขอบคุณค่ะ” แมรี่เอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้ากลับไปอย่างนอบน้อม ก่อนที่เธอจะอุ้มลูกชายวัย 5 ขวบเศษไปนั่งลงยังแคร่ไม้ใกล้ๆ กับแม้น ท่าทางที่เป็นมิตรของพวกเธอทำให้แมรี่รู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด ถึงจะพึ่งเคยพบกันเป็นครั้งแรก แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยกับทั้งสองคนอย่างบอกไม่ถูก“พี่แม้นอยู่กับหนึ่งสองคนเหรอคะ?” แมรี่เอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ตั้งแต่เธอมาถึงที่นี่นอกจาก 2 คนแม่ลูกแล้วเธอก็ไม่พบใครอีกแมรี่รู้สึกประหลาดใจตรงที่บ้านหลังใ
“คุณแม่ครับเรากำลังจะไปไหนกันเหรอครับ?”เด็กชายพีรดนย์ ธาดาศิริกุล หรือน้องเพิร์ชในวัย 5 ขวบ ลูกเสี่ยวไทย จีน และอังกฤษเอ่ยถามมารดาที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นไปมองบิดาของเขาที่กำลังขับรถฝ่าสายฝนอย่างไม่เข้าใจ ทันทีที่เด็กชายลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่บนตักของคุณแม่ แทนที่จะนอนอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มของตัวเองที่คฤหาสน์หลังงามอย่างเช่นทุกวัน“เรากำลังไปอุบลราชธานีกันครับ”“ไปทำไมเหรอครับ?” เด็กชายลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอ่ยถามหมอพอลคุณพ่อของเขาออกไปด้วยความสงสัยอีกครั้ง“พ่อมีธุระด่วนต้องไปจัดการที่โรงพยาบาลของเราน่ะครับ”“...”“พ่อกับแม่จำเป็นต้องเอาลูกมาด้วย ขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกลูกก่อน” แมรี่แม่ของเด็กชายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอย่างเช่นทุกครั้ง มือบางลูบลงที่หัวน้อยของลูกชายอย่างเอ็นดู“ไม่เป็นไรครับแม่ เรื่องด่วนนี่นา...” เด็กชายเอ่ยบอกกับพ่อและแม่ของเขาออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้งเพิร์ชเหม่อมองออกไปยังนอกกระจกรถตามประสาของเด็ก สายฝนที่ยังคงตกกระหน่ำทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของเขาเต้นโครมครามราวกับว่ามันจะหลุดออกมาจากอกเสียให้ได้ ซ