‘จะเอาให้ครางเอาอีกๆ ไม่หยุดเลย คอยดูสิ’
‘ไอ้บ้าเอ๊ย!’
มาธาวีตะโกนด่าเสียงดังอย่างรังเกียจสุดจิตสุดใจ ทั้งยังวาดมือใส่หน้าที่ซุกไซ้แก้มกับลำคอไม่หยุดสุดกำลังเท่าที่มือจะใช้แรงได้
‘โอ๊ะ...’
ได้ยินเสียงเข้มดังก่อนชายหนุ่มจะเข่นเขี้ยว
‘ตบเหรอหา!’
เพี้ยะ!!
แรงกระทบหน้าหนักหน่วงทำเอามาธาวีถึงกับชาไปทั้งข้างแก้ม รู้สึกได้ถึงความเจ็บจี๊ดตรงมุมปาก เธอชะงักไปอึดใจหนึ่งเลยเดียว
‘ไง หมดฤทธิ์แล้วสินะ’
น้ำเสียงเยาะหยันอย่างพอใจก่อนคุณากรจะถอยออกไปถอดเสื้อของตัวเอง คงเพราะเห็นว่าเธอไม่กล้าแผลงฤทธิ์แล้ว นั่นทำให้มาธาวีรีบปัดป่ายมือควานหาของใกล้มือตรงโต๊ะหัวเตียงแล้วก็เจอไอแพดกับมือถือของตัวเอง เมื่อไม่มีทางเลือก เธอจึงหยิบมือถือปาใส่อีกฝ่าย
‘โอ๊ย!’
คุณากรสะดุ้ง มาธาวีรีบถอยกรูดให้ห่างอีกฝ่ายมากที่สุดทั้งยังถีบเขาไม่ยั้ง มือหนาคว้าขาเธอเอาไว้ คราวนี้หญิงสาวจึงเอาไอแพดปาใส่ซ้ำไปอีก
‘โธ้เว้ย!’
อีกฝ่ายสบถเสียงดังอย่างหงุดหงิด ขณะที่ร่างอรชรรีบเผ่นลงจากเตียงวิ่งไปยังประตูห้องด้วยความรวดเร็ว ร่างสูงกำยำก้าวตามมา ทว่าเธอก็เปิดประตูได้พอดี กำลังจะพุ่งตัวออกไปอีกฝ่ายก็ดึงกลับมา แต่เธอทันได้สบตากับคนที่อยู่ห้องข้างๆ ที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง
‘คุณ...ช่วย...’
มาธาวีถูกฉุดกลับเข้าห้องอีกครั้ง แล้วเหวี่ยงลงบนพื้น
‘มานี่!’
คุณากรไม่รู้ว่ามีคนเห็นเธอแล้วเพราะเขาอยู่เพียงข้างใน ก่อนที่ชายหนุ่มจะดันประตูปิดร่างหนึ่งก็กระแทกกลับอย่างแรง ทำเอาร่างสูงกำยำถึงกับผงะเซถอยหลังเพราะถูกประตูหนาปะทะ
เมื่อมีบุคคลอื่นเข้ามามาธาวีก็รีบลุกขึ้นผวาจะไปขอความเช่วยเหลือ คุณากรคว้าแขนเธอเอาไว้อย่างแรง หญิงสาวจึงยื่นมือไปกดเปิดไฟแทน
‘ช่วยด้วยค่ะ’
ทันทีที่ไฟสว่างขึ้นพร้อมกับคำพูดของหญิงสาวคุณากรก็ตวาดเสียงดัง
‘อย่ามายุ่งเรื่องของชาวบ้านเขานะเว้ย!’
คนเมาหันมองผู้มาใหม่ตาขวางทันที แต่แล้วก็ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นชัดเจนว่าเป็นใคร หากก็ยังกระตุกแขนมาธาวีมาหาตัวเองทว่าหญิงสาวฝืนดึงดันเอาไว้
‘คุณปัฐช่วยสองด้วย’
‘คนที่ยุ่งเรื่องชาวบ้านมันนายมากกว่านะ’
ปัฐวิกรเสียงเข้มดุ เขาเดินเข้ามาจับมือข้างหนึ่งของหญิงสาว ขณะที่มองชายหนุ่มอายุน้อยกว่าด้วยความกรุ่นโกรธ แวบแรกที่เขาเห็นหน้ามาธาวีตรงหน้าห้องใจก็หล่นวูบเลยทีเดียว อีกฝ่ายผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าข้างหนึ่งแดงเป็นปื้น ปากแตก เหงื่อท่วมตัว แววตาตระหนกหวาดกลัวจับใจ นั่นทำให้เขาผลุนผลันพุ่งตัวมาที่ห้องนี้ก่อนประตูจะปิดลงเมื่อเห็นว่าร่างอรชรถูกดึงกลับเข้ามา
‘นายมาทำร้ายแฟนฉันถึงห้อง เตรียมตัวไปนอนในคุกได้เลย’
น้ำเสียงและสีหน้าปัฐวิกรดุดัน อารมณ์โกรธเดือดพล่าน เขาควักมือถือออกมากดโทรหาตำรวจทันที
คุณากรเริ่มหน้าเสียแต่ยังฝืนเถียงออกไปอย่างไม่เชื่อ
‘ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่แฟนสอง’
‘ใช่หรือไม่ใช่ฉันก็จะแจ้งความอยู่ดี’
คนอายุมากกว่ามองคนก่อเรื่องอย่างเอาเรื่อง เมื่อมีคนรับเขาก็เอ่ยทันที
‘สวัสดีครับ ผมขอแจ้งความ มีคนพยายามทำร้ายร่างกายผู้หญิงในโรงแรม...ที่ปราณฯ ห้อง ห้าศูนย์หกครับ รบกวนแจ้งสอนอใกล้เคียงให้ด้วยนะครับ’
‘เฮ้ย เอาจริงเหรอวะ’
คุณากรถึงกับปล่อยแขนหญิงสาวที่ตนดึงเอาไว้ทันที
ปัฐวิกรวางสายทั้งที่ยังมองชายหนุ่มอยู่อย่างไม่คลาดสายตา พร้อมกับตอบเสียงดุ
‘เออสิวะ ไอ้ลูกหมา’
‘เรียกใครลูกหมาวะ’
คนถูกน้ำเมาครอบงำฉุนขึ้นมาทันทีเมื่อถูกเรียกอย่างดูถูก พุ่งตัวเข้าหาเจ้าของร่างสูงใหญ่ ขณะที่ปัฐวิกรจัดการรั้งให้มาธาวีไปซ่อนอยู่ด้านหลังของเขาและขยับตัวเองตั้งมั่นอย่างพร้อมเผชิญหน้า แม้คุณากรกระโจนเข้าผลักอย่างแรงเขาก็เซเพียงเล็กน้อย ไม่ได้เสียหลักแต่อย่างใด
‘มาสิ ถ้าคิดว่าจะล้มฉันได้ ทำร้ายร่างกายนายก็แค่เสียค่าปรับ แต่คดีของนายมันละเรื่องกับฉัน’
คนตั้งใจจะเอาเรื่องชะงัก รู้สึกอับจนหนทางในทันใด ถ้าเรื่องถึงตำรวจจริงๆ เขาเดือดร้อนแน่ ไหนจะครอบครัวกับธุรกิจโรงแรมของที่บ้านอีก ชายหนุ่มเหลือบมองไปยังมาธาวีแต่เธอหลบตาเขา
‘สอง เราคุยกันได้นะ’
‘ไม่มีผู้หญิงที่ไหนอยากคุยกับคนที่จะปล้ำตัวเองหรอก’
ปัฐวิกรสวนขึ้นทำให้คนอายุน้อยกว่าเหลือบมองอย่างไม่พอใจ แต่ชายหนุ่มก็จ้องกลับไม่เกรงกลัว และเขาจะไม่ยอมลดราวาศอกเด็ดขาด
‘โธ่เว้ย!’
คุณากรสบถหัวเสียเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ และอยู่ต่อก็คงจะยิ่งมีปัญหา เขาต้องรีบไปหาพี่ชายเพื่อให้ช่วยหาทางหนีทีไล่จัดการกับเรื่องนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลาย
คิดแล้วร่างสูงกำยำก็พรวดพราดออกไปจากห้องอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน แม้แววตาแวบหนึ่งที่เหลือบมองมาธาวีจะรู้สึกผิดก็ตาม แต่เขาต้องเอาตัวรอดก่อน
ประตูปิดลงพร้อมกับร่างอรชรทรุดฮวบลงนั่งกับพื้น ยกมือสองข้างขึ้นปิดหน้า สะอึกสะอื้นจนตัวโยน
ปัฐวิกรมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสารและอึดอัดในใจอย่างบอกไม่ถูก ถ้าไม่ใช่เขาบังเอิญพักข้างห้องเธอแล้วกำลังจะเข้าห้องตอนนี้พอดีไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร เขาไม่อยากนึกถึงเลยจริงๆ
ร่างสูงใหญ่นั่งลงพร้อมวางมือลงบนไหล่บางที่สั่นเทาหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาพร้อมน้ำตานองหน้า หากก็เหมือนพยายามจะกลั้นสะอื้นเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
‘ก็เห็นปฏิเสธหมอนั่นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมันมาอยู่ห้องได้’
ชายหนุ่มถามแบบมีความเป็นผู้ใหญ่ดุเด็ก โดยไม่ได้เอ่ยปลอบแต่อย่างใด
‘เขา...เป็น...ลูกเจ้าของที่นี่ เอาคีย์การ์ดเปิดเข้ามาเอง’
คนตอบ ตอบพร้อมสะอึกสะอื้น
‘ให้ปากคำตำรวจได้ใช่ไหม จะเอาเรื่องมันหรือเปล่า’
คนที่ต้องตัดสินใจก้มหน้าลง เม้มปากเข้าหากันอย่างไม่สบายใจ เธอกับชายหนุ่มกำลังจะจบในอีกไม่กี่อาทิตย์ หากมีเรื่องเกิดขึ้นคุณากรก็คงหมดอนาคต หรือไม่อาจให้ที่บ้านช่วยให้รอดได้ แต่เธอนี่สิ เธอยังต้องเดินอยู่ในมหาวิทยาลัยพบปะผู้คน เธอคงไม่มีทางเดินสู้หน้าคนอื่นๆ ได้ หากเป็นไปได้มาธาวีอยากให้เรื่องนี้จบลงแบบไม่มีใครรู้ และเธอก็จะไม่ปล่อยให้คุณากรเข้าใกล้ได้อีกในช่วงไม่กี่อาทิตย์ที่เหลือ
‘ฉันไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ค่ะ’
พูดไปแล้วก็ต้องสะดุ้งนิดๆ เมื่อปัฐวิกรถึงกับสบถออกมา
=====
มาธาวีให้อธิปมารับตนเองเพราะเขายังไม่เคยไปบ้านของเธอ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อยืนส่งนักเรียนกลับบ้านอยู่หน้าโรงเรียนแล้วเห็นรถของกิตติกรมาจอด ซึ่งปัฐวิกรใช้รถของน้องชายเขา หญิงสาวหน้าซีดทันที ขณะที่กัญญานันทักพี่ชายเสียงใส“พี่ปัฐ”ร่างสูงใหญ่ของปัฐวิกรเข้ามากอดน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันนาน ส่วนมาธาวีก็จำต้องยกมือไหว้อีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะกระซิบบอกว่าไปรอข้างในเพราะน้องสาวกับเพื่อนยังส่งนักเรียนอยู่กับพนักงานต้อนรับรอไม่นานสองสาวก็กลับเข้ามาด้านในเพราะเหลือนักเรียนคนเดียวพนักงานสามารถดูแลได้ ส่งนักเรียนเรียบร้อยอีกฝ่ายก็กลับบ้านได้เลย“มารับสองไปบ้านเหรอคะ”กัญญานันเอ่ยถามพี่ชายทันที เธอรู้ว่าวันนี้พี่ชายจะไปบ้านเพื่อนตามคำชวนของพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงเพราะเขาเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ชายหนุ่มมาก็ทำงานที่คั่งค้างของกิตติกรเพิ่งจะมาหาเธอก็วันนี้“ครับ”มาธาวีกัดริมฝีปากล่างด้วยความลำบากใจ เหลือบมองนาฬิกาที่ผนังก็เห็นว่าเวลานี้อธิปเองก็คงเลิกงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มออกมาหรือยัง“เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำให้นะคะ”เธอพูดขึ้นพยายามจะเลี่ยงออกไปเพื่อโทรหาอธิป“ไม่เป็นไร ผมเอามาแล้วนี่ไง”ตาคู่กลมโตเหล
เป็นเช้าที่มาธาวีตื่นขึ้นมาอย่างไม่สดชื่นเอาเสียเลย ทั้งที่บ้านเธออยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อากาศสดชื่นเย็นสบาย ปกติมานอนที่บ้านเมื่อไรหญิงสาวจะลุกขึ้นไปยืนมองพระอาทิตย์ขึ้นหน้าระเบียงห้องนอนตอนเช้า ทว่าวันนี้แม้แสงแดดส่องผ่านกระจกที่ผ้าม่านเปิดแง้มเอาไว้เจ้าของร่างอรชรก็ไม่มีอารมณ์จะลุกขึ้นแต่อย่างใด ได้แต่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่อย่างนั้น กระทั่งได้ยินเสียงข้อความเข้ามาในมือถือจึงหยิบขึ้นมาดู‘พี่ปัฐบอกให้ส่งเบอร์เขาให้สองน่ะ แล้วเขาก็ขอเบอร์สองไปด้วย เห็นว่ารับปากพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงเอาไว้ตอนท่านชวนไปทานข้าวที่บ้าน เลยขอเบอร์สอง’เห็นข้อความของกัญญานันแล้วก็ได้แต่ทิ้งมือถือลงอย่างอ่อนแรง ไม่นึกอยากให้ปัฐวิกรมาที่บ้านของเธอเลยสักนิด สังหรณ์ในใจบอกเธอว่าเรื่องราวคู่หมั้นจอมปลอมจะไม่จบลงแค่ที่พี่สาวของเธอแม้แทบไม่อยากลุกจากเตียงนอนไปเผชิญหน้ากับมาลินีในเวลาอาหารเช้า แต่มาธาวีก็ต้องขยับตัวเพราะไม่อยากทำตัวให้ผิดปกติจนอีกฝ่ายหาเรื่องค่อนขอดได้อีก จึงลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายใจร่างโปร่งระหงในชุดข้าราชการเรียบร้อยเดินลงจากบันไดไปก่อน มาธาวีที่ก้าวออกมาเห็นอีกฝ่ายหยุดกึกรอให้
‘จะเอาให้ครางเอาอีกๆ ไม่หยุดเลย คอยดูสิ’‘ไอ้บ้าเอ๊ย!’มาธาวีตะโกนด่าเสียงดังอย่างรังเกียจสุดจิตสุดใจ ทั้งยังวาดมือใส่หน้าที่ซุกไซ้แก้มกับลำคอไม่หยุดสุดกำลังเท่าที่มือจะใช้แรงได้‘โอ๊ะ...’ได้ยินเสียงเข้มดังก่อนชายหนุ่มจะเข่นเขี้ยว‘ตบเหรอหา!’เพี้ยะ!!แรงกระทบหน้าหนักหน่วงทำเอามาธาวีถึงกับชาไปทั้งข้างแก้ม รู้สึกได้ถึงความเจ็บจี๊ดตรงมุมปาก เธอชะงักไปอึดใจหนึ่งเลยเดียว‘ไง หมดฤทธิ์แล้วสินะ’น้ำเสียงเยาะหยันอย่างพอใจก่อนคุณากรจะถอยออกไปถอดเสื้อของตัวเอง คงเพราะเห็นว่าเธอไม่กล้าแผลงฤทธิ์แล้ว นั่นทำให้มาธาวีรีบปัดป่ายมือควานหาของใกล้มือตรงโต๊ะหัวเตียงแล้วก็เจอไอแพดกับมือถือของตัวเอง เมื่อไม่มีทางเลือก เธอจึงหยิบมือถือปาใส่อีกฝ่าย‘โอ๊ย!’คุณากรสะดุ้ง มาธาวีรีบถอยกรูดให้ห่างอีกฝ่ายมากที่สุดทั้งยังถีบเขาไม่ยั้ง มือหนาคว้าขาเธอเอาไว้ คราวนี้หญิงสาวจึงเอาไอแพดปาใส่ซ้ำไปอีก‘โธ้เว้ย!’อีกฝ่ายสบถเสียงดังอย่างหงุดหงิด ขณะที่ร่างอรชรรีบเผ่นลงจากเตียงวิ่งไปยังประตูห้องด้วยความรวดเร็ว ร่างสูงกำยำก้าวตามมา ทว่าเธอก็เปิดประตูได้พอดี กำลังจะพุ่งตัวออกไปอีกฝ่ายก็ดึงกลับมา แต่เธอทันได้สบตากับคนที่อยู่ห้
น้ำร้อนๆ เอ่อขึ้นมาในดวงตาคู่กลมโต ความอึดอัดขัดใจแน่นอยู่ในอก มาธาวีรู้ว่าที่พี่สาวโวยวายเพราะกำลังเจ็บ ไม่ใช่เจ็บเพราะโกรธ แต่เจ็บที่โดนน้องอย่างเธอหักหลังมาลินีเป็นคนขี้บ่นจู้จี้จุกจิกอยู่แล้ว เธอโดนตำหนิบ่อยจนเคยชินแต่รู้ว่าที่พี่สาวมักจะเคือง ไม่พอใจ หรือบ่นเธอก็เพราะหวังดี พอมารู้ว่าถูกหลอกเรื่องผู้ชายก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะปรี๊ดขึ้นมาเธอรู้ว่าพี่สาวเสียใจกับความแห้วของตัวเองมาตั้งแต่ครั้งเปรมินทร์แล้ว แถมยังมีกิตติกรอีก แต่เพราะเป็นคนสวย เริด เชิด การศึกษาหน้าที่การงานดี มาลินีจึงมั่นใจในตัวเองว่าต้องมีคนที่ดีเหมาะสมเข้ามาในชีวิต การได้เจอปัฐวิกรในเวลาใกล้เคียงกับที่ต้องถอยห่างจากกิตติกร มาธาวีจึงไม่แปลกใจว่าหนุ่มมาดเนี้ยบหล่อโปรไฟล์หรูย่อมต้องเป็นเป้าหมายใหม่ของพี่สาวเธออย่างไม่ต้องสงสัยอีกฝ่ายหมายมั่นปั้นมือกับปัฐวิกรพอสมควร เพียงแค่ยังไม่มีเวลาได้ทำความรู้จักเพราะชายหนุ่มไม่ได้อยู่เชียงใหม่เท่านั้น นั่นทำให้คนเป็นน้องสะเทือนใจเมื่อได้ยินเสียงตัดพ้อสั่นเครือของพี่สาว จนสุดท้ายก็ต้องเอ่ยออกไปโดยไม่ได้หันไปมองด้วยไม่อาจฝืนทนเห็นอีกฝ่ายเสียใจได้ ทว่าน้ำเสียงก็เจือความสั่นไม่แพ้
“นี่หมายความว่า...”มาลินีพึมพำเสียงเบา แววตาและสีหน้ามองเขาอย่างว่างเปล่า“ใช่ครับ ผมกับสองคบกัน”ปัฐวิกรยืนยันซ้ำอีก เขาไม่อยากให้ความหวังกับมาลินีเพราะดูออกว่าหญิงสาวสนใจเขาเหมือนกับเพื่อนของเธอ“หนึ่งไม่เห็นรู้เลย”เธอถามออกไปอย่างอ่อนล้าราวกับคนพ่ายแพ้ หากน้องสาวตนเองเป็นคนพูด เธอยังเชื่อน้อยกว่าผู้ชายตรงหน้า เพราะไม่มีเหตุผลที่เขาต้องโกหกเธอ แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมเธอไม่เคยระแคะระคายมาก่อน ช่วงที่ชายหนุ่มมาในตอนมีปัญหาของกิตติกรครั้งก่อน น้องสาวของเธอกับปัฐวิกรก็แทบจะไม่คุยกันเลยแล้วทั้งสองคนไปคบหากันตอนไหน“ตั้งแต่สองไปงานแต่งนายกลางเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ครับ ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกันก็เถอะ สองเขายังไม่กล้าจริงจัง ก็เลยยังไม่ได้บอกใคร แต่ผมจริงจังเพราะอายุมากแล้ว”คำพูดของปัฐวิกรดูน่าเชื่อถือจนแม้แต่มาธาวีเองก็คงหลงเชื่อไปด้วย หากคนที่เขาเอามาอ้างไม่ใช่เธอเอง“เหรอคะ”มาลินีเหมือนจะถามแต่กลับพยักหน้าเบาๆ ราวกับยอมรับส่วนปัฐวิกรเหลือบไปยังหญิงสาวอีกคนที่ยืนนิ่งเงียบ แต่แววตาคู่กลมโตกลับมองเขาอย่างไม่พอใจ ริมฝีปากได้รูปสวยยกยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับก้าวเข้าไปหาเจ้าของร่างอรชรแบบบาง“อย่าม
‘ตาถูกชะตาคุณจังเลย อยากลองคบคุณ ได้ไหมคะ’สาวร่างอิ่มขยับขึ้นไปพูดใกล้ๆ ร่างสูงใหญ่โดยการเกาะไหล่เขาทั้งสองข้าง แล้วเขย่งตัวขึ้นนี่คือภาพที่มาลินีแอบตามเพื่อนที่ดึงปัฐวิกรออกมาแล้วเห็นเข้า เธอบอกอธิปว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ส่วนชายหนุ่มมีสายโทรศัพท์เข้ามาพอดีเขาจึงออกไปคุยด้านหน้า เพราะข้างในค่อนข้างเสียงดังแต่ถึงจะดังยังไง พรชิตาก็ไม่เห็นต้องขยับไปพูดใกล้ๆ ชายหนุ่มขนาดนั้น เพราะเธอยืนอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเลย หญิงสาวค่อนขอดเพื่อนตัวเองในใจ‘เราเพิ่งเจอกันเองนะครับ’ปัฐวิกรแย้ง แต่ก็ไม่ได้ผลักพรชิตาออก คิดว่าเขาคงไม่อยากเสียมารยาท เพราะแขนกำยำแนบข้างลำตัว ไม่โอบหรือกอดอีกฝ่ายแต่อย่างใด‘นั่นสิคะ ตาถึงได้บอกว่าถูกชะตา’พรชิตาถอยออกมาเงยหน้ามองชายหนุ่มไม่ห่างนัก ตาคู่สวยพราวหยาดเยิ้ม‘ผม...’‘อย่าบอกนะคะ ว่าคุณไม่ถูกใจตา ของแบบนี้ต้องลองก่อนสิคะ ถึงจะรู้’สาวสวยยิ้มอย่างขี้เล่นขณะพูดคนแอบฟังอย่างมาลินีได้ยินคำนี้ของเพื่อนยังถึงกับอึ้ง เธอไม่ค่อยแปลกใจหรอก เพราะรู้จักนิสัยกันดีอยู่ แต่พรชิตาเพิ่งเจอปัฐวิกรวันนี้เอง อ่อยหนักขนาดนี้หมายความว่าอยากให้เขากลับไปด้วยคืนนี้แน่ๆคิดมาถึงตรงนี้มาลินีก